ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
บทความนี้ถูกเข้าชม 36,906 ครั้ง
สมัยนี้เราไม่ได้หยุดทำงานแค่ตอนเลิกงานแต่ละวันอีกต่อไปแล้ว หลายคนเลยมองว่าการเช็คอีเมลทำงานจากที่บ้าน (กระทั่งระหว่างเดินทาง) ได้เป็นเรื่องจำเป็น ถ้าบริษัทคุณไม่ว่าอะไรละก็ คุณก็เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ของอีเมลที่ทำงานโดยใช้ Outlook Web App ได้เลย (แต่ก่อนเป็น Outlook Web Access) รวมถึงโปรแกรม Outlook แบบดั้งเดิม และจากสมาร์ทโฟนของคุณด้วย แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องติดต่อขอคำแนะนำจากแผนก IT ของบริษัทก่อนนะ
ขั้นตอน
ติดต่อแผนก IT ของบริษัท. ก่อนจะพยายามเข้าอีเมลบริษัทจากที่บ้าน ให้ติดต่อแผนก IT ของบริษัทซะก่อน ว่าเป็นไปได้ไหม ผิดกฎอะไรหรือเปล่า เพราะบริษัทใหญ่หลายๆ ที่เขาไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าใช้อีเมลบริษัทจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ตามด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้แผนก IT ยังช่วยแนะนำให้คำปรึกษาได้ด้วยว่าจะเข้าอีเมลบริษัทนอกเวลางานยังไง (ในกรณีที่อนุญาต)
เช็คก่อนว่าบริษัทใช้ Office 365 หรือเซิร์ฟเวอร์ Exchange ที่รองรับ Outlook Web App (Access) หรือเปล่า. อันนี้ก็แล้วแต่ว่าบริษัทใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนของ Microsoft แต่ก็พอมีอยู่วิธีสองวิธีที่คุณสามารถเข้าอีเมลจากเบราว์เซอร์ได้ ถ้าบริษัทใช้ Office 365 for Business หรือเซิร์ฟเวอร์ Exchange ที่ตั้งค่าให้เข้าใช้ผ่านเว็บได้ คุณก็สามารถใช้ Outlook Web App (แต่ก่อนเป็น Outlook Web Access) เข้าอีเมลบริษัทของคุณได้เลย
ไปที่หน้าล็อกอินของบริการอีเมลที่บริษัทใช้. ถ้าบริษัทของคุณใช้ Outlook Web App เวลาจะเข้าหน้าล็อกอินก็ต้องดูว่าบริษัทตั้งค่าอีเมลไว้แบบไหน- ถ้าเป็น Office 365 for Business - ให้ไปที่ portal.office.com
- ถ้าเป็นเซิร์ฟเวอร์ Exchange - ให้ไปที่หน้าล็อกอินของเซิร์ฟเวอร์ Exchange เช่น ถ้าบริษัทคุณชื่อ "Interslice" หน้าล็อกอิน Exchange ของคุณก็จะเป็น mail.interslice.com
ล็อกอินด้วยอีเมลกับรหัสผ่านของคุณ. ให้คุณใส่อีเมลกับรหัสผ่าน Office 365 for Business หรือ Exchange ของคุณ ถ้าไม่รู้ให้สอบถามแผนก IT ของบริษัท
เปิด inbox. พอล็อกอินเข้ามาแล้ว คุณก็จะเข้าไปที่ inbox ในบัญชีของคุณได้เลย ขั้นตอนนี้จะแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าเป็น Office 365 for Business หรือ Exchange- ถ้าเป็น Office 365 for Business - ให้คลิกปุ่มเพื่อเปิดแอพ (จะเป็นรูปตาราง) แล้วเลือก "Mail"
- ถ้าเป็นเซิร์ฟเวอร์ Exchange - ให้คลิกตัวเลือก "Mail" ในแถบนำทาง
อ่านและตอบอีเมลได้เลย. พอคุณเข้ามาที่ inbox แล้ว ก็สามารถเปิดอ่าน ตอบ และเขียนข้อความใหม่ได้เลยเหมือนเวลาใช้โปรแกรมหรือเว็บให้บริการอีเมลทั่วไป โฟลเดอร์ของคุณจะอยู่ทางซ้ายของหน้าจอ และข้อความอยู่ตรงกลาง พอเลือกข้อความไหนแล้วก็จะไปปรากฏที่กรอบขวาของหน้าจอ [1]โฆษณา
ติดต่อแผนก IT ของบริษัท. แต่ละบริษัทก็มีกฎข้อบังคับและนโยบายเกี่ยวกับการใช้อีเมลบริษัทแตกต่างกันไป แผนก IT ของบริษัทนี่แหละที่จะแนะนำคุณได้ ว่าต้องทำยังไงถึงจะเข้าใช้อีเมลของบริษัทได้จากที่อื่น (ถ้าอนุญาต)
เปิด Outlook ในคอม. ถ้าบริษัทใช้ Exchange หรือ Office 365 for Business ก็ให้เพิ่มบัญชีลงใน Outlook ของเครื่อง Windows หรือ Mac ที่คุณใช้
คลิกเมนู File แล้วเลือก "Info". เพื่อดูข้อมูลบัญชีอีเมลปัจจุบันของคุณ
คลิกปุ่ม "Add Account". เพื่อเพิ่มบัญชีใหม่ลงใน Outlook
ใส่อีเมลบริษัทกับรหัสผ่านเข้าไป. Outlook จะตรวจสอบหาประเภทเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นจะให้คุณใส่รหัสผ่านอีกครั้งระหว่างเตรียมการ- หมายเหตุ Outlook 2016 รองรับการเพิ่มบัญชี Exchange ด้วยระบบอัตโนมัติเท่านั้น และต้องให้ผู้ดูแลระบบ Exchange ของคุณตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ให้ซะก่อน นอกจากนี้ Outlook 2016 ยังไม่รองรับเซิร์ฟเวอร์ Exchange 2007 ด้วย [2]
เข้าใช้อีเมลบริษัทของคุณได้เลย. พอล็อกอินด้วยบัญชีของคุณแล้ว คุณก็ใช้ Outlook รับ-ส่งอีเมลบริษัทได้เลย แค่เลือก work inbox จากเมนูนำทางด้านซ้ายมือโฆษณา
ติดต่อแผนก IT ของบริษัท. หลายบริษัทใหญ่ไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าใช้อีเมลบริษัทจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ตามด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ให้ติดต่อสอบถามแผนก IT ของบริษัทซะก่อน ว่าเป็นไปได้ไหม ผิดกฎอะไรหรือเปล่า ถ้าได้ แผนก IT นี่แหละที่จะบอกวิธีการเข้าใช้ให้คุณได้ดีที่สุด
เปิดแอพ Settings ใน iPhone. ถ้าคุณมีบัญชีอีเมลของ Office 365 for Business หรือ Exchange ก็เพิ่มลงในแอพ Mail ของ iPhone ได้เลย แต่ต้องถามแผนก IT ให้แน่ใจก่อนนะว่าทำได้
เลือก "Mail, Contacts, Calendars". เพื่อเปิด settings ของบัญชีอีเมลทั้งหมดที่ใช้งานอยู่
แตะที่ "Add Account" แล้วเลือก "Exchange". เพื่อใส่บัญชีอีเมล Exchange กับ Office 365 for Business ของคุณ
ใส่อีเมลกับรหัสผ่านเข้าไป. อย่าลืมรวมชื่อเว็บข้างท้ายอีเมลด้วย (เช่น "[email protected]")
อย่าลืมกดปุ่ม "Mail" ไปที่ on แล้วแตะ "Save". เพื่อเพิ่มบัญชี Exchange หรือ Office 365 for Business ของคุณลงในแอพ Mail- ถ้าคุณเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ Exchange หรือ Office 365 for Business ไม่ได้ ให้ติดต่อแผนก IT เพราะคุณอาจไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานผ่านมือถือ
ถ้ามีขึ้นเตือนก็ให้ตั้ง passcode ด้วย. บางเซิร์ฟเวอร์ Exchange ต้องให้คุณตั้ง passcode ด้วยตอนเพิ่มบัญชี โดยจะขึ้นเตือนให้คุณใส่ passcode ตอนจะเช็คอีเมลบริษัทโฆษณา
ติดต่อแผนก IT ของบริษัท. อันนี้ก็แล้วแต่นโยบายของบริษัทคุณ คุณอาจไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อีเมลบริษัทนอกเวลางาน ลองติดต่อสอบถามแผนก IT ดูว่าขอเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ Exchange จากอุปกรณ์ Android ได้ไหม และต้องมีขั้นตอนพิเศษยังไงถึงจะเชื่อมต่อได้
เปิดแอพ Settings ใน Android. ถ้าแผนก IT อนุญาตแล้ว ก็ให้คุณเพิ่มบัญชี Exchange หรือ Office 365 for Business ของคุณเข้าไปด้วยแอพ Settings ในเครื่อง Android ของคุณ
เลือกตัวเลือก "Accounts". เพื่อแสดงทุกบัญชีที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง Android ของคุณ
แตะที่ปุ่ม "+ Add account" แล้วเลือก "Exchange". เพื่อเพิ่มบัญชี Exchange หรือ Office 365 for Business ลง Android
ใส่อีเมลบริษัทเข้าไป. ให้ใส่อีเมลบริษัทที่คุณใช้กับ Exchange แล้วแตะ "Next"
ใส่รหัสผ่านของอีเมล. ใส่รหัสผ่านของอีเมลบริษัท ถ้าไม่รู้ให้สอบถามแผนก IT
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลบัญชีและเซิร์ฟเวอร์. จะมีอีเมลกับรหัสผ่านของคุณ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ พอร์ท แล้วก็ประเภทการรักษาความปลอดภัย ให้คุณปล่อยไว้เป็นค่า default ก็ได้ แต่ถ้าแผนก IT แนะนำให้เปลี่ยนตรงไหนก็ทำไปตามนั้น- ถ้าคุณเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ Exchange ไม่ได้ ให้ติดต่อแผนก IT เพราะคุณอาจไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อีเมลบริษัทนอกเวลางาน เดี๋ยวแผนก IT เขาจะแนะนำวิธีแก้ไขให้เอง
ตั้งค่าบัญชี. พอเชื่อมต่อบัญชีแล้ว คุณเลือกได้ว่าจะ sync ข้อมูลไหนกับ Android อย่าลืมเลือก "Sync Email" จะได้รับอีเมลบริษัทใน Android ได้
เข้าใช้อีเมลบริษัทจากแอพ Email หรือ Mail. พอเพิ่มบัญชีเข้าไปแล้ว คุณก็เข้าใช้อีเมลบริษัทได้เลยจากแอพ Email หรือ Mail ของ Androidโฆษณา
ติดต่อแผนก IT ของบริษัท. ไม่ใช่ทุกบริษัทที่อนุญาตให้พนักงานใช้อีเมลบริษัทนอกเวลางาน และหลายบริษัทมีขั้นตอนพิเศษที่ต้องทำก่อนเข้าใช้ได้ ให้คุณติดต่อแผนก IT ของบริษัท ว่าอนุญาตให้คุณใช้อีเมลบริษัทผ่าน BlackBerry ไหม ถ้าได้ ต้องทำยังไง- ถ้าบริษัทใช้ BlackBerry Enterprise Cloud Services แผนก IT ต้อง activate แต่ละอุปกรณ์และแต่ละบัญชีก่อน ถึงจะใช้งานได้ [3]
เปิดเมนู Settings ใน BlackBerry. จะอยู่ที่หน้า Home
เลือก "System Settings" แล้วแตะที่ "Accounts". เพื่อแสดงบัญชีทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่กับ BlackBerry
แตะปุ่ม "Add account". เพื่อเพิ่มบัญชีใหม่ลง BlackBerry
เลือก "Email, Calendar, and Contacts" จากในลิสต์ประเภทบัญชี. ถ้าเป็นบัญชี Exchange หรือ Office 365 for Business ก็เลือกอันนี้ได้เลย
ใส่อีเมลกับรหัสผ่านเข้าไป. BlackBerry จะเริ่มเชื่อมต่อบัญชี Exchange หรือ Office 365 for Business ของคุณโดยอัตโนมัติ- ถ้า BlackBerry ไม่สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีอีเมลบริษัทของคุณได้ ต้องไปติดต่อแผนก IT ว่ามีขั้นตอนไหนที่ต้องทำเพิ่มเติมหรือเปล่า
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 36,906 ครั้ง
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 36,906 ครั้ง
หมวดหมู่: อินเทอร์เน็ต | ปัญหาในที่ทำงาน
มีการเข้าถึงหน้านี้ 36,906 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
