วิธีการ โกนขนตามร่างกายโดยไม่ใช้ครีมสำหรับโกนขน

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ใช้ผลิตภัณฑ์สบู่

ใช้น้ำมัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ครีมสำหรับโกนขนอาจไม่จำเป็นเสมอไปเมื่อคุณต้องการโกนขนตามร่างกาย เนื่องจากคุณสามารถมองหาตัวเลือกอื่นๆ อย่างครีมนวดผม สบู่อาบน้ำ หรือน้ำเปล่ามาใช้ทดแทนกันได้ และอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดในขั้นตอนการโกนขนคือการบำรุงผิวหลังการโกนขนเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของคุณแห้งและเกิดการระคายเคือง

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ใช้ผลิตภัณฑ์สบู่

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ทำให้ผิวบริเวณที่ต้องการโกนขนเปียกน้ำ. น้ำเป็นส่วนสำคัญในการทำให้สบู่เกิดฟองบนผิวของคุณ การโกนขนโดยปราศจากน้ำเปล่าหรือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นต่างๆ อาจทำให้คุณควบคุมมีดโกนได้ไม่ลื่นไหลและก่อให้เกิดผื่นแดงหรือรอยแผลถูกบาดบนผิวหนังได้

   • หากคุณไม่ได้กำลังอาบน้ำ คุณสามารถใช้ผ้าหรือสำลีแผ่นชุบน้ำเช็ดให้ทั่วผิวบริเวณที่ต้องการโกนแทนได้เช่นกัน
   • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเริ่มโกนขนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว 10-15 นาที น้ำและความร้อนจะช่วยให้ผิวมีสัมผัสที่อ่อนนุ่มและเปิดรูขุมขนให้กว้างขึ้น จึงทำให้คุณสามารถโกนขนได้แนบสนิทและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
   • คุณยังสามารถขัดผิวก่อนเริ่มโกนขนด้วยสครับขัดผิว ผ้าขัดตัว หรือใยบวบได้เช่นกัน
2. 
   2
   เลือกผลิตภัณฑ์สบู่ที่ต้องการ. เคล็ดลับคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้เกิดฟองหนานุ่มปกคลุมทั่วผิว รวมถึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อให้คุณควบคุมมีดโกนได้อย่างไม่มีสะดุดและป้องกันไม่ให้เกิดผื่นแดงและการระคายเคืองบนผิวหนัง คุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ดังนี้

   • ครีมนวดผม: ครีมนวดผมช่วยให้เส้นขนมีสัมผัสที่นุ่มลื่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ
   • แชมพู: แชมพูมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดฟองและช่วยชำระล้างฝุ่นละอองและคราบมันบนผิวของคุณ
   • ครีมอาบน้ำ: ครีมอาบน้ำมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับแชมพูและสามารถทำให้เกิดฟองได้ดีกว่าครีมนวดผม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกใช้ครีมอาบน้ำที่มีผสมบอดี้บัตเตอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ
   • น้ำยาล้างจาน: หากครีมอาบน้ำ แชมพู หรือครีมนวดผมหมดพอดี คุณสามารถเลือกใช้น้ำยาล้างจานซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดฟองแทนได้เช่นกัน แม้ว่าจะแทบไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังเป็นส่วนประกอบ แต่การใช้น้ำยาล้างจานอาจทำให้ผิวของคุณแห้งได้
   เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

   

   Timmy Yanchun

   ช่างตัดผมชายมืออาชีพ

   ทิมมี่ ยานชุนเป็นช่างตัดผมชายมืออาชีพและเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Svelte Barbershop + Essentials ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลใบหน้าและทรงผมของบุรุษซึ่งเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม หนวดเครา ผิว และการโกนหนวด ซึ่งเริ่มให้บริการที่โรงแรม SLS ในเบเวอร์ลีฮิลล์และปัจจุบันขยายเป็น 3 สาขาทั่วลอสแองเจลิส ทิมมี่เริ่มหัดตัดผมตั้งแต่อายุ 13 ปีและเปิดร้านครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง LTHR บริษัทผลิตเครื่องลับมีดโกนแบบไร้สายที่แรกของโลกเพื่อการโกนหนวดได้อย่างหมดจดเองที่บ้าน ทิมมี่กับร้าน Svelte ถูกพูดถึงใน GQ, Men's Fitness, และ Hypebeast

   

   Timmy Yanchun
   ช่างตัดผมชายมืออาชีพ

   ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า: หากคุณต้องการโกนขนแต่หาครีมสำหรับโกนขนไม่ได้ ให้คุณทำผิวให้เปียกด้วยน้ำร้อนแล้วชโลมครีมนวดผมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ทั่วก่อนเริ่มการโกนขน อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าวิธีนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นและไม่ควรทำทุกครั้ง
3. 
   3
   ถูให้เกิดฟอง. ถูให้สบู่เกิดเป็นฟองหนานุ่มทั่วผิวบริเวณที่ต้องการโกนขน ฟองสบู่ไม่เพียงทำให้คุณสามารถควบคุมมีดโกนได้อย่างลื่นไหลเท่านั้น แต่ยังช่วยบอกให้คุณรู้ได้ว่าเหลือบริเวณใดบ้างที่คุณยังไม่ได้โกนขนอีกด้วย

   • หยดกลีเซอรีนเล็กน้อยเพิ่มลงไปเพื่อเพิ่มปริมาณฟองและความชุ่มชื้นให้กับผิว กลีเซอรีนเป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลวที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามทั่วไปโดยมักพบได้ในช่องขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือยารักษาโรค โดยทั่วไปกลีเซอรีนมักถูกใช้สำหรับการรักษาและป้องกันผิวแห้ง การคัน และการระคายเคืองเล็กน้อยที่ผิวหนัง
4. 
   4
   เริ่มโกนขน. ในระหว่างการโกนขน พยายามล้างมีดโกนบ่อยๆ เพื่อขจัดคราบสบู่และเส้นขนที่ติดอยู่

   • โกนขนตามแนวขนเสมอ การโกนขนย้อนแนวขนอาจเสี่ยงต่อการทำให้เส้นขนถูกดึงออกมาอย่างรุนแรงรวมถึงเข้าไปติดขัดกับใบมีดได้
   • โกนขนตรงส่วนโค้งเว้าหรือบริเวณที่บอบบางอย่างช้าๆ และเบามือ เช่น คอ ใต้จมูก รักแร้ จุดซ้อนเร้น ส่วนโค้งเว้าบริเวณตาตุ่ม และใต้หัวเข่า
   • มีดโกนที่มีใบมีดหลายชั้นจะช่วยให้สามารถโกนขนได้แนบชิดไปกับผิวได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้มีดโกนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณที่สุด
5. 
   5
   เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว. หลังโกนขนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณชำระล้างคราบสบู่ที่ตกค้างออกอย่างหมดจด จากนั้นเช็ดให้แห้งและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยการทาครีมบำรุงเพื่อป้องกันการเกิดขนคุดและบรรเทาอาการคันและการอักเสบบนผิวของคุณ
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

ใช้น้ำมัน

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เลือกว่าจะทำให้ผิวเปียกน้ำก่อนโกนขนหรือไม่. เนื่องจากน้ำมันมีลักษณะที่ค่อนข้างเหลวเป็นน้ำอยู่แล้วและสามารถทาเกลี่ยได้ง่ายบนผิวที่แห้ง คุณจึงไม่จำเป็นต้องทำให้ผิวบริเวณที่ต้องการโกนขนให้เปียกน้ำก่อน นอกจากนี้ น้ำยังอาจขับให้น้ำมันไม่ติดผิวของคุณ เนื่องจากน้ำและน้ำมันไม่สามารถรวมกันเป็นเนื้อเดียวได้ ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้คุณใช้วิธีนำผ้าชุบน้ำร้อนและวางประคบลงไปบนผิวแทนเพื่อเปิดรูขุมขนให้กว้างขึ้นและทำให้ผิวมีสัมผัสที่อ่อนนุ่มขึ้น

   • ควรเริ่มโกนขนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว 10-15 นาที น้ำและความร้อนจะช่วยให้ผิวมีสัมผัสที่อ่อนนุ่มและเปิดรูขุมขนให้กว้างขึ้น จึงทำให้คุณสามารถโกนขนได้แนบสนิทและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
   • คุณยังสามารถขัดผิวก่อนเริ่มโกนขนด้วยสครับขัดผิว ผ้าขัดตัว หรือใยบวบได้เช่นกัน
2. 
   2
   เล็มเส้นขนให้สั้นลง. การเล็มเส้นขนให้สั้นลงก่อนการโกนขนจะทำให้คุณสามารถโกนขนได้ง่ายดายยิ่งขึ้น วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นขนเข้าไปติดในใบมีดในระหว่างการโกนรวมถึงทำให้คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการโกนในปริมาณน้อยลง
3. 
   3
   ทาน้ำมันให้ทั่วผิว. สิ่งสำคัญคือการใช้น้ำมันในปริมาณที่มากพอและทาให้ทั่วผิวบริเวณที่ต้องการโกนขน ซึ่งมีน้ำมันมากมายหลายชนิดที่คุณสามารถนำมาใช้สำหรับการโกนขนได้ น้ำมันจะทำหน้าที่เพิ่มความลื่นบนผิวเพื่อช่วยให้คุณสามารถควบคุมมีดได้อย่างไม่มีสะดุดรวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ คุณสามารถเลือกใช้น้ำมันต่างๆ ได้ดังนี้

   • น้ำมันมะพร้าว: น้ำมันมะพร้าวมีทั้งแบบเหลวและแบบแข็ง หากเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวแบบแข็ง ให้คุณถูน้ำมันบนฝ่ามือหรือนิ้วมือทั้งสองข้างก่อนเพื่อละลายน้ำมันก่อนนำไปทาให้ทั่วผิว น้ำมันมะพร้าวสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี ปลอดภัยต่อผิวและติดทนนาน ทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรีย จึงช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย
   • น้ำมันมะกอก: น้ำมันมะกอกเป็นที่นิยมนำมาใช้ในการดูแลด้านสุขภาพอย่างแพร่หลาย สำหรับคุณประโยชน์ต่อผิวหนัง ผลการวิจัยพบว่าน้ำมันมะกอกมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการเกิดมะเร็งผิวหนัง
   • เบบี้ออยล์: เบบี้ออยล์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากกลิ่นและมักประกอบด้วยสารสกัดว่านหางจระเข้ซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาการอักเสบและปลอบประโลมผิว
4. 
   4
   เริ่มโกนขน. ในระหว่างการโกนขน พยายามล้างมีดโกนบ่อยๆ เพื่อขจัดคราบน้ำมันและเส้นขนที่ติดอยู่

   • โกนขนตามแนวขนเสมอ การโกนขนย้อนแนวขนอาจเสี่ยงต่อการทำให้เส้นขนถูกดึงออกมาอย่างรุนแรงรวมถึงเข้าไปติดขัดกับใบมีดได้
   • โกนขนตรงส่วนโค้งเว้าหรือบริเวณที่บอบบางอย่างช้าๆ และเบามือ เช่น คอ ใต้จมูก รักแร้ จุดซ้อนเร้น ส่วนโค้งเว้าบริเวณตาตุ่ม และใต้หัวเข่า
   • มีดโกนที่มีใบมีดหลายชั้นจะช่วยให้สามารถโกนขนได้แนบชิดไปกับผิวได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้มีดโกนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณที่สุด
5. 
   5
   เช็ดคราบน้ำมันที่หลงเหลืออยู่บนผิวออกให้สะอาด. หากคุณมีผิวที่แพ้ง่ายเป็นพิเศษหรือโกนขนตรงบริเวณที่บอบบางอย่างบริเวณจุดซ้อนเร้น พยายามเช็ดคราบน้ำมันที่หลงเหลืออยู่บนผิวออกให้หมดจด อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเหลือน้ำมันไว้บนผิวโดยไม่ต้องเช็ดออกได้เช่นกันเพื่อให้น้ำมันทำหน้าที่เสมือนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยใช้มือลูบอีกครั้งเพื่อให้น้ำมันซึมเข้าสู่ผิว
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• ทาโลชั่นทุกครั้งหลังโกนขนเสร็จเพื่อป้องกันการเกิดขนคุด รวมถึงช่วยบรรเทาการระคายเคืองและลดการอักเสบที่ผิวหนัง
• วิธีเหล่านี้อาจไม่ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพเท่ากับการใช้เจลหรือโฟมสำหรับโกนขน
• คุณสามารถบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก่อนการโกนขนทุกครั้งเพื่อป้องกันผิวจากการเกิดผื่นแดงหรือการระคายเคือง

โฆษณา

คำเตือน

• ห้ามโกนขนคิ้วหรือบริเวณใกล้ๆ ดวงตาโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเหตุผลด้านความงามที่คุณคงไม่ต้องการให้มีตอขนแข็งๆ ขึ้นตามคิ้วของคุณแล้ว การใช้ใบมีดใกล้กับดวงตามากเกินไปยังอาจก่อให้เกิดอันตรายได้อีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรกำจัดขนคิ้วด้วยวิธีการแว็กซ์หรือถอนขนแทน
• หลีกเลี่ยงการโกนขนในขณะที่ผิวยังแห้งอยู่ เนื่องจากการโกนขนโดยไม่ทำให้ผิวเปียกน้ำก่อนอาจทำให้เกิดผื่นแดงบนผิวหนังได้

โฆษณา