ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 12 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้ถูกเข้าชม 10,118 ครั้ง
ถ้าคุณวิตกกังวลว่าคุณกำลังควบคุมคนอื่นมากเกินไป มีโอกาสเป็นไปได้ว่าคุณคาดหวังให้ทุกคนและทุกเหตุการณ์ในชีวิตของคุณเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณจะรู้สึกหงุดหงิดง่ายเวลาคนสำคัญ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานของคุณไม่ทำตัวตามที่คุณต้องการ หรือเวลาเข้าประชุม งานเลี้ยง หรือบ่ายวันอาทิตย์บางวันก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ถ้าคุณมีความกระตือรือร้นที่จะจัดการทุกรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบและเป็นไปอย่างที่คุณต้องการจะให้เป็น ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องผ่อนคลาย ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว และยอมรับว่าคุณไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง และเมื่อคุณทำอย่างนั้นได้ คุณจะพบว่าตัวเองรู้สึกพอใจเวลาเลิกบงการมากกว่าตอนที่กำลังควบคุมอยู่ ลองอ่านขั้นตอนเหล่านี้เพื่อนำไปสู่การเป็นคนควบคุมคนอื่นให้น้อยลง
ขั้นตอน
เลิกเป็นคนยึดติดความสมบูรณ์แบบ. สาเหตุหนึ่งที่คุณอาจเป็นคนชอบควบคุมเพราะคุณมีความต้องการที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ คุณอาจจะไม่ยอมให้ใครมาหาที่บ้านถ้าบ้านคุณยังไม่สะอาดเอี่ยมอ่อง คุณอาจใช้เวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมงอ่านรายงานเพื่อหาคำพิมพ์ผิดถึงแม้จะหาไม่เจอ ผ่านไปสักระยะ พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ช่วยทั้งตัวคุณและคนอื่น อันที่จริงมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้คุณและฉุดรั้งคุณไว้ไม่ให้ใช้ชีวิตของคุณเอง จำไว้ว่าการเป็นคนยึดติดความสมบูรณ์แบบก็เป็นประเภทความไม่สมบูรณ์แบบในตัวของมันเองชนิดหนึ่ง ยิ่งคุณเลิกยึดติดความสมบูรณ์แบบได้เร็วเท่าไหร่ คุณยิ่งได้ออกไปใช้ชีวิตของคุณเร็วเท่านั้น แทนที่จะติดอยู่กับการวิเคราะห์สิ่งละอันพันละน้อยทุกอย่าง- ลองคิดดู ถ้าสมมติคุณกลัวคนมาหาที่บ้านเพราะบ้านของคุณไม่สมบูรณ์แบบ พวกเขามีแนวโน้มสูงที่จะตัดสินว่าคุณไม่ต้องการเป็นเจ้าบ้านที่ดีมากกวาคิดว่าเป็นเพราะของในบ้านคุณวางกระจัดกระจาย
- คนที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบทำสิ่งต่างๆ ได้ช้าลง ถึงแม้ว่าการดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีผลเสียตามมา การอ่านรายงานซ้ำหนึ่งครั้งเพื่อหาคำผิดเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ การอ่านซ้ำสองครั้งหรือสามทำให้คุณเสียเวลาเปล่า
จัดการกับความเชื่อมั่นในตนเองของคุณ. หลายคนซึ่งชอบบงการคนอื่นจำเป็นต้องจัดการกับความเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้มัน คุณอาจเจ้ากี้เจ้าการเรื่องเพื่อนหรือความสัมพันธ์เป็นเพราะคุณรู้สึกว่าพวกเขาไม่ชอบคุณหรือไม่ใช้เวลากับคุณถ้าคุณไม่บอกพวกเขาในทุกเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่พวกเขาต้องทำ คุณอาจรู้สึกว่าคุณไม่มีค่าถ้าคุณปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ คุณอาจรู้สึกว่าเขาอาจคิดออกว่าเขาไม่ชอบคุณ คุณต้องหยุดความคิดแบบนี้และรู้ตัวว่าคุณเป็นคนน่าทึ่งและมีคุณค่า แค่ต้องผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย- คุยกับนักบำบัดหรือเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือครั้งใหญ่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความมั่นใจในตัวเอง ความกระวนกระวายหรืออื่นๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คุณมีพฤติกรรมชอบควบคุมคนอื่น การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณพ้นจากต้นตอของปัญหาที่ทำให้คุณกลายเป็นคนชอบควบคุม
จัดการกับความวิตกกังวลของคุณ. สาเหตุที่คุณชอบควบคุมอาจเพราะคุณรู้สึกกังวลใจ คอยคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น หรือหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก ถ้านี่คือสาเหตุคุณต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและตระหนักว่า นี่ไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่งถ้าคุณต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก คิดถึงสิ่งทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์หนึ่ง ไม่ใช่แค่สิ่งที่แย่ที่สุดเท่านั้น แล้วสถานการณ์คุณก็จะดีขึ้นเอง- แน่นอนว่านี่อาจต้องใช้เวลานานกว่าคุณจะจัดการกับความกังวลของตัวเองได้ แม้ว่าการเล่นโยคะ นั่งสมาธิ ลดปริมาณคาเฟอีน หรือใช้เวลาหาต้นตอของปัญหาต่างๆ ก็ช่วยคุณได้
เลิกทำตัวเป็นฝ่ายถูกอยู่ตลอดเวลา. คนที่ชอบควบคุมคนอื่นมักหมกมุ่นอยู่กับการพิสูจน์ว่าพวกเขามีไอเดียที่ยอดเยี่ยมสุดสำหรับวิธีทำสิ่งต่างๆ หรือพวกเขามีความเห็นที่ถูกต้องเกี่ยวกับทุกๆ เรื่องในโลกนี้ ถ้าคุณอยากเป็นคนควบคุมน้อยลง คุณต้องปล่อยให้คนอื่นเป็นฝ่ายถูกบ้างในบางครั้ง แล้วคอยดูว่าโลกยังไม่แตกถ้าคุณไม่รู้คำตอบ หรือถ้ามีคนอื่นที่มีประสบการณ์หรือมีวิสัยทัศน์ดีกว่าในสถานการณ์นั้น- ลองคิดดู อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นถ้าคุณไม่รู้คำตอบของบางเรื่อง ทุกคนต้องเจอเรื่องนี้อยู่ตลอด คุณอาจคิดว่าคนอื่นจะตัดสินคุณหรือคิดว่าคุณมีข้อด้อย แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้นหรอก อันที่จริงพวกเขามีแนวโน้มสูงที่จะคิดว่าคุณมีข้อบกพร่องถ้าคุณไม่เคยยอมรับว่าตัวเองคิดผิดมากกว่า
- ส่วนหนึ่งของการเป็นคนที่ไม่ได้ถูกตลอดเวลาคือ การเปิดตัวเองให้สามารถอ่อนแอได้ ไม่มีใครบอกว่านี่เป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์ แต่นี่เป็นวิธีเชื่อใจคนอื่นและแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นแค่เพียงมนุษย์คนหนึ่ง คุณต้องการให้คนอื่นสามารถเข้าใจคุณได้ไม่ใช่หรือ
ฝึกที่จะยอมรับ. ถ้าคุณอยากเลิกเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ คุณต้องหัดยอมรับสิ่งต่างๆ ตามแบบที่มันควรจะเป็น ถึงแม้ว่าคุณเห็นว่าบางอย่างต้องได้รับการปรับปรุงและการที่คุณลงมือแก้ไขจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การจุกจิกกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และคอยเปลี่ยนเสียทุกอย่างจนกว่าจะได้ตามแบบที่คุณต้องการนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณควรหัดยอมรับวิถีชีวิตทั่วไปของสิ่งต่างๆ ในที่บ้าน ที่ทำงาน และในความสัมพันธ์ของคุณ- แน่นอนว่า การปฏิวัติเริ่มจากคนที่เห็นว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และทำงานหนักเพื่อให้ไปถึงจุดหมายนั้น แต่เราไม่ได้พูดถึงคุณว่าเป็นเช เกบารา นักปฏิวัติในคำนานสักหน่อย เราแค่ต้องการให้คุณรู้สึกสงบในสถานการณ์ที่คุณอยู่แทนที่จะคอย “แก้ไข” ปัญหาที่ไม่ได้มีอยู่จริง
จงรู้ไว้ว่าถ้าคุณยอมเลิกควบคุม คุณก็จะได้สิ่งตอบแทนเท่ากับตอนที่คุณคุมอยู่. คุณอาจคิดว่าการวางแผนโครงการอย่างละเอียดยิบ หรือวางแผนการแต่งงานของคุณโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใครตั้งแต่ต้น จะทำให้คุณรู้สึกมีอำนาจหรือไร้เทียมทานได้ แน่นอนว่าการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มตัวมีพลังบางอย่าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรอีก คุณจะรู้สึกอ่อนล้า เครียดจัด อย่างที่คุณไม่สามารถเปรียบเทียบได้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ปล่อยให้คนอื่นยื่นมือช่วย หรือแม้กระทั่งครองบัลลังก์แทน นี่อาจเป็นสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่สุดก็ได้- แทนที่จะคอยกดดันตัวเอง คุณควรเรียนรู้ที่จะรักความคิดเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อบรรลุจุดหมายเดียวกัน หรือแม้แต่ปล่อยให้พวกเขาทำงานเยอะขึ้นตอนที่คุณพัก
- เริ่มจากสิ่งเล็กๆ คุณไม่จับเป็นต้องมอบหมายหน้าที่ในโปรเจคใหญ่ให้คนอื่นทำทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรก คุณควรจะปล่อยให้เพื่อนร่วมงานของคุณเลือกว่าพวกเขาอยากจะไปกินข้าวกลางวันที่ไหน นั่นจะยากแค่ไหนเชียว หรือไม่งั้น ลองทำสิ่งที่ใหญ่ขึ้นโดยเลิกควบคุมคนอื่นแล้วรอดูว่านั่นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร
โฆษณา
เรียนรู้ที่จะมีศรัทธาในตัวผู้อื่น. สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องตระหนักว่าคนอื่นเป็นคนมีความสามารถ ฉลาด และขยันทำงานเท่าๆ กับคุณ โอเค อาจไม่โชคร้ายมากไม่ได้หมายถึงทุกคน นี่ดูสมเหตุสมผลว่าทำไมคุณไม่ขอให้น้องสาวจอมป่วนช่วยคุณทำความสะอาดห้องครัว หรือทำไมว่าคุณไม่ขอให้เพื่อนจอมขี้เกียจตรวจทานรายงานของคุณ คนบางคนที่อยู่รอบตัวคุณก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้จริง แต่มีคนจำนวนมากที่ช่วยเหลือคุณได้อยู่ และถ้าคุณต้องการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นล่ะก็ คุณต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อพวกเขาเพื่อที่คุณจะไว้ใจพวกเขาให้ช่วยเหลือคุณและตัดสินใจด้วยตัวของพวกเขาเอง- ลองคิดดูว่า ถ้าคุณคอยบอกแฟนหนุ่มของคุณ เพื่อนสนิทคุณ หรือคู่หูในห้องแล็บของคุณว่าพวกเขาต้องทำอะไร นั่นจะทำให้พวกเขารู้สึกแบบไหน พวกเขาอาจรู้สึกว่าคุณไม่ไว้ใจพวกเขาเพราะคุณคิดว่าพวกเขาไม่ฉลาดหรือเก่งเท่ากับคุณ คุณอยากให้คนที่คุณห่วงใยรู้สึกแบบนั้นหรือ
มอบหมายงานแทน. ถ้าคุณอยากเลิกทำตัวเป็นคนเจ้าบงการ คุณต้องเรียนรู้ที่จะแจกจ่ายงานไปให้คนอื่น การหายไปคือวันที่คุณโยนทุกอย่างใส่ตัวเองและหงุดหงิดทุกคน คุณกลายเป็นคนเครียดจัด จู้จี้ คุณควรจะเรียนรู้ที่จะจ่ายงานให้คนอื่น ไม่ว่าจะขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยเหลือโปรเจค หรือขอให้เพื่อนคุณช่วยแวะรับอาหารเรียกน้ำย่อยในขณะที่คุณกำลังจัดงานปาร์ตี้ เมื่อคุณเริ่มเชื่อในตัวคนอื่น คุณก็จะขอให้พวกเขาช่วยเหลือคุณได้- คุณอาจรู้สึกละอายใจเวลาขอความช่วยเหลือแน่นอนล่ะ แต่คุณจะคุ้นเคยเอง ทุกคนผ่านชีวิตด้วยความช่วยเหลือบางอย่าง และคุณก็คงไม่ต่างกัน
ฟังและเรียนรู้จากผู้อื่น. ขณะที่คุณศรัทธาในตัวผู้คนและเริ่มที่จะมอบหมายงานให้พวกเขาแล้ว คุณควรจะทำตัวเรียนรู้จากพวกเขาเช่นกัน คุณอาจรู้สึกว่าคุณเป็นเพียงคนเดียวซึ่งมีทุกอย่างที่จะสอนคนอื่น แต่ถ้าคุณเปิดใจให้พวกเขาและฟังสิ่งที่พวกเขาพูด คุณจะพบว่าคุณเข้าใจผิด คุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในทุกๆ อย่าง และตลอดเวลามีคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างกว่าหรือประสบการณ์มากกว่าคุณเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง เมื่อคุณถอยหลังออกมาและรับฟังในสิ่งที่คนอื่นพูด คุณจะพบว่าคุณมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก- อย่าขัดจะหวังคนอื่น ปล่อยให้เขาพูดจบและใช้เวลาคิดทบทวนก่อนคุณจะพูดถึงความคิดของคุณเอง
ปล่อยให้คนอื่นเป็นตัวของตัวเอง. ถึงแม้ว่าทุกคนมีโอกาสที่จะพัฒนาได้ คุณต้องเลิกเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ คุณควรจะปล่อยให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเองแทน และแทนที่จะทำตามวิธีการใช้ชีวิตและวิธีคิดของคุณ มั่นใจได้ว่าถ้าแฟนหนุ่มของคุณทำบางอย่างที่ทำให้คุณหัวเสีย คุณควรจะคุยกับเขา แต่คุณไม่ควรคาดหวังให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แบบเดียวกับที่เขาไม่ควรขอให้คุณเป็นคนที่คุณไม่ได้เป็น- การพูดเรื่องการพัฒนาตัวเองเป็นอีกเรื่องหนึ่งรวมไปถึงการช่วยคนอื่นให้เป็นคนที่ดีขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของพวกเขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
รับมือกับนิสัยขี้อิจฉาของคุณเสีย. หลายสาเหตุว่าทำไมคุณชอบบงการคนอื่นอาจมาจากความอิจฉาริษยา คุณอาจรู้สึกหวงถ้าเพื่อนสนิทของคุณไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นโดยที่คุณไม่ได้บอกเธอก่อนว่าจะไปที่ไหน คุณอาจหึงหวงถ้าแฟนหนุ่มของคุณไม่โทรหาคุณทุกชั่วโมง นั่นแปลว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น คุณต้องเรียนรู้ที่จะให้คุณค่ากับตัวเอง และไว้ใจว่าคนอื่นรู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ ถ้าคุณมีเหตุผลที่จะหึงหวงจริง นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าทุกอย่างอยู่ในหัวของคุณ คุณก็ต้องพยายามมีกรอบความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลกว่านี้และมีมุมมองที่ดีกว่านี้- ถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงรู้สึกหึงหวง เป็นเพราะเคยมีคนหักหลังคุณในอดีต หรือมาจากความรู้สึกไม่มั่นคงของคุณกันแน่
- ถ้าคุณต้องการอยู่ในความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน คุณต้องตัดความรู้สึกหึงหวงพวกนี้ออกไปให้ได้
โฆษณา
ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ไม่ช่วยให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น คุณก็ควรหยุดเสีย. แน่นอนว่าการควบคุมบางครั้งก็ช่วยคุณได้ในบางสถานการณ์ ถ้าลูกคุณทำตัวแย่ คุณจำเป็นต้องใช้กฎบ้าง ถ้าแฟนของคุณไปทำงานสายเสมอ คุณอาจบอกให้เขาตั้งนาฬิกาปลุก แต่ถ้าพฤติกรรมควบคุมคนอื่นไม่ช่วยให้สถานการณ์บางอย่างดีขึ้นอย่างแน่นอน นี่อาจถึงเวลาต้องผ่อนปรนบ้าง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าตอนไหนที่คุณเริ่มก้าวก่ายและยุ่มย่าม และคุณต้องเรียนรู้ที่จะหยุดทำอย่างนั้น- ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคอยจุกจิกลูกจ้างของคุณและทั้งหมดนั่นนำไปสู่การโกรธเคืองและทำงานได้น้อยลง ถึงเวลาที่ต้องความจุกจิกลดลงบ้าง ถ้าเพื่อนสนิทของคุณรู้สึกหดหู่เพราะเธอเพิ่งออกจากงานและคุณโทรหาเธอทุกวันเพื่อดูว่าเธอสมัครงานใหม่หรือยังและนี่ทำให้เธอยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น ถึงเวลาที่ต้องลดความเจ้ากี้เจ้าการของคุณลงบ้าง
พูดคุยเรื่องความพยายามของคุณกับเพื่อน. นี่ช่วยให้คุณได้มุมมองอย่างอื่นเกี่ยวกับพฤติกรรมชอบควบคุมคนอื่น ลองหาใครสักคนแล้วคุยเรื่องความรู้สึกและความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของคุณที่จะเปลี่ยนแปลงก็ช่วยให้คุณปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ถ้าคุณจัดการเพียงลำพัง นี่อาจจะยากไปที่จะหาแรงจูงใจเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดพื้นฐานของคุณจริงๆ ความรักและกำลังใจจากเพื่อนจะช่วยให้คุณเห็นว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้และคุณสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้จริงๆ และกำลังเริ่มรู้สึกดีขึ้น- คุณอาจนัดเจอเพื่อนๆ เพื่อคุยถึงความก้าวหน้าของคุณก็ได้สัปดาห์ละครั้ง ถ้าคุณบอกใครสักคนเกี่ยวกับความตั้งใจของคุณ คุณจะรู้สึกต้องรับผิดชอบและจะมีแรงจูงใจเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเพิ่มมากขึ้น
เลิกให้คำแนะนำกับทุกคน. การควบคุมคนอื่นอย่างหนึ่งคือการคอยให้”คำแนะนำ”กับคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่พวกเขาควรทำตัวอย่างไรในการคบหาไปจนถึงพวกเขาควรสั่งอะไรกินเป็นมื้อค่ำ “คำแนะนำ” นี้ที่คุณให้เป็นเหมือนคำสั่งแอบแฝง และคุณต้องเริ่มหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแบบนี้ถ้าคุณไม่อยากเป็นคนชอบบงการคนอื่น เวลาที่คนอื่นต้องการคำแนะนำคุณหรือเวลาที่คุณคิดว่าคุณสามารถช่วยพวกเขาได้จริงๆ คุณค่อยให้คำแนะนำก็จะเป็นสิ่งที่ดี แต่โดยทั่วไป คุณควรหลีกเลี่ยงการให้คำแนะนำกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีใครขอคุณ- ถ้าคุณคอยบอกทุกคนตลอดว่าคุณ”แนะนำ”พวกเขาในสิ่งที่ดีที่สุด คุณจะมีชื่อเสียงในทาง "ผู้รอบรู้ทุกเรื่อง"
เลิกวางแผนของทุกวินาทีในหนึ่งวัน. คนที่คอยควบคุมคนอื่นชอบที่จะวางแผน วางแผน และวางแผน พวกเขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะตื่นนอน พวกเขาใส่น้ำตาลงในกาแฟกี่ช้อน พวกเขาจะต้องขับรถกลับบ้านตอนกี่โมง พวกเขาจะสวมชุดอะไรในแต่ละวัน ถ้าคุณอยากเลิกเป็นคนชอบบงการ คุณต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางบ้าง ในขณะที่การเป็นคนมีระเบียบนั้นเป็นสิ่งสำคัญและทำให้รู้สึกว่าคุณกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง การยืดหยุ่นเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน และคุณควรยอมรับว่าคุณไม่สามารถรู้ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ วินาทีของแต่ละวันได้- ลองทำดู ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ทำสิ่งที่คุณไม่ได้วางแผนล่วงหน้าและแค่ทำในสิ่งที่คุณรู้สึกอยากทำ ถ้าคุณได้รับคำเชิญนาทีสุดท้ายให้ไปทำอะไรที่สนุก คุณควรตอบรับคำเชิญนั้น
- ถึงแม้ว่าหลายคนชอบที่จะมีคนวางแผน จงแน่ใจว่ามีสิบชั่วโมงอย่างน้อยในแต่ละสัปดาห์ของคุณที่จะไม่ต้องวางแผนไว้ จากนั้นลองเพิ่มเป็นสิบห้า หรือยี่สิบชั่วโมง นี่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและมองสิ่งต่างๆ ว่ายังเรียบร้อยดีถึงแม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อแน่
เรียนรู้ที่จะยอมรับข้อบกพร่อง. ถ้าคุณชอบที่จะควบคุมคุณมีแนวโน้มที่จะเสียช่วงเวลาแห่งการหลงลืมไปชั่วขณะ ลองออกไปเที่ยวแบบปุบปับ หรือแค่ทำบางอย่างที่เพี้ยนมากๆ เพราะนี่เป็นสิ่งที่คนรู้สึกอยากจะทำ พวกเขามีแผนและพวกเขาตัดสินใจที่จะยึดติดกับแผนนั้นไปตลอด ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกทำแบบนั้นเสีย และแค่สนุกไปกับเป็นตัวของตัวเอง ออกไปเที่ยวกับผู้คน โดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ- ครั้งหน้าเวลาคุณอยู่ในกลุ่มคน ให้ลองเงียบเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำบางสิ่ง ปล่อยให้คนอื่นตัดสินใจ คุณจะเห็นว่านี่ไม่ได้แย่มากเท่ากับที่คุณคิดเอาไว้หรอก!
เป็นคนที่ยืดหยุ่นมากขึ้น. ถ้าคุณอยากจู้จี้ให้น้อยลง คุณต้องทำตัวให้มีความยืดหยุ่นในตารางชีวิตของคุณ บางอย่างที่เกิดขึ้นตอนนาทีสุดท้ายกับแฟนหนุ่มของคุณ และคุณจะเลื่อนคืนออกเดทกับเขาไปหนึ่งวัน นั่นจะใช่จุดจบของโลกหรือ การประชุมที่ทำงานของคุณอาจเปลี่ยนตารางใหม่เป็นช่วงบ่าย พี่สาวคุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากคุณให้จัดการลูกๆ ของเธอเพราะคนอื่นไม่สามารถทำได้ เรียนรู้ที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่เข้ามาหาคุณ และคุณยืดหยุ่นพอที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกว่านี่คือหายนะ ถ้าในสัปดาห์นี้ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคาดไว้- เพื่อเป็นคนที่ยืดหยุ่นได้จริง คุณต้องตระหนักว่าในที่สุดชั่วโมงที่ไม่ได้คาดฝันสองสามชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์ของคุณหรือแค่การเปลี่ยนแปลงช่วงนาทีสุดท้ายไม่ได้ส่งผลครั้งใหญ่ต่อชีวิตของคุณหรอก เมื่อคุณรู้แบบนี้แล้ว คุณจะรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นและเปิดใจให้กับความเป็นไปได้ของชีวิต
โฆษณา
เคล็ดลับ
- จำไว้ว่าชีวิตนั้นดี คุณควรขอบคุณพรที่คุณได้รับ คุณจะหวาดกลัวน้อยลงกับการสูญเสียและมีแนวโน้มที่จะควบคุมน้อยลงเวลาที่คุณมีคิดอย่างสำนึกในพระคุณ
- ชีวิตง่ายขึ้นเมื่อคุณปล่อยให้อะไรๆ เกิดขึ้น เวลาที่คนพยายามไล่ตามคุณหรือพบว่าพวกเขาคลั่งไคล้คุณ และคุณไม่จำเป็นต้องยุ่งกับคนเหล่านั้น นี่เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! เรียนรู้ที่จะมีความสุขและรักตัวเองเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษ
- สู้เพื่อตัวเอง. อย่าเลิกพยายามดูเหมือนคนชอบควบคุมหรือพยายามดูเป็นคนที่ควบคุม ทำทุกอย่างเพื่อตัวคุณเอง ถ้าคุณพยายามเปลี่ยนแปลงความเห็น แปลว่าคุณยังพยายามควบคุมอยู่ ยอมรับความจริงที่ว่าคุณไม่สามารถควบคุณสถานการณ์หรือคนได้ ยกเว้นตัวคุณเอง
- พูดคุยเรื่องปัญหาของคุณกับคนอื่น
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,118 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
