วิธีการ พัฒนานิสัยการอ่านของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

การพัฒนานิสัยการอ่าน

การตัดสินใจว่าจะอ่านอะไร

ทำให้การอ่านเป็นความตั้งมั่นตลอดชีวิต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

การอ่านไม่ได้เป็นเพียงแค่ทักษะอาชีพที่สำคัญเท่านั้น มันยังเป็นอีกทางที่ให้ความเพลิดเพลินไปกับงานเขียนที่ให้ข้อมูล แรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตของเรา เช่นเดียวกับทักษะอื่นๆ ที่ควรค่าแก่การฝึกฝน นิสัยการอ่านต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการพัฒนามัน อย่างไรก็ตามมันเป็นแหล่งความบันเทิงให้คุณได้ตลอดชีวิต และเป็นงานอดิเรกที่ใครก็ตามที่อยากหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสามารถทำได้

ขั้นตอน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

การพัฒนานิสัยการอ่าน

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   พัฒนาทักษะการอ่านของคุณ. เพื่อที่จะสร้างนิสัยการอ่านและเพลิดเพลินไปกับการอ่านได้อย่างเต็มที่ ให้เริ่มฝึกทักษะการอ่านที่ดี ตัวอย่างเช่น:

   • อ่านเพื่อหาสาระ เวลาที่คุณอ่านหนังสือ ให้หาสาระสำคัญในแต่ละย่อหน้าพร้อมหาเหตุผลประกอบเนื้อหานั้น เมื่อสร้างทักษะการอ่านที่ไม่ต่อเนื่อง มันจะช่วยในการอ่านได้โดยใช้ดินสอสักแท่งเขียนโน้ตหรือขีดเส้นใต้ใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้าไว้
   • มองหาคำที่ไม่คุ้นเคย เว็บออนไลน์ Merriam Webster เป็นแหล่งค้นหาคำศัพท์แปลกๆ ที่ยอดเยี่ยมและละเอียด ให้ขีดเส้นใต้และจดรายการคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยไว้ เมื่อคุณมาถึงจุดที่หยุดอ่าน ให้ย้อนกลับไปดูศัพท์แต่ละคำและหาความหมาย อ่านซ้ำประโยคที่มันปรากฏอยู่ นี่จะช่วยให้คุณรู้ความหมายของคำศัพท์และวิธีการใช้คำนั้นในกรณีที่มันมีหลายความหมาย
   • เรียนรู้คุณค่าของเนื้อเรื่อง เมื่อเจอกับคำที่ไม่คุ้นเคยหรือความคิดแปลกใหม่ โดยเฉพาะในเนื้อหาทางด้านสังคม ประวัติศาสตร์ หรือวรรณกรรม งานเขียนเหล่านี้มักจะมีคำบอกใบ้สิ่งที่ตัวละครในเรื่องหรือผู้เขียนกำลังพูดถึง นี่อาจจะต้องทำการค้นคว้าเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อให้เข้าใจถึงระดับต่างๆ ของเนื้อเรื่องที่นำเสนอผ่านตัวหนังสือ
   • ทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือทางวรรณกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการอ่านนวนิยายและเรื่องสั้น การทำความคุ้นเคยกับเทคนิคการเขียนวรรณกรรมทั่วไปเป็นสิ่งที่สำคัญในการจะเป็นผู้อ่านที่ดีขึ้น การเข้าใจเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้กันบ่อยๆ เช่น การใช้คำอุปมา อติพจน์ โครงสร้างขนาน บุคลาธิษฐาน และสัมผัสอักษร จะช่วยให้คุณสามารถสนุกไปกับการอ่านได้มากยิ่งขึ้น
   • อย่าเร่ง การอ่านเพื่อเรียนรู้ และความเพลิดเพลินไม่ใช่การวิ่งเร็ว กลับกันคือ คุณควรใช้เวลา ค่อยๆ ฝึกฝนทักษะของคุณและพัฒนาไปตามความสามารถของคุณ อย่าท้อถ้าหากคุณเป็นคนอ่านช้า โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ในแต่ละวันที่คุณอ่าน ใจของคุณจะค่อยๆ ซึมซับเทคนิคการอ่านที่ได้เรียนรู้มาก่อนหน้าและนำมาใช้อีกครั้งพร้อมกับประสิทธิภาพที่มากขึ้น
2. 
   2
   พกหนังสือหรืออุปกรณ์สำหรับอ่านให้ติดตัว. นักบาสเกตบอลไม่สามารถฝึกได้ถ้าเธอไม่มีบอลและรองเท้าผ้าใบพร้อมไว้ใช้ การอ่านก็เช่นเดียวกันกับทักษะอื่นๆ ด้านล่างนี้เป็นวิธีแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ในการมีอุปกรณ์สำหรับอ่านไว้อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา:

   • สมัครสมาชิกรับนิตยสาร: นิตยสารที่เกี่ยวกับการค้าหรือที่เกี่ยวข้องกับความสนใจพิเศษ เป็นอีกทางที่ดีในการพกหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ไว้ใกล้ๆ ตัว นอกจากนี้ยังมีนิตยสารวรรณกรรม เช่น “Harper’s” หรือ “The New Yorker” สำหรับนวนิยายและพวกการเขียนแบบสร้างสรรค์
   • ไปห้องสมุด: แม้แต่เมืองที่เล็กที่สุดก็มีห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือ สามารถเยี่ยมชมได้ไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าหากคุณยังไม่เคยไปล่ะก็ ให้สมัครสมาชิกห้องสมุดและไปลองดูเลยว่าห้องสมุดใกล้ๆ คุณมีอะไรน่าสนใจบ้าง
   • พิจารณาใช้ที่อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์. Barnes, Noble และ Amazon มีขายที่อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์และยังมีหนังสือดิจิตอลให้เลือกหลากหลายสำหรับขาย หรือยืมด้วย ห้องสมุดส่วนมากมักจะมีให้ยืมหนังสือออนไลน์เช่นกัน
   • ค้นหาออนไลน์ เว็บไซต์ตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยมักจะมีหนังสือฉบับเต็มของงานเขียนวรรณกรรมออนไลน์มากมาย เช่น "Project Gutenberg" ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลโดย Ibiblio ที่มหาวิทยาลัย North Carolina ที่ Chapel Hill ปัจจุบันมีทั้งบทความ นวนิยาย นวนิยายสั้นๆ และเรื่องสั้นรวมเกือบ 50,000 เรื่อง และยังมีนวนิยายใหม่ๆ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 50 เรื่อง
3. 
   3
   หาวิธีเชื่อมโยงการอ่านเข้ากับชีวิตประจำวันของคุณ. ถ้าหากคุณทำให้การอ่านเป็นส่วนหนึ่งของตารางชีวิตประจำวันของคุณได้ มันจะทำให้การฝึกทักษะการอ่านของคุณง่ายขึ้นอีก ด้านล่างนี้เป็นวิธีที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้

   • เข้าร่วมชมรมหนังสือ ปกติแล้วจะมีการนัดพบของชมรมทุกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้คุณอ่านและได้พบปะกับผู้คนที่ตั้งใจจะเป็นนักอ่านที่ดี ชมรมหนังสือยังให้โอกาสคุณได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอ่าน และประโยชน์จากการพูดคุยกับนักอ่านที่มีความสนใจและความรู้ที่หลากหลายอีกด้วย
   • ดาวน์โหลดบริการจัดหาวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มีบริการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่บางราย เช่น Feedly หรือ Digg ที่จะช่วยให้คุณสามารถติดตามบล็อกออนไลน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารผ่านรูปแบบบราวเซอร์ที่จะช่วยจัดระเบียบสิ่งที่คุณอ่านในโฟลเดอร์และแบ่งแยกตามประเภท “อ่านแล้ว” กับ “ยังไม่อ่าน”
   • หาเวลาและที่อ่านหนังสือ คุณมีที่นั่งโปรดในร้านกาแฟ หรือมุมเงียบๆ ในบ้านคุณเองที่คุณชอบไปขลุกและพักผ่อนอยู่หรือเปล่า? หาที่ๆ จะพาคุณไปสู่นิสัยการอ่านของคุณเอง แบ่งเวลาส่วนหนึ่งไว้สำหรับที่โปรดของคุณและเอาหนังสือเล่มที่คุณกำลังอ่านติดตัวไปด้วยเสมอ
   • ตั้งเป้าหมายรายวันหรือรายสัปดาห์ ไม่มีความเร็วอะไรกำหนดว่าคุณจะต้องอ่านหนังสือนิตยสารนั้นให้จบตอนไหน อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณเป็นนักอ่านที่ทะเยอทะยาน และมีรายการหนังสือที่คุณรู้สึกอยากจะอ่านเต็มทีแล้ว การตั้งเป้าการอ่านที่เหมาะสมก็เป็นอีกวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณทำตามความทะเยอทะยานนั้นได้ เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าคุณจะอ่านหนังสือวันละหนึ่งชั่วโมง หรือคุณจะอ่านหนึ่งบทของเล่มที่คุณกำลังอ่านอยู่ หรืออ่านนิตยสารเล่มปัจจุบัน 10 หน้า
   โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

การตัดสินใจว่าจะอ่านอะไร

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ลองเริ่มจากงานอดิเรกของคุณและความสนใจส่วนตัวของคุณ. การอ่านจะกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสนุกมากขึ้นเมื่อเราได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจ

   • มองหาบล็อก หนังสือ และนิตยสารที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรกของคุณและสิ่งที่คุณสนใจ เพื่อที่จะเป็นแรงจูงใจในการอ่านและสร้างความเพลิดเพลินสูงสุด
2. 
   2
   ขอคำแนะนำจากเพื่อน. คำบอกเล่าจากปากมักจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการเลือกว่าเราจะอ่านอะไรดี

   • คุยกับเพื่อน หรือหานักอ่านออนไลน์ที่มีความสนใจเหมือนๆ กัน ลองดูว่าหนังสืออะไรที่พวกเขาชอบ
   • Goodreads.com เป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ดีในการหาคำแนะนำด้านหนังสือที่มีคำบรรยายที่ผ่านการกรองมาอย่างดี.
   • เข้าร้านหนังสือแถวบ้านคุณ ถ้ามี พนักงานร้านหนังสือส่วนใหญ่รักการอ่านเช่นกัน และพร้อมที่จะแนะนำเรื่องโปรดของพวกเขาได้ ถ้าหากคุณมีร้านหนังสือมือสองหรือร้านอิสระจะยิ่งดีใหญ่
3. 
   3
   อ่านเรื่องคลาสสิค. ส่วนหนึ่งของการเป็นนักอ่านที่ดีคือการรู้จักว่างานเขียนที่ดีเป็นอย่างไร ลองอ่านดูด้วยตัวคุณเอง หนังสือที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ตะวันตก พร้อมกับลองพิจารณา:

   • จะขยายการค้นหาและมองหาหนังสือคลาสสิคของที่อื่นบนโลกนี้ได้อย่างไร
   • ค้นหาว่านักเขียนแต่ละรุ่นอ้างถึง ยอมรับ และตีความเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์สำหรับยุคของพวกเขาไว้ว่าอย่างไรบ้าง
4. 
   4
   ดูว่านักวิจารณ์ว่าอย่างไร. ว่ากันว่าทุกคนคือนักวิจารณ์ และรสนิยมเป็นญาติกัน อย่างไรก็ตามกระแสพัฒนาได้เพราะบางสิ่งบางอย่างของวัฒนธรรมได้กลายเป็นจังหวะ หรือมีความเกี่ยวเนื่องกันสำหรับหลายๆ คนพร้อมกัน ตัวอย่างประโยชน์จากการอ่านบทวิจารณ์หนังสือ ได้แก่:

   • พัฒนาทักษาการอ่านชุดใหม่ๆ การอ่านงานวิจารณ์เป็นอีกประเภทที่แตกต่างจากการอ่านเรื่องแต่ง หรือสารคดี เพิ่มทักษะของคุณในการเรียนรู้เพื่อเข้าใจวัตถุประสงค์และประโยชน์ของการวิจารณ์งานวรรณกรรม
   • ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ บทวิจารณ์เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งที่จะสามารถคาดหวังและปฏิเสธการซื้อหนังสือที่ดูไว้ได้ มันยังเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้ที่จะเชื่อมต่อรสนิยมของคุณได้ในฐานะผู้อ่าน
   • เริ่มบทสนทนาที่ได้ทราบข้อมูลมาแล้ว บางทีคุณและชมรมหนังสือของคุณอาจจะเพิ่งอ่านหนังสือที่ได้รับการวิจารณ์ธรรมดาๆ ใน “New York Times” นำบทวิจารณ์เข้ามาพูดคุยและพูดถึงประเด็นหลักที่นักวิจารณ์เอ่ยถึง ดูว่าคนอื่นเห็นอย่างไรกันบ้าง พัฒนาความคิดเห็นของคุณเองเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น
5. 
   5
   สร้างรายการการอ่าน. เป็นสิ่งสำคัญที่จะติดตามการอ่านหนังสือ นิตยสาร และบล็อกที่กระตุ้นความสนใจของเรา เพื่อที่ว่าเมื่อเราอ่านหนังสือเล่มที่อ่านอยู่จบ เราจะอ่านอะไรต่อไป Goodreads.com เป็นอีกเว็บหนึ่งที่ช่วยคุณติดตามการอ่านได้ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะบันทึกไว้ในบันทึกส่วนตัวของคุณเองก็ได้เพื่อติดตามว่าอยากจะอ่านอะไรต่อไปในอนาคต
   โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

ทำให้การอ่านเป็นความตั้งมั่นตลอดชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   อาสาสมัครในฐานะนักอ่าน. โรงเรียน สถานพยาบาล ทัณฑสถาน และแม้แต่ที่หลบภัยสำหรับคนไร้ที่อยู่อาศัยต่างก็ชื่นชอบบริการของนักอ่านอาสาสมัคร การเป็นนักอ่านอาสาสมัครเป็นบริการที่สำคัญเพราะ:

   • ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะได้รับเวลาจากพ่อแม่ที่บ้านที่ต้องใช้ในการสร้างนิสัยการอ่านที่ดีได้ ที่บ้านของผู้ปกครองที่เลี้ยงดูลูกหลายคนด้วยตัวคนเดียว มันอาจจะเป็นการยากสำหรับพ่อหรือแม่ที่จะให้ความช่วยเหลือในการอ่านของแต่ละคนได้สำหรับเด็กคนที่มีปัญหา การได้เป็นอาสาสมัครนั่นหมายความว่าคุณสามารถที่จะสร้างอนาคตการศึกษาและโอกาสทางอาชีพให้แก่เด็กได้
   • ไม่ใช่ผู้ใหญ่ทุกคนที่สามารถอ่านได้ มีผู้ใหญ่จำนวนมากมายที่โตขึ้นมาโดยไม่ได้รับการฝึกสอนให้อ่านหนังสือ ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลที่ต่างกันไป ซึ่งพวกเขาจะถูกลดโอกาสในการทำงานและความสามารถในการอยู่อย่างอิสระ ในฐานะนักอ่านอาสาสมัครสำหรับผู้ใหญ่ คุณอาจจะได้สร้างผลที่ดีในชีวิตและความภาคภูมิใจในตัวเองให้แก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือก็ได้
   • คุณสามารถที่จะสร้างการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต สำหรับคนที่อายุเยอะที่มีปัญหาทางด้านสายตา การอ่านอาจจะไม่ใช่ทางเลือกสำหรับพวกเขาอีกต่อไป โดยเฉพาะถ้าหากพวกเขาสนุกกับการอ่านมาก่อนในชีวิต การที่มีใครสักคนมาช่วยอ่านให้พวกเขาฟังจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ประสบการณ์การเรียนรู้เท่านั้น มันยังเป็นการสร้างเพื่อน มิตรภาพ และแลกเปลี่ยนความรู้แก่กันด้วย
   • ชุมชนบางที่อาจจะมีโปรแกรมอาสาสมัครที่คุณสามารถบันทึกเสียงจากการอ่านหนังสือและงานเขียนอื่นๆ ให้สำหรับคนตาบอดหรือคนที่มีความบกพร่องทางการอ่านฟังได้
2. 
   2
   เริ่มหรือเข้าร่วมโปรแกรมแลกเปลี่ยนหนังสือ. ลองหาทางออนไลน์ ผ่านแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น paperbackswap.com หรือหาร้านหนังสือมือสองใกล้ๆ คุณที่เข้าร่วมการแลกหนังสือ

   • ถ้าหากคุณชื่นชอบการอ่านเรื่องแต่งที่ได้รับความนิยม นวนิยายแนวโรแมนติก หรือไซไฟ การแลกเปลี่ยนหนังสือเป็นอะไรที่มีประโยชน์และไม่แพงเลยเพื่อรักษาชั้นหนังสือของคุณให้เต็ม
3. 
   3
   ไปงานนิทรรศการหนังสือ. ถ้าหากคุณอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับนักเขียนใหม่ๆ และพบปะกับนักเขียนที่คุณรู้จักแล้วล่ะก็ งานหนังสือเป็นโอกาสที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทั้งสองอย่าง นอกจากนี้มันยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น:

   • หนังสือลดราคา สำนักพิมพ์และผู้ขายหนังสือจะมาออกงานนิทรรศการหนังสือต่างๆ และมักจะมีส่วนลดหนังสือมากมายโดยผู้เขียนที่มาออกงานหนังสือนั้น
   • เซ็นหนังสือ โดยเฉพาะถ้าผู้เขียนคนนั้นเพิ่งได้รับการตีพิมพ์หนังสือ พวกเขามักจะได้รับเชิญให้ไปออกงานหนังสือเพื่อโปรโมทงานเขียนของพวกเขา การเซ็นหนังสือจะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับหนังสือและเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจไปพร้อมๆ กัน
   • เพลิดเพลินไปกับการฟังคนอ่าน งานหนังสือส่วนมากมักจะมีนักเขียนรับเชิญให้มาอ่านบทความจากงานเขียนล่าสุดของพวกเขา หรือเป็นเจ้าภาพการอ่านสู่สาธารณะเพื่อเรียกความสนใจหรือระลึกถึงนักเขียนที่มีพรสวรรค์
4. 
   4
   อ่านบล็อกอยู่เสมอ. การอ่านบล็อกเป็นอีกทางที่ดีที่จะช่วยจำหนังสือที่คุณชอบ เขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับหนังสือที่คุณไม่ชอบ และยังช่วยติดตามได้ว่าอะไรที่คุณอ่านไปแล้วบ้าง นอกจากนี้การอ่านบล็อกยังสามารถ:

   • ช่วยให้คุณได้พบปะผู้คน ทำให้บทความที่คุณเขียนเป็นสาธารณะ และให้คนอื่นๆ ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ทสามารถเข้ามาอ่านและร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเขียนได้
   • ฝึกฝนการเขียน การอ่านและการเขียนเป็นเสมือนเหรียญทั้งสองด้าน การเขียนได้ดีและแม้แต่สไตล์การเขียนเลียนแบบที่คุณชื่นชอบก็เป็นการฝึกที่ดีเช่นกัน มันยังทำให้คุณต้องกลายเป็นบรรณาธิการของตัวเองด้วย เพื่ออ่านย้อนสิ่งที่คุณเขียนเพื่อตรวจดูคุณภาพและความถูกต้องของ
5. 
   5
   เรียนรู้ที่จะอ่านเป็นภาษาอื่น. ถ้าหากคุณชอบที่จะอ่านเป็นภาษาของตัวเอง ให้เลือกเรียนภาษาใหม่ดู คุณอาจเริ่มอ่านภาษาอื่นโดยการ:

   • หาดิกชันนารีสำหรับภาษาที่เลือก โดยยืมจากห้องสมุดหรือซื้อได้ที่ร้านหนังสือ
   • เริ่มต้นด้วยหนังสือเด็ก หนังสือสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยเรียนแรกเริ่มมักจะเป็นเรื่องราวที่ตรงไปตรงมา และเรียบง่าย และมีคำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่สามารถแปลได้ง่ายและพบเจอทั่วไป การเรียนรู้ที่จะอ่านที่ระดับพื้นฐานสามารถเตรียมคุณให้พร้อมกับการอ่านในระดับที่ยากขึ้นไปได้
   • การเลือกงานแปลบทกวี เลือกบทกวีที่เป็นที่รู้จักในภาษาที่คุณเลือกที่จะเรียน และหาเวอร์ชั่นที่เป็นหนังสือของพวกเขาที่มีเวอร์ชั่นเจ้าของภาษาของพวกเขาคู่กับเวอร์ชั่นภาษาของคุณ ค่อยๆ อ่านช้าๆ เปรียบเทียบคำแปลกับต้นฉบับ ลองดูว่าแนวความคิดแต่ละอย่างนั้นได้รับการแปลผ่านภาษาที่ใช้บรรยายออกมาอย่างไร นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจไม่เพียงแต่ภาษาใหม่เท่านั้น แต่รวมถึงวัฒนธรรมใหม่ด้วย
   โฆษณา