ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ปัญหาเรื่องเสียง (Volume) ถือเป็นปัญหายอดนิยมของ Windows ปกติถ้าเป็น Windows XP กับ Windows 7 จะแก้ได้ง่ายๆ แค่ปรับ settings หรือลงการ์ดเสียงซะใหม่ ถ้าใจเย็นหน่อย ค่อยๆ ปรับแก้กันไป บอกเลยว่าแค่ปัญหาเรื่องเสียงน่ะแก้เองได้ ไม่ต้องถึงมือช่าง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

แก้ปัญหาเสียงหาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 แก้ด้วยโปรแกรมของ Windows.
    คอมระบบ Windows จะมี troubleshooter หรือโปรแกรมสำหรับแก้ปัญหาเรื่องเสียงติดมาอยู่แล้ว ให้คลิกแถบ "Start" ทางด้านซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วคลิก "Control Panel" ใน control panel ให้คลิก "Troubleshooting" จากนั้นคลิก "Hardware and Sound" ต่อมาเลือก "Troubleshoot audio playback" คอมจะถามคำถามไปเรื่อยๆ สำหรับตรวจสอบปัญหาเรื่องเสียง ถ้าปัญหาไม่ร้ายแรงมาก แค่โปรแกรมของ Windows เองก็แก้ได้แล้ว[1]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เช็คการ์ดเสียง.
    sound card หรือการ์ดเสียง เป็นอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งใน Windows ก่อน ถึงจะเปิดเสียงในคอมได้ ถ้าเสียงไม่ออก ให้เช็คว่าอุปกรณ์มีการ์ดจอหรือยัง ติดตั้งถูกต้องแล้วไหม
    • หาแถบค้นหา ทางขวาล่างของหน้าจอ แล้วพิมพ์ "Device Manager" ลงไป Device Manager จะเปิดขึ้นมา ใช้เช็คการ์ดเสียงได้เลย[2]
    • ต่อมาให้คลิก "Sound, video and game controllers" ถ้าการ์ดเสียงโผล่ขึ้นมา แสดงว่าติดตั้งเรียบร้อย และปัญหาเรื่องเสียงเกิดเพราะสาเหตุอื่น แต่ถ้าไม่เจอการ์ดเสียง ต้องไปซื้อมาติดตั้งก่อน คู่มือหรือเว็บผู้ผลิตอุปกรณ์จะแนะนำไว้เอง ว่าต้องใช้แบบไหน ยังไง[3]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เช็คสายต่างๆ.
    สำรวจว่าสายเสียบลำโพง หูฟัง ไมโครโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ต่อกับคอมหรือแล็ปท็อปแน่นหนาดีหรือยัง ถ้าใช้คอมไปนานๆ ขั้วเสียบก็หลุดหรือหลวมบ้างเป็นปกติ ถ้าเช็คแล้วเจอขั้วเสียบหลุด/หลวม ก็นั่นแหละสาเหตุที่ทำเสียงไม่ออก ให้ดึงออกแล้วเสียบใหม่ให้แน่นหนา จากนั้นเช็คอีกทีว่าคอมเปิดเสียงได้หรือยัง[4]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เช็คระดับเสียง.
    เป็นไปได้ว่าคุณปรับ volume ไว้ต่ำเกิน หรือปิดอยู่ จนได้ยินอู้อี้หรือไม่ชัด
    • ให้คลิกแถบค้นหาที่มุมขวาล่างของหน้าจอ แล้วพิมพ์ "Adjust speaker volume" ลงไป จากนั้นแตะไอคอนที่โผล่ขึ้นมา แล้วเลื่อนแถบเพิ่มเสียง เช็คว่าได้ยินชัดเจนดีหรือยัง[5]
    • อาจจะต้องเช็ค volume control หรือตัวปรับเสียงของหลายๆ อุปกรณ์ อย่าง Windows Media Player ก็มี volume control ของตัวเอง ลำโพงที่เอามาเสียบคอมก็เหมือนกัน กระทั่งบางเว็บอย่าง YouTube ก็มีระบบควบคุมเสียงเป็นของตัวเอง เพราะงั้นต้องเช็คทุกจุดให้ละเอียด ว่าอุปกรณ์ไหนปิดเสียง (mute) หรือหรี่เสียงไว้หรือเปล่า[6]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เช็คอัพเดท.
    บางการ์ดจอก็ใช้กับระบบ Windows ไม่ได้ แบบนี้ถ้าติดตั้งอัพเดทต่างๆ ที่จำเป็น ก็น่าจะช่วยได้ คุณอัพเดทการ์ดจอได้หลายวิธี เช่น
    • ใช้ Windows Update ที่เป็นฟีเจอร์สำหรับอัพเดทโปรแกรมของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแก้ไข error และ bug โดยเฉพาะ ถือเป็นวิธีติดตั้งอัพเดทใหม่ที่สะดวกที่สุด โดยคลิก "Install updates" ตอนที่ขึ้น หรือเช็คอัพเดทเอง โดยเข้า Windows Update จาก control panel เท่านี้การ์ดจอของคุณก็จะอัพเดท น่าจะหมดปัญหาเรื่องเสียงไปได้[7]
    • ในบางกรณี อาจจะต้องติดตั้งไดรฟ์เวอร์หรือการ์ดเสียงเอง ถ้าคุณใช้อุปกรณ์คนละยี่ห้อกับคอม หรือไม่ใช่ยี่ห้อดังๆ ก็มักจะต้องติดตั้งและอัพเดทเอง ลองเข้าเว็บยี่ห้อการ์ดจอที่ใช้ดู น่าจะมีขั้นตอนการติดตั้งโดยละเอียด[8]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เช็คว่าเปิดเสียงผ่านอุปกรณ์ไหน.
    ถ้าเสียงไม่ออก เป็นไปได้ว่าเสียงออกผิดอุปกรณ์ เช่น ถ้าในคอมตั้งไว้ให้เสียงออกหูฟัง ก็แน่นอนว่าลำโพงที่เสียบไว้ต้องเงียบกริบ ให้คุณเช็ค output device โดยคลิก "start" แล้วพิมพ์ "sound" ในแถบค้นหา
    • คลิก tab "Playback" ว่าตอนนี้ playback device ไหนถูกเลือกไว้ในคอม ถ้าไม่ตรงกับอุปกรณ์ที่คุณจะใช้ฟังเสียง แสดงว่านั่นแหละสาเหตุที่เสียงไม่ออก[9]
    • เลือกอุปกรณ์ที่จะใช้เป็น playback device เท่านี้เสียงก็มา[10]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แก้ปัญหาระดับเสียง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 แก้ปัญหาเสียงแตก อู้อี้.
    บางทีเสียงออก แต่แตกหรืออู้อี้ ฟังไม่รู้เรื่องซะงั้น คุณแก้ปัญหาได้หลายวีธีด้วยกัน
    • ขั้นแรกให้เช็คลำโพง ว่าเสียบกับคอมแน่นหนาดีแล้ว ถ้าขั้วเสียบหลวม ก็ส่งผลถึงเสียงได้[11]
    • เช็คว่าเสียบลำโพงไว้ตรงไหน ที่หลังเคสคอมจะเห็นรูเสียบเยอะแยะไปหมด ถ้าเสียบลำโพงผิดรู ก็ทำเสียงแตกได้เหมือนกัน ให้ลองสลับรูเสียบดู แล้วเช็คว่าคุณภาพเสียงดีขึ้นหรือยัง[12]
    • ถ้าเครื่องมีลำโพงในตัว ไม่จำเป็นต้องใช้ลำโพงแยกก็ได้ ให้ลองปิดการใช้งานลำโพงแยก แล้วใช้ระบบเสียงที่มากับคอม เป็นไปได้ว่าลำโพงที่เอามาเสียบอาจจะคุณภาพไม่ดีพอ หรือใช้งานกับคอมหรือแล็ปท็อปคุณได้ไม่ค่อยดี[13]
    • เช็คว่าสายที่ใช้เสียบอยู่ในสภาพดี เพราะสายที่ชำรุดก็ทำให้เสียงแตกได้ ต้องรีบเปลี่ยน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เช็คก่อนว่าการ์ดเสียงใช้กับ Windows ได้.
    บางทีการ์ดเสียงก็ใช้กับ Windows เวอร์ชั่นของคุณไม่ได้ ให้เข้าเว็บ Windows Compatibility Center จะเห็นรายชื่อโปรแกรมและอุปกรณ์ต่างๆ ยาวเป็นหางว่าว รวมถึงเวอร์ชั่น Windows ที่ใช้กับการ์ดเสียงนั้นได้ ถ้าเช็คแล้วการ์ดเสียงไม่เข้ากัน ก็คงต้องหาซื้อรุ่นอื่นมาแทน ถ้าอยากเช็คว่าติดตั้งการ์ดจอเรียบร้อยแล้วหรือยัง ให้เข้า Device Manager[14]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทำให้ Windows สแกนเจอการ์ดเสียง.
    บางที Windows ก็สแกนแล้วหาการ์ดเสียงไม่เจอ คุณแก้ error นี้ได้หลายวิธีด้วยกัน
    • เข้า control panel ไปใช้ Windows Update อัพเดทการ์ดเสียง ปกติ Windows Update จะอัพเดทโปรแกรมอาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว แต่จะเช็คอัพเดทใหม่เองก็ได้ โดยค้นหา "Windows Update" ใน control panel ถ้ามีขึ้นเตือนให้ดาวน์โหลดและติดตั้งอัพเดทใหม่ แสดงว่าที่มีปัญหาเสียงเพราะยังไม่ได้อัพเดทนี่แหละ
    • ติดตั้งโปรแกรมจากเว็บหรือแผ่นที่ต้องใช้กับไดรฟ์เวอร์ด้วย เพราะบางการ์ดเสียงก็ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมก่อน ถึงจะใช้งานได้[15]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 แก้ปัญหาเสียงของอุปกรณ์ที่เสียบเพิ่มเติม.
    ถ้าเสียบไมโครโฟน ลำโพง หรือระบบเสียงอื่นๆ กับคอมแล้วเสียงไม่ออก ปัญหาอาจเกิดจากรูสำหรับเสียบสาย ปกติคอมและแล็ปท็อปส่วนใหญ่ให้คุณเสียบอุปกรณ์เสียงได้หลายรู ถ้าเสียบผิดรูจะส่งผลถึงคุณภาพเสียงได้ เพราะงั้นให้ลองสลับรูเสียบดู แต่ถ้าไม่ได้ผล ให้เช็คว่ารูเสียบนั้นถูก mute หรือปิดเสียงไว้หรือเปล่า
    • วิธีเช็คว่ารูเสียบนั้นถูก mute ไว้หรือเปล่า ให้คลิก tab "Start" ที่มุมซ้ายล่างของคอม แล้วคลิก control panel จากนั้นพิมพ์ "sound" ถ้าจะเช็คไมโครโฟนก็ให้คลิก "microphone" แต่ถ้าจะเช็ครูเสียบอื่น ให้คลิก "line in" หรือ "line out" โดยรูเสียบ line-in จะสีน้ำเงิน ส่วนรูเสียบ line-out จะสีเขียว
    • จากนั้นให้คลิก tab levels จะเห็นปุ่มเล็กๆ ที่มีรูปโทรโข่ง ถ้ามีกากบาทสีแดงทับอยู่ แสดงว่าปิดเสียงไว้ (muted) ให้คลิกที่ปุ่มเพื่อเปิดเสียงกลับมาตามเดิม[16]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เอาไอคอน Volume หรือ Sound กลับมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้า sounds and audio devices ใน control panel.
    บางทีคุณอาจซ่อนไอคอน volume หรือ sound ในหน้า desktop ไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ควบคุมหรือปรับเสียงได้ยาก ถ้าใช้ Windows XP ก็เข้าไปเช็คอุปกรณ์นั้นได้ที่ control panel
    • คลิกเมนู "Start" ทางด้านล่างของหน้าจอ จากนั้นคลิก control panel[17]
    • คลิกไอคอนที่เขียนว่า "Sounds and Auto Devices"[18]
  2. Step 2 ติ๊กช่อง "Place volume icon in the task bar".
    พอคลิก "Sounds and Devices" แล้วจะมีหน้าจอโผล่มา ให้คลิก tab "volume" ที่ด้านบนของหน้าจอ แล้วติ๊กช่อง "Place volume icon in the task bar" เท่านี้ไอคอน volume ก็จะกลับมา[19]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ปรับแต่ง task bar.
    ถ้าใช้ Windows 7 จะมี task bar พร้อมไอคอนสามเหลี่ยมเล็กๆ คุณเข้าไปปรับ settings ต่างๆ และปรับ volume ได้ แต่ถ้าอยากดู volume setting แยก ให้ปรับแต่ง task bar ซะก่อน โดยเริ่มจากคลิกขวาที่ไอคอนสามเหลี่ยม แล้วคลิก "properties"[20]
    • จะมีหน้าต่างใหม่ชื่อ "Taskbar and Start Menu Properties" โผล่มา ให้คลิกไอคอน "customize" ในหน้าต่างนี้[21]
    • ในหน้าจอถัดมา จะเห็นตัวเลือกต่างๆ เต็มไปหมด และมีเมนูที่เลื่อนลงมาได้ ข้างคำว่า "volume" ให้คุณสลับ "volume" ไปที่ on เท่านี้ไอคอน volume ก็จะโผล่มาที่หน้า desktop[22]
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 45,688 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,688 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา