วิธีการ มีอารมณ์ขัน

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ทำความเข้าใจกับความตลก

เรียนรู้การเล่นมุกตลก

มองเห็นด้านสว่างในชีวิต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

อารมณ์ขันเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์ โดยทักษะการมีอารมณ์ขันนั้นจะช่วยให้คุณมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพ และยังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่ยากแก่การรับมือได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยเข้าใจก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนตลกเพื่อที่จะมีอารมณ์ขัน แค่เพียงเรียนรู้วิธีที่จะมองโลกในแง่ดีก็พอแล้ว

ขั้นตอน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

ทำความเข้าใจกับความตลก

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ค้นหาข้อดีของความตลก. อารมณ์ขันจะช่วยให้คุณค้นหาเรื่องตลกได้ในสถานการณ์ที่ดีและไม่ดี นอกจากอารมณ์ขันจะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับปัญหาและเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเอง

   • ความตลกนั้นมีประโยชน์ทั้งในด้านร่างกาย ความคิด ความรู้สึก และสังคม โดยจะช่วยลดความเครียดและความเจ็บปวด เสริมสร้างอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ ช่วยเพิ่มความเป็นมิตร และมีความสุขในความสัมพันธ์ที่มีกับคนอื่นมากขึ้น
2. 
   2
   ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างการเป็นคนตลกกับการมีอารมณ์ขัน. การเป็นคนตลกนั้นคือการที่มีความสามารถในการแสดงอารมณ์ อาจจะเป็นการเล่าเรื่องตลก เล่นมุกตลก หรือเล่นตลกได้เหมาะกับเวลา แต่การมีอารมณ์ขันนั้นคือการมีความสามารถที่จะปล่อยวาง ไม่จริงจังกับทุกๆ สิ่งรอบตัวมากเกินไป และมีความสามารถในการหัวเราะกับความไร้สาระในชีวิต (หรืออย่างน้อยก็มองเห็นความตลกในนั้น)

   • คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนตลกเพื่อให้มีอารมณ์ขัน หรือเป็นคนที่พูดเรื่องตลกตลอดเวลา
3. 
   3
   ค้นหาธรรมชาติความเป็นตลกในตัวเอง. อะไรที่ทำให้คุณหัวเราะ อะไรที่ทำให้คุณยิ้มและร่าเริง การค้นหาสิ่งเหล่านี้เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คุณมีอารมณ์ขัน อารมณ์ขันนั้นมีหลายชนิด เช่น อารมณ์ขันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ (Bonding humor) อารมณ์ขันที่ช่วยให้มองโลกในแง่ดี (Laughing-at-life humor) เป็นต้น
4. 
   4
   ดูแล้วเรียนรู้. ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะหัวเราะหรือมีอารมณ์ขันกับสิ่งๆ หนึ่งอย่างไรดี ให้ลองสังเกตคนอื่นดู ลองดูว่าเพื่อนและครอบครัวของคุณหัวเราะกับสิ่งรอบตัวและสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างไร

   • ลองดูภาพยนตร์ที่มีมุกตลกที่หลากหลาย รวมไปถึงภาพยนตร์ที่มีนักแสดงตลกเหล่านี้ร่วมแสดง ได้แก่ บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) เอ็ดดี้ เมอร์ฟี (Eddie Murphy) อดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler) คริสติน วิก (Kristen Wiig) สตีฟ มาร์ติน (Steve Martin) หรือ เชฟวี่ เชส (Chevy Chase) นอกจากนี้ คุณอาจจะดูภาพยนตร์ตลกยุคคลาสสิก เช่น “เขยซ่าส์ พ่อตาแสบ” (Meet the Parents), “ยัง แฟรงเก้นสไตน์” (Young Frankenstein), “มอนตี้ ไพธอน ป่วนจอกศักดิ์สิทธิ์” (Monty Python and the Holy Grail), “นายอำเภอดำ” (Blazing Saddles), “รวยคนละที” (Trading Places), “นีโม ปลาเล็ก หัวใจโต๊โต” (Finding Nemo) และ “แก๊งค์เพื่อนเจ้าสาว แสบรั่วตัวแม่” (Bridesmaids)
   • ระวังไว้ว่าให้สังเกตพฤติกรรมคนอื่น แต่อย่าเลียนแบบสิ่งที่พวกเขาทำ เรื่องตลกที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่จริงใจและสะท้อนบุคลิกภาพของคุณ
5. 
   5
   ตั้งใจเป็นคนมีความตลกมากกว่าเป็นคนตลก. การมีอารมณ์ขันนั้นช่วยให้คุณมีความสนุกสนานได้แม้ว่าอะไรจะเข้ามาหาคุณก็ตาม หรือก็คือคุณสามารถหัวเราะกับชีวิตและมองสถานการณ์เป็นเรื่องตลกได้ จำไว้ว่าให้ตั้งใจอยู่กับการมีความตลก
   โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

เรียนรู้การเล่นมุกตลก

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เรียนรู้มุกตลก. การแบ่งปันเรื่องตลกกับคนอื่นๆ นั้นเป็นวิธีที่ดีที่จะติดต่อกับผู้คน ถ้าคุณต้องการใช้เรื่องตลกเป็นลักษณะทางสังคม ให้เรียนรู้มุกตลกพื้นฐานดู คุณอาจจะมองหาภาพตลก คำพูดที่มีสองแง่สามง่าม และมีมบนอินเทอร์เน็ตตลกๆ มาแบ่งปันกับคนอื่น ลองหาสิ่งที่เข้ากับลักษณะของความตลกในตัวคุณ

   • ยกตัวอย่างเช่น ลองมุกแบบว่า: "ทำไมผู้หญิงถึงมีอายุโดยเฉลี่ยยืนยาวกว่าผู้ชายสามปี? เพราะเวลาที่เจ้าหล่อนหมดไปกับการแต่งหน้านั้นเราไม่นับ"
   • "รู้ไหมว่านักการเมืองกับผ้าอ้อมมีอะไรเหมือนกัน? ทั้งคู่ต้องถูกเปลี่ยนบ่อยๆ แถมต้องเปลี่ยนเพราะเหตุผลเดียวกันด้วย"
2. 
   2
   มองหาอารมณ์ขันในสิ่งที่ธรรมดา. คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหัวเราะกับมุกตลกที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่พวกเขาเกี่ยวข้อง ลองพิจารณาดูว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน หรือมีความเชื่ออย่างไร ลองเล่นมุกตลกเบาๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศหรือเมืองที่คุณอาศัยอยู่เพื่อเปิดบทสนทนากับผู้อื่น ถ้าคุณกับเขาอยู่ในวงการเดียวกัน ก็ให้เล่นมุกตลกที่เกี่ยวข้องกับวงการของคุณ

   • เมื่อคุณคิดถึงสิ่งที่อยากจะพูด ให้ลองแสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาพอากาศ ยกตัวอย่างเช่น “ถ้าหิมะยังไม่หยุดตกล่ะก็ สงสัยฉันจะต้องขับสกีไปทำงานซะแล้ว”
3. 
   3
   อยู่ท่ามกลางคนตลก. คิดถึงเพื่อนที่เป็นคนตลก พวกเขานำอารมณ์ขันเข้าสู่บทสนทนาได้อย่างไร มุกตลกแบบไหนที่พวกเขาใช้

   • ศึกษานักแสดงตลกที่มีเสียงหรือดูวีดีโอบนอินเทอร์เน็ต ตั้งใจดูวิธีที่พวกเขาใช้สื่อความหมาย หัวข้อสนทนา และวิธีที่พวกเขาเปลี่ยนทุกๆ วันให้เป็นสิ่งที่ตลก
   • สังเกตผู้คนในชีวิตของคุณที่คุณคิดว่าเขานั้นเป็นคนตลก แล้วลองพิจารณาดูว่าอะไรที่คุณชอบเกี่ยวกับความตลกของพวกเขา แล้วอะไรที่คุณสามารถนำไปใช้เป็นของตัวเองได้
4. 
   4
   ฝึกฝน. ฝึกฝนการสร้างมุกตลกเพื่อพัฒนาตัวเองและเพื่อให้เล่นมุกตลกได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยการเล่นตลกกับเพื่อนที่คุณไว้ใจและคนในครอบครัว บอกเป้าหมายของคุณให้พวกเขารู้แล้วขอให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อคุณ ลองฟังพวกเขาถ้าพวกเขาบอกว่ามุกตลกของคุณนั้นยังต้องพัฒนา เพราะคุณจะรู้สึกสบายมากขึ้น ขยายขอบเขตในตัวคุณด้วยการใส่เรื่องตลกลงไปในบทสนทนากับคนที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับคุณมากนัก
5. 
   5
   ระวังอย่าไปละเมิดคนอื่น. ในขณะที่คุณพัฒนาการมีอารมณ์ขันนั้น ให้ดูบริบทของเนื้อหาด้วย คุณรู้สึกว่าตัวเองถูกละเมิดได้ง่ายเมื่อคนอื่นเล่นมุกตลกหรือไม่ ไม่ว่าคุณกำลังเล่าเรื่องตลกหรือหัวเราะกับมุกตลกก็ตามแต่ คุณต้องระวังไม่ให้มุกตลกนั้นไปละเมิดคนอื่นหรือทำร้ายความรู้สึกของพวกเขา การมีอารมณ์ขันคือการที่คุณใช้ชีวิตด้วยอัธยาศัยที่ดี ดังนั้น คุณต้องไม่ใช้คนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองหัวเราะ และคุณต้องไม่หัวเราะเมื่อมีคนกำลังล้อเลียนคนอื่นอยู่

   • ถ้าคุณกำลังเล่าเรื่องตลก ให้คิดถึงบริบทด้วยว่ามุกตลกนี้เหมาะสมสำหรับเล่นในที่ทำงาน ระหว่างออกเดท หรือกลุ่มคนที่คุณอยู่ด้วยหรือไม่ แล้วมุกตลกนี้จะไปละเมิดใครหรือเปล่า
   • รู้ถึงความแตกต่างระหว่างการเล่นตลกกับคนสูงกว่ากับการเล่นตลกกับคนที่ต่ำกว่า การเล่นตลกกับคนที่สูงกว่านั้นเป็นการเสียดสีสถานภาพปัจจุบันด้วยการล้อเลียนกลุ่มคนที่มีอำนาจ ส่วนการเล่นตลกกับคนที่ต่ำกว่าเป็นการเสียดสีสถานภาพปัจจุบันด้วยการล้อเลียนคนที่ด้อยกว่าหรือกลุ่มคนที่ถูกกดขี่
   • มุกตลกที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดชนชาติ การเหยียดเพศ และความดิบเถื่อนนั้นเป็นการล่วงละเมิดอย่างรุนแรง การเล่นตลกเกี่ยวกับศาสนาที่คนๆ หนึ่งนับถือ ความเชื่อทางการเมือง หรือระบบความเชื่ออื่นๆ นั้นอาจจะเข้าข่ายล่วงละเมิดได้ ให้เก็บมุกตลกที่ดิบเถื่อนหรือมีเนื้อหาล่วงละเมิดไว้ในใจหรือเอาไว้ใช้กับเพื่อนที่ “ไปไหนไปกัน” ได้
   • เรื่องตลกแบบกดคนอื่นหรือตลกร้ายนั้นมักจะใช้เพื่อวิจารณ์หรือกล่อมคนอื่นผ่านการล้อเลียน เสียดสี หรือเยาะเย้ยคนอื่น มุกตลกแบบนี้อาจจะดูตลกถ้าใช้กับบุคคลสาธารณะ แต่ถ้าใช้กับเพื่อนหรือคนที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคุณนั้นจะเป็นการทำร้ายพวกเขาอย่างรุนแรง
   โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

มองเห็นด้านสว่างในชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เรียนรู้ที่จะหัวเราะ. การหัวเราะเป็นกุญแจสำคัญในการมีอารมณ์ขัน ตั้งใจหัวเราะให้มากๆ ในทุกๆ วัน แม้จะเป็นการหัวเราะกับตัวเองก็ตาม มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มองหาเรื่องตลกในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน และมองหาความตลกแม้อยู่ในช่วงที่โชคร้าย พยายามยิ้มให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลองทำให้คนอื่นหัวเราะด้วยก็จะดี และยกให้การหัวเราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดทั้งกับตัวเองและผู้อื่น
2. 
   2
   หัวเราะแทนที่จะตอบโต้. เมื่อคุณพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ให้ถอยหลังออกมาแล้วหัวเราะ ความโกรธนั้นเป็นอารมณ์ที่รุนแรง แต่การหัวเราะนั้นก็มีพลังมากพอที่จะควบคุมทั้งอารมณ์และร่างกายได้เช่นกัน พูดคำที่ตลกๆ ออกมา หัวเราะไปกับสถานการณ์นั้น หรือใช้อารมณ์ขันในการบรรเทาสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยคุณจากความเครียดและความเศร้าหมองได้

   • บางครั้งสถานการณ์ที่ตึงเครียดหรือน่าอึดอัดนั้นก็สามารถคลี่คลายได้ด้วยการใช้ความตลก มุกตลกนั้นสามารถคลายความเครียดและทำให้รู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น
   • เมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังจะโมโหใส่ใครสักคนอยู่ ให้เล่าเรื่องตลก ถ้าคุณกำลังทะเลาะกับพี่น้องของคุณ คุณอาจจะพูดว่า “เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ มา 10 ปีแล้วนะ เห็นได้ชัดว่าเราติดอยู่กับการเป็นวัยรุ่นอยู่เลย”
   • ถ้ามีคนล้อเลียนรถคนเก่าของคุณ คุณอาจจะตอบไปว่า “ฉันมั่นใจว่าคุณไม่ได้ดูดีเหมือนที่คุณเคยเป็นเมื่อ 15 ปีก่อนเหมือนกัน”
3. 
   3
   ปล่อยวางการปกป้องตัวเอง. ปล่อยวางสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกว่าต้องป้องกันตัวเอง ให้ลืมการวิจารณ์ การตัดสิน และการสงสัยในตัวเอง คุณควรมีอารมณ์ขันเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นแทนที่จะปล่อยให้สิ่งกวนใจเหล่านั้นมาส่งผลต่อจิตใจของคุณ ทุกคนไม่ได้อยู่เพื่อวิจารณ์คุณหรือเอาชนะ ดังนั้นให้ยิ้มและหัวเราะไปกับมัน
4. 
   4
   ยอมรับตัวเอง. การมีจิตใจที่สบายก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้มีอารมณ์ขัน ดังนั้น เรียนรู้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง แม้ว่าทุกคนต้องการที่จะจริงจังบ้างในบางครั้ง แต่การเรียนรู้ที่จะหัวเราะกับตัวเองนั้นก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ยอมรับตัวเองได้ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบและทุกคนต้องเคยทำผิดพลาดมาก่อน อย่าจริงจังกับตัวเองมากเกินไปและคอยมองชีวิตตัวเองด้วยความสนุกสนาน

   • หัวเราะกับสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ เช่น อายุและรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าคุณมีจมูกที่ใหญ่ ให้ล้อเลียนตัวเองแทนที่จะมานั่งอารมณ์เสีย ถ้าคุณแก่ลง ให้หัวเราะไปกับความแก่ของคุณ แม้ว่าคุณจะรู้สึกอึดอัดจากการล้อเลียนตัวเอง ก็ขอให้เอาสิ่งเหล่านั้นออกไปจากใจ โดยเฉพาะสิ่งที่คุณเปลี่ยนไม่ได้
   • หัวเราะกับความน่าอับอายและความผิดพลาดของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นเรื่องตลกในความเป็นคนธรรมดาของคุณเอง
   • คิดถึงช่วงเวลาที่น่าอับอายในชีวิต แล้วค้นหาวิธีที่จะเล่าเรื่องนั้นด้วยความตลกขบขันแทนที่จะเล่าด้วยความอับอาย คุณอาจจะต้องเยาะเย้ยตัวเองและอาจจะพูดถึงเหตุการณ์ด้วยความเกินจริงหรือแสร้งให้เป็นละคร
5. 
   5
   ให้อภัยผู้อื่น. ส่วนหนึ่งของการมีอารมณ์ขันนั้นคือการสื่อสารสิ่งนั้นให้ผู้อื่นได้รับรู้ ก็เหมือนกับวิธีที่คุณจะไม่จริงจังกับตัวเองมากเกินไปนั่นเอง ลองใช้หลักการเดียวกันนี้กับคนอื่น ให้อภัยคนอื่นและตั้งใจมองในด้านที่ดีเมื่อคนอื่นทำผิด หัวเราะอย่างร่าเริงให้กับความผิดพลาดของพวกเขาเหมือนที่คุณทำกับตัวเอง การทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้สึกดี แต่ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของคุณได้

   • แทนที่จะโกรธหรือโมโหลูกจ้างที่มาสายตลอดเวลานัดประชุม ให้ทำเป็นเรื่องตลกด้วยการพูดว่า “ดีนะเนี่ยที่คุณไม่ได้เป็นกัปตันขับเครื่องบิน”
   • เมื่อมุกตลกที่เพื่อนร่วมงานของคุณเล่นนั้นดูไม่ดีและจะล่วงละเมิดคนอื่น การโมโหก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การมีอารมณ์ขันหมายถึงคุณต้องไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้มากวนใจคุณและคุณเลือกได้ว่าอะไรที่คุณจะไม่โมโหใส่
6. 
   6
   ทำให้เป็นธรรมชาติ. คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมทำบางสิ่งบางอย่างเพราะกลัวความผิดพลาดหรือถูกมองว่าเป็นคนโง่ การมีอารมณ์ขันที่ดีกับตัวเองนั้นจะช่วยให้คุณก้าวผ่านสิ่งที่คอยขัดขวางคุณได้ นอกจากนี้ อารมณ์ขันยังช่วยให้คุณเลิกจมปลักกับความคิดเหล่านั้นและปล่อยวางสิ่งที่ขัดขวางคุณ เพื่อให้คุณได้มีประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าความพยายามของคุณนั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม

   • การมีอารมณ์ขันจะช่วยให้คุณคิดได้ว่าการดูไม่ฉลาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แม้ว่าคุณจะถูกมองว่าเป็นคนโง่จริงๆ ก็ขอให้หัวเราะกับตัวเองแล้วยิ้ม เพราะคุณได้พยายามทำสิ่งใหม่นอกเหนือขอบเขตของตัวเองแล้ว สุดท้ายนั้น ให้ศึกษาลักษณะของคน การเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาชอบจะช่วยให้พวกเขามีรอยยิ้มบนใบหน้าได้
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• มีความสุขกับสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มและหัวเราะ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาอารมณ์ขัน
• รักษาสิ่งนี้เอาไว้ อารมณ์ขันเป็นส่วนที่สำคัญในชีวิต
• ดูให้ดีว่าคุณทำสิ่งที่ตลกได้เหมาะกับเวลา เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้คนอื่นหัวเราะ สถานการณ์บางอย่างไม่จำเป็นต้องเล่นตลก
• การมีอารมณ์ขันจะช่วยให้คุณมีเพื่อนเยอะ คนที่ตลกมักจะมีคนล้อมรอบอยู่เสมอ
• ถ้าคุณรู้สึกเศร้าหรือเครียด ให้คิดหรือมองสิ่งที่ทำให้คุณหัวเราะมากๆ ในอดีต ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นในทันที

โฆษณา