วิธีการ ทำตัวให้หอมตลอดวัน

คุณอาจจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นราวกับดอกเดซีและพร้อมที่จะลุยภารกิจในแต่ละวันแล้ว แต่พอตกบ่ายเท่านั้นแหละ คุณอาจจะสังเกตได้ว่าความสดชื่นเริ่มจางหายไป แต่ไม่ต้องกังวล แค่ทำตามวิธีง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน คุณก็มั่นใจได้แล้วว่าคุณจะหอมสดชื่นตั้งแต่เช้าจรดเย็น! อาบน้ำฝักบัวหรือในอ่างอาบน้ำทุกวัน ใส่เสื้อผ้าที่สะอาดทุกวัน และทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกลายตอนกลางคืนแทนที่จะเป็นตอนเช้าเพื่อให้คุณหอมสดชื่นตลอดทั้งวัน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

รักษาสุขลักษณะส่วนตัว

ดาวน์โหลดบทความ

อาบน้ำฝักบัวหรือในอ่างอาบน้ำวันละ 1-2 ครั้ง. เพื่อให้กลิ่นตัวของคุณหอมสดชื่นให้ได้มากที่สุด คุณควรอาบน้ำฝักบัวหรือในอ่างอาบน้ำวันละ 1-2 ครั้ง วิธีนี้จะทำให้คุณได้กำจัดกลิ่นที่หมักหมมอยู่บนผิวหนังหรือเส้นผมตลอดช่วง 12 หรือ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ใช้น้ำอุ่นแทนที่จะเป็นน้ำร้อน และพยายามอาบน้ำฝักบัวไม่เกิน 15 นาทีเพื่อประหยัดน้ำ^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ขัดร่างกายให้ทั่วในตู้ฝักบัว. ใช้สบู่และผ้าขัดตัวทำความสะอาดร่างกายให้ทั่ว เน้นบริเวณหลังหู หลังคอ เท้า และจุดที่มีเหงื่อออกมาก เช่น รักแร้และต้นขาด้านในมากเป็นพิเศษ อย่าลืมล้างหน้าอก อวัยวะเพศ และด้านหลังด้วยเช่นกัน^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณมีผิวบอบบาง หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมอยู่มากหรือมีส่วนประกอบที่ต้านแบคทีเรีย
- อย่าใช้ใยบวบ เพราะมันคือแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย! ใช้ผ้าขัดตัวหรือแม้แต่มือก็ได้
3
สระผมเป็นประจำ. คุณต้องสระผมเป็นประจำเพราะเส้นผมจะดูดซับกลิ่นจากบรรยากาศรอบตัว นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นและฝุ่น จากนั้นล้างผมให้สะอาดหมดจดด้วยน้ำสะอาด และถ้าต้องการคุณก็สามารถชโลมครีมนวดผมทิ้งไว้สัก 2-3 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็น^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าผมของคุณแห้ง ให้สระผมวันเว้นเว้นเป็นอย่างมาก
- อย่าสระผมบ่อยเกินไป ไม่อย่างนั้นน้ำมันในผมจะถูกชะล้างออกมา สระผมสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็พอ
4
แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง. ในการรักษากลิ่นปากให้หอมสดชื่นนั้น ให้แปรงฟันตอนเช้าและตอนกลางคืนทุกวัน บีบยาสีฟันเล็กน้อยลงบนแปรงสีฟันและแปรงฟันในแนวขึ้นลงหรือวนเป็นวงกลมสั้นๆ อย่าลืมแปรงทุกด้านของฟันแต่ละซี่ให้สะอาดรวมถึงเหงือกและลิ้นด้วย ใช้เวลาแปรงฟันในแต่ละครั้งอย่างน้อย 2 นาที^{[4]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้Mayo Clinicไปที่แหล่งข้อมูล}
- เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทุก 3-4 เดือนเพื่อไม่ให้แบคทีเรียสะสมและป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบจากขนแปรงบาน
- อย่าลืมใช้ไหมขัดฟันทุกวันด้วยนะ!
5
ทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายและ/หรือผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อตอนกลางคืน. วิธีนี้อาจฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วคุณควรทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อตอนกลางคืนแทนที่จะเป็นตอนเช้า วิธีนี้จะทำให้ส่วนประกอบมีเวลาซึมเข้าไปในผิวหนัง และป้องกันไม่ให้ต่อมผลิตกลิ่นเหม็นและเหงื่อ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณสามารถอาบน้ำตอนเช้าได้โดยไม่ต้องกังวลว่าประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจะลดลงไหม เพราะว่ามันซึมเข้าไปแล้ว!
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

จัดการปัญหากลิ่นตัว

ดาวน์โหลดบทความ

1
สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดทุกวัน. เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันทั้งเสื้อและกางเกงขาสั้นหรือขายาว ชุดชั้นในทั้งหมด (เช่น กางเกงใน เสื้อชั้นใน และถุงเท้า) รวมถึงเสื้อผ้าอื่นๆ ที่สัมผัสกับผิวหนัง (เช่น เสื้อกล้าม เสื้อทับใน หรือชุดทับใน) เสื้อผ้าที่ซักแล้วจะทำให้คุณมีกลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าเท้าของคุณเหม็นหรือเหงื่อออกมาก คุณก็อาจจะเปลี่ยนถุงเท้าวันละหลายครั้ง
2
ซักเสื้อผ้าหลังใส่ในแต่ละครั้ง. คุณควรซักผ้าหลังจากใส่ในแต่ละครั้งเพื่อกำจัดกลิ่น น้ำยาซักผ้าที่ใช้ไม่จำเป็นต้องราคาแพง และไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมของน้ำหอมกลิ่นแรงเยอะๆ แต่ต้องกำจัดกลิ่นที่ฝังอยู่ในเสื้อผ้าและทำให้เสื้อผ้าของคุณหอมสดชื่น^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณสามารถใส่น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย (120 มล.) ลงในเครื่องซักผ้าระหว่างรอบล้างน้ำได้เพื่อกำจัดกลิ่นและเหงื่อไคล^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
ทำความสะอาดรองเท้าเป็นประจำ. รองเท้าจะเริ่มมีกลิ่นเหม็นได้ง่ายหากไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยๆ เนื่องจากการสะสมของเหงื่อไคลและแบคทีเรีย เมื่อรองเท้าเริ่มจะสกปรกมากเป็นพิเศษหรือมีกลิ่นเหม็น ให้ซักในเครื่องซักผ้าและตากแดดโดยตรงให้แห้ง ในช่วงที่ยังไม่ได้ซักให้ยัดกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ในรองเท้าข้ามคืนเพื่อกำจัดกลิ่น นอกจากนี้คุณยังสามารถใส่แผ่นอบผ้าไว้ในรองเท้าเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นได้ด้วย^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้ารองเท้าของคุณไม่สามารถซักได้ ให้ใช้สำลีก้อนจุ่มแอลกอฮอล์เพื่อเช็ดทำความสะอาดด้านในของรองเท้าและฆ่าแบคทีเรีย
- ถ้าเป็นไปได้ให้สลับใส่รองเท้าหลายๆ คู่ วันนึงใส่รองเท้าคู่นึง และวันถัดไปก็เปลี่ยนไปใส่อีกคู่นึงเพื่อให้รองเท้าได้ระบายอากาศและแห้ง
หลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องเทศ หอมหัวใหญ่ และกระเทียม. แม้ว่าอาหารจะดีกับร่างกายของคุณ แต่กลิ่นก็ระบายออกมาทางรูขุมขนและทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แอลกอฮอล์และเนื้อแดงก็อาจทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนไปได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นพยายามบริโภคอาหารเหล่านี้ให้น้อยลงด้วย และเปลี่ยนไปรับประทานผักและผลไม้สดแทน^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
การรักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น ซึ่งจะทำให้กลิ่นหอมจากโลชั่นหรือน้ำหอมติดผิวได้ดียิ่งขึ้นจริงๆ^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ผู้ชายควรดื่มน้ำวันละ 15 แก้วครึ่ง (4 ลิตร) ส่วนผู้หญิงควรดื่มวันละ 11 แก้วครึ่ง (3 ลิตร)^{[12]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้Mayo Clinicไปที่แหล่งข้อมูล}
หลังจากอาบน้ำคุณก็สามารถทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอมลงบนผิวได้ ถ้าคุณกะจะใช้น้ำหอมหรือโคโลญจ์ด้วย ต้องดูให้ดีว่ากลิ่นไปด้วยกันหรือเหมือนกันเพื่อไม่ให้กลิ่นตีกันหรือฉุนจนเกินไป ทาซ้ำได้ตามต้องการ เช่น หลังล้างมือ^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
7
ฉีดกลิ่นที่ชอบ. เวลาฉีดน้ำหอมหรือโคโลญจ์ให้หาจุดชีพจรในร่างกาย เช่น ข้อมือ หลังหู หลังเข่า และข้อศอกด้านใน วิธีนี้จะทำให้กลิ่นติดทนนานเนื่องจากความอุ่นของร่างกายและส่งกลิ่นหอมออกมาตลอดทั้งวัน^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณอยากได้กลิ่นบางเบา แค่ฉีดน้ำหอมหรือโคโลญจ์ในอากาศแล้วเดินใต้น้ำหอม
- อย่าถูน้ำหอมลงบนผิวหนัง เช่น ถูข้อมือเข้าหากันเพราะกลิ่นจะติดไม่ทน
โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

เพิ่มความสดชื่นตลอดทั้งวัน

ดาวน์โหลดบทความ

1
พกชุดอุปกรณ์ที่คุณอาจจำเป็นต้องใช้. หมากฝรั่ง ลูกอมรสมินต์ น้ำยาบ้วนปาก ทิชชูเปียก (ไว้เช็ดรักแร้หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย) ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โคโลญจ์หรือน้ำหอม สเปรย์ฉีดเท้า โลชั่นหอมๆ และเสื้อหรือถุงเท้าสำรองเป็นสิ่งที่ควรพกติดไว้ แค่โยนของเหล่านี้ใส่กระเป๋าใบเล็กแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ กระเป๋าเป้ หรือรถ^{[15]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เมื่อถึงคราวจำเป็น แค่หยิบชุดอุปกรณ์และขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อเติมความสดชื่น
วิธีนี้เป็นวิธีง่ายๆ และมีประสิทธิภาพที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า กลิ่นกายของคุณจะหอมตลอดทั้งวัน! ถ้าเสื้อหรือถุงเท้าของคุณมีเหงื่อหรือมีกลิ่นเหม็น ให้เปลี่ยนไปใส่ตัวหรือคู่ที่สะอาด เก็บเสื้อสกปรกไว้ในถุงพลาสติกซิปล็อกเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นไม่ออก คุณต้องนำเสื้อผ้าที่สกปรกกลับไปบ้านและซักทันที
ใช้หมากฝรั่ง ลูกอมรสมินต์ หรือน้ำยาบ้วนปากเพื่อให้ลมหายใจสดชื่น. ถ้าคุณตัดสินใจที่จะใช้น้ำยาบ้วนปาก ให้เลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ปากแห้ง และจริงๆ แล้วปากแห้งนั่นแหละที่ทำให้ปากเหม็น หมากฝรั่งหรือลูกอมรสมินต์แบบเคี้ยวหรือดูดได้จะช่วยกระตุ้นน้ำลายและลมหายใจสดชื่นหากคุณเลือกรสมินต์^{[16]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ถ้าคุณเพิ่งออกกำลังกายมา เหงื่อออกมาก หรือแค่ตัวเหม็น คุณก็สามารถทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นซ้ำได้ตลอดทั้งวัน ใช้ทิชชูเปียกหรือผ้าขัดตัวหมาดๆ ทำความสะอาดรักแร้ก่อน จากนั้นก็ใช้กระดาษทิชชูแบบนุ่มซับให้แห้ง แล้วทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายซ้ำ^{[17]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ถ้าน้ำหอมมักจะจางระหว่างวัน คุณอาจจะหาเวลาฉีดซ้ำ อย่าประโคมฉีดมากเกินไป แต่ฉีดลงบนข้อเท้าหรือข้อมือแล้วปล่อยให้ความร้อนในร่างกายกระจายกลิ่น^{[18]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

เคล็ดลับ

วางแผ่นอบผ้าหรือสบู่ก้อนใหม่ไว้ในลิ้นชักเพื่อให้เสื้อผ้าของคุณหอมสดชื่น
ถ้าคุณไปโรงเรียนและมีเรียนพละ อย่าลืมนำผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือน้ำหอมไปเก็บไว้ใต้โต๊ะเพื่อให้คุณสามารถเติมความสดชื่นได้หลังอาบน้ำ

โฆษณา