ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 119,273 ครั้ง
คอมพิวเตอร์ Windows ในเครื่องจะมีโปรแกรมอัดเสียงให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว ชื่อ Voice Recorder (Windows 10) หรือ Sound Recorder (Windows 8 and 11) แทน ซึ่งคุณสามารถอัดเสียงพูดหรือเสียงร้องผ่านทางไมค์ทั้งข้างนอกหรือไมโครโฟนในตัว ถ้าอยากควบคุมการอัดมากกว่านี้ สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมอย่าง Audacity วิกิฮาวบทนี้จะบอกวิธีการบันทึกเสียงในคอมพิวเตอร์ Windows 8, 10, หรือ 11
สิ่งที่คุณควรรู้
- ให้แน่ใจว่ามีไมโครโฟนแบบในตัวหรือแยกชิ้น ถ้าไม่มีคือบันทึกเสียงไม่ได้
- เปิดแอป "Voice Recorder" คลิกไอคอนรูปไมโครโฟนเพื่อเริ่มบันทึกเสียง
- คลิกไอคอน stop เมื่อเสร็จสิ้น คุณจะพบไฟล์เสียงที่อัดอยู่ใน "Documents" → "Sound recordings"
ขั้นตอน
เตรียมไมโครโฟน. แล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมีไมโครโฟนในตัว ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์ อาจต้องต่อไมโครโฟนหรือเฮดเซ็ตที่มีไมโครโฟน
เปิดแอป Sound Recorder. คลิก Start แล้วพิมพ์ "sound recorder" เพื่อหามัน
เลือกไมโครโฟน. คลิกไอคอนรูปไมโครโฟนทางมุมล่างซ้ายแล้วเลือกไมโครโฟนที่จะใช้- หากไมโครโฟนนั้นถูกตั้งเป็นค่าเบื้องต้นอยู่แล้ว ข้ามขั้นตอนนี้ได้เลย
เลือกรูปแบบการบันทึกเสียง. ค่าเบื้องต้นจะตั้งไว้ในรูปแบบ .m4a ถ้าจะเปลี่ยน คลิกไอคอนสามจุดทางมุมขวาล่างแล้วคลิก Settings- ใต้ Recording format, เลือก .mp3, .wma, .flac, หรือ .wav
- คลิกลูกศรทางมุมบนซ้ายเพื่อกลับไปยัง Sound Recorder
คลิกปุ่มบันทึกเสียงเพื่อเริ่ม. คุณอาจถูกถามการอนุญาตใช้ไมโครโฟน
ร้องหรือพูดสิ่งที่ต้องการบันทึก. จะเห็นกราฟเส้นเสียงขณะพูด- ถ้าจะหยุดบันทึกชั่วคราว คลิกปุ่ม pause (สองขีดแนวตั้ง) สามารถหยุดชั่วคราวได้หลายครั้งบนไฟล์เดียวกัน
- จะมาร์คเครื่องหมายในตำแหน่งที่จะมาหาได้ง่ายในภายหลังนั้น คลิกไอคอน Mark ทางมุมขวาล่าง
คลิกปุ่มหยุดเมื่อเสร็จสิ้น. เป็นวงกลมสีแดงที่มีสี่เหลี่ยมอยู่ข้างใน- ไฟล์เสียงที่บันทึกไว้จะขึ้นมาบนแผงด้านซ้าย
คลิกปุ่ม play เพื่อฟัง. เป็นไอคอนที่มีสามเหลี่ยมอยู่ในวงกลมทางด้านขวาของเวลาบันทึกเสียง เสียงจะออกมาทางลำโพงหรือหูฟัง
จัดการกับไฟล์เสียง. เมื่อบันทึกเสียงต่อใน Voice Recorder, ไฟล์ทั้งหมดจะขึ้นมาทางแผงด้านซ้าย คุณสามารถคลิกขวาไฟล์เหล่านี้เพื่อเข้าสู่การปรับแต่ง เช่น การจะ Share, Delete, Rename, หรือ Open file location- ทางที่ดีควรเปลี่ยนชื่อไฟล์หลังบันทึกเสียงเพื่อที่จะมีชื่อไม่ซ้ำ ทำให้การค้นหาเจอได้ง่ายในภายหลัง
- ถ้าอยากจะ import ไฟล์เสียง ให้คลิก + Import file ทางมุมซ้ายบนแล้วเลือกไฟล์จากคอมพิวเตอร์
โฆษณา
เตรียมไมโครโฟน. แล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมีไมโครโฟนในตัว ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์ อาจต้องต่อไมโครโฟนหรือเฮดเซ็ตที่มีไมโครโฟน- ต่อไมโครโฟน หรือคลิกสองครั้งถ้ามีอยู่แล้วในเครื่อง
- ถ้าไม่มีไมโครโฟน คุณจะใช้แอป Voice Recorder ไม่ได้ ต้องหาซื้อมาก่อน
เปิด Voice Recorder. Voice Recorder เป็นโปรแกรมอัดเสียงพื้นฐานที่ติดมากับคอมพิวเตอร์ Windows 10 ทุกเครื่อง เวลาจะเปิดโปรแกรม ให้ไปที่เมนู Start หรือพิมพ์ voice recorder ในแถบค้นหาของ Windows
คลิกไอคอนไมโครโฟนเพื่อเริ่มอัดเสียง. ที่เป็นปุ่มกลมๆ ใหญ่ๆ ทางด้านล่างของกรอบซ้ายมือ- หรือกด Control + R ที่คีย์บอร์ด เพื่อเริ่มอัดเสียงก็ได้
- ร้องเพลงหรือพูดข้อความที่ต้องการอัดเสียง. ตอนอัดเสียง เวลาจะเดิน ทางด้านบนของหน้าต่าง
- ถ้าจะ pause หรือหยุดอัดเสียงชั่วคราว ให้คลิกปุ่ม pause (ไอคอนเส้นตั้ง 2 เส้น) จะ pause และเลิก pause กลับมาอัดเสียงต่อกี่ครั้งก็ได้ในไฟล์เดียวกัน
- ถ้าอยากทำเครื่องหมายไว้ระหว่างอัดเสียง ให้กลับมาหาเจอง่ายๆ ก็คลิกไอคอนรูปธงได้เลย
คลิกปุ่ม stop เมื่ออัดเสียงเสร็จ. เป็นปุ่มวงกลมใหญ่ๆ ที่มีสี่เหลี่ยมข้างใน- ไฟล์เสียงที่อัดแล้ว จะเซฟลงโฟลเดอร์ Sound recordings ในโฟลเดอร์ Documents
คลิกปุ่ม play เพื่อเปิดฟัง. ไอคอนจะเป็นวงกลมใหญ่ๆ มีสามเหลี่ยม อยู่ตรงกลางกรอบทางขวา เสียงจะออกมาทางลำโพงหรือหูฟัง แล้วแต่ตั้งค่าไว้- ถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ลองเพิ่มเสียงของคอมดูก่อน และเช็คว่าเปิดลำโพงที่เสียบต่อไว้แล้ว
trim หรือตัดบางส่วนของเสียงที่อัดไว้ (ไม่บังคับ). คลิกไอคอน Trim (ไอคอนที่ 2 จากซ้าย) เพื่อตัดเสียงที่ไม่ต้องการต้นคลิปหรือท้ายคลิปออกไป ให้เลื่อนแถบเลื่อนเพื่อเก็บเสียงส่วนที่ต้องการไว้ แล้วคลิกไอคอนรูปแผ่นดิสก์เพื่อเซฟได้เลย- ตอนเซฟไฟล์เสียงที่ trim แล้ว จะมีให้เลือกว่าจะเซฟทับไฟล์ต้นฉบับ หรือเซฟสำเนาเป็นไฟล์ใหม่ ก็เลือกตามความต้องการได้เลย
จัดการไฟล์เสียงที่อัดไว้. หลังจากนี้พออัดเสียงเพิ่มใน Voice Recorder ไฟล์ใหม่จะโผล่มาในกรอบทางซ้าย ก็คลิกขวาไฟล์ที่ต้องการ แล้วเข้าไปปรับ settings อื่นๆ ได้เลย เช่น Share (แชร์ไฟล์), Rename (เปลี่ยนชื่อไฟล์), Delete (ลบไฟล์) และ Open file location (เปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์)- แนะนำให้เปลี่ยนชื่อไฟล์หลังอัดเสียงเป็นชื่อเฉพาะ จะได้ไม่ซ้ำไฟล์อื่น แถมหาง่ายเมื่อต้องการใช้ในภายหลัง
โฆษณา
เปิด Sound Recorder. ง่ายสุดคือเปิดหน้า Start พิมพ์ sound recorder ในแถบค้นหา แล้วคลิก Sound Recorder ในผลการค้นหา- ถ้าเพิ่งเคยใช้แอพนี้ครั้งแรก ให้ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ เพื่ออนุญาตให้แอพเข้าถึงและใช้งานไมโครโฟนในคอมได้
คลิกไอคอนไมโครโฟนสีแดง เพื่อเริ่มอัดเสียง. ไอคอนจะเป็นวงกลมสีแดง มีไมโครโฟนข้างใน พอคลิกไอคอนแล้ว เวลาจะเริ่มเดินที่ด้านบนของหน้าต่าง
ร้องเพลง เริ่มพูด หรืออัดเสียงอะไรที่ต้องการ. แถบสีเขียวจะขยับไปมา บอกให้รู้ว่ากำลังอัดเสียงอยู่- ถ้าจะ pause คือหยุดอัดเสียงชั่วคราว ให้คลิกปุ่ม pause (ไอคอนเส้นตั้ง 2 เส้น) จะ pause และเลิก pause กลับมาอัดเสียงต่อกี่ครั้งก็ได้ในไฟล์เดียวกัน
- ถ้าให้ Sound Recorder ทำงานในเบื้องหลัง แล้วเปลี่ยนไปใช้งานโปรแกรมอื่นระหว่างอัดเสียง จะเป็นการ pause อัตโนมัติ จนกว่าจะกลับมาเปิดหน้าต่างของโปรแกรมที่ด้านหน้าสุด[1] แต่จะเปิดหน้าต่าง Sound Recorder ไว้ข้างหน้าต่างของโปรแกรมอื่น แล้วใช้งานไปพร้อมกันก็ได้
คลิกปุ่ม Stop เพื่อเลิกอัดเสียง. ไอคอนจะเป็นวงกลมใหญ่ๆ สีแดง มีสี่เหลี่ยมข้างใน คลิกแล้วไฟล์จะถูกเซฟและโผล่มา (จะเห็นไฟล์อื่นๆ ที่เคยอัดเสียงไว้ก่อนหน้าด้วย) ในรายชื่อไฟล์
คลิกปุ่ม play เพื่อเปิดฟัง. ไอคอนจะเป็นวงกลมใหญ่ๆ มีสามเหลี่ยมข้างใน อยู่ตรงกลางกรอบทางขวา เสียงจะออกมาทางลำโพงหรือหูฟัง แล้วแต่ตั้งค่าไว้- ถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ลองเพิ่มเสียงของคอมดูก่อน และเช็คว่าเปิดลำโพงที่เสียบต่อไว้แล้ว
- ถ้าจะไม่เอาไฟล์นี้ ก็ลบได้โดยคลิกตัวเลือก Delete ข้างใต้
trim หรือตัดบางส่วนของเสียงที่อัดไว้ (ไม่บังคับ). คลิก Trim (ไอคอนกลมๆ อันแรกล่างไฟล์) เพื่อตัดเสียงที่ไม่ต้องการต้นคลิปหรือท้ายคลิปออกไป ให้เลื่อนแถบเลื่อนเพื่อเก็บเสียงส่วนที่ต้องการไว้ แล้วคลิกไอคอนรูปแผ่นดิสก์เพื่อเซฟได้เลย- ตอนเซฟไฟล์เสียงที่ trim แล้ว จะมีให้เลือกว่าจะเซฟทับไฟล์ต้นฉบับ หรือเซฟสำเนาเป็นไฟล์ใหม่ ก็เลือกตามความต้องการได้เลย
เปลี่ยนชื่อไฟล์. โดยคลิกชื่อปัจจุบันของไฟล์ คลิกปุ่ม Rename ทางด้านล่าง แล้วพิมพ์ชื่อใหม่ที่จำง่าย ไม่ซ้ำไฟล์อื่น จะช่วยให้ไฟล์ใน Sound Recorder เป็นระเบียบโฆษณา
เลือกโปรแกรมอัดเสียงอื่นที่ใช้ดี เชื่อถือได้ และตรงตามความต้องการ. เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมอัดเสียงให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หลายโปรแกรมก็พัฒนาโดยค่ายดัง งานดีมีคุณภาพ ย้ำว่าต้องดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บใหญ่ รู้จักกันแพร่หลาย และอ่านรีวิวเยอะๆ ก่อนเลือกใช้ เลือกดาวน์โหลด
ปรับคีย์และความเร็วของเสียงตามต้องการ. โปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาเพิ่มเติมเอง ไม่ได้ติดมากับระบบปฏิบัติการ มักปรับแต่งตัวเลือกการอัดเสียงได้เยอะกว่า อาจจะปรับให้เสียงช้าลง จะได้ได้ยินคำพูดชัดๆ หรือเพิ่มคีย์ให้สูงขึ้น จะได้เสียงฮาๆ เหมือนตัวการ์ตูนก็ได้
อัดเสียงให้มีคุณภาพ. ถ้าเป็นโปรแกรมดีๆ ก็จะอัดเสียงออกมาคุณภาพสูง แต่คุณภาพของไมโครโฟนที่ใช้ก็ต้องดีตามกัน โดยเฉพาะคนที่อัดเสียงและตัดต่อเป็นประจำ หรือเป็นมืออาชีพ
พัฒนาเสียงร้องไปอีกขั้น. ใครอยากเป็นนักร้อง การอัดเพลงของตัวเองไปเผยแพร่ตามช่องทางต่างๆ ให้คนอื่นได้ฟังกัน ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ จะใช้โปรแกรมอัดเสียงฟรี อัดเสียงในสักห้องของบ้านตัวเอง แล้วปรับแต่งให้ฟังดูโปรขึ้นก็ยังได้!โฆษณา
เคล็ดลับ
- ไมโครโฟน USB และ audio interface (ตัวแปลงสัญญาณ) เป็น 2 อุปกรณ์จำเป็นที่มีไว้แล้วคุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉพาะถ้าอยากส่งและรับสัญญาณเสียงกับคอมได้สะดวก เดี๋ยวนี้ไมโครโฟน USB ที่เสียงดีๆ ก็มีเยอะไป
โฆษณา
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 119,273 ครั้ง
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 119,273 ครั้ง
หมวดหมู่: ระบบปฏิบัติการวินโดวส์
มีการเข้าถึงหน้านี้ 119,273 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
