วิธีการ คำนวณหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาเคมี

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยาเคมีใดๆ ความร้อนถูกดูดจากสิ่งแวดล้อมหรือปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ การแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างปฏิกิริยาเคมีและสิ่งแวดล้อมเรียกว่าเอนทัลปีของปฏิกิริยาเคมี หรือ H อย่างไรก็ตาม H ไม่ใช่ค่าที่วัดออกมาโดยตรง นักวิทยาศาสตร์จึงใช้ค่าการเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิของปฏิกิริยาเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อหาค่าการเปลี่ยนแปลง เอนทัลปีเมื่อเวลาผ่านไป (แทนด้วย ∆H) นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าปฏิกิริยาหนึ่งปล่อยความร้อน (หรือเรียกว่าคายความร้อน) หรือรับความร้อน (หรือเรียกว่าดูดกลืนความร้อน) ได้โดยใช้ ∆H โดยปกติ ∆H = m x s x ∆T โดย m คือมวลของสารตั้งต้น s คือความร้อนจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และ ∆T คือค่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีนั้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้สูตรหาเอนทัลปี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รู้ว่าผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นของปฏิกิริยาคืออะไร....
    รู้ว่าผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นของปฏิกิริยาคืออะไร. ปฏิกิริยาเคมีใดๆ ประกอบด้วยสารเคมีสองประเภทคือผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์คือสารเคมีที่เกิดขึ้น จากปฏิกิริยานั้น ส่วนสารตั้งต้นคือสารเคมีที่ทำปฏิกิริยา รวม หรือสลาย เพื่อทำให้เกิดผลิตภัณฑ์นั้นขึ้นมา กล่าวให้ชัดเจนคือสารตั้งต้นเหมือนส่วนผสมต่างๆ ในตำราอาหาร ส่วนผลิตภัณฑ์เหมือนอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว เราต้องรู้ว่าผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นคืออะไรก่อนที่จะหา ∆H ของปฏิกิริยา
    • ตัวอย่างเช่น เราต้องการหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาการเกิดน้ำจากไฮโดรเจนและออกซิเจน: 2H2 (ไฮโดรเจน) + O2 (ออกซิเจน) → 2H2O (น้ำ) ในสมการนี้ H2 และ O2 คือสารตั้งต้น และ H2O คือผลิตภัณฑ์
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หามวลรวมของสารตั้งต้น.
    ต่อไปหามวลของสารตั้งต้น ถ้าไม่รู้ว่าสารตั้งต้นมีมวลเท่าไรและไม่สามารถชั่งด้วยเครื่องชั่งดิจิตอลได้ เราสามารถใช้มวลโมลาร์เพื่อหามวลตามจริงของสารตั้งต้นได้ มวลโมลาร์คือค่าคงตัวที่พบได้ในตารางธาตุมาตรฐาน (มีข้อมูลมวลโมลาร์ของแต่ละธาตุ) และแหล่งความรู้วิชาเคมีอื่นๆ (มีข้อมูลโมเลกุลและสารประกอบ) แค่นำมวลโมลาร์ของสารตั้งต้นแต่ละตัวมาคูณจำนวนโมลที่ใช้เพื่อหามวลของสารตั้งต้น
    • ในตัวอย่างที่ยกมาสารตั้งต้นของเราคือก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจน มีมวล 2 กรัมและ 32 กรัมตามลำดับ เนื่องจากเราใช้ไฮโดรเจน 2 โมล (ดูจากสัมประสิทธิ์ "2" ข้างหน้า H2) และออกซิเจน 1 โมล (ไม่มีสัมประสิทธิ์อยู่ข้างหน้า O2) เราจึงสามารถคำนวณหามวลรวมของสารตั้งต้นได้ดังนี้:
      2 × (2 กรัม) + 1 × (32g) = 4 กรัม + 32 กรัม= 36 กรัม
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาความร้อนจำเพาะของผลิตภัณฑ์.
    ต่อไปหาความร้อนจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เราวิเคราะห์อยู่ ธาตุทุกธาตุหรือโมลกุลทุกโมเลกุลมีค่าความร้อนจำเพาะที่สัมพันธ์กับธาตุหรือโมเลกุลนั้น ค่าเหล่านี้เป็นค่าคงตัวและโดยปกติอยู่ในแหล่งความรู้วิชาเคมี (ยกตัวอย่างเช่น ในตารางหลังหนังสือเรียนวิชาเคมี) มีหน่วยวัดความร้อนจำเพาะหลายหน่วย แต่สูตรของบทความนี้เราจะใช้หน่วยจูล/กรัม°C
    • จะสังเกตเห็นว่าถ้าสมการมีผลิตภัณฑ์หลายผลิตภัณฑ์ เราจะต้องคำนวณหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาองค์ประกอบที่ใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์แต่ละผลิตภัณฑ์ จากนั้นนำมาบวกกันเพื่อหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาทั้งหมด
    • ในตัวอย่างของเราผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายคือน้ำ โดยน้ำมีความร้อนจำเพาะประมาณ 4.2 จูล/กรัม °C
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หาผลต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยา....
    หาผลต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยา. ต่อไปเราจะหา ∆T ซึ่งก็คือค่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิก่อนเกิดปฏิกิริยาไปจนถึงหลังเกิดปฏิกิริยา นำอุณหภูมิเริ่มต้น (หรือ T1) ของปฏิกิริยาไปลบออกจากอุณหภูมิสุดท้าย (หรือ T2) เพื่อคำนวณหาค่านี้ ในการคำนวณทางเคมีโดยส่วนใหญ่จะใช้หน่วยเคลวิน(K) (ถึงแม้หน่วยองศาเซลเซียส (C) จะให้ผลลัพธ์เดียวกันก็ตาม)
    • ตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยามีอุณหภูมิ 185 เคลวินในตอนแรก แต่ลดลงเหลือ 95 เคลวินเมื่อทำปฏิกิริยาเสร็จแล้ว ในกรณีนี้เมื่อคำนวณหา ∆T ก็จะได้เป็น:
      ∆T = T2 – T1 = 95 เคลวิน – 185 เคลวิน = -90 เคลวิน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้สูตร ∆H = m x s x ∆T หาเอนทัลปี.
    พอเรารู้ค่า m หรือมวลของสารตั้งต้น s หรือความร้อนจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และ ∆T หรือค่าการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของปฏิกิริยา เราก็พร้อมที่จะหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาแล้ว แค่แทนค่าต่างๆ ลงไปในสูตร ∆H = m x s x ∆T แล้วคำนวณหาเอนทัลปีออกมา คำตอบที่ได้จะอยู่ในหน่วยพลังงานจูล (J)
    • ในตัวอย่างที่ยกมาเมื่อหาเอนทัลปีของปฏิกิริยา ก็จะได้เป็น:
      ∆H = (36 กรัม) × (4.2 จูล/กรัม °C) × (-90 องศาเคลวิน ) = -13,608 จูล
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ดูว่าปฏิกิริยาได้รับหรือเสียพลังงาน.
    เหตุผลหลักที่เราคำนวณหา ∆H ของปฏิกิริยาต่างๆ คือเพื่อดูว่าปฏิกิริยานั้นเป็นปฏิกิริยาแบบคายความร้อน (สูญเสียพลังงานและปล่อยความร้อนออกมา) หรือปฏิกิริยาแบบดูดกลืนความร้อน (ได้รับพลังงานและดูดความร้อน) ถ้าเครื่องหมายคำตอบสุดท้ายของ ∆H เป็นบวก ปฏิกิริยานั้นเป็นปฏิกิริยาแบบดูดกลืนความร้อน ในทางตรงกันข้ามถ้าเครื่องหมายนั้นเป็นลบ ปฏิกิริยานั้นเป็นปฏิกิริยาแบบคายความร้อน ยิ่งตัวเลขมากเท่าไร ปฏิกิริยานั้นก็จะยิ่งคายความร้อนหรือดูดความร้อนมากขึ้นเท่านั้น ให้ระวังปฏิกิริยาแบบคายความร้อน เพราะปฏิกิริยาแบบนี้บางครั้งอาจเป็นสัญญาณบอกถึงการปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลซึ่งก่อให้เกิดการระเบิดได้ หากปล่อยพลังงานออกมาอย่างรวดเร็วพอ
    • ในตัวอย่างของเราคำตอบสุดท้ายคือ -13,608 จูล เนื่องจากเครื่องหมายเป็นลบ ปฏิกิริยานี้จึงเป็นปฏิกิริยาแบบคายความร้อน คำตอบที่ได้ก็สมเหตุสมผล เพราะ H2 และ O2 คือก๊าซ ส่วน H2O ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คือของเหลว ก๊าซร้อน (ในรูปแบบของไอน้ำ) ต้องปล่อยพลังงานเข้าไปในสิ่งแวดล้อมในรูปแบบของความร้อนเพื่อจะได้เย็นลงไปสู่จุดที่สามารถเกิดน้ำซึ่งเป็นของเหลวได้ ฉะนั้นการเกิด H2O เป็นปฏิกิริยาแบบคายความร้อน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้พลังงานพันธะและเอนทัลปีของการเกิดหาเอนทัลปี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้พลังงานพันธะหาเอนทัลปี.
    ปฏิกิริยาเคมีเกือบทั้งหมดมีการสร้างหรือการสลายพันธะระหว่างอะตอม เนื่องจากในปฏิกิริยาเคมีพลังงานไม่อาจถูกสร้างหรือทำลายได้ ถ้าเรารู้ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สร้างหรือสลายพันธะซึ่งถูกสร้างขึ้น (หรือสลาย) ในปฏิกิริยา เราจะสามารถนำพลังงานพันธะเหล่านี้มาบวกกันเพื่อประมาณค่าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของปฏิกิริยาทั้งปฏิกิริยาได้อย่างแม่นยำมาก
    • ตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยาของเราคือ H2 + F2 → 2HF ในกรณีนี้ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สลายอะตอม H ในโมเลกุล H2 คือ 436 กิโลจูล/โมล ส่วนปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สลาย F2 คือ 158 กิโลจูล/โมล สุดท้ายนี้ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้สร้าง HF จาก H และ F คือ -568 กิโลจูล/โมล เรานำปริมาณพลังงานมาคูณ 2 เพราะผลิตภัณฑ์ในสมการคือ 2HFเมื่อนำมาคูณกัน ก็จะได้เป็น 2 × -568 = -1,136 กิโลจูล/โมล เมื่อนำมาบวกกันทั้งหมด ก็จะได้เป็น:
      436 + 158 + -1,136 = -542 กิโลจูล/โมล
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เอนทัลปีของการเกิดหาเอนทัลปี.
    เอนทัลปีของการเกิดกำหนด ∆H ให้เป็นค่าการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของปฏิกิริยาซึ่งใช้สร้างสารเคมีที่ให้มา ถ้าเรารู้เอนทัลปีของการเกิดที่ต้องใช้สร้างผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นในสมการ เราจะสามารถนำมาบวกกันเพื่อประมาณค่าเอนทัลปีได้ เหมือนกับที่เรานำพลังงานพันธะมาบวกกันอย่างที่ได้อธิบายไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้
    • ตัวอย่างเช่น เราจะหาเอนทัลปีของ C2H5OH + 3O2 → 2CO2 + 3H2O ในกรณีนี้เรารู้เอนทัลปีการเกิดของปฏิกิริยาดังนี้
      C2H5OH → 2C + 3H2 + 0.5O2 = 228 กิโลจูล/โมล
      2C + 2O2 → 2CO2 = -394 × 2 = -788 กิโลจูล/โมล
      3H2 + 1.5 O2 → 3H2O = -286 × 3 = -858 กิโลจูล/โมล
      เนื่องจากเราสามารถนำสมการเหล่านี้มารวมกันได้ เมื่อรวมกันแล้วก็จะได้เป็น C2H5OH + 3O2 → 2CO2 + 3H2O ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เราจะหาเอนทัลปี เราแค่นำเอนทัลปีของการเกิดปฏิกิริยาข้างต้นมาบวกกันเพื่อหาเอนทัลปีของปฏิกิริยานี้ดังนี้:
      228 + -788 + -858 = -1,418 กิโลจูล/โมล
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าลืมเปลี่ยนเครื่องหมาย เมื่อกลับสมการ.
    เมื่อใช้เอนทัลปีของการเกิดคำนวณหาเอนทัลปีของปฏิกิริยา เราต้องกลับเครื่องหมายเอนทัลปีของการเกิด เมื่อไรก็ตามที่เรากลับสมการของปฏิกิริยาที่เป็นองค์ประกอบ กล่าวให้ชัดเจนคือ ถ้าเราต้องกลับสมการของปฏิกิริยาการเกิดหนึ่งสมการขึ้นไปเพื่อให้ผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นทั้งหมดหักล้างอย่างถูกต้องเหมาะสม กลับเครื่องหมายเอนทัลปีของปฏิกิริยาการเกิดที่เราได้กลับสมการไป
    • ในตัวอย่างข้างต้นจะสังเกตเห็นว่าปฏิกิริยาการเกิดที่เราใช้ซึ่งก็คือ C2H5OH นั้นย้อนกลับ C2H5OH → 2C + 3H2 + 0.5O2 แสดงให้เห็นว่า C2H5OH สลายตัว ไม่ใช่สร้างขึ้น เพราะเรากลับสมการเพื่อให้ผลิตภัณฑ์และสารตั้งต้นทั้งหมดหักล้างอย่างถูกต้องเหมาะสม เรากลับเครื่องหมายของเอนทัลปีการเกิด ก็จะได้เป็น 228 กิโลจูล/โมล ในความเป็นจริงเอนทัลปีการเกิดของ C2H5OH คือ -228 กิโลจูล/โมล
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเอนทัลปีผ่านการทดลอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาภาชนะที่สะอาดและเทน้ำใส่ลงในภาชนะนั้น.
    เราจะลงมือทำการทดลองแบบง่ายๆ เพื่อจะได้เห็นหลักการของเอนทัลปี ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคภาชนะที่จะใช้ในการทดลอง ปฏิกิริยาจะได้เกิดขึ้นโดยไม่มีการปนเปื้อนสิ่งแปลกปลอม นักวิทยาศาสตร์ใช้ภาชนะบรรจุแบบปิดที่เรียกว่าแคลอริมิเตอร์วัดเอนทัลปี แต่เราก็สามารถใช้กระปุกแก้วหรือขวดรูปชมพู่แทนได้เพราะผลการทดลองที่ได้ก็ออกมาสมเหตุสมผลเช่นกัน เมื่อหาภาชนะที่เหมาะสมได้แล้ว เทน้ำประปาอุณหภูมิห้องที่สะอาดลงในภาชนะ เราจะทำการทดลองในบริเวณที่ร่มและเย็น
    • ในการทดลองนี้เราต้องการภาชนะที่เล็กพอสมควร เราจะทดสอบผลการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของยาอัลคา-เซลท์เซอร์ในน้ำ ฉะนั้นยิ่งใช้น้ำน้อย ก็จะยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ชัดเจน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 นำเทอร์มอมิเตอร์มาจุ่มลงในภาชนะ.
    นำเทอร์มอมิเตอร์มาจุ่มลงในภาชนะ ให้ปลายที่ใช้วัดค่าอุณหภูมิอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ อ่านอุณหภูมิของน้ำที่วัดได้ จุดประสงค์ของการวัดอุณหภูมิน้ำคือ เราจะให้อุณหภูมิของน้ำเป็น T1 หรืออุณหภูมิเริ่มต้นของปฏิกิริยา
    • สมมติเราวัดอุณหภูมิของน้ำได้ 10 องศาเซลเซียส ในอีกสองสามขั้นตอนถัดไปเราจะใช้ตัวอย่างอุณหภูมิที่วัดได้นี้แสดงให้เห็นหลักการของเอนทัลปี
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใส่ยาอัลคา-เซลท์เซอร์หนึ่งเม็ดลงในภาชนะ.
    เมื่อพร้อมที่จะทำการทดลองแล้ว ใส่ยาอัลคา-เซลท์เซอร์หนึ่งเม็ดลงไปในน้ำ เราจะเห็นทันทีเลยว่าน้ำเริ่มเกิดฟองฟู่ ขณะที่ยาละลายในน้ำ ยาจะสลายตัวเป็นสารไบคาร์บอเนต (HCO3-) และกรดซิตริค (ซึ่งทำปฏิกิริยาในรูปแบบไฮโดรเจนไอออนหรือ H+) สารเคมีเหล่านี้ทำปฏิกิริยากันเพื่อทำให้เกิดน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปฏิกิริยา 3HCO3 + 3H+ → 3H2O + 3CO2
  4. How.com.vn ไท: Step 4 วัดอุณหภูมิเมื่อสารทำปฏิกิริยาเสร็จสิ้น.
    เฝ้าสังเกตขณะปฏิกิริยาดำเนินไป ยาอัลคา-เซลท์เซอร์จะค่อยๆ ละลาย พอยาทำปฏิกิริยาเสร็จ (หรือดูเหมือนทำปฏิกิริยาช้าลงมาก) วัดอุณหภูมิอีกครั้ง น้ำควรจะเย็นกว่าตอนก่อนทำปฏิกิริยาเล็กน้อย ถ้าน้ำอุ่นขึ้น แสดงว่าการทดลองนี้อาจได้รับผลกระทบจากอิทธิพลภายนอก (ตัวอย่างเช่น ห้องที่ใช้ทำการทดลองอุ่นมาก)
    • กลับมาที่ตัวอย่างการทดลองของเรา หลังยาไม่ทำให้เกิดฟองฟู่แล้ว วัดอุณหภูมิของน้ำได้ 8 องศาเซลเซียส
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ดูเอนทัลปีของปฏิกิริยาว่าเป็นแบบคายหรือดูดกลืนความร้อน....
    ดูเอนทัลปีของปฏิกิริยาว่าเป็นแบบคายหรือดูดกลืนความร้อน. การทดลองควรจะเป็นไปดังนี้ เมื่อเราใส่ยาอัลคา-เซลท์เซอร์ลงไปในน้ำ ยาจะทำให้เกิดน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (เราจะสังเกตเห็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นฟองฟู่) และทำให้อุณหภูมิของน้ำลดลง จากข้อมูลนี้จะเห็นว่าปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาแบบดูดกลืนความร้อน เพราะดูดพลังงานจากสิ่งแวดล้อม สารตั้งต้นซึ่งเป็นของเหลวละลายอยู่ในน้ำต้องใช้พลังงานเพิ่มเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นก๊าซ ฉะนั้นจึงรับพลังงานในรูปแบบของความร้อนจากสิ่งแวดล้อม (ในกรณีนี้คือน้ำ) อุณหภูมิของน้ำก็เลยลดลง
    • ในตัวอย่างการทดลองของเราอุณหภูมิของน้ำลดลงสององศาหลังจากใส่ยาอัลคา-เซลท์เซอร์ลงไป สอดคล้องกับปฏิกิริยาแบบดูดกลืนความร้อน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การคำนวณหาเอนทัลปีของปฏิกิริยาเคมีจะใช้หน่วยเคลวิน(K) ซึ่งเป็นหน่วยวัดอุณหภูมิเหมือนหน่วยองศาเซลเซียส ถ้าต้องการแปลงหน่วยองศาเซลเซียสให้เป็นหน่วยเคลวิน แค่นำไปบวกกับ 273 ถ้าต้องการแปลงหน่วยเคลวินให้เป็นหน่วยองศาเซลเซียส นำ 273 มาลบออก แต่ในการคำนวณนี้เราจะใช้ K = °C + 273
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Chris Hasegawa, PhD
ร่วมเขียน โดย:
ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์เกษียณอายุและคณบดี
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Chris Hasegawa, PhD. ดร. คริส ฮาเซงาวะ เคยเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์และคณบดีที่ California State University Monterey Bay ดร. ฮาเซงาวะ เชี่ยวชาญในการสอนแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนให้กับนักเรียน เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาชีวเคมี ปริญญาโทสาขาการศึกษา และประกาศนียบัตรด้านการสอนจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านหลักสูตรและการสอนจากมหาวิทยาลัยโอเรกอน ก่อนที่จะเป็นศาสตราจารย์ ดร. ฮาเซงาวะ ได้ทำการวิจัยทางชีวเคมีด้านประสาทเภสัชวิทยาที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ เขายังเคยสอนวิทยาศาสตร์กายภาพและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต และดำรงตำแหน่งเป็นครูและผู้บริหารโรงเรียนของรัฐในแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และแอริโซนาอีกด้วย บทความนี้ถูกเข้าชม 15,580 ครั้ง
หมวดหมู่: เคมี
มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,580 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา