วิธีการ แก้ปัญหาผิวแตกลาย

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ใช้วิธีรักษาทั่วไป

ลองรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ถ้าคุณเหนื่อยใจกับปัญหาผิวแตกลาย (Stretch mark) คุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวแน่นอน คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงต้องเจอกับปัญหาผิวแตกลายไปทั้งชีวิต โดยผิวแตกลายเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงขนาดร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น การตั้งครรภ์ ช่วงที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงตั้งครรภ์กว่า 90% จะมีปัญหาผิวแตกลายบริเวณหน้าท้อง สะโพก และต้นขา ที่โชคร้ายก็คือปัญหาเหล่านี้สามารถส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ ถ้าแม่ของคุณมีปัญหาผิวแตกลาย คุณก็อาจจะมีปัญหาด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถลบรอยแตกลายได้อย่างหมดจด แต่คุณก็อาจจะหาวิธีรักษาทั่วไปหรือใช้วิธีทางการแพทย์ในการช่วยลดรอยแตกลายให้จางลงได้

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ใช้วิธีรักษาทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ลองใช้ครีมที่มีกรดเรติโนอิก (Retinoic acid). ครีมที่มีส่วนผสมของกรดเรติโนอิกช่วยบรรเทาปัญหาผิวแตกลายได้ อย่างไรก็ตาม ครีมประเภทนี้จะแก้ปัญหาได้ดีกับรอยแตกลายที่เพิ่งเกิดใหม่ๆ โดยจะช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยลดรอยแตกลายให้จางลงได้

   • อย่าใช้ครีมประเภทนี้หากคุณอยู่ในช่วงให้นมลูกหรือตั้งครรภ์ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กได้
   • คุณอาจจะต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ในการซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น Retin-A Ronova หรือ Avita
2. 
   2
   ลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก (Glycolic acid) และกรดแอสคอบิก (Ascorbic acid). ครีมที่มีส่วนผสมสองอย่างนี้จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและช่วยให้รอยแตกลายจางลงได้ โดยทั่วไปแล้ว ครีมประเภทนี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนจึงจะเห็นผล
3. 3
   ใช้ครีมผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของกรดกรดไตรคลอโรอะซีติค (Trichloroacetic acid). สารผลัดเซลล์ผิวจะช่วยให้รอยแตกลายจางลง โดยจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาประเภทอื่น เช่น ใช้ร่วมกับการกรอผิวด้วยการพ่นผลึกแร่ (Microdermabrasion)
4. 
   4
   ลดรอยแตกลายด้วยวิตามินอี (Vitamin E). การใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของวิตามินอีทุกวันจะช่วยลดรอยแตกลายได้ แม้ว่าจะไม่สามารถลบรอยแตกลายให้หายไปเลย แต่ก็ช่วยให้ผิวของคุณดูดีขึ้น
5. 5
   ใช้เชียร์บัตเตอร์ (Shea butter). ทางเลือกในการแก้ปัญหาผิวแตกลายอีกทางก็คือใช้เชียร์บัตเตอร์ ซึ่งช่วยเรื่องผิวแตกลายได้ในบางคน เพราะมีคุณสมบัติลดการอักเสบ และให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างมาก ให้ลองใช้เชียร์บัตเตอร์สดๆ หรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของเชียร์บัตเตอร์ทาบริเวณที่มีปัญหาดู
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

ลองรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ลองทำเลเซอร์พีดีแอล (Pulsed dye laser; PDL) เพื่อให้ผิวยืดหยุ่นดีขึ้น. การรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดนี้ หรือที่เรียกว่า Vascular laser treatment สามารถช่วยลดรอยแตกลายได้ และยังช่วยเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

   • ค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 7,500 บาทต่อการรักษา 1 รอบ คุณอาจจะต้องรักษาด้วยวิธีนี้ 3-6 รอบเพื่อให้เห็นผลที่น่าพึงพอใจ การรักษาประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่คุณควรจะหลีกเลี่ยงแสงแดดสักพักหนึ่ง
2. 
   2
   ลองปรึกษาแพทย์เรื่องการทำแฟรคชันนัลเลเซอร์ (Fractional laser) เพื่อทำให้รอยแตกลายกลืนไปกับผิว. การรักษาด้วยวิธีแฟรคชันนัลเลเซอร์เป็นการรักษารอยแตกลายเล็กๆ โดยตัวเลเซอร์จะจับบริเวณขอบของรอยแตกลาย แล้วทำให้ผิวบริเวณนั้นนุ่มนวลขึ้น และช่วยปรับสภาพผิวบริเวณนั้น ทำให้รอยแตกลายดูเล็กลงได้

   • การรักษารูปแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 4,500 – 120,000 บาท และคุณอาจจะต้องรักษาด้วยวิธีนี้หลายครั้ง นอกจากนี้คุณยังต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 2-3 วันหลังจากวันที่รักษา
3. 3
   ฉีดเกล็ดเลือด (Platelet-rich plasma) เข้าบริเวณที่มีรอยแตกลายทุกประเภท. ด้วยเทคนิคนี้ แพทย์จะใช้เลือดของคุณเองในการรักษา โดยจะนำของเหลวในเลือด (Plasma) ออกมาแล้วฉีดบริเวณที่มีรอยแตกลาย ของเหลวในเลือดจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวและเร่งการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง

   • วิธีนี้มีค่ารักษาเริ่มต้นที่ 18,000 บาท คุณอาจจะรู้สึกเจ็บบริเวณที่รักษาประมาณ 2-3 วัน แต่ก็หายได้ค่อนข้างรวดเร็ว
4. 4
   ลองเข้ารับการกรอผิวด้วยการพ่นผลึกแร่ (Microdermabrasion) เพื่อรักษาผิวแตกลายทุกประเภท. การกรอผิวด้วยการพ่นผลึกแร่คือการขัดบริเวณที่มีรอยแตกลายด้วยผงผลึกแร่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการขัดผิวด้วยกระดาษทราย แต่จะมีความนุ่มนวลมากกว่า การทำแบบนี้จะช่วยลบรอยแตกลายได้บางส่วน

   • การรักษาลักษณะนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,500 บาท คุณอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับต้องใช้เวลาพักฟื้น
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นเมื่อคุณขาดน้ำ
• ให้ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้ผิวของคุณได้รับสารอาหารที่เพียงพอในการซ่อมแซมตัวเอง
• คุณอาจจะไม่ต้องรักษาเลยก็ได้ เพราะรอยแตกลายจะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาถ้าคุณอดทนรอได้

โฆษณา

คำเตือน

• การรักษาส่วนใหญ่ได้ผลค่อนข้างดีในระดับหนึ่งเท่านั้น อย่าคาดหวังว่ารอยแตกลายจะหายไปหมดสิ้น เพราะรอยแตกลายเป็นเหมือนแผลเป็นที่เป็นสิ่งถาวร

โฆษณา