วิธีการ ป้องกันริมฝีปากแห้งแตก

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ใช้สิ่งที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นของริมฝีปาก

ดูแลริมฝีปากตัวเอง

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ริมฝีปากระคายเคือง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ริมฝีปากแตกและแห้งจนทำให้เจ็บนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากสภาพอากาศที่แห้ง การเลียปากตัวเอง และการใช้ยาบางชนิด และอาการริมฝีปากแห้งนั้นมักจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมากๆ เมื่อหน้าหนาวมาเยือน แต่ไม่เป็นไร เรามีวิธีการง่ายๆ ให้คุณทำตาม เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตก ไปดูกันเลย!

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้สิ่งที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นของริมฝีปาก

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใช้ลิปมัน. ทาลิปมันเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งและแตก เพราะลิปมันจะทำให้ริมฝีปากชุ่มชื่นและช่วยป้องกันการระคายเคือง

   • ทาลิปมันทุกๆ หนึ่งหรือสองชั่วโมง เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
   • ใช้ลิปมันที่มี SPF อย่างน้อย 16 เพื่อป้องกันริมฝีปากจากแสงแดด
   • ทาลิปมันทับหลังจากที่ทามอยส์เจอไรเซอร์แล้ว
   • ใช้ลิปมันที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง ปีโตรเลียม หรือ ไดเมธิโคน
2. 
   2
   ลองใช้ปิโตรเลียม เจลลี่. ปิโตรเลียม เจลลี่ (เช่น วาสลีน) จะช่วยป้องกันริมฝีปากจากแสงอาทิตย์ ที่สามารถทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกได้

   • ทาครีมกันแดดสูตรสำหรับริมฝีปาก ก่อนทาปิโครเลียม เจลลี่
3. 
   3
   ทามอยส์เจอไรเซอร์. การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยให้ริมฝีปากของคุณชุ่มชื่นและดูดซับความชื้นได้ง่ายขึ้น มอยส์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำริมฝีปากของคุณชุ่มชื่นมากที่สุด ลองหาส่วนผสมต่อไปนี้ที่อยู่ในมอยส์เจอไรเซอร์ของคุณสิ

   • เชียบัตเตอร์
   • อีมูบัตเตอร์
   • น้ำมันวิตามินอี
   • น้ำมันมะพร้าว
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

ดูแลริมฝีปากตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (humidifier) เพื่อเพิ่มความชื้นให้อากาศ. หากคุณอยู่ในพื้นที่อากาศแห้ง ให้คุณป้องกันริมฝีปากแห้งโดยการทำให้อากาศในห้องมีความชื้นเพิ่มขึ้น ซึ่งคุณสามารถซื้อเครื่องเพิ่มความชื้นได้จากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น แม็คโคร หรือไม่ก็ตามร้านขายยาทั่วไป

   • ระดับความชื้นในบ้านของคุณต้องอยู่ที่ระหว่าง 30-50%
   • ดูแลความสะอาดของเครื่องเพิ่มความชื้นอย่างสม่ำเสมอ โดยทำตามคำแนะนำในคู่มือ เพราะเครื่องเพิ่มความชื้นที่ไม่สะอาดนั้นก่อให้เกิดรา แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่สามารถทำให้คุณป่วยได้
2. 
   2
   หลีกเลี่ยงการออกไปอยู่ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยโดยไม่เตรียมการป้องกันใดๆ . การทำให้ปากโดนแดด โดนลม จะทำให้ริมฝีปากแห้งได้ ดังนั้น คุณต้องทาลิปมัน หรือไม่ก็ใช้ผ้าพันคอปิดริมฝีปากไว้ก่อนที่คุณจะออกไปข้างนอก

   • ทาลิปมันที่มีสารกันแดดเพื่อป้องกันริมฝีปากไหม้จากแดด (ริมฝีปากนั้นสามารถถูกแดดเผาได้เช่นเดียวกับผิวหนังส่วนอื่นๆ )
   • ทา 30 นาที ก่อนที่จะออกไปข้างนอก
   • หากชอบว่ายน้ำ ให้คุณทาลิปมันบ่อยๆ
3. 
   3
   เช็คว่าตัวเองได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆ เพียงพอหรือเปล่า. การขาดวิตามินนั้นสามารถทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งและแตกได้ ดังนั้น เช็คตัวเองด้วยว่า ได้รับวิตามินและแร่ธาตุในจำนวนที่เพียงพอแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจ คุณสามารถปรึกษาแพทย์ได้ ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นมีดังนี้

   • วิตามินบี
   • ธาตุเหล็ก
   • กรดไขมันจำเป็น
   • วิตามินรวม
   • อาหารเสริมแร่ธาตุ
4. 
   4
   ดื่มน้ำเยอะๆ. ร่างกายที่ขาดน้ำนั้น สามารถทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกได้ ลองเพิ่มปริมาณน้ำที่คุณดื่มให้มากขึ้น เพื่อที่ริมฝีปากของคุณจะได้ชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

   • ในฤดูหนาวมักจะมีสภาพอากาศแบบแห้งๆ ดังนั้น คุณต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเมื่ออยู่ในฤดูกาลนี้
   • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
   โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ริมฝีปากระคายเคือง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ตัดสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ออกไป. เพราะคุณอาจจะแพ้สารบางอย่างที่มาสัมผัสกับริมฝีปากของคุณ อย่างน้ำหอมและสีย้อมนั้นก็เป็นสาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อย หากริมฝีปากคุณแตกบ่อยๆ ให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและไม่ใส่สีจะดีกว่า

   • ยาสีฟัน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งเช่นกัน หากคุณรู้สึกคัน รู้สึกปากแห้ง หรือมีตุ่มพองหลังจากที่แปลงฟันเสร็จ เป็นไปได้ว่า คุณอาจจะแพ้ส่วนผสมบางอย่างที่อยู่ในยาสีฟัน ลองใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ใช้สารกันบูด ใส่สี และใส่รสชาติในจำนวนน้อยแทนจะดีกว่า
   • ลิปสติกเป็นสาเหตุหลักสำหรับผู้หญิง ที่ทำให้ริมฝีปากลอก ส่วนในผู้ชาย สาเหตุหลักมักจะมาจากยาสีฟันที่ใช้
2. 
   2
   อย่าเลียปากตัวเอง. การเลียปากจะทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งกว่าเดิม แม้มันจะดูเหมือนว่า การเลียปากนั้นช่วยทำให้ปากของคุณชุ่มชื่นขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันจะทำให้ปากคุณแห้งเสียมากกว่า จะเห็นได้ว่า โรคผิวหนังที่ริมฝีปากนั้นจะพบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ชอบเลียปากตัวเอง ซึ่งอาการที่เห็นได้ก็คือจะมีผื่นคันขึ้นที่รอบๆ ปาก ดังนั้น ให้คุณใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทาแทนการเลียปากตัวเองจะดีกว่า

   • หลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่มีรสชาติ เพราะมันอาจจะทำให้คุณเผลอเลียปากตัวเอง
   • อย่าทาลิปเยอะเกินไป เพราะมันก็อาจจะทำให้คุณเผลอเลียปากตัวเองได้เช่นเดียวกัน
3. 
   3
   อย่ากัดหรือจับปากตัวเอง. การกัดปากตัวเองจะทำให้ส่วนที่ใช้ป้องกันริมฝีปากหายไป ส่งผลให้ริมฝีปากแห้งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น ดูแลริมฝีปากตัวเองด้วยการไม่ไปสัมผัสหรือกัดริมฝีปากจะดีที่สุด

   • ต้องมีสติ อย่าเผลอไปจับหรือกัดปากตัวเอง
   • บอกเพื่อนๆ ให้ช่วยเตือนเวลาที่คุณกำลังจะจับหรือกัดปากตัวเอง
4. 
   4
   หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท. ของเผ็ดและเปรี้ยวสามารถทำลายริมฝีปากคุณได้ โดยหลังจากที่คุณกินเสร็จ ให้ดูว่าริมฝีปากของคุณระคายเคืองหรือเปล่า และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้สักสองสามอาทิตย์เพื่อที่จะดูว่าอาหารเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ระคายเคืองหรือไม่

   • หลีกเลี่ยงอาหารทุกอย่างที่มาพร้อมกับพริกเผ็ดๆ และซอส
   • อย่ากินอาหารที่มีกรดสูง อย่างเช่น มะเขือเทศ
   • อาหารบางประเภทที่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างเช่น เปลือกมะม่วง ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
5. 
   5
   หายใจทางจมูก. ลมหายใจที่ไหลผ่านทางปากนั้นจะทำให้ริมฝีปากคุณแห้งจนแตกได้ ดังนั้น หายใจทางจมูกจะดีกว่า

   • หากคุณมีปัญหาในการหายใจทางจมูก ให้คุณพบแพทย์ เพราะคุณอาจแพ้อะไรบางอย่าง หรือไม่ก็อาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพก็เป็นได้
6. 
   6
   ดูการใช้ยาของตัวเอง. ยาบางประเภทอาจจะทำให้ริมฝีปากของคุณแห้ง ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงของยาชนิดนั้น ให้คุณปรึกษาแพทย์ว่ามียาตัวไหนที่คุณใช้อยู่ แล้วมีผลข้างเคียงที่ทำให้ริมฝีปากแห้ง รวมถึงยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยาเพื่อรักษาอาการต่อไปนี้

   • อาการซึมเศร้า
   • ความวิตกกังวล
   • บาดแผล
   • สิวที่มีอาการรุนแรง (แอคคิวเทน)
   • อาการแน่น โรคภูมิแพ้ และปัญหาระบบทางเดินหายใจ
   • อย่าหยุดรับประทานยาเองโดยที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์
   • สอบถามแพทย์ถึงวิธีการจัดการกับผลข้างเคียงของยา
7. 
   7
   รู้ว่าเมื่อไรที่คุณต้องไปพบแพทย์. ในบางกรณี อาการปากแห้งนั้นอาจจะเป็นสัญญานของโรคบางอย่างที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ให้คุณพบแพทย์โดยด่วน

   • ปากแห้งอยู่บ่อยๆ แม้ดูแลมากแค่ไหนก็ตาม
   • ปากแห้งจนเจ็บ
   • มีอาการบวมน้ำที่ริมฝีปาก
   • ที่มุมปากมีอาการแห้งแตก
   • มีตุ่มแผลที่บนหรือบริเวณใกล้ๆ กับริมฝีปาก
   • มีแผลที่รักษาให้หายขาดไม่ได้
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• ดื่มน้ำให้มากๆ อย่างสม่ำเสมอ
• ทามอยส์เจอไรเซอร์ในตอนเช้า เพราะว่าช่วงเวลาหลังตื่นนอน ปากของคุณจะแห้งมากที่สุด
• ลองทาลิปมันในตอนกลางคืนเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งในต้องเช้า
• สาเหตุหลักที่ทำให้ปากแห้งก็คือ แสงแดด ลม และอากาศที่เย็นหรือแห้ง
• ทาลิปมันก่อนที่จะกินอาหาร และทำความสะอาดริมฝีปากหลังจากกินเสร็จ
• ล้างมือก่อนที่จะมาจับหน้าตัวเองเวลาทาลิปมัน
• ลองทาน้ำผึ้งที่ริมฝีปากก่อนนอนทุกคืน

โฆษณา

คำเตือน

• อย่ากลืนลิปมัน หรือ ครีมกันแดดเข้าไปในร่างกาย เพราะมันอาจจะเป็นพิษต่อร่างกายได้

โฆษณา