บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา
ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้
มีการอ้างอิง 11 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 2,527 ครั้ง
สีผสมอาหารสีส้มนั้นเหมาะจะใช้ทำขนมธีมฤดูใบไม้ร่วง ช่วงฮาโลวีน หรือจะบีบครีมรูปแครอท แต่งหน้าเค้กแครอทก็ได้ ข้อเสียคือสีผสมอาหารที่มีขายกันทั่วไปนั้นไม่ค่อยมีที่ผสมเป็นสีส้มสำเร็จรูปมาแล้ว แต่วันนี้คุณมาถูกบทความวิกิฮาวแล้ว เพราะเราจะแนะนำวิธีการผสมสีต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นสีส้ม หรือจะทำสีส้มจากวัตถุดิบจากธรรมชาติก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน ก็แต่งสีครีมเค้กหรือขนมอบต่างๆ ให้เป็นสีส้มตามชอบได้ง่ายนิดเดียว
ขั้นตอน
- ซื้อสีผสมอาหารสีแดงกับสีเหลืองมา. เดี๋ยวเราต้องมาผสมสีผสมอาหารสีเหลืองกับแดง ให้กลายเป็นสีผสมอาหารสีส้ม ทั้ง 2 สีนี้ปกติจะรวมมาในชุดสีผสมอาหารสีหลักอยู่แล้ว แต่จะซื้อแยกก็ได้ คุณหาซื้อสีผสมอาหารสีแดงและเหลืองได้ตามห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์ทั่วไป หรือร้านขายอุปกรณ์ทำขนมโดยเฉพาะ ไม่ก็ในเน็ตก็ได้[1]
- ถ้าอยากได้สีส้มเข้ม ต้องซื้อสีน้ำตาลหรือฟ้าด้วย[2]
- สีผสมอาหารมีทั้งแบบน้ำและแบบเจล เวลาจะผสมสีผสมอาหารสีส้ม จะใช้แบบไหนก็ได้
- ถ้ากังวลเรื่องสารเคมีในสีผสมอาหาร จะใช้สีจากวัตถุดิบธรรมชาติก็ได้ หาซื้อได้ตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หรือในเน็ต
- เลือกว่าต้องการสีส้มเฉดไหน. เลือกว่าอยากได้สีส้มอ่อนหรือแก่ เช่น จะใช้สีผสมอาหารสีส้มสด ไว้แต่งหน้าคุกกี้ฟักทอง หรืออยากได้สีส้มอ่อนมาใช้กับคัพเค้กเล็กน้อย ถ้ารู้ว่าจะนำไปใช้กับอะไร ก็จะผสมสีแดงกับเหลืองในสัดส่วนที่เหมาะสม ออกมาได้สีส้มที่ต้องการ[3]
- ถ้าเป็นสีส้มเข้ม จะต้องผสมสีโดยใช้สีแดงในสัดส่วนที่เยอะกว่าสีเหลือง ส่วนสีส้มอ่อน จะใช้สีเหลืองเยอะกว่าสีแดง
- หยดสีผสมอาหารผสมกันในสัดส่วนที่ต้องการ. ถ้าอยากได้สีส้มสดตามปกติ ให้ผสมสีผสมอาหารสีแดงกับเหลืองในสัดส่วนที่เท่ากัน เช่น สีแดง 6 หยด กับสีเหลือง 6 หยด โดยหยดใส่ถ้วยหรือชามแก้วเล็กๆ แล้วใช้ช้อนหรือไม้จิ้มฟันผสมสีให้เข้ากัน[4]
- ถ้าอยากได้สีส้มแท้ๆ ย้ำว่าต้องผสมสีแดง 1 ส่วน กับสีเหลือง 1 ส่วนเท่ากันเป๊ะๆ
- ถ้าอยากได้สีส้มเข้มออกน้ำตาล ให้ผสมสีเหลือง 2 ส่วน สีแดง 2 ส่วน กับสีฟ้าหรือสีน้ำตาล 1 ส่วนเข้าด้วยกัน
- ถ้าอยากได้สีส้มอ่อน ให้ผสมสีเหลือง 3 ส่วนกับสีแดง 1 ส่วนเข้าด้วยกัน
เคล็ดลับ: สีผสมอาหารที่ได้ในชาม จะยังไม่ใช่สีจริงเวลานำไปผสมครีมเค้กหรืออื่นๆ ที่ต้องการ ต้องนำไปแต่งสีอาหารหรือขนมนั้นจริงๆ ก่อน ถึงจะรู้เฉดสีที่ได้
โฆษณา
- เตรียมอาหารที่จะแต่งสีไว้ปริมาณหนึ่งสำหรับทดลองสี ถ้าทำได้. ส่วนใหญ่คนนิยมใช้สีผสมอาหารสีส้มในครีมแต่งหน้าเค้ก ถ้าอยากได้สีส้มแท้แบบไม่เสี่ยงผิดพลาด ให้ใช้สีผสมอาหารสีละ 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 กรัม) โดยแบ่งไว้ในชามแก้ว ชามละสี[5]
- ถ้าจะใช้สีผสมอาหารสีส้ม แต่งสีขนมอบหรืออาหารอื่นๆ อาจจะทดลองสีจริงไม่ได้ว่าออกมาเป็นยังไง แบบนี้ต้องกะเอาว่าจะออกมาเฉดไหน และต้องใช้สีมากเท่าไหร่
- ใส่ครีมเค้กในภาชนะที่พอมีที่ว่างเหลือ จะได้คนครีมเค้กตอนผสมสีได้ง่ายๆ
- ใส่สีผสมอาหารสีส้มที่ได้ กับตัวอย่างอาหาร. ใส่สีผสมอาหารทีละ 2 - 3 หยด แล้วคนให้เข้ากันกับตัวอย่างอาหารจนเนียนเป็นเนื้อเดียว ค่อยเติมใหม่ ระหว่างผสมไปก็สังเกตว่าได้สีส้มเฉดที่ต้องการแล้ว หรือยังต้องปรับสัดส่วนสีเหลืองและแดง วิธีนี้จะช่วยให้ได้สีตามต้องการ[6]
- อย่าลืมจำด้วยว่าใส่สีผสมอาหารไปเท่าไหร่ เวลาต้องผสมสีใหม่เยอะๆ จะได้ผสมออกมาตรงกัน
- ยิ่งใส่สีผสมอาหารเยอะ เฉดสีส้มที่ได้จะไม่เปลี่ยน แค่จะชัดเจนขึ้นเท่านั้น
- ถ้าสรุปแล้วออกมาไม่ใช่สีส้มที่ต้องการ ให้ลองปรับสัดส่วนอาหารและสีดู รวมถึงปรับสัดส่วนสีแดงกับเหลืองที่นำมาผสมเป็นสีส้ม
- ผสมสีส้มเพิ่มขึ้น โดยคงสัดส่วนสีที่นำมาผสมตามเดิม. พอได้สีส้มเฉดที่ต้องการแล้ว ให้ผสมในปริมาณที่เยอะขึ้น เพื่อนำไปแต่งสีครีมเค้กหรือขนมอบอื่นๆ ให้ผสมโดยใช้สัดส่วนเดิม เช่น 1 ต่อ 1 แค่เพิ่มปริมาณสีผสมอาหารเยอะขึ้น เช่น ใช้สีเหลือง 5 หยด กับสีแดง 5 หยด หรือใช้สีเหลือง 25 หยด กับสีแดง 25 หยด จะผสมออกมาได้สีส้มสีเดิม แค่ปริมาณเยอะขึ้น
- จะใช้สีผสมอาหารเยอะแค่ไหน ก็แล้วแต่ว่าจะแต่งสีอาหารอะไร อยากได้สีเข้มแค่ไหน และต้องแต่งสีเยอะแค่ไหน เช่น ครีมเค้ก 1 ถ้วยตวง (ประมาณ 130 กรัม) ก็ต้องใช้สีผสมอาหารประมาณ 15 - 80 หยด[7]
- ใส่สีในอาหารปริมาณตามจริง ให้ถูกสัดส่วน. พอรู้แล้วว่าต้องใช้สีแดงและเหลืองกี่หยด ต่อการแต่งสีครีมเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 กรัม) ก็ใช้จำนวนนั้นเวลาจะแต่งสีครีมเค้กปริมาณเยอะขึ้นให้เป็นสีเดิมได้เลย เริ่มจากเช็คว่าถ้าครีมเค้กที่มี เท่ากับ "กี่เท่า" ของ 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 กรัม) จากนั้นก็คูณจำนวนหยดของแต่ละสี ด้วยปริมาณ "เท่า" ของ 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 กรัม) ที่คำนวณออกมา
- เช่น ถ้ามีครีมเค้ก 2 ถ้วยตวง (ประมาณ 260 กรัม) จะเท่ากับครีมเค้ก "16 เท่า" ของ 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 กรัม) ก็ให้เอาจำนวนหยดของสีแดงและเหลืองที่ใช้ ไปคูณ 16 จะผสมได้สีส้มสีเดิม แค่ปริมาณเยอะขึ้น[8]
โฆษณา
- เตรียมแครอท มันเทศ (มันหวาน) หรือฟักทอง เป็นวัตถุดิบทำสีผสมอาหารจากธรรมชาติ. จะซื้อที่ซูเปอร์ ที่ตลาด หรือปลูกเองก็ได้ ที่ต้องใช้คือแครอท มันเทศ หรือฟักทองก็ได้ ขอแค่เป็นสีส้มเข้มที่สุดเท่าที่หาได้ เราจะใช้แครอทแค่ 2 - 3 หัว มันเทศ 1 หัวใหญ่ หรือฟักทอง 1 ลูกเล็ก มาทำสีผสมอาหารโฮมเมด
- ปอกเปลือกแล้วสไลซ์ผักที่เลือกเป็นชิ้นบางๆ. ปอกเปลือกผัก เอาเปลือกหรือผิวที่ขมๆ ออกไป แล้วใช้มีดคมๆ สไลซ์ผักเป็นชิ้นบางๆ พอผักเป็นชิ้นบางแล้ว จะอบแห้งได้เร็วและทั่วถึงขึ้น[11]
- ยิ่งผักชิ้นบางเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ต้องกลัวว่าจะสไลซ์ผักชิ้นบางเกินไป
เคล็ดลับ: แนะนำให้ใช้แท่นสไลซ์ผัก เพราะจะสะดวกกว่ามาก ไม่ว่าจะใช้สไลซ์แครอท ฟักทอง หรือมันเทศก็ตาม ถ้าใช้แท่นสไลซ์ผัก ผักที่ได้จะออกมาชิ้นเท่าๆ กัน อบแห้งได้ทั่วถึงกว่า[12]
- เอาผักที่สไลซ์แล้วไปเข้าเครื่องอบแห้งอาหาร โดยเรียงเป็นชั้นเดียว ไม่ซ้อนกัน. เครื่องอบแห้งอาหารส่วนใหญ่จะมีชั้นหรือตะแกรงที่สอดเข้าไปในตัวเครื่องอีกที ให้เรียงชิ้นแครอท มันเทศ หรือฟักทองเป็นชั้นเดียว ไม่ซ้อนทับกัน ลมร้อนจะได้ไหลผ่านทั่วถึงทุกชิ้น[13]
- ต้องสังเกตว่าในเครื่องอบแห้งอาหารมีที่ว่างแค่ไหน ถ้าใส่ชิ้นผักไปเยอะเกินไป ระวังจะอัดกันเยอะเกิน ไม่เหมาะจะอบแห้งในครั้งเดียว
เคล็ดลับ: ถ้าไม่มีเครื่องอบแห้งอาหาร จะอบแห้งผักในเตาอบก็ได้ โดยใช้ความร้อนต่ำสุด แต่จะใช้เวลานานกว่า และเสี่ยงจะทำผักไหม้ก่อนจะทันแห้ง[14]
- เดินเครื่องไปจนผักไม่เหลือน้ำหรือความชื้น. ลองศึกษาว่าเครื่องที่ใช้แนะนำอุณหภูมิและเวลาอบเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเดินเครื่องที่ประมาณ 125 °F (50 °C) หลายๆ ชั่วโมง หรือต่างจากนี้นิดหน่อย เพราะผักแต่ละชนิดก็มีน้ำและความหนาแตกต่างกันไป ทำให้ใช้อุณหภูมิและเวลาอบแห้งต่างกัน[15]
- เช็คผักทุกชั่วโมงหรือบ่อยกว่านั้น จะได้แน่ใจว่าอบแห้งผักทั่วถึงดี ต้องหมุนตะแกรงด้วย จะได้อบแห้งทั่วทุกชิ้น
- ปกติให้อบแห้งอาหารที่ 125 - 140 °F (50 - 60 °C) ถ้าใช้ความร้อนเยอะกว่านี้ ผักจะแห้งเร็ว แต่อาจจะแห้งไม่ทั่วถึงกัน
- ปั่นเป็นผงละเอียดโดยใช้เครื่องผสมอาหารหรือกระบอกบดเครื่องเทศ. เอาผักที่อบแห้งแล้วใส่ชามของเครื่อง จากนั้นเดินเครื่องจนผักกลายเป็นผงละเอียด[16]
- อาจจะต้องรอหน่อย อย่าเพิ่งเลิกปั่นหลังผ่านไปแค่ 1 - 2 นาที
- หรือจะใช้ครกกับสากตำเป็นผงแทนก็ได้ แต่แน่นอนว่าเปลืองแรงและเวลากว่า
- เอาผงผักไปแต่งสีอาหารตามชอบ. จะใส่เยอะแค่ไหนก็แล้วแต่ว่าจะแต่งสีอะไร และเยอะแค่ไหน อย่างถ้าเป็นครีมเค้กสีขาว 1 ถ้วยตวง ให้เริ่มจากใส่ผงผักสีส้ม 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน แล้วจะเติมอีกทีละช้อนชาก็ได้ จนได้สีที่ต้องการ
- ระวังว่าถ้าใส่ผงผักเยอะเกินไป รสชาติอาหารที่คุณแต่งสีจะเปลี่ยนไปได้ โดยเฉพาะเวลาแต่งสีอาหารที่รสอ่อนหน่อย
- ผงสีจากวัตถุดิบธรรมชาตินี้เหมาะจะใช้แต่งสีส้มไม่เข้มมาก จะออกมาไม่ใช่สีส้มสดจี๊ดจ๊าด[17]
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
ผสมสีให้ได้สีส้ม
- สีผสมอาหารสีแดง
- สีผสมอาหารสีเหลือง
- สีผสมอาหารสีฟ้า หรือน้ำตาล ถ้ามี
- ถ้วยหรือชามแก้วใบเล็ก
- ช้อนเล็ก หรือไม้จิ้มฟัน
ทดลองใช้สี
- ถ้วยหรือชามแก้วใบเล็ก
- ชามแก้วใบใหญ่
- ช้อน หรือไม้พายยาง
ทำสีผสมอาหารสีส้มจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- แครอท มันเทศ หรือฟักทอง
- ที่ปอกผลไม้
- มีด
- แท่นสไลซ์ผัก ถ้ามี
- เครื่องอบแห้งอาหาร
- เครื่องผสมอาหาร หรือกระบอกบดเครื่องเทศ
- ช้อน
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.tasteofhome.com/article/types-of-food-coloring/
- ↑ https://oureverydaylife.com/make-dark-orange-frosting-food-coloring-41841.html
- ↑ https://oureverydaylife.com/make-dark-orange-frosting-food-coloring-41841.html
- ↑ https://www.foodnetwork.com/recipes/articles/frost-by-numbers-how-to-make-frosting-colors
- ↑ https://www.foodnetwork.com/recipes/articles/frost-by-numbers-how-to-make-frosting-colors
- ↑ https://www.foodnetwork.com/recipes/articles/frost-by-numbers-how-to-make-frosting-colors
- ↑ https://www.foodnetwork.com/recipes/articles/frost-by-numbers-how-to-make-frosting-colors
- ↑ https://www.thespruceeats.com/how-to-scale-a-recipe-995827
- ↑ https://www.ars.usda.gov/news-events/news/research-news/2002/dark-orange-carrots-deliver-more-beta-carotene/
- ↑ https://www.onegreenplanet.org/vegan-food/all-natural-plant-based-food-colorings/
- ↑ https://www.epicurious.com/expert-advice/how-to-dehydrate-fruit-step-by-step-article
- ↑ https://www.finecooking.com/article/how-to-use-a-mandoline
- ↑ https://www.epicurious.com/expert-advice/how-to-dehydrate-fruit-step-by-step-article
- ↑ https://youtu.be/YdMNtfR-mHg?t=53
- ↑ https://www.epicurious.com/expert-advice/how-to-dehydrate-fruit-step-by-step-article
- ↑ https://www.localharvest.org/blog/48630/entry/how_to_make_pumpkin_and
- ↑ https://food52.com/blog/16265-how-to-make-all-natural-food-dyes-from-ingredients-in-your-kitchen
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.