วิธีการ หลีกเลี่ยงการแสดงออกมากเกินไป

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การแสดงออกมากเกินไปคือการที่คนๆ หนึ่งมีปฏิกิริยาทางอารมณ์เกินกว่าที่สถานการณ์ควรจะเป็น การแสดงออกมากเกินไปสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ การแสดงออกภายใน และการแสดงออกภายนอก การแสดงออกจากภายนอกมากเกินไปจะอยู่ในรูปแบบของการกระทำและพฤติกรรมที่คนอื่นมองเห็นได้ เช่น การตะคอกใส่ใครสักคน ส่วนการแสดงออกจากภายในมากเกินไปจะอยู่ในรูปแบบของการตอบสนองทางอารมณ์ที่คนอื่นไม่ได้สังเกตเห็น เช่น การตัดสินใจที่จะถอนตัวจากสมาคมการแสดงเพราะคุณไม่ได้รับบทที่คุณอยากจะแสดง การแสดงออกมากเกินไปทั้งสองรูปแบบล้วนส่งผลเสียต่อชื่อเสียง ความสัมพันธ์ และความเชื่อมั่นใจตัวเอง [1] อย่างไรก็ตาม คุณสามารถหลีกเลี่ยงการแสดงออกมากเกินไปได้ด้วยการเรียนรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ และหาวิธีรับมือในรูปแบบใหม่

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เรียนรู้รูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้ถึงรูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์....
    เรียนรู้ถึงรูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์. รูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์ (Cognitive Distortions) คือรูปแบบความคิดที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติที่ทำให้คนหลีกหนีจากความเป็นจริง สำหรับคนที่มีการแสดงออกมากเกินไปนั้น รูปแบบความคิดส่วนใหญ่จะเกิดจากการตัดสินในด้านลบหรือการวิจารณ์ตัวเองสูงเกินไปซึ่งทำให้คนๆ นั้นรู้สึกลบต่อตัวเอง [2] ถ้าเราไม่เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์ คนๆ นั้นก็จะไม่สามารถแสดงออกด้วยวิธีที่สะท้อนความเป็นจริงออกมาได้ ทุกๆ อย่างที่ออกมามากเกินจะก่อให้เกิดการแสดงออกที่มากเกินไป [3]
    • อาการเหล่านี้มักมีรูปแบบที่เกิดจากพื้นฐานจากวัยเด็ก เช่น การวางอำนาจ (เช่น พ่อแม่หรือคุณครู) ที่เกิดจากอาการคลั่งใคล้ความสมบูรณ์แบบในระดับสูง คนเหล่านี้จะชอบจับผิดหรือคาดหวังในสิ่งที่ไม่เป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การแสดงออกมากเกินไปได้
    • "อย่าเชื่อในทุกสิ่งที่คุณคิด" การรับรู้ถึงรูปแบบของความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์มากขึ้นนั้นจะช่วยให้คุณสร้างวิธีการแสดงออกในรูปแบบอื่นได้ แค่เพียงคุณคิดอะไรสักอย่างไม่ได้หมายความว่าคุณต้องยอมรับสิ่งนั้นเป็นความจริงโดยทันที การควบคุมความคิดที่ไร้สาระหรือความคิดที่ไม่กลั่นกรองให้ดีจะช่วยให้เป็นอิสระจากความคิดลบๆ ได้
    • แค่เพียงมองเห็นผลลบที่อาจจะเป็นไปได้และมีนิสัยที่ชอบมองโลกในแง่ลบก็จัดเป็นรูปแบบความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์โดยทั่วไป
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เข้าใจถึงประเภทของความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์....
    เข้าใจถึงประเภทของความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์. ทุกๆ คนล้วนเคยแสดงออกหรือเห็นคนอื่นแสดงออกมากเกินไป ปฏิกิริยาเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นนิสัยหรือเป็นวิธีมองโลกไปแล้วสำหรับบางคน โดยปฏิกิริยาเหล่านี้ยังรวมไปถึง
    • การเหมารวมเร็วเกินไป (Over-generalization) ตัวอย่างเช่น เด็กที่เคยมีประสบการณ์ถูกสุนัขกัดอาจจะกลัวสุนัขทุกตัวไปตลอดชีวิต
    • ด่วนสรุป ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้หญิงมักจะกังวลถึงรอบเดือนที่จะมาถึง เด็กผู้ชายมักจะส่งข้อความว่าเขาต้องเปลี่ยนแผนใหม่ เด็กผู้หญิงที่ชอบคิดว่าผู้ชายไม่สนใจเธอหรืออาจจะไม่เคยสนใจเธอ เธอจึงยกเลิกการออกเดท แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้ชายสนใจเธอ
    • "คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่คือหายนะของชีวิต" (Catastrophizing) เช่น ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำเรื่องผิดพลาดในที่ทำงาน เธอจึงกังวลว่าเธอจะถูกไล่ออก และถ้าถูกไล่ออก เธอจะกลายเป็นคนไร้บ้าน ทำให้เธอเป็นทุกข์เพราะคิดมากแทนที่จะสนใจกับการจัดการเวลาของตัวเธอเอง
    • ความคิดที่ไม่ยืดหยุ่นที่ว่า “ไม่ขาวก็ดำ” (Black and White) ยกตัวอย่างเช่น ในวันหยุดของครอบครัว พ่อรู้สึกผิดหวังกับโรงแรมที่มีคุณภาพแย่ พ่อเลยพาลทำลายความสนุกของทุกคนแทนที่จะสนใจกับชายหาดที่สวยงาม เพราะเด็กๆ ก็มักจะใช้เวลาในโรงแรมน้อยอยู่แล้ว
    • "ต้องทำ ควรทำ และน่าจะทำ" คำเหล่านี้มันจะมาคู่กับการตัดสิน ถ้าคุณพบว่าคุณกำลังใช้คำเหล่านี้กับตัวเองในทางลบหรือในเชิงตัดสิน ให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงคำพูดของตัวเอง เช่น
      • ทางลบ: “หุ่นฉันเสียหมดแล้ว ฉันควรจะไปยิม” ทางที่ดีขึ้น “ฉันอยากจะมีสุขภาพที่ดีกว่านี้ และฉันจะลองดูว่ามีหลักสูตรออกกำลังกายที่ฉันชอบหรือไม่”
      • ทางลบ “ฉันต้องให้ลูกสนใจฉันเวลาที่ฉันพูดเสียแล้ว” ทางที่ดีขึ้น “ฉันจะพูดอย่างไรให้ลูกฟังฉันมากขึ้นนะ”
      • ทางลบ “ฉันน่าจะสอบวิชานี้ได้เกรดดีกว่าบีสิ” ทางที่ดีขึ้น “ฉันรู้ว่าฉันสามารถทำได้ดีกว่าเกรดบี แต่ถ้าฉันทำไม่ได้ เกรดบีก็เป็นเกรดที่ฉันรับได้”
      • บางครั้งสิ่งนั้นต้องทำ ควรทำ หรือน่าจะทำให้เสร็จ บางสิ่งบางอย่างเราก็ต้องทำให้ได้ในทางใดทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเฝ้ามองคำพูดเหล่านี้ในเชิงลบและในเชิงตายตัวจะช่วยให้เรารู้ถึงแนวคิดที่ด้านลบและแนวคิดที่แน่นอนที่ไม่จำเป็น
    • เขียนความคิดที่เกิดขึ้นอัตโนมัติลงในสมุดบันทึก แค่เขียนสิ่งที่คุณคิดก็ช่วยให้คุณรู้ถึงที่มาของมันได้ ความคิดนี้เกิดขึ้นตอนไหน ความคิดนั้นนั้นคืออะไร การทำแบบนี้ช่วยคุณสังเกตความคิดได้ง่ายขึ้น ถามตัวเองดูว่ามีวิธีพิจารณาสาเหตุของความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์ด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ความคิดที่เกิดขึ้นอัตโนมัตินั้นมีรูปแบบที่แน่นอนหรือไม่ ถ้าใช่ มันเริ่มจากตรงไหนและส่งผลอะไรถึงคุณบ้าง การมีสติรู้ถึงรูปแบบของจิตใต้สำนึกตัวเองจะช่วยให้คุณเลิกแสดงออกมากเกินไปได้ [4]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 มองหาแนวคิดที่ว่า “ทำให้สุดหรือไม่ทำเลย”.
    รูปแบบความคิดที่เกิดขึ้นอัตโนมัติชนิดนี้นั้นเป็นที่รู้จักกันด้วยคำว่า “ไม่ขาวก็ดำ” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอาการแสดงออกมากเกินไป ความคิดที่เกิดขึ้นอัตโนมัติไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความคิดอย่างมีเหตุผล แต่อยู่บนพื้นฐานของความกลัว ดังนั้น การตอบสนองทางอารมณ์ที่มากเกินไปมักเกิดกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด [5]
    • ความคิดที่ว่า “ทำให้สุดหรือไม่ทำเลย” เป็นความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์โดยทั่วๆ ไป เพราะบางครั้งเรื่องๆ หนึ่งก็ต้องทำให้สุดหรือไม่ก็ไม่ทำเลย แต่โดยปกติแล้วคุณจะมีวิธีที่ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่งหรือเกือบทุกสิ่งที่คุณต้องการ หรือไม่ก็ค้นหาทางเลือกอื่นๆ
    • เรียนรู้ที่จะฟังเชิงวิจารณ์เพื่อสื่อสารกับความคิดของตัวเอง และสังเกตว่าสิ่งนั้นกำลังบอกอะไรกับคุณ ถ้าการพูดกับความคิดของตัวเองนั้นถูกเติมเต็มด้วยความคิดที่ทำให้เกิดความทุกข์ ก็จะช่วยให้คุณรู้ว่า “เสียง” ที่กำลังพูดกับคุณนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกต้อง
    • พิจารณาฝึกพูดยืนยันกับตัวเอง (Self-Affirmation) เพื่อติดตามความคิดที่เกิดขึ้นอัตโนมัติ การยืนยันจะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนความคิดทางลบออกไปได้ เปลี่ยนความคิดที่ว่า “ทำให้สุดหรือไม่ทำเลย” ด้วยประโยคที่เป็นแง่บวกจะช่วยสะท้อนความเชื่อที่เกิดขึ้นใหม่ของคุณออกมาได้ ยกตัวอย่างเช่น เตือนตัวเองว่า “ความผิดพลาดไม่ใช่ความล้มเหลว มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ ทุกๆ คนล้วนทำผิดพลาด คนอื่นๆ จะเข้าใจเราเอง” [6]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะตอบโต้.
    การหยุดตัวเองแล้วหายใจจะช่วยให้คุณมีเวลาพิจารณาถึงทางเลือกที่เป็นไปได้ที่คุณจะแสดงออกมา การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่สนใจอยู่กับรูปแบบความคิดที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้สูดลมหายใจเข้าทางจมูกโดยนับ 1 ถึง 4 จากนั้น กลั้นลมหายใจเอาไว้แล้วนับ 1 ถึง 3 แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากโดยนับ 1 ถึง 5 ให้ทำซ้ำเมื่อจำเป็น [7]
    • เมื่อลมหายใจของคุณเร็วขึ้น ร่างกายจะเชื่อว่าคุณกำลังเข้าสู่ความคิด “จะสู้หรือจะหนี” และเพิ่มระดับความกังวลในตัวคุณเอง คุณจะรู้สึกอยากจะตอบสนองด้วยอารมณ์และความกลัวที่พุ่งสูงขึ้น
    • ถ้าลมหายใจของคุณช้าลง ร่างกายจะเชื่อว่าคุณกำลังสงบ และคุณจะสามารถคิดอย่างมีเหตุผลได้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ค้นหารูปแบบการแสดงออกมากเกินไปของตัวเอง.
    คนส่วนใหญ่จะมี “ตัวกระตุ้น” ที่ก่อให้เกิดการแสดงออกทางอารมณ์ที่มากเกินไป ตัวกระตุ้นส่วนใหญ่มักจะเป็นความอิจฉา การปฏิเสธ การวิจารณ์ และการควบคุม คุณจะควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีขึ้นด้วยการเรียนรู้ตัวกระตุ้นของตัวเอง [8]
    • ความอิจฉาจะเกิดขึ้นเมื่อคนอื่นได้สิ่งที่คุณต้องการ และคุณรู้สึกว่าคุณควรจะได้
    • การปฏิเสธจะเกิดขึ้นเมื่อคนอื่นๆ ในกลุ่มไม่ได้ถูกแยกออกไปหรือถูกเมินเฉย การแยกตัวออกจากกลุ่มจะไปกระตุ้นตัวรับที่สมองในฐานะความเจ็บปวดทางกาย
    • การวิจารณ์จะทำให้คนอื่นมีความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์ในรูปแบบการเหมารวมเร็วเกินไป คนๆ นั้นจะสับสนกับการตอบสนองต่อการวิจารณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับในฐานะคนๆ หนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแค่การกระทำเดียวเท่านั้นที่จะถูกวิจารณ์
    • ปัญหาการควบคุมจะทำให้เกิดการแสดงออกมากเกินไปเมื่อคุณนั้นกังวลกับการไม่ได้สิ่งที่อยากได้หรือเสียสิ่งที่มีมากเกินไป นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างของการคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่คือหายนะของชีวิต (Catastrophising)
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ลองปรับมุมมอง.
    ถามตัวเองว่า “สิ่งนี้สำคัญแค่ไหน พรุ่งนี้ฉันจะจำได้ไหม หรือปีหน้า แล้วอีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร” ถ้าคำตอบคือไม่ ไม่คุณจะตอบสนองด้วยอะไรก็ตามในขณะนั้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ปล่อยให้ตัวเองได้กลับไปตั้งหลักใหม่อีกครั้งและรับรู้ว่าสิ่งนั้นอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก [9]
    • มีส่วนใดของเหตุการณ์นั้นบ้างที่คุณสามารถยื่นมือช่วยได้ มีวิธีที่คุณสามารถใช้ร่วมกับผู้อื่นเพื่อเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ถ้ามี ก็ให้ลองทำดู
    • พยายามยอมรับด้วยความเต็มใจว่าอาจจะมีสถานการณ์บางส่วนที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปล่อยให้คนอื่นทำร้ายคุณหรือไม่ควรมีกำแพงกับคนอื่น บางครั้งสิ่งนี้อาจจะหมายถึงการยอมรับว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ได้ และตัดสินใจที่จะถอนตัว
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ฝึกฝนสมองใหม่.
    เมื่อใครสักคนมีนิสัยที่ไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้ สมองจะสร้างการเชื่อมต่อกับศูนย์กลางการตอบสนองทางอารมณ์ที่สูงได้ค่อนข้างยาก และสมองอีกส่วนต้องรับผิดชอบในการคิดอย่างมีเหตุผลอยู่แล้ว การเสริมสร้างการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์กลางของสมองทั้งสองส่วนจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการแสดงออกมากเกินไปได้ [10]
    • พฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี (Dialectical Behavioral Therapy: DBT) เป็นวิธีรักษาที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพกับคนที่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง นอกจากนี้ยังใช้เพื่อเพิ่มระดับการรู้ด้วยตัวเอง (Self-knowledge) และการปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง (Cognitive restructuring) [11]
    • นิวโรฟีดแบค (Neurofeedback) และไบโอฟีดแบ็ก (Biofeedback) เป็นวิธีรักษาที่ใช้ได้ผลกับคนที่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ผู้ป่วยจะได้เรียนรู้ที่จะสังเกตการตอบสนองทางจิตวิทยาของตัวเองและยังช่วยให้ควบคุมการแสดงออกมากเกินไปของตัวเองได้ [12]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 พบผู้เชี่ยวชาญ.
    การแสดงออกมากเกินไปอาจจะส่งผลเป็นปัญหาค้างคายาวนาน นักบำบัดจะช่วยคุณจัดระเบียบปัญหาเหล่านี้ได้ การเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการแสดงออกมากเกินไปของตัวเองจะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ [13]
    • ถ้าการแสดงออกมากเกินไปของคุณนั้นส่งผลต่อความสัมพันธ์หรือชีวิตแต่งงาน ให้พิจารณาพบกับนักบำบัดพร้อมกับคู่รักของคุณ
    • นักบำบัดที่ดีจะมีการแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับการควบคุมตัวเองในปัจจุบัน แต่จะมองหาปัญหาจากอดีตของคุณ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางอารมณ์ของคุณ
    • อดทนเข้าไว้ ถ้าการแสดงออกทางอารมณ์มากเกินไปนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาระยะยาว การรักษาอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย อย่าคาดหวังว่าจะแก้ไขได้ในข้ามคืน
    • ในบางกรณี คุณอาจจะต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ แม้ว่า “การสนทนาบำบัด” จะช่วยได้เป็นอย่างมาก แต่บางครั้งการรักษาทางการแพทย์ก็ช่วยได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่แสดงออกมากเกินไปอันเนื่องมาจากโรควิตกกังวล ยารักษาอาการวิตกกังวลก็ช่วยคนกลุ่มนี้ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ดูแลตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 พักผ่อนให้เพียงพอ....
    พักผ่อนให้เพียงพอ. การนอนไม่พอนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของความเครียดโดยทั่วไป และอาจจะส่งผลให้ควบคุมอารมณ์ได้ยากและอาจจะแสดงออกทางอารมณ์มากเกินไปแม้ในสถานการณ์ประจำวัน การดูแลตัวเองนั้นรวมไปถึงการนอนให้พอด้วยเช่นกัน เพราะถ้าคุณนอนไม่พอ ก็อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนรูปแบบการแสดงออกมากเกินไปได้ยากขึ้น[14]
    • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนถ้ามันรบกวนการนอนหลับของคุณ คาเฟอีนนั้นพบได้ในเครื่องดื่มอัดลม กาแฟ ชา และอื่นๆ ถ้าคุณกำลังดื่มเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง ให้แน่ใจว่าเครื่องดื่มนั้นไม่มีคาเฟอีน
    • ความรู้สึกเหนื่อยจะเพิ่มระดับความเครียด และอาจจะทำให้คุณคิดด้วยเหตุผลยากขึ้น
    • ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนตารางการนอนหลับได้ ลองเพิ่มเวลาพักผ่อนไปในตารางเวลาประจำวันดู การงีบสั้นๆ อาจจะช่วยได้
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทานอาหารให้เป็นเวลา.
    ถ้าคุณหิว คุณจะมีแนวโน้มที่จะแสดงออกมากเกินไปได้ นอกจากนี้ การทานอาหารเป็นเวลายังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย ดูว่าคุณทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนเป็นจำนวนมาก และอย่าเลี่ยงน้ำตาลในอาหารเช้า [15]
    • หลีกเลี่ยงการทานอาหารขยะ อาหารที่หวาน และอาหารอื่นๆ ที่อาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนมขบเคี้ยวที่มีรสหวานอาจทำให้เกิดความเครียดได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ.
    การออกกำลังกายจะช่วยในการควบคุมอารมณ์ และทำให้มีอารมณ์ที่ดีขึ้น การออกกำลังกายระดับปานกลางเป็นเวลา 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ได้รับการยืนยันว่ามีประโยชน์ต่อการควบคุมอารมณ์ [16]
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น ว่ายน้ำ เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน จะเป็นการบริหารปอดและหัวใจ ให้เพิ่มการออกกำลังกายให้เป็นนิสัยโดยไม่คำนึงว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายแบบไหน ถ้าคุณไม่สามารถให้เวลา 30 นาทีต่อวันในการออกกำลังกายได้ ให้เริ่มต้นด้วยออกกำลังกายเป็นเวลาสั้นๆ ก่อน แค่ออกกำลังกายเพียง 10–15 นาทีก็ช่วยพัฒนาร่างกายได้ [17]
    • การเสริมสร้างความแข็งแรง เช่น การเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มความคงทน จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกเช่นกันกับกล้ามเนื้อ
    • การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่น เช่น การยืดกล้ามเนื้อและโยคะ จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้ โยคะยังช่วยในเรื่องของความเครียดและความวิตกกังวล และโยคะยังได้รับการแนะนำอย่างสูงสำหรับคนที่พยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตระหนักถึงอารมณ์ของตัวเอง.
    เมื่อใครสักคนไม่ตระหนักถึงความรู้สึกของพวกเขาเองจนถึงเวลาที่พวกเขาแสดงออกมากเกินไปออกมา การเปลี่ยนแปลงอารมณ์อาจจะทำให้ยาก เคล็ดลับก็คือการตระหนักถึงอารมณ์ของตัวเองก่อนที่อารมณ์จะมีมากเกินไป เรียนรู้ที่จะค้นหาวิธีป้องกันตัวเองก่อนที่จะแสดงออกมามากเกินไป [18]
    • สัญญาณอาจจะออกมาจากร่างกายของคุณ เช่น รู้สึกคอแข็งและหัวใจเต้นเร็ว
    • การระบุความรู้สึกหมายถึงคุณสามารถใช้สมองทั้งสองส่วนในการพัฒนาวิธีควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
    • ยิ่งคุณตระหนักถึงการตอบสนองภายในตัวเองได้ดีแค่ไหน คุณก็จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่พุ่งพล่านมากเกินไปน้อยแค่นั้น
    โฆษณา

คำเตือน

  • อารมณ์ที่แรงกล้าไม่จำเป็นต้องตอบสนองด้วยการแสดงออกมากเกินไปเสมอไป อย่าลดความรู้สึกของตัวเองเพียงเพราะว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันรุนแรง
  • ถ้าการแสดงออกมากเกินไปของตัวเองกำลังก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย ให้รีบขอความช่วยเหลือทันที
  • บางครั้ง การแสดงออกมากเกินไปอาจจะเป็นอาการของการป่วยทางจิต ถ้าเป็นกรณีนี้ คุณจะต้องมองหาความช่วยเหลือในการดูแลอาการป่วยในขณะที่พยายามหาสาเหตุของการแสดงออกมากเกิน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Trudi Griffin, LPC, MS
ร่วมเขียน โดย:
ผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Trudi Griffin, LPC, MS. ทรูดี้ กริฟฟินเป็นผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพที่มีใบอนุญาตในวิสคอนซิน เธอได้รับปริญญาโทด้านการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพจิตจากมหาวิทยาลัยมาร์เกว็ตต์ในปี 2011 บทความนี้ถูกเข้าชม 2,684 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,684 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา