บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Adam Dorsay, PsyD. ดร.อดัม ดอร์เซย์เป็นนักจิตวิเคราะห์ที่มีใบอนุญาตในซานโฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย เขาเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือผู้ใหญ่ในประเด็นความสัมพันธ์ การลดความเครียด ความกังวล เพื่อเสริมสร้างชีวิตให้มีความสุขยิ่งขึ้น ในปี 2016 เขาได้ขึ้นพูด TEDx talk เรื่องมนุษย์กับอารมณ์ที่ได้รับการชมอย่างสูง เขายังเป็นผู้ร่วมสร้างโครงการ Project Reciprocity ที่สำนักงานใหญ่ของ Facebook และเป็นที่ปรึกษาให้ Digital Ocean ให้คำปรึกษาแก่ทีมรักษาความปลอดภัย เขาสำเร็จปริญญาเอกทางจิตวิทยาเพื่อการรักษาในปี 2008
มีการอ้างอิง 8 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 8,527 ครั้ง
คนรอบข้างมักทำให้เราผิดหวัง และไม่แปลกเลยที่เราจะรู้สึกว่าไม่สามารถแบกรับการถูกหักหลัง ความผิดหวัง หรืออารมณ์เชิงลบอื่นๆ ได้อีกแล้ว และคิดว่าไม่ต้องรู้สึกอะไรเลยจะดีกว่า แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่แข็งแรงดีจะไม่สามารถทำตัวไร้อารมณ์ได้โดยสิ้นเชิง แต่บางครั้งการทำเหมือนว่าคุณเป็นคนไร้หัวใจในบางสถานการณ์ก็ช่วยคุณได้เหมือนกัน ถ้าคุณไม่สนใจอารมณ์ของตัวเอง ไม่วางตัวเป็นมิตรมากเกินไป และให้ความสำคัญกับตัวเองก่อน คนอื่นก็จะไม่ค่อยแสวงหาผลประโยชน์จากคุณหรือทำร้ายคุณเพื่อประโยชน์ของเขาเอง
ขั้นตอน
- ปล่อยวางอารมณ์ในอดีต. คำว่า “หนี้ทางอารมณ์” นั้นมักใช้อธิบายอารมณ์ที่เราไม่เคยเลิกรู้สึกถึงมันได้สนิทเสียทีและปล่อยให้อารมณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในชีวิตประจำวัน คุณควรยอมรับกับตัวเองว่า อารมณ์ในอดีตยังคงเกิดขึ้น และค่อยๆ แกะรูปแบบที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองกับอารมณ์เหล่านั้น และก้าวขาออกจากพื้นที่ปลอดภัย วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่า อารมณ์ในอดีตมีผลกับคุณอย่างไรและเพื่อก้าวข้ามมันไปให้ได้[1]
- คุณอาจจะคิดว่าพื้นที่ปลอดภัยปกป้องคุณจากความรู้สึกแย่ๆ แต่จริงๆ แล้วการอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยคือการที่คุณปล่อยให้อารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นฉุดรั้งคุณไว้ เมื่อคุณก้าวขาออกมา คุณจะสามารถควบคุมความรู้สึกเหล่านั้นได้
- อย่าตั้งความหวังอย่างเจาะจง. เมื่อประสบการณ์บางอย่างหรือคนบางคนไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ คุณก็จะเจ็บ กำจัดความคาดหวังในชีวิตออกไปให้ได้มากที่สุด และเมื่อคุณคาดหวัง พยายามคาดหวังแบบกว้างๆ และคลุมเครือให้ได้มากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับความเจ็บปวดทางอารมณ์เวลาที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คุณอยากให้เป็น
- นอกจากนี้คุณยังสามารถเปลี่ยนความคาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้นได้ด้วย เช่น ถ้าคุณหวังว่าวันนี้อากาศจะไม่ร้อนเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะผิดหวังนั้นน้อยกว่าการคาดหวังว่า วันนี้อุณหภูมิจะต้องอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียสเป๊ะๆ และมีลมเย็นโชยมา
- หาอะไรทำไม่ให้ว่าง. การหาอะไรทำไม่ให้ว่างได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความพึงพอใจได้ ตั้งใจเลือกกิจกรรมที่นำคุณไปสู่เป้าหมายหรือมีประโยชน์กับคุณอยู่บ้าง และการหาสิ่งจูงใจให้ตัวเองก็จะทำให้คุณมีเหตุผลในการทำตัวไม่ให้ว่างด้วย[2]
- นอกจากนี้มันยังช่วยให้คุณปล่อยพลังงานไปกับการทำงาน การออกกำลังกาย การทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น แทนที่จะมองหาความผูกมัดทางอารมณ์
- รักษาความสัมพันธ์ในระดับที่คุณสบายใจ. อย่าให้คนอื่นเข้าใกล้หรือควบคุมคุณด้วยคำสัญญา คำอ้อนวอน หรือคำขอโทษ กำหนดประเภทของความสัมพันธ์ที่คุณอยากเป็นส่วนหนึ่ง และรักษาเฉพาะความสัมพันธ์เหล่านั้นเอาไว้ ตัดสินใจเองว่าคุณจะลงทุนกับความสัมพันธ์นั้นๆ มากน้อยแค่ไหน
- เข้ารับการบำบัดกับผู้เชี่ยวชาญ. ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองต้องแบกรับความบอบช้ำทางจิตใจในอดีตและดูเหมือนจะไม่สามารถปล่อยวางอารมณ์ได้ คุณก็อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดผู้เชี่ยวชาญ ปัญหา เช่น โรคซึมเศร้าหรืออาการวิตกกังวลเรื้อรังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยไว้ นักจิตบำบัดสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า วิธีการทางคลินิกและ/หรือยาชนิดไหนที่เหมาะจะช่วยให้คุณข้ามผ่านหนี้ทางอารมณ์ไปได้[3]โฆษณา
- รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร. คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ต้องการอะไรในชีวิต แต่เรื่องถัดไปที่คุณต้องทำก็คือ การหาความพึงพอใจของตัวเอง และระบุให้ชัดเจนว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต ยิ่งคุณเข้าใจความต้องการของตัวเองโดยไม่สงสัยมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสำเร็จในสิ่งที่คุณต้องการมากขึ้นเท่านั้น[4]
- ถ้าคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร คนอื่นก็จะมาโน้มน้าวให้คุณทำในสิ่งที่เขาต้องการได้ยากขึ้น คุณต้องสร้างความสำเร็จขึ้นมาด้วยตัวเอง และเลิกให้คนอื่นมาขโมยเวลาและพลังงานของคุณได้แล้ว
- บางครั้งความรู้สึกผิดและความเครียดก็ทำให้เราทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของตัวเอง การรู้ว่าคุณต้องการอะไรจะทำให้คุณแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
- สื่อสารความต้องการของตัวเอง. เมื่อคุณรู้แน่ชัดแล้วว่าคุณต้องการอะไร คุณก็น่าจะต้องแจกจ่ายภาระไปให้คนอื่นบ้าง สื่อสารให้ชัดเจนว่าคุณต้องการและคาดหวังอะไรจากคนรอบข้าง อย่าประนีประนอมความต้องการของตัวเอง[5]
- คุณอาจจะต้องสละเวลาและความสามารถเพื่อให้คนอื่นมาทำในสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณต้องกำหนดขอบเขตและอย่าให้คนอื่นมาตักตวงผลประโยชน์จากความต้องการของคุณ
- “ปฏิเสธ” ทุกสิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับตัวคุณ. ถ้าคุณยอมทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์กับเป้าหมายของคุณ ก็เท่ากับว่าคุณเสียเวลาไปเปล่าๆ อย่าเอาเวลาของตัวเองไปให้คนอื่น ทำในสิ่งที่นำไปสู่เป้าหมายส่วนบุคคลเท่านั้น และปฏิเสธคำขอร้องหรือคำเชิญอื่นๆ อย่างสุภาพ
- พูดตรงๆ บอกว่า “ไม่ค่ะ ฉันทำไม่ได้ (หรือไม่ทำ) ค่ะ” คุณจะให้เหตุผล เช่น “ฉันไม่มีเวลาทุ่มเทค่ะ” ด้วยก็ได้ แต่ไม่จำเป็น[6]
- วิธีนี้อาจยากสักหน่อยหากคุณรู้สึกผิด องค์กรการกุศลที่คุณไม่ได้สนับสนุน เพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ หรือแม้แต่ครอบครัวที่เรียกร้องเวลาจากคุณมากเกินไป ทั้งหมดนี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสำเร็จของคุณ บอกไปคำเดียวว่า “ไม่”
- ร่วมมือกับผู้อื่น. ไม่ว่าจะหมายถึงตัวเองหรือบริษัท องค์กร ชุมชน และอื่นๆ แต่มันก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยอมรับได้ยากว่า คุณจะได้รับประโยชน์จากการทำงานร่วมกับมนุษย์คนอื่นๆ ซึ่งเป็นความจริง การร่วมมือกับผู้อื่นเป็นวิธีไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพกว่า แต่ต้องแน่ใจว่าความสัมพันธ์ยังเป็นไปในแบบที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายและไม่มีใครถูกหลอกใช้[7]
- ความสัมพันธ์ต้องเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่าย เมื่อคุณทำงานร่วมกับผู้อื่น คุณต้องให้เท่ากับที่คุณได้รับ วิธีนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานและสังคมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
- ค้นหาแรงจูงใจของคนอื่น. คนอื่นมักจะขอความช่วยเหลือจากคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คุณควรทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาขอความช่วยเหลือจากคุณ และอีกฝ่ายหวังจะได้อะไรจากการขอร้อง เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการบางสิ่งบางอย่างจากคุณ จากนั้นก็ตัดสินใจว่า สิ่งนั้นมันมีประโยชน์กับคุณมากในแบบที่คุณเต็มใจจะช่วยเหลือหรือเปล่าโฆษณา
- ไม่คุยเล่น. เทคโนโลยีทำให้คุณหลบเลี่ยงการคุยเล่นได้ง่ายกว่าเดิม ทำเป็นโทรศัพท์หรือไม่ก็หาเรื่องใส่หูฟังตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คนแปลกหน้าและคนรู้จักเข้ามาคุยด้วย และคุณสามารถตัดบทสนทนาเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยการพูดประมาณว่า “ผมไม่ว่างคุยด้วย”
- เช่น ถ้าเพื่อนร่วมงานมาเจอคุณที่ตู้ขายขนม แค่ตัดบทเข้าไปเร็วๆ ด้วยการพูดว่า “ไม่ว่างคุย มีงานต้องส่ง”
- ปฏิเสธคำเชิญไปงานสังคม. เวลาที่ปฏิเสธก็ไม่ต้องแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่คุณควรตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและจบแค่นั้น ถ้าคุณบอกข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นว่าทำไมคุณถึงไปไม่ได้ เจ้าภาพก็อาจจะปรับเปลี่ยนแผนตามความต้องการของคุณและยืนกรานให้คุณไปให้ได้[8]
- คำพูดที่ใช้เลี่ยงงานสังคมได้แทบทุกงานก็คือ การพูดทำนองว่า “ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่ว่าง”
- คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเวลาปฏิเสธคำเชิญ คุณอาจจะพูดแค่ว่า "ขอโทษครับ แต่ผมไปไม่ได้"
- ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ. ความช่วยเหลือบางครั้งก็เป็นเหมือนภาระที่คุณต้องทำ ซึ่งคุณมีทางเลือกที่จะพูดว่า “ไม่” และพูดออกไปอย่างมั่นใจ ย้ำอีกครั้งว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำแสดงท่าทีไม่สุภาพเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ
- ถ้าเพื่อนขอให้คุณไปเฝ้าบ้านให้หน่อย ก็แค่บอกไปว่า “ขอโทษนะ เราไม่ว่าง” คุณจะอธิบายต่อก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้าง
- สร้างเครือข่ายช่วยเหลือขึ้นมาใหม่. ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนๆ และครอบครัวเป็นปัญหา การสร้างเครือข่ายช่วยเหลือขึ้นมาใหม่อาจจะดีกว่าการตัดขาดตัวเองจากคนอื่น ลองไปพบปะคนใหม่ๆ ที่สนใจเรื่องเดียวกัน มองหาคนที่ชอบไปสถานที่เดียวกัน ทำงานในสาขาเดียวกัน หรือโดยทั่วไปแล้วชอบอะไรเหมือนๆ กัน[9]โฆษณา
เคล็ดลับ
- คว้าโอกาสให้ตัวเองโดยไม่ลังเล
- ไม่ต้องรู้สึกผิด
คำเตือน
- เตรียมใจว่าคนอื่นจะเย็นชาใส่คุณ
- บางคนอาจจะไม่ชอบที่คุณเย็นชากับเขา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/ashley-ryan/emotional-wellness_b_2939928.html
- ↑ http://www.webmd.com/balance/news/20100803/stay-busy-stay-happy
- ↑ http://www.helpguide.org/articles/emotional-health/finding-a-therapist-who-can-help-you-heal.htm
- ↑ http://www.oprah.com/spirit/How-to-Figure-Out-What-You-Want-in-Life
- ↑ http://www.oprah.com/spirit/How-to-Figure-Out-What-You-Want-in-Life
- ↑ http://www.careerealism.com/art-skill-effectively/
- ↑ http://ctb.ku.edu/en/table-of-contents/implement/improving-services/coordination-cooperation-collaboration/main
- ↑ http://www.mydomaine.com/how-to-decline-an-invitation/
- ↑ http://www.militaryonesource.mil/phases-single-life?content_id=268643
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.