บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mark Spelman. มาร์ค สเปลแมนเป็นผู้รับเหมาทั่วไปในเท็กซัส เขาทำงานด้านก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1987
บทความนี้ถูกเข้าชม 49,576 ครั้ง
สำหรับห้องที่สลับซับซ้อนหรือมีซอกหลืบต่างๆ มากมาย การคิดหาพื้นที่ห้องคงเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้วมันง่ายมาก แค่คุณแบ่งห้องออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้สามารถคิดคำนวณได้ง่าย จากนั้นก็รวมพื้นที่ทุกส่วนเข้าด้วยกัน แค่นี้คุณก็จะได้พื้นที่ห้องทั้งหมดแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าการคิดคำนวณดังกล่าวมีวิธีทำอย่างไร ก็มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย
ขั้นตอน
- เคลียร์พื้นที่ตามแนวกำแพง. ในการคำนวณหาพื้นที่ห้อง คุณต้องวัดความยาวตามแนวกำแพงก่อน ดังนั้นขั้นตอนแรกคือเคลียร์สิ่งกีดขวางตามแนวกำแพงออกทั้งหมด โดยให้มีพื้นที่มากพอที่จะเข้าไปวัดความยาวได้
- เนื่องจากการวัดในบางจุดต้องใช้พื้นที่กลางห้องที่มีสิ่งของตั้งอยู่มากมาย ซึ่งคุณจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายมันออกไป หรือไม่ก็ต้องเอาออกจากห้องไปทั้งหมด ให้เหลือแต่ห้องโล่งๆ เพื่อให้สามารถวัดได้ทุกซอกทุกมุม แต่นี่ก็ดูมากเกินไป คุณคงไม่อยากทำขนาดนั้น ความจริงคุณไม่ต้องเอาข้าวของทั้งหมดออกมาก็ได้ เพียงแค่ย้ายไปย้ายมาในห้องก็พอ กล่าวคือถ้าจะใช้พื้นที่กลางห้อง ก็นำข้าวของที่อยู่ตรงนั้นไปวางชิดมุมใดมุมหนึ่งก่อน แล้วพอจะใช้พื้นที่มุมนั้น ก็ค่อยย้ายมันไปวางที่มุมอื่น หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เอาออกจากห้องเท่าที่จำเป็นก็ได้ เพื่อไม่ให้ลำบากเกินไป
- แบ่งห้องออกเป็นส่วนๆ โดยให้เป็นรูปเรขาคณิตแบบง่ายๆ. ถ้าห้องของคุณเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งเป็นส่วนๆ เพราะคิดคำนวณได้ไม่ยากอยู่แล้ว แต่ถ้าห้องของคุณมีรูปร่างที่สลับซับซ้อน ก็ให้แยกมันออกเป็นส่วนๆ โดยให้เป็นรูปเรขาคณิต เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส สามเหลี่ยม วงกลม ครึ่งวงกลม เป็นต้น เพื่อให้คิดคำนวณหาพื้นที่ได้ง่าย[1]
- วาดแผนผังของแต่ละส่วนออกมาถ้าจำเป็น. ถ้าคุณต้องการเห็นภาพของส่วนต่างๆ ที่แบ่งไว้ รวมถึงความยาวของด้านต่างๆ ของห้องแล้วล่ะก็ จัดการวาดแผนผังลงบนกระดาษได้เลย
- แต่ถ้าคุณสามารถจินตนาการภาพของส่วนต่างๆ ออกมาได้คร่าวๆ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนแผนผังอีกต่อไป แค่นำไม้เมตรมาวางไว้หรือใช้เทปกาวมาติดไว้ เพื่อให้รู้ว่าขอบเขตของพื้นที่แต่ละส่วนอยู่ตรงไหนก็พอ
- วัดความกว้างความยาว เสร็จแล้ววัดซ้ำอีกครั้ง. วัดความยาวตามขอบของพื้นที่ที่ได้แบ่งไว้ ซึ่งแต่ละส่วนจะประกอบด้วยขอบตามกำแพงและขอบของเทปที่ติดแสดงอาณาเขตของแต่ละส่วน การที่เราวัดความยาวตามขอบของแต่ละส่วน แทนที่จะวัดตามขอบกำแพงห้องทั้งหมดทีเดียว ก็เพื่อให้ง่ายต่อการคิดคำนวณ
- หลังจากทำการวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณกลับไปวัดใหม่อีกครั้ง เพื่อเช็คว่าความยาวที่วัดได้นั้นถูกต้อง ขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณได้ตรวจสอบและแก้ไข ถ้าการวัดในครั้งแรกเกิดความคลาดเคลื่อน
- เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ เมื่อได้ความยาวของด้านต่างๆ มาแล้ว ควรปัดเศษโดยให้ค่าที่ได้อยู่ในรูปของจำนวนเต็มหรือครึ่งของจำนวนเต็ม เช่น ปัดให้เป็น 1 ฟุต หรือ 0.5 ฟุต
- คำนวณพื้นที่ของแต่ละส่วน. ใช้สูตรในการหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิตต่างๆ ทั้งสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส วงกลม ครึ่งวงกลม ฯลฯ ในการหาพื้นที่ของแต่ละส่วน[2]
- คำนวณหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้สูตร A = L × W (ยาวคูณกว้าง)
- คำนวณหาพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมโดยใช้สูตร A = ½ × B × H (½ คูณฐานคูณสูง)
- คำนวณหาพื้นที่ของรูปวงกลมโดยใช้สูตร A = π × r2 (π คูณรัศมียกกำลังสอง)
- คำนวณหาพื้นที่ของรูปครึ่งวงกลมโดยใช้สูตร A = ½ × π × r2 (½ คูณ π คูณรัศมียกกำลังสอง)
- รวมพื้นที่ของแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน. เมื่อคุณได้พื้นที่ของส่วนต่างๆ มาแล้ว ก็แค่นำมันมารวมกัน เพื่อหาพื้นที่ทั้งหมดของห้อง เห็นไหมว่าไม่ยากเลยโฆษณา
- หาความยาวกับความกว้าง. จากที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสามารถคำนวณได้จากสูตร A = L × W ดังนั้นคุณต้องหาความยาวและความกว้างของส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยอาจจะใช้สายวัดหรือไม้เมตรวัดก็ได้ เพื่อนำมาแทนค่าในสูตรดังกล่าว
- ปัดค่าที่ได้ให้อยู่ในรูปของจำนวนเต็มหรือครึ่งของจำนวนเต็ม เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ
- นำความยาวกับความกว้างมาคูณกัน. เมื่อคุณหาความยาวกับความกว้างมาได้แล้ว ก็แค่นำมันมาคูณกัน เพื่อหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- ตัวอย่าง: ถ้าให้ส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว 12 ฟุต กว้าง 10 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- A = L × W = 12 × 10 = 120 ตารางฟุต
- ตัวอย่าง: ถ้าให้ส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว 12 ฟุต กว้าง 10 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- คำนวณหาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เหลือ. ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้มีส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสอีก ก็ให้วัดความยาวกับความกว้างแล้วนำมันมาคูณกัน เหมือนขั้นตอนที่ผ่านมา
- นำพื้นที่ในแต่ละส่วนมารวมกัน. เมื่อเราได้พื้นที่ของสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสในแต่ละส่วนแล้ว ก็นำพื้นที่ทั้งหมดมารวมกัน แค่นี้คุณก็จะได้ขนาดของพื้นที่ห้องแล้ว
- แต่ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้ประกอบด้วยรูปอื่นนอกเหนือจากรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอีก ก็ให้เก็บผลรวมของพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้ แล้วค่อยนำไปรวมกับพื้นที่ส่วนอื่นของห้อง เพื่อหาพื้นที่ห้องทั้งหมด
โฆษณา
- หาความยาวฐานกับความสูง. จากที่กล่าวมาแล้ว พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมสามารถคำนวณได้จากสูตร A = ½ × B × H ดังนั้นคุณต้องหาความยาวฐานและความสูงของส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยอาจจะใช้สายวัดหรือไม้เมตรวัดก็ได้ เพื่อนำมาแทนค่าในสูตรดังกล่าว
- ปัดค่าที่ได้ให้อยู่ในรูปของจำนวนเต็มหรือครึ่งของจำนวนเต็ม เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ
- นำความยาวฐานกับความสูงมาคูณกัน. เมื่อคุณหาความยาวฐานกับความสูงมาได้แล้ว ก็นำมันมาคูณกันตามสูตร
- ตัวอย่าง: ถ้าให้ส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมมีฐานยาว 10 ฟุต สูง 9 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- A = ½ × B × H
- B × H = 10 × 9 = 90
- ตัวอย่าง: ถ้าให้ส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมมีฐานยาว 10 ฟุต สูง 9 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- นำผลลัพธ์ที่ได้มาคูณด้วย ½. เมื่อได้ผลคูณระหว่างความยาวฐานกับความสูงแล้ว ก็นำมันมาคูณด้วย ½ เพื่อหาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยม
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่แล้วเราได้ผลคูณระหว่างความยาวฐานกับความสูงเท่ากับ 90 ก็นำตัวเลขนั้นมาคำนวณต่อในสมการ โดยการคูณด้วย ½ ดังนี้
- A = ½ × B × H = ½ × 90 = 45 ตารางฟุต
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่แล้วเราได้ผลคูณระหว่างความยาวฐานกับความสูงเท่ากับ 90 ก็นำตัวเลขนั้นมาคำนวณต่อในสมการ โดยการคูณด้วย ½ ดังนี้
- คำนวณพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เหลือ. ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้มีส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมอีก ก็ให้วัดความยาวฐานกับความสูงแล้วนำมันมาคูณกัน จากนั้นคูณด้วย ½ เพื่อหาพื้นที่เหมือนขั้นตอนที่ผ่านมา
- นำพื้นที่ในแต่ละส่วนมารวมกัน. เมื่อเราได้พื้นที่ของสามเหลี่ยมในแต่ละส่วนแล้ว ก็นำพื้นที่ทั้งหมดมารวมกัน แค่นี้คุณก็จะได้ขนาดของพื้นที่ห้องแล้ว
- แต่ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้ประกอบด้วยรูปอื่นนอกเหนือจากรูปสามเหลี่ยมอีก ก็ให้เก็บผลรวมของพื้นที่สามเหลี่ยมไว้ แล้วค่อยนำไปรวมกับพื้นที่ส่วนอื่นของห้อง เพื่อหาพื้นที่ห้องทั้งหมด
โฆษณา
- หาความยาวของรัศมี. จากที่กล่าวมาแล้ว พื้นที่ของรูปวงกลมสามารถคำนวณได้จากสูตร A = π × r2 ส่วนพื้นที่ของรูปครึ่งวงกลมก็สามารถคำนวณได้จากสูตร A = ½ × π × r2 ดังนั้นคุณต้องหาความยาวรัศมีของส่วนที่เป็นรูปวงกลมหรือครึ่งวงกลม โดยอาจจะใช้สายวัดหรือไม้เมตรวัดก็ได้ เพื่อนำมาแทนค่าในสูตรดังกล่าว
- ปัดค่าที่ได้ให้อยู่ในรูปของจำนวนเต็มหรือครึ่งของจำนวนเต็ม เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ
- นำความยาวของรัศมีมายกกำลังสอง. เมื่อคุณหาความยาวของรัศมีมาได้แล้ว ก็แค่นำมันมายกกำลังสอง หรือนำค่านั้นมาคูณกับตัวมันเอง
- ตัวอย่าง: ถ้าให้รัศมีของวงกลมยาว 5.5 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- A = π × r2
- r2 = 5.5 × 5.5 = 30.25
- ตัวอย่าง: ถ้าให้รัศมีของวงกลมยาว 5.5 ฟุต ก็นำตัวเลขนั้นมาแทนค่าในสูตร แล้วคำนวณดังนี้
- นำผลลัพธ์ที่ได้มาคูณด้วย π. เมื่อเราได้ค่ารัศมียกกำลังสองแล้ว ก็นำมันมาคูณด้วย π หรือ 3.14 เพื่อหาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปวงกลม
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่ผ่านมา เมื่อเราได้ค่ารัศมียกกำลังสองเท่ากับ 30.25 ก็นำมันมาคูณด้วย 3.14 ดังนี้
- A = π × r2 = 3.14 × 30.25 = 95 ตารางฟุต
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่ผ่านมา เมื่อเราได้ค่ารัศมียกกำลังสองเท่ากับ 30.25 ก็นำมันมาคูณด้วย 3.14 ดังนี้
- ถ้าต้องการหาพื้นที่ครึ่งวงกลม ก็ให้นำผลลัพธ์ที่ได้มาหารด้วย 2. ถ้ารูปร่างของส่วนที่แบ่งไว้เป็นรูปครึ่งวงกลม คุณต้องนำผลลัพธ์ที่ได้จากการหาพื้นที่วงกลมมาหารด้วย 2 หรือคูณด้วย ½ เพื่อที่จะได้พื้นที่ของรูปครึ่งวงกลม
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่แล้ว เราได้พื้นที่ของวงกลมเท่ากับ 95 ก็นำตัวเลขนั้นมาหารด้วย 2 ดังนี้
- A = ½ × π × r2 = ½ × 95 = 47.5 ตารางฟุต
- ตัวอย่าง: จากขั้นตอนที่แล้ว เราได้พื้นที่ของวงกลมเท่ากับ 95 ก็นำตัวเลขนั้นมาหารด้วย 2 ดังนี้
- คำนวณพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปวงกลมหรือครึ่งวงกลมที่เหลือ. ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้มีส่วนที่เป็นรูปวงกลมอีก ก็ให้วัดความยาวของรัศมีแล้วนำมายกกำลังสอง จากนั้นคูณด้วย π หรือ 3.14 แต่ถ้าเป็นรูปครึ่งวงกลม ก็ให้นำผลลัพธ์ที่ได้มาหารด้วย 2 เพื่อหาพื้นที่เหมือนขั้นตอนที่ผ่านมา
- นำพื้นที่ในแต่ละส่วนมารวมกัน. เมื่อเราได้พื้นที่ของวงกลมหรือครึ่งวงกลมในแต่ละส่วนแล้ว ก็นำพื้นที่ทั้งหมดมารวมกัน แค่นี้คุณก็จะได้ขนาดของพื้นที่ห้องแล้ว
- แต่ถ้าพื้นที่ที่คุณแบ่งไว้ประกอบด้วยรูปอื่นนอกเหนือจากรูปวงกลมหรือรูปครึ่งวงกลมอีก ก็ให้เก็บผลรวมของพื้นที่วงกลมหรือครึ่งวงกลมไว้ แล้วค่อยนำไปรวมกับพื้นที่ส่วนอื่นของห้อง เพื่อหาพื้นที่ห้องทั้งหมด
โฆษณา
- แบ่งห้องออกเป็นส่วนๆ โดยให้เป็นรูปเรขาคณิตที่คำนวณได้ง่าย. จากนั้นวัดความยาวตามขอบของแต่ละส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ สมมติว่าเราแบ่งห้องที่ต้องการหาพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ส่วน รูปสามเหลี่ยม 2 ส่วน และครึ่งวงกลม 1 ส่วน
- โดยส่วนที่มีพื้นที่มากที่สุดของห้องคือส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งด้านบนและด้านขวาติดกับส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก ซึ่งต่อขยายออกไปโดยมีผนังกั้น ส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเชื่อมกับส่วนที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงด้านขวา ซึ่งประกอบด้วยสามเหลี่ยมขนาดใหญ่และสามเหลี่ยมขนาดเล็กอยู่ตรงด้านบน สุดท้ายส่วนที่เป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่ตรงกลางด้านล่างของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ยาว 12 ฟุต กว้าง 10 ฟุต
- รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กที่อยู่ด้านบน ยาว 12 ฟุต กว้าง 2 ฟุต
- รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กที่อยู่ด้านขวา ยาว 10 ฟุต กว้าง 3 ฟุต
- รูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ฐานยาว 10 ฟุต สูง 9 ฟุต
- รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ฐานยาว 5 ฟุต สูง 7.5 ฟุต
- รูปครึ่งวงกลม รัศมียาว 5.5 ฟุต
- หาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสามรูป. โดยนำความยาวกับความกว้างมาคูณกัน เพื่อหาพื้นที่ของสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ละรูป
- พื้นที่ส่วนที่ 1 = 12 × 10 = 120 ตารางฟุต
- พื้นที่ส่วนที่ 2 = 12 × 2 = 24 ตารางฟุต
- พื้นที่ส่วนที่ 3 = 10 × 3 = 30 ตารางฟุต
- หาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูป. โดยนำความยาวฐานกับความสูงมาคูณกัน แล้วคูณด้วย ½ เพื่อหาพื้นที่ของสามเหลี่ยมแต่ละรูป
- พื้นที่ส่วนที่ 4 =½ × 10 × 9 = ½ × 90 = 45 ตารางฟุต
- พื้นที่ส่วนที่ 5 = ½ × 5 × 7.5 = ½ × 37.5 = 18.75 ตารางฟุต
- หาพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปครึ่งวงกลม. โดยนำความยาวของรัศมีมายกกำลังสองแล้วคูณด้วย π หรือ 3.14 จากนั้นคูณด้วย ½ เพื่อหาพื้นที่ของครึ่งวงกลม
- พื้นที่ส่วนที่ 6 = ½ × π × 5.5 × 5.5 = ½ × 3.14 × 30.25 = ½ × 95 (ปัดเศษจาก 94.985) = 47.5 ตารางฟุต
- รวมพื้นที่ในแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อหาพื้นที่ทั้งหมดของห้อง. รวมพื้นที่ของส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสามรูป รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูป และรูปครึ่งวงกลมอีกหนึ่งรูปเข้าด้วยกัน แค่นี้คุณก็จะได้พื้นที่ทั้งหมดของห้องแล้ว
- พื้นที่ทั้งหมดของห้อง = 120 + 24 + 30 + 45 + 18.75 + 47.5 = 285.25 ตารางฟุต
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- เทปกาว (ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
- สายวัดหรือไม้เมตร
- เครื่องคิดเลข
- ดินสอ
- กระดาษ
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.