ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ทักษะทางสังคมที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการมีชีวิตที่ดี มีความสุข และเพลิดเพลินเจริญใจ ทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และเป็นทักษะจำเป็นเสียด้วยหากคุณเป็นคนทำงานหรือเรียนอยู่ งานศึกษาหลายชิ้นได้พิสูจน์พบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างทักษะทางสังคมและสุขภาพจิต[1] แม้คุณจะบอกว่าคุณเป็นคนเก็บตัว วิกิฮาวก็จะให้คำแนะนำในการพัฒนาทักษะทางสังคมที่คุณนำไปใช้ได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับปรุงการสื่อสารด้วยวาจาให้ดีขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รับรู้ความดังของเสียงและน้ำเสียงของคุณ.
    อย่าพูดเบาไปหรือดังไป พูดด้วยความดังที่คนฟังได้ยินง่าย และแสดงถึงความมั่นใจ แต่อย่าให้ฟังดูก้าวร้าวเด็ดขาด
    • อย่าลืมปรับระดับความดังของเสียงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
    • หากเป็นไปได้ ให้คุณพูดด้วยระดับความดังและน้ำเสียงที่เท่าๆ กันกับผู้คนรอบตัวคุณ ณ ตอนนั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียนรู้กิริยาท่าทางที่ชวนให้เกิดการสนทนา.
    คุณสามารถเริ่มจากการพูดเรื่องทั่วๆ ไปหรือเรื่องที่คนต่างเห็นพ้องว่าจริงแทนที่จะพูดเรื่องที่เป็นส่วนตัวเกินไป เพราะนั่นอาจเป็นการไปดูถูกหรือทำให้คนฟังไม่พอใจได้ ให้พูดถึงอากาศ หรือสถานการณ์ปัจจุบันที่คุณได้ยินจากข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ หรืออาจกล่าวชมเสื้อผ้าหรือผมของใครสักคนก็ได้[2] การพูดเจ๊าะแจ๊ะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันอาจยากที่จะต้องเจาะจงหาเรื่องบางเรื่องมาคุย และนี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ:
    • "หมวกสวยนะครับ/ค่ะ ซื้อมาจากไหนหรือ”
    • "นี่มันอากาศบ้าบออะไรกันเนี่ย"
    • "ผม/ฉันรักวิวตรงนี้มากๆ เลย"
    • "คลาสเรียนวิชาอาจารย์เจมส์น่าสนใจมากเลยนะ ว่ามั้ย"
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาวิธีที่จะสนทนาได้ยาวนานขึ้น.
    หลังจากที่คุยกันเรื่องทั่วๆ ไป เช่น เหตุการณ์ปัจจุบัน ลองพูดเรื่องที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือเรื่องที่ผู้สนทนาสามารถเชื่อมโยงกับตัวเองได้ ถามคำถามที่ช่วยให้รู้จักอีกฝ่ายมากกว่าเรื่องผิวเผิน เช่น ถามคำถามเกี่ยวกับครอบครัวอย่างสุภาพ หน้าที่การงาน หรืองานอดิเรก สามารถทำให้สนทนาดำเนินไปได้นานขึ้นและมีความหมายมากขึ้น จำไว้ว่าการสนทนาอาศัยคนท้ังสองฝ่ายเพื่อจะเลี่ยงเหตุการณ์ที่ใครพูดน้อยหรือพูดมากเกินไป พยายามถามคำถามปลายเปิดให้มากเท่าที่จะมากได้ พูดอีกอย่างก็คือ ให้เริ่มด้วยการถาม "อย่างไร" "ทำไม" หรือ "อะไร" แทนที่จะถามสิ่งที่อีกฝ่ายตอบได้แค่ "ใช่" หรือ "ไม่" ไม่ได้ช่วยให้คนที่คุณกำลังคุยด้วยพูดอะไรได้มากกว่านั้น และนี่เป็นไอเดียในการทำให้บทสนทนาดำเนินไปได้ยาวนาน และลึกซึ้งขึ้น:
    • "แล้วคุณทำงานอะไรหรือ"
    • "เล่าเรื่องครอบครัวคุณให้ฟังสักหน่อยได้มั้ย"
    • "คุณรู้จักกับเจ้าภาพงานปาร์ตี้นี้ได้ยังไง"
    • "คุณเข้าร่วม/เป็นสมาชิกกลุ่มคุมน้ำหนักมานานแค่ไหนแล้ว"
    • "สุดสัปดาห์นี้คุณมีแผนจะทำอะไร"
  4. How.com.vn ไท: Step 4 อยู่ให้ห่างจากหัวข้อสนทนาที่จะสร้างความโกรธเคือง....
    อยู่ให้ห่างจากหัวข้อสนทนาที่จะสร้างความโกรธเคือง. มีบางหัวข้อที่คุณไม่ควรพูดถึงเวลาที่พูดคุยกับคนที่คุณไม่ได้รู้จักดีมากสักเท่าไหร่ โดยทั่วไปจะหมายรวาถึงหัวข้อที่ชวนให้เกิดความขัดแย้งอย่าง ศาสนา การเมือง หรือชาติพันธุ์/เชื้อชาติ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น:
    • แม้ว่าการถามคำถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่ได้เป็นเรื่องน่าเกลียดอะไร มันก็อาจจะสร้างความขุ่นเคืองได้ถ้าไปถามคนอื่นว่าเขาเลือกผู้สมัครคนไหน
    • แม้ว่าการถามคำถามทั่วๆ ไปเกี่ยวกับศาสนาของเขา มันอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะถามเขาเกี่ยวกับมุมมองของศาสนาของเขาที่มีต่อเรื่องทางเพศ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 จบบทสนทนาด้วยความสุภาพแทนที่จะตัดบทและจากไปดื้อๆ....
    จบบทสนทนาด้วยความสุภาพแทนที่จะตัดบทและจากไปดื้อๆ. คุณควรพยายามรักษามารยาทในการสนทนา บอกอีกฝ่ายด้วยคำพูดดีๆ และไม่สร้างความขุ่นเคืองว่าคุณต้องไปแล้ว และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณสนุกที่ได้พูดคุยกับเขา[3] ลองจบด้วยคำพูดดีๆ เช่น:
    • “ผม/ฉันต้องรีบไปแล้ว แต่หวังว่าเราจะพบกันอีกเร็วๆ นี้”
    • "คือ ผม/ฉันมีนัดกับธนาคาร แต่การได้คุยกับคุณมันสนุกทีเดียวเลย"
    • "ผม/ฉันรู้ว่าคุณยุ่ง ผม/ฉันจะปล่อยคุณไปทำธุระแล้วล่ะ ดีใจที่ได้คุยกับคุณนะ"
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

พัฒนาอวัจนภาษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใส่ใจภาษากาย.
    ภาษากายของเรามักจะสื่อสารที่มีพลังมากกว่าคำพูด[4] จำไว้ว่าภาษากายมีบทบาทสำคัญต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคม ระมัดระวัง และใช้เวลาไตร่ตรองสิ่งที่คุณสื่อไปยังผู้อื่นผ่านท่าทาง การจ้องตา และสีหน้าของคุณ
    • หากคุณเลี่ยงการสบตา ยืนห่าง หรือกอดอก นั่นอาจเป็นการบอกกลายๆ ว่าคุณไม่อยากจะสนทนากับอีกฝ่าย[5]
    • ใช้ท่าทางที่แสดงความมั่นใจและยิ้มให้มากขึ้นสักหน่อย สบตากับคนที่คุยด้วยบ่อยๆ ยืนตัวตรงและอย่ากอดอก วิธีนี้น่าจะช่วยให้คนที่คุณสนทนาด้วยประทับใจในตัวคุณได้บ้าง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สังเกตดูว่าคนอื่นๆ มีท่าทางยังไงระหว่างที่มีปฏิสัมพันธ์กันในสถานการณ์ต่างๆ....
    สังเกตดูว่าคนอื่นๆ มีท่าทางยังไงระหว่างที่มีปฏิสัมพันธ์กันในสถานการณ์ต่างๆ. จับตาดูภาษากายของผู้อื่นให้ดี และพิจารณาดูว่าทำไมพวกเขาถึงทำได้ดีเวลามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สังเกตท่าทาง มือไม้ สีหน้า และดูว่ามีการสบตาเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน ลองคิดดูว่าคุณจะลองทำตาม หรือพัฒนาภาษากายของคุณเวลาที่พูดคุยกับคนอื่นได้อย่างไรบ้าง
    • บอกให้ได้ว่าในกลุ่มคนที่คุณจับตามองอยู่ พวกเขารู้จักกัน 'ดีขนาดไหน' สิ่งนี้สำคัญเพราะภาษากายที่ใช้ร่วมกันในหมู่เพื่อนสนิทที่กำลังคุยกันอยู่ มีความแตกต่างกับภาษากายที่คนแปลกหน้าสองคนใช้เวลาคุยกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ปกติทั่วไปก็ตาม
    • บันทึกสิ่งที่สังเกตเห็นไว้ในใจ วิธีนี้เป็นแนวทางและช่วยให้คุณตระหนักรู้ถึงภาษากายที่คุณแสดงออกมามากขึ้นกว่าเคย
  3. How.com.vn ไท: Step 3 พัฒนาทักษะการสื่อสารด้วยอวัจนภาษาที่บ้าน.
    บ้านมักจะเป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะคุณจะไม่รู้สึกเขินอายในสถานที่ที่คุ้นเคย คุณอาจลองอัดวิดีโอตัวเองเวลาสนทนากับคนในบ้าน และลองพิจารณาดูว่าคุณจะปรับปรุงภาษากายของตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไร คุณยังอาจฝึกท่าทางเพื่อใช้สื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด หน้ากระจกด้วยก็ยังได้ เลือกขอความช่วยเหลือคนในครอบครัวที่คุณสนิท หรือจะเพื่อนสนิทก็ได้ - นี่ก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ดี เพราะคนเหล่านี้สามารถให้ข้อคิดเห็นที่จริงใจและเป็นประโยชน์กับคุณได้อย่างที่คนอื่นๆ ไม่สามารถให้ได้ และยังมีเคล็ดลับอื่นๆ อย่าง 'การยืด' ไหล่ไปด้านหลัง ให้กระดูกสันหลังยืดตรง และเชิดคางขึ้นให้ขนานไปกับพื้น
    • หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกซ้อมที่บ้าน คือ บ้านเป็นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เป็นส่วนตัว และมีแรงกดดันต่ำอย่างเห็นได้ชัด
    • อย่าเขินอาย! มันมีแค่คุณกับกระจกเท่านั้น! ขอให้สนุกกับการลองใช้ภาษากายและมือไม้ในแบบต่างๆ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 มุ่งมั่นกับการยิ้มอย่างจริงใจตั้งแต่วินาทีที่คุณพบหน้าอีกฝ่าย....
    มุ่งมั่นกับการยิ้มอย่างจริงใจตั้งแต่วินาทีที่คุณพบหน้าอีกฝ่าย. รอยยิ้มเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ยอมรับว่าเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่จะแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณเปิดรับคนอื่นๆ และทำให้คนอื่นๆ รู้สึกสบายใจ แค่เพียงให้ความสำคัญกับการยิ้มเวลาที่คุณเจอคนอื่นๆ ก็จะทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นได้บ้าง[6]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ฝึกสบตา.
    ฝึกสบตาคนให้มากขึ้นเมื่อคุณเริ่มรู้สึกไม่อึดอัดกับการมองตาคนแล้ว แต่อย่าจ้องตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณรู้สึกอึดอัดใจที่จะทำ เพราะมันอาจสร้างความรำคาญได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณนึกถึงการสบตา ให้หาใครสักคน แล้วมองตาคนๆ นั้นสัก 3-5 วินาทีก็พอ เมื่อคุณรู้สึกว่าส่ิงนี้เป็นเรื่องง่ายขึ้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ
    • หากคุณไม่ได้อยู่ติดกับอีกคน ให้จ้องมองไปที่ติ่งหูของเขา หรือบริเวณระหว่างดวงตา ถึงจะเป็นการแสร้งทำแต่คนก็ไม่รู้หรอก
    • หากคุณเป็นกังวลเวลาสบตาคน นักจิตวิทยาสังคมบางคนแนะนำว่า ให้คุณฝึกกับคนในโทรทัศน์ เปิดข่าวดู และลองสบตากับผู้สื่อข่าว[7]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้เวลาเพิ่มเติมกับตัวเองเพิ่มสักเล็กน้อยระหว่างเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก....
    ใช้เวลาเพิ่มเติมกับตัวเองเพิ่มสักเล็กน้อยระหว่างเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก. คุณจะมั่นใจขึ้นกับรูปลักษณ์ของคุณ การให้เวลากับตัวเองเพิ่มขึ้นสักหน่อยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณชอบรูปลักษณ์ของตัวเอง และรู้สึกมั่นใจ จะช่วยให้การเข้าสังคมของคุณ ไม่ว่าครั้งไหนก็ตามแต่ ง่ายขึ้น สร้างกิจวัตรที่ดีๆ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือรองเท้าใหม่ที่คุณชอบ และแต่งตัวให้ดีที่สุด ไม่เพียงเพื่อพัฒนาความมั่นใจในตนเอง แต่ยังทำให้คุณดูเป็นคนเข้าสังคมเก่งโดยธรรมชาติด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ฝึกในสถานการณ์จริง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หาสถานที่ที่ผู้คนดูสบายๆ เข้าถึงง่าย.
    การเริ่มการสนทนากับคนที่ไม่รู้จักอาจเป็นการเสี่ยงน้อยกว่า และเป็นส่ิงที่คน ณ ที่นั้นๆ ยอมรับว่าทำได้มากกว่า และบางสถานการณ์ก็ง่ายกว่าบางสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาจะเริ่มต้นมีปฏิสัมพันธ์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือธนาคารต่างเป็นสถานที่ที่มักถูกจัดว่าไม่เหมาะสมที่สุด ที่จะเริ่มต้นสนทนากับคนแปลกหน้า (คนต่างแค่ต้องการซื้อของชำให้เสร็จๆ ไป) ร้านกาแฟ การแข่งกีฬา และศูนย์กิจกรรมชุมชน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพูดคุยกับคนใหม่ๆ
    • เพื่อจะได้เจอผู้คนใหม่ๆ ลองเข้าร่วมกลุ่ม เช่น ชมรมกีฬาสมัครเล่น หรือชมรมหนังสือ คลาสฟิตเนสก็มักจะเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการเริ่มต้นการสนทนา
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการพูดคุยกับพนักงานที่ให้บริการคุณ....
    เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการพูดคุยกับพนักงานที่ให้บริการคุณ. ถามบาริสต้าว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ขอบคุณบุรุษไปรษณีย์เมื่อเขาแวะผ่านมา หรือถามเพื่อนร่วมงานว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง คุณไม่ต้องรีบถามคำถามลึกซึ้งที่เป็นการละลาบละล้วง และทำให้บทสนทนาสะดุดทันที ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป จำไว้ว่า การกล่าว 'ว่าไง' เพื่อทักทายใครสังคนไม่มีอะไรเสียหาย โดยมากแล้วคุณจะไม่ได้เจอคนๆ นั้นอีกหรอก และบทสนทนาง่ายๆ เหล่านี้ก็เหมาะมากที่สุดที่จะใช้ฝึกฝน[8]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เลือกคนที่ดูไม่ยุ่งหรือคนที่ดูไม่เมินเฉย.
    เข้าหาอีกฝ่ายด้วยภาษากายที่ดูเปิดเผย และดูเหมือนคนที่สนใจที่จะทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น นี่มักจะเป็นโอกาสดีที่จะมีบทสนทนาที่มีความหมาย
    • มั่นใจเวลาเข้าหาอีกฝ่าย หากคุณตื่นเต้นเกิน คุณอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแบบเดียวกันด้วย!
    • จำไว้ว่าคุณควรเก็บโทรศัพท์มือถือไปเสีย การเช็กโทรศัพท์ตลอดเวลาระหว่างพูดคุยจะสร้างความรำคาญให้คนอื่น และทำให้เขาคิดว่าคุณสนใจโทรศัพท์มากกว่าการพูดคุยกับอีกฝ่าย!
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ไตร่ตรองถึงการพูดคุยที่ผ่านไปแล้วดู.
    หากการพบปะพูดคุยเป็นไปด้วยดี ลองบันทึกไว้ว่าอะไรที่คุณทำได้ดี และพยายามทำซ้ำในครั้งต่อๆ ไป แต่หากว่ามันแย่ ให้ประเมินสถานการณ์ในใจดู เพื่อจะได้ระบุได้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้อะไรๆ มันไม่น่าประทับใจ
    • คุณเลือกเข้าหาคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง หรือคนที่แสดงภาษากายแบบปิดกั้นการมีปฏิสัมพันธ์หรือไม่
    • ภาษากายของคุณแสดงถึงความเปิดเผยและเชื้อเชิญหรือไม่
    • คุณเริ่มบทสนทนาด้วยหัวข้อที่เหมาะสมหรือไม่
  5. How.com.vn ไท: Step 5 คุยกับผู้คนให้มากขึ้น.
    ทักษะทางสังคมจะพัฒนาขึ้นด้วยการฝึกฝน ยิ่งคุณสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน คุณก็จะยิ่งทำมันได้ดีขึ้น
    • พยายามอย่าให้การมีพูดคุยที่ผ่านมาที่ไม่ค่อยดีทำให้คุณรู้สึกแย่ หลายๆ ครั้งที่เป็นแบบนั้นมันไม่ได้เป็นเพราะคุณเลย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน.
    วิธีนี้มักจะให้พื้นที่ที่คุณรู้สึกสบายใจและปลอดภัย ซึ่งเป็นที่ที่การเรียนรู้ที่จะพูดคุยกับผู้คนเกิดขึ้นได้ง่าย เป็นที่ที่ไม่ได้มีแต่คุณคนเดียวที่อยากจะฝึกทักษะการพูด ทำไมไม่ลองฝึกกับคนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับคุณล่ะ ความจริงที่ว่าคุณก็ต้องการพัฒนาทักษะทางสังคม แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่จิตใจดีและใจกว้าง เป็นคนที่ยินดีที่จะพัฒนาตนเอง ให้คุณแวดล้อมตัวเองในหมู่คนที่มีเป้าหมายเดียวกันเพื่อทำให้คุณเติบโตขึ้น[9]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • สำหรับคนที่ประสบปัญหาจากความวิตกกังวลเวลาเข้าสังคม และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ยากลำบากในการพูดคุยกับคนอื่นๆ การศึกษาหลายๆ ชิ้นไม่นานมานี้เผยว่า การบำบัดกลุ่มที่มุ่งเน้นการฝึกทักษะทางสังคมให้ผลดีกับผู้ร่วมบำบัด[10]
  • หากคุณถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวลในการเข้าสังคม ให้ลองพิจารณาหาโอกาสร่วมกลุ่มบำบัดใกล้บ้านคุณ[11]
  • พยายามทำให้ตัวเองดูมีความกระตือรือร้นขณะที่คุณกำลังรักษามารยาทและความอ่อนน้อม การยิ้มให้เป็นนิสัยไม่ใช่สิ่งเสียหาย
  • เชิญชวนให้คนมาพูดคุยกับคุณเป็นกลุ่ม ผู้คนจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของคุณ และจะค่อยๆ ให้ความเคารพคุณ
  • รักษาความเป็นสุภาพชนไว้ตลอด และจงเชื่อว่าการมีปฏิสัมพันธ์โดยเคารพซึ่งกันและกันสามารถสอนอะไรหลายอย่างแก่คุณระหว่างที่คุณพยายามเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น
  • อย่าลืมว่าประสบการณ์มักจะเป็นครูที่ดีที่สุด!
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังการสัมผัสตัวกันระหว่างการพูดคุย บางคนอาจไม่ถือการสัมผัสและการถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม หรือกระทั่งรู้สึกขุ่นเคืองใจได้ คุณต้องสร้างความสนิทสนมกับคนๆ นั้นในระดับหนึ่งก่อน เมื่อถึงตอนนั้นค่อยลองพยายามแตะไหล่หรือประสานมือทำไฮไฟว์กับเขา
  • การดื่มแอลกอฮอล์หรือเล่นยาอาจจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ชั่วคราว แต่มันไม่ได้พัฒนาทักษะทางสังคมของคุณในระยะยาวได้เลย
  • ทักษะทางสังคมเป็นเรื่องของวัฒนธรรม จำไว้ว่าสิ่งที่คุณสังเกตเห็นว่าเป็นสิ่งเหมาะสมสำหรับสังคมตะวันตกอาจไม่เป็นที่ยอมรับในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศกำลังพัฒนาหลายๆ แห่ง ซึ่งผู้คนมักจะยังมีความอนุรักษ์นิยมอยู่ รวมถึงมีหลักศีลธรรมและค่านิยมที่ยึดถือต่างออกไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 11,162 ครั้ง

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบทางการแพทย์

เนื้อหาของบทความชิ้นนี้มิได้มีเจตนาที่จะใช้ทดแทนคำแนะนำ การตรวจ วินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือมืออาชีพทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับอนุญาตเสมอ ก่อนที่จะทำการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง หรือหยุดการดูแลสุขภาพไม่ว่าประเภทใด

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,162 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา