วิธีการ จัดการกับความรู้สึกผิด

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความรู้สึกผิดนั้นเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ ที่ในจุดใดจุดหนึ่งของชีวิตเราทุกคนต่างก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันทั้งนั้น และสำหรับหลายๆ คน ความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกละอายที่รุนแรงและแก้ไม่หายนั้นสามารถทำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างมากได้ ซึ่งความรู้สึกผิดในแบบที่พอดี ก็คือ ความรู้สึกผิดต่อการกระทำ การตัดสินใจ หรือการกระทำอื่นๆ ในทางที่ไม่ถูกต้องที่คุณต้องมีส่วนรับผิดชอบ และเป็นสิ่งที่อาจจะมีผลกระทบต่อคนอื่นในด้านลบ ซึ่งนี่คือความรู้สึกผิดในทางที่ดีที่จะไปกระตุ้นตัวคุณให้แก้ไขความผิดต่างๆ และสร้างความสามัคคีขึ้นในสังคม รวมถึงมีความรู้สึกถึงความรับผิดชอบร่วมกันด้วย ส่วนสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านี้ก็คือ ความรู้สึกผิดในแบบที่ไม่พอดี ซึ่งหมายถึงความรู้สึกผิดต่อสิ่งต่างๆ ที่คุณไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเองได้ อย่างเช่น การกระทำและชีวิตความเป็นอยู่ของคนอื่น รวมถึงสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ อย่างเช่น ผลลัพธ์ของสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งความรู้สึกผิดประเภทนี้จะทำให้เราไปยึดติดอยู่กับความล้มเหลวต่างๆ ที่เรารู้สึกอยู่ข้างในตัวเอง ก่อให้เกิดความละอายใจและความขุ่นเคืองใจได้[1] แต่ไม่ว่าความรู้สึกของคุณจะมาจากการกระทำในทางที่ไม่ถูกต้องในอดีตหรือเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ ก็ยังมีหลายวิธีการที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ไขความรู้สึกเหล่านั้นได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

จัดการกับความรู้สึกผิดในแบบที่พอดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทำความรู้จักกับความรู้สึกผิดประเภทนี้และจุดประสงค์ของมัน....
    ทำความรู้จักกับความรู้สึกผิดประเภทนี้และจุดประสงค์ของมัน. [2] ความรู้สึกผิดคืออารมณ์ความรู้สึกที่มีประโยชน์ เพราะมันช่วยทำให้เราโตขึ้นและเรียนรู้จากพฤติกรรมที่มีความหยาบคายและอันตรายทั้งต่อตัวเราเองและคนอื่นๆ และเมื่อความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาจากการที่เราทำร้ายคนอื่น หรือการที่เราส่งผลกระทบเชิงลบที่ไม่ควรจะเกิดออกไปยังคนอื่น แสดงว่านี่คือการส่งสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง (หรือไม่งั้นก็ต้องเสี่ยงกับผลลัพธ์ที่ตามมา) ซึ่งความรู้สึกผิดในแบบที่ “พอดี” จะเป็นแนวทางในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและปรับเปลี่ยนความรู้สึกของเราให้รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้และอะไรที่ไม่สามารถยอมรับได้
    • ตัวอย่างเช่น หากความรู้สึกผิดของคุณมาจากการที่คุณกระจายข่าวลือเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของคุณเพื่อที่ตัวคุณจะได้เลื่อนขั้นไปอยู่ในตำแหน่งของพวกเขา นั่นแสดงว่าคุณรู้สึกผิดในแบบที่พอดี แต่ถ้าหากคุณได้เลื่อนขั้นเพราะคุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากขึ้นแต่ว่าคุณก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี นั่นแสดงว่าคุณกำลังรับมืออยู่กับความรู้สึกผิดในแบบที่ไม่พอดีอยู่
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ให้อภัยตัวเอง.
    การให้อภัยอย่างการให้อภัยคนอื่นนั้น บางทีก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ซึ่งวิธีการสำคัญในการให้อภัยตัวเอง มีดังนี้[3]
    • รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริงโดยที่ไม่ต้องไปทำให้สิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นดูเวอร์หรือดูเล็กน้อยจนเกินไป
    • จัดการกับสิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้นแค่ในระดับที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณ เพราะว่าบางทีอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณน่าจะทำให้แตกต่างไปจากเดิมได้ แต่คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องไปรับผิดชอบกับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะถ้าคุณประเมินความรับผิดชอบของตัวเองไว้สูงเกินไป นั่นอาจจะทำให้ความรู้สึกผิดอยู่ติดกับตัวคุณนานเกินควรได้
    • ทำความเข้าใจสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงเวลาของการกระทำแย่ๆ พวกนั้น
    • พูดคุยกับคนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการกระทำของคุณ ซึ่งการขอโทษจากใจจริงอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยคุณได้ เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณและคนอื่นๆ จะรู้ว่าคุณมีความตระหนักในสิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้น และมีความชัดเจนว่าการกระทำแบบไหนที่ควรจะถูกนำมาชดเชยและเพื่อเป็นการขอโทษ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทำการชดเชยหรือแก้ไขปรับเปลี่ยนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้....
    ทำการชดเชยหรือแก้ไขปรับเปลี่ยนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้. การมัวแต่รู้สึกผิดและไม่ทำการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนในสิ่งที่จำเป็นคือวิธีการลงโทษตัวเองดีๆ นี่เอง[4] และที่แย่ไปกว่านั้น พฤติกรรมเหล่านี้มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกละอายเกินกว่าจะทำบางสิ่งบางอย่างที่จริงๆ แล้วน่าจะช่วยได้ ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขใหม่อีกครั้งนั้นหมายถึง การเก็บความทะนงตัวของตัวเองเอาไว้ก่อนและเชื่อมั่นว่าคนอื่นๆ จะยินดีในสิ่งที่คุณทำเพื่อแก้ไขต้นตอของความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้น
    • หากการขอโทษคือวิธีการชดเชยสิ่งแย่ๆ ของคุณ ให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินในสิ่งที่คุณทำไปแล้ว หรือไปชี้ให้เห็นถึงส่วนต่างๆ ของสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของคุณ แค่ให้คุณรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนอื่นโดยที่ไม่ต้องชี้แจงเหตุผลอะไรมากมายหรือพยายามไปทบทวนรายระเอียดต่างๆ ของสถานการณ์นั้น
      • มันอาจจะง่ายกว่ามากหากคุณขอโทษสำหรับคำพูดที่คุณได้พูดออกไปโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน ซึ่งอาจจะเป็นคำพูดที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อใดที่พฤติกรรมนั้นได้ทอดข้ามผ่านบางช่วงเวลาไปแล้ว คุณอาจจะพูดได้ว่าตัวเองลืมที่จะใส่ใจกับความทุกข์ใจของคนรักของคุณในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งต่อไปนี้คุณก็จะให้ความจริงใจและความสุภาพต่ออีกฝ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เริ่มเขียนไดอารี่.
    [5] การเขียนไดอารี่เกี่ยวกับรายละเอียด ความรู้สึก และความทรงจำต่างๆ ของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถช่วยทำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและการกระทำต่างๆ ของตัวเองได้ ซึ่งการพยายามปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเองในอนาคตคือวิธีที่ดีในการบรรเทาความรู้สึกผิด[6] เพราะสิ่งที่คุณเขียนบันทึกไว้อาจจะตอบคำถามต่อไปนี้ได้[7]
    • คุณรู้สึกยังไงกับตัวเองและกับทุกคนที่เกี่ยวข้องในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังจากที่เกิดสถานการณ์แย่ๆ นั้น?
    • อะไรคือความต้องการของคุณในตอนนั้น และคุณได้ความต้องการนั้นหรือไม่? ถ้าไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?
    • คุณมีแรงจูงใจให้ตัวเองทำการกระทำแบบนี้หรือเปล่า? อะไรหรือใครที่เป็นแรงกระตุ้นให้คุณทำพฤติกรรมแบบนี้?
    • อะไรคือมาตรฐานการตัดสินใจในสถานการณ์แบบนี้? มาตรฐานพวกนั้นเป็นมาตรฐานของคุณ ของพ่อแม่คุณ เพื่อนๆ ของคุณ คู่สมรสของคุณ หรือมาจากสถาบันบางสถาบันอย่างเช่น สถาบันกฎหมายหรือเปล่า? มาตรฐานการตัดสินเหล่านี้มันเหมาะสมหรือไม่ และถ้าเหมาะสม คุณรู้ได้ยังไงว่ามันเหมาะสม?
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ยอมรับว่าตัวเองทำผิดพลาดและเดินหน้าต่อไป.
    เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเปลี่ยนแปลงอดีต ดังนั้น หลังจากที่ได้ใช้เวลาเรียนรู้จากการกระทำของตัวเอง และทำการชดใช้และแก้ไขเท่าที่ทำได้แล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องไม่ไปยึดติดอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นนานจนเกินไป ดังนั้น ให้คอยเตือนตัวเองไว้ว่ายิ่งคุณเลิกรู้สึกผิดเร็วมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งสามารถเพิ่มโฟกัสไปที่เรื่องอื่นๆ และส่วนต่างๆ ในชีวิตคุณที่เป็นปัจจุบันได้มากขึ้นกว่าเดิม
    • ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการเขียนไดอารี่เพื่อจัดการกับความรู้สึกผิดคือ คุณสามารถติดตามความรู้สึกต่างๆ ของตัวเองเพื่อแสดงให้ตัวเองเห็นว่าความรู้สึกผิดนั้นสามารถลดลงได้รวดเร็วแค่ไหนเมื่อเราพยายามจัดการกับมัน[8] และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การเขียนโน้ตว่าการชดใช้และแก้ไขสถานการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แย่ๆ ได้อย่างไรบ้าง จะช่วยทำให้คุณภูมิใจในความก้าวหน้าของตัวเองและภูมิใจในวิถีทางที่ถูกต้อง เพราะคุณได้ใช้ความรู้สึกผิดของตัวเองในทางที่เป็นประโยชน์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

จัดการกับความรู้สึกผิดในแบบที่ไม่พอดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทำความรู้จักกับความรู้สึกผิดประเภทนี้และจุดประสงค์ของมัน....
    ทำความรู้จักกับความรู้สึกผิดประเภทนี้และจุดประสงค์ของมัน. [9] ตรงกันข้ามกับความรู้สึกผิดในแบบที่ “พอดี” ที่ส่งสัญญาณให้เราปรับเปลี่ยนแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด ความรู้สึกผิดแบบที่ไม่พอดีนั้นมักจะมาจากหนึ่งในต้นตอต่อไปนี้[10]
    • การทำบางอย่างได้ดีกว่าคนบางคน (ความรู้สึกผิดของผู้รอดชีวิต)
    • การรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พยายามช่วยคนอื่นให้มากเท่าที่ควร
    • บางสิ่งบางอย่างที่คุณคิดแค่ว่าตัวคุณเป็นคนทำ
    • บางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่ได้ทำแต่คุณอยากจะทำ
      • ตัวอย่างเช่น คุณรู้สึกผิดเรื่องที่คุณได้เลื่อนขั้น เพราะคุณกระจายข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของคุณเพื่อที่คุณจะได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งความรู้สึกผิดแบบนี้คือความรู้สึกที่ถูกต้องหรือพอดีสำหรับการกระทำแบบนั้น แต่ถ้าหากคุณได้เลื่อนขั้นเพราะคุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแต่คุณก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี นั่นแสดงว่าคุณกำลังรับมืออยู่กับความรู้สึกผิดในแบบที่ไม่พอดีอยู่ ซึ่งความรู้สึกผิดประเภทนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดจุดมุ่งหมายที่มีเหตุผลใดๆ เลย[11]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สำรวจดูสิ่งที่คุณสามารถควบควบได้เทียบกับสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้....
    สำรวจดูสิ่งที่คุณสามารถควบควบได้เทียบกับสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้.[12] ให้คุณเขียนสิ่งต่างๆ ที่คุณสามารควบคุมได้จริงๆ ลงในไดอารี่ รวมไปถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณสามารถควบคุมได้แค่บางส่วนเท่านั้น จำไว้ว่าการโทษตัวเองสำหรับความผิดพลาดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่คุณสามารถควบคุมได้เพียงบางส่วนนั้นหมายถึงว่า คุณโมโหตัวเองเพราะสิ่งต่างๆ ที่อยู่เกินตัวคุณ
    • นอกจากนี้ สิ่งที่ช่วยได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการที่คุณไม่โทษตัวเองสำหรับสิ่งต่างๆ ที่คุณเสียใจว่าตัวเองไม่ได้ทำ เพราะคุณไม่อาจจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะเป็นสิ่งที่คุณรับรู้ได้ในตอนนี้ เพราะในตอนนั้นคุณอาจจะสร้างการตัดสินที่ดีที่สุดแล้วสำหรับช่วงเวลานั้น
    • เตือนตัวเองไว้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณที่คุณจะรอดจากเหตุการณ์แย่ๆ ที่คนอื่นหรือแม้แต่คนใกล้ชิดของคุณบางคนไม่สามารถเอาตัวรอดออกมาได้
    • รับรู้เอาไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องของคนอื่นไปซะทุกอย่าง แม้ว่าคุณจะรักและเป็นห่วงผู้คนเหล่านั้นในชีวิตคุณมากก็ตาม เพราะพวกเขามีหน้าที่สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองอยู่แล้ว (และตัวคุณเองก็เช่นกัน)
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ตรวจสอบมาตรฐานความสำเร็จของตัวเองและมาตรฐานการช่วยเหลือคนอื่น....
    ตรวจสอบมาตรฐานความสำเร็จของตัวเองและมาตรฐานการช่วยเหลือคนอื่น. เมื่อกำลังเขียนไดอารี่ ให้ถามตัวเองว่าคุณตั้งการกระทำในอุดมคติของตัวเองไว้สูงเกินไปหรือเปล่า[13] บ่อยครั้งที่มาตรฐานเหล่านี้มักจะถูกกำหนดมาจากแรงกดดันจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ตั้งแต่วัยเด็ก แต่ถ้าหากมาตรฐานเหล่านั้นถูกทำให้ซีเรียสมากเกินไปและบรรลุผลได้ยาก มันก็อาจจะทำให้เกิดความทุกข์ใจได้มากมาย
    • สิ่งนี้ยังรวมถึงการรับรู้สิทธิในการปกป้องและยืดหยัดในผลประโยชน์ของตัวเองด้วย เพราะเรามักจะรู้สึกผิดต่อการที่เราไม่พยายามทำอะไรเพื่อคนอื่นหรือเสียสละสิ่งที่เราชอบ (เช่น เวลาว่างหรือพื้นที่ส่วนตัว) ซึ่งนี่คือส่วนสำคัญในการเอาชนะความรู้สึกผิด[14] ดังนั้น ให้คุณคอยเตือนตัวเองให้ยอมรับว่าผลประโยชน์ของแต่ละคนนั้นอาจจะขัดแย้งกันเองก็เป็นได้ และนั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีใครผิดเพียงเพราะพวกเขาแสวงหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มให้กับความต้องการของตัวเองหรอก
  4. How.com.vn ไท: Step 4 โฟกัสไปที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ เมื่อกำลังจะช่วยเหลือคนอื่น....
    โฟกัสไปที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ เมื่อกำลังจะช่วยเหลือคนอื่น. ความรู้สึกผิดมักจะมาจากความคิดที่ว่าตัวเราเองยังไม่แคร์คนอื่นให้มากพอ[15] และถ้าหากในตัวคุณมีสิ่งต่างๆ มากมายที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ จำไว้ว่าคุณภาพของความช่วยเหลือของคุณจะลดน้อยลงถ้าหากคุณพยายามที่จะช่วยเหลือคนอื่นมากเกินไปอยู่ตลอดเวลา หรือช่วยเหลือทุกๆ คนที่คุณแคร์อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
    • เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกผิดประเภทนี้ ให้คุณตระหนักถึงสถานการณ์ต่างๆ ให้มากขึ้น หากมันถึงเวลาที่คุณจะต้องเข้าไปจัดการจริงๆ การที่คุณรู้และเข้าใจในสิ่งที่คุณเสนอความช่วยเหลือให้กับคนอื่น จะทำให้คุณรับรู้ได้ดีขึ้นว่าคุณต้องมีความรับผิดชอบต่อคนอื่นในระดับเท่าไร และนี่จะทำให้ความรู้สึกผิดของคุณลดลงโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ มันยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของความช่วยเหลือที่คุณทำให้คนอื่นด้วย และช่วยทำให้คุณตระหนักในสิ่งดีๆ ที่ตัวเองเป็นมากกว่าสิ่งอื่นๆ ที่คุณน่าจะต้องทำ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 แสวงหาการยอมรับและความเข้าอกเข้าใจผ่านการเจริญสติ....
    แสวงหาการยอมรับและความเข้าอกเข้าใจผ่านการเจริญสติ.[16] การเจริญสติและการฝึกทำสมาธิสามารถช่วยทำให้คุณเรียนรู้ที่จะสังเกตกระบวนการทางจิตใจของตัวคุณเอง รวมถึงสังเกตถึงแนวโน้มที่ทำให้ความรู้สึกผิดของคุณยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ อย่างเช่น การโทษตัวเองและการตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง[17] และเมื่อใดก็ตามที่คุณได้เรียนรู้กระบวนการเหล่านี้ คุณก็จะสามารถเริ่มเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจในตัวเองมากขึ้น และรับรู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปซีเรียสหรือทำตามความคิดพวกนั้น[18]
    • มันอาจจะช่วยได้มากถ้าหากคุณคอยติดต่อกับคนที่คุณรัก ที่ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นและแสดงความเข้าอกเข้าใจในตัวคุณได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งการมองเห็นว่าคนอื่นปฏิบัติในลักษณะนี้ต่อคุณ จะช่วยให้คุณพัฒนาทัศนคตินี้ต่อตัวเองได้ง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องแสดงการยอมรับในตัวเองและเข้าอกเข้าใจตัวเองด้วย ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้ด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่นหรืออาจจะไม่ต้องมีเลยก็ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าเป็นคนที่เน้นความสมบูรณ์แบบในเรื่องความรู้สึกผิดของตัวเองเด็ดขาด! ตราบใดที่คุณยังไม่สามารถข้ามผ่านความรู้สึกเหล่านี้ได้ จำไว้ว่า ความรู้สึกผิดบางอย่างอาจจะช่วยให้คุณเลือกที่จะแสดงออกอย่างจริงใจ ซื่อตรง และแคร์คนอื่นๆ ได้[19]
  • ให้คิดแต่ในเชิงบวก คุณอาจจะทำอะไรที่น่าเจ็บปวดต่อคนอื่นและต่อตัวคุณเองไปมากมายแล้ว แต่ทางออกทางเดียวก็คือ คุณต้องให้อภัยตัวเองและเดินหน้าต่อไป หากคุณขอโทษพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมรับคำขอโทษของคุณ คุณต้องเว้นช่องว่างให้กับพวกเขาด้วย หากคุณมัวแต่ขอโทษอยู่เรื่อยๆ และพวกเขาก็ไม่ยอมรับคำขอโทษของคุณสักที นั่นจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้น ให้คุณเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง และคราวต่อไปถ้าคุณกำลังจะทำอะไรบางอย่างที่อาจจะมีผลเสียต่อคนอื่น ให้คุณคิดให้ดีก่อนที่จะทำสิ่งนั้นด้วย
  • คุณควรจะให้อภัยตัวเองได้เรื่อยๆ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • ผลกระทบเชิงลบต่างๆ ที่มาจากความรู้สึกผิดนั้นมีทั้งความพึงพอใจในตัวเองต่ำ และการชอบตำหนิตัวเอง รวมถึงกลุ่มอารมณ์แบบอื่นๆ ด้วย ซึ่งถ้าหากคุณเจอกับปัญหาเหล่านี้ มันอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณยังจัดการกับความรู้สึกผิดของตัวเองไม่ได้[20]


โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.psychologytoday.com/basics/guilt
  2. http://psychcentral.com/blog/archives/2007/11/27/5-tips-for-dealing-with-guilt/
  3. http://apt.rcpsych.org/content/18/2/137#ref-14
  4. http://www.yorku.ca/dcarveth/guilt.html
  5. http://www.mindbodygreen.com/0-6496/5-Ways-to-Get-Rid-of-Guilt.html
  6. Michael J.A. Wohl, Timothy A. Pychyl, Shannon H. Bennett, I forgive myself, now I can study: How self-forgiveness for procrastinating can reduce future procrastination, Personality and Individual Differences, Volume 48, Issue 7, May 2010, Pages 803-808, http://dx.doi.org/10.1016/j.paid.2010.01.029.
  7. http://www.whatiscodependency.com/ho-to-overcome-guilt-and-forgive-yourself/
  8. Vangelisti, Anita L., and Rhonda J. Sprague. "Guilt and hurt: Similarities, distinctions, and conversational strategies." (1998).
  9. http://psychcentral.com/blog/archives/2007/11/27/5-tips-for-dealing-with-guilt/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Allison Broennimann, PhD
ร่วมเขียน โดย:
นักจิตวิทยาคลินิก
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Allison Broennimann, PhD. แพทย์หญิงแอลลิสัน โบรนนิแมน เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่ผ่านการรับรอง มีคลินิกส่วนตัวในเบย์แอเรีย ซานฟรานซิสโก เพื่อการบำบัดทางทางจิตและให้คำปรึกษาเรื่องประสาทจิตวิทยา ด้วยประสบการณ์กว่า 1 ทศวรรษ คุณหมอโบรนนิแมนเชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดแบบลงลึก เน้นการรักษาอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า ปัญหาชีวิตคู่ ความเศร้าโศก ปัญหาการปรับตัว ความเครียดอันเกิดจากเหตุการณ์ร้ายแรง และการเปลี่ยนผ่านช่วงชีวิตต่างๆ ส่วนหนึ่งของการดูแลด้านประสาทจิตวิทยาคือการควบรวมจิตบำบัดเชิงลึก กับการฟื้นฟูการรู้คิดแบบบูรณาการ สำหรับผู้ที่กำลังฟื้นตัวหลังสมองกระทบกระเทือนรุนแรง คุณหมอโบรนนิแมนจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีสาขาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ และจบแพทยศาสตร์กับปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยพาโลอัลโต โดยมีใบอนุญาตให้คำปรึกษาจากคณะกรรมการจิตวิทยาแห่งแคลิฟอร์เนีย และเป็นสมาชิกสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา บทความนี้ถูกเข้าชม 3,994 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,994 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา