วิธีการ เป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความเห็นอกเห็นใจนั้นเกี่ยวข้องกับการที่เราพยายามทำความเข้าใจปัญหาของใครสักคนในมุมมองที่แตกต่างไปจากมุมมองเดิมของตัวเอง แม้ว่ามันจะเป็นบางสิ่งที่คุณรู้สึกว่าทำได้ยาก แต่คุณก็สามารถสนับสนุนหรือให้กำลังใจเพื่อนๆ หรือคนที่คุณรักได้ด้วยการเรียนรู้ที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจในตัวพวกเขา โดยเรียนรู้จากวิธีการต่อไปนี้ และอย่าลืมที่จะเก็บความสงสัยต่างๆ หรือปฏิกิริยาในทางลบของตัวเองเอาไว้ด้วย ไม่แน่นะ คุณอาจจะพบว่าตัวเองเริ่มมีความเห็นอกเห็นใจที่แท้จริงขึ้นมาในตัวมากกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

แสดงความเห็นอกเห็นใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เปิดโอกาสให้คนอื่นได้พูดระบายอารมณ์ของพวกเขาออกมา....
    เปิดโอกาสให้คนอื่นได้พูดระบายอารมณ์ของพวกเขาออกมา. ให้คุณเสนอตัวที่จะรับฟังอีกฝ่ายว่าเขากำลังรู้สึกยังไงอยู่ หรือกำลังพยายามจัดการกับปัญหาต่างๆ ของพวกเขายังไง จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเตรียมวิธีแก้ปัญหาอะไรให้พวกเขาเลย เพราะบางครั้งความเข้าอกเข้าใจเพียงอย่างเดียวก็เป็นสิ่งที่ช่วยพวกเขาได้มากอยู่แล้ว
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้ภาษากายเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ.
    แม้ว่าคุณจะกำลังฟังอีกฝ่ายพูดอยู่ คุณก็สามารถแสดงให้อีกฝ่ายเห็นได้ว่าคุณให้ความใส่ใจและเข้าใจในตัวพวกเขาด้วยภาษากายของคุณเอง โดยให้คุณสบตาและพยักหน้าเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงว่าคุณเข้าใจ และวางลำตัวให้หันหน้าไปทางอีกฝ่ายแทนที่จะหันเข้าหาแค่ด้านข้างอย่างเดียว[1][2]
    • อย่าพยายามทำสิ่งอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะมารบกวนบทสนทนาระหว่างคุณทั้งคู่ ปิดโทรศัพท์มือถือด้วยถ้าทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักกลางคันของบทสนทนา[3]
    • วางท่าให้ดูเปิดกว้าง ด้วยการไม่นั่งกอดอกหรือนั่งไขว่ห้าง หากมือทั้งสองข้างของคุณอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ให้คุณทำมือของตัวเองให้ผ่อนคลายและหันไปด้านข้างเล็กน้อย[4] นี่จะช่วยสื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณกำลังฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่
    • ให้คุณเอนตัวเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย เพราะการเอนตัวเขาหาอีกฝ่ายอาจจะทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยกับคุณมากขึ้น[5]
    • ให้พยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายกำลังพูด เพราะการพยักหน้าและการใช้ท่าทางอื่นๆ ที่แสดงถึงการให้กำลังใจนั้น จะช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีความมั่นใจที่จะพูดมากขึ้น[6]
    • ให้คุณจำลองภาษากายของอีกฝ่าย นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องไปเลียนแบบทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำ แต่การวางท่าตัวเองให้คล้ายๆ กับอีกฝ่าย (ตัวอย่างเช่น หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายหันหน้ามาหาคุณ และวางขาทั้งสองข้างให้ชี้ไปในทางเดียวกันกับอีกฝ่าย) จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการสนับสนุนหรือการให้กำลังใจ เพราะภาษากายของคุณเอง[7]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ฟังก่อน แล้วค่อยออกความเห็นทีหลัง.
    มีหลายกรณี ที่อีกฝ่ายต้องการแค่ให้เราฟังพวกเขาพูดระบายความรู้สึกและความคิดต่างๆ ของพวกเขาออกมา ซึ่งสิ่งนี้คือการสนับสนุนให้กำลังใจอีกฝ่าย แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่ามันไม่สิ่งที่ดูช่วยอะไรได้มากมายสำหรับคุณ[8] ซึ่งมีบ่อยครั้ง ถ้าหากเราไปเสนอข้อแนะนำให้อีกฝ่ายก่อนที่เขาจะขอมา นั่นเสี่ยงที่จะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าคุณกำลังเอาประสบการณ์ที่เขาเจอ มาคิดในมุมมองของตัวคุณเอง[9]
    • “ฟังโดยที่ไม่ต้องเสนอคำแนะนำใดๆ ” ตามที่นักเขียนชื่อ ไมเคิล รูนี่ ได้บอกไว้ในหนังสือของเขา ซึ่งนี่จะทำให้คุณสามารถเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีพื้นที่อิสระในการระบายและจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ของตัวเอง และพวกเขาก็จะไม่รู้สึกกดดันเวลาที่รับคำแนะนำมาจากคุณ หรือไม่รู้สึกว่าคุณกำลังเข้ามา “ควบคุม” ปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    • หากสงสัยอะไร ให้คุณพูดและถามไปว่า “ฉันอยากจะสนับสนุนเธอถ้าเธอต้องการ แต่ฉันอยากรู้ว่าเธอต้องการให้ฉันช่วยแก้ปัญหาหรือแค่ต้องการพื้นที่ให้ตัวเองได้ระบายความรู้สึกออกมาเฉยๆ หรือเปล่า? แต่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธออยู่แล้วล่ะ”[10]
    • หากคุณมีประสบการณ์ที่คล้ายๆ กับอีกฝ่าย คุณอาจจะช่วยเขาด้วยคำแนะนำว่าควรจะทำตัวยังไงหรือควรจะใช้วิธีการจัดการรับมือแบบไหน โดยให้คุณกำหนดขอบเขตคำแนะนำของตัวเองที่มาจากประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ไปออกคำสั่งให้คนอื่นทำตามที่คุณบอก ตัวอย่างเช่น ให้คุณพูดว่า “ฉันเสียใจนะที่เธอขาหัก ฉันจำได้เลยว่าความรู้สึกตอนที่ตัวเองข้อเท้าหักเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มันแย่ขนาดไหน แล้วมันพอจะช่วยได้ไหม ถ้าฉันจะแชร์วิธีที่ฉันใช้รับมือกับมัน?
    • ดูให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เผลอไปสั่งให้อีกฝ่ายทำบางสิ่งบางอย่างในแบบที่คุณต้องการ หากคุณมีคำแนะนำและคนๆ นั้นสนใจที่จะฟังคำแนะนำจากคุณ ให้คุณลองใช้กับถามแบบซักไซ้ดู อย่างเช่น “เธอได้พิจารณาถึง________หรือเปล่า?” หรือ “เธอคิดว่ามันน่าจะช่วยได้ไหมถ้าหากเธอ___________?” ซึ่งคำถามประเภทนี้จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตัดสินใจด้วยตัวเองและเป็นการพูดที่ดูไม่เหมือนกับการสั่งอย่างเช่นคำพูดที่ว่า “ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะ_________”[11]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้การสัมผัสทางกายที่เหมาะสม.
    การสัมผัสทางกายสามารถเป็นสิ่งที่ช่วยปลอบโยนอีกฝ่ายได้ แต่จะเป็นได้ก็ต่อเมื่อมันเป็นไปในทางที่เหมาะสมกับบริบทความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอีกฝ่าย หากคุณคุ้นเคยกับการกอดให้กำลังใจกับคนที่ต้องการความเข้าอกเข้าใจ ให้คุณทำแบบนั้นไป แต่ถ้าหากคุณทั้งสองคนรู้สึกอึกอัดที่จะทำแบบนั้น ให้คุณจับแขนหรือไหล่ของอีกฝ่ายก็พอ[12]
    • ให้ตระหนักไว้ว่าคนบางคนอาจจะมีความเปราะบางทางอารมณ์มากๆ หรือรู้สึกอึดอัดที่จะกอดกับใครสักคนในเวลานั้น แม้ว่าการกอดจะเป็นการมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นปกติของคุณอยู่แล้วก็ตาม สังเกตภาษากายของอีกฝ่ายเอาไว้และลองพิจารณาดูว่าเขาอยากจะกอดใครสักคนหรือเปล่า โดยคุณอาจจะถามไปว่า “ถ้ากอดกัน มันน่าจะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้หรือเปล่า?”
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เสนอความช่วยเหลือในเรื่องงานประจำวันของอีกฝ่าย....
    เสนอความช่วยเหลือในเรื่องงานประจำวันของอีกฝ่าย. คนบางคนที่กำลังฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตมีแนวโน้มที่จะประทับใจในความช่วยเหลือในงานประจำวันของพวกเขา และแม้ว่าจริงๆ จะดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถรับมือกับงานพวกนี้ได้ดีแล้วก็ตาม สิ่งที่คุณแสดงออกต่อพวกเขา แสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมที่จะช่วยพวกเขา ดังนั้น ให้คุณลองเสนอที่จะทำอาหารหรือซื้ออาหารไปฝากพวกเขาดู หรือไม่ก็ลองถามว่าอยากจะให้คุณช่วยไปรับลูกๆ ของพวกเขามาจากโรงเรียน รดน้ำต้นไม้ในสวน หรือช่วยพวกเขาในทางใดทางหนึ่งหรือเปล่า[13]
    • บอกวันและเวลาให้แน่นอนว่าคุณจะไปช่วยตอนไหน ดีกว่าที่จะไปถามว่าอีกฝ่ายว่างตอนไหน ซึ่งนี่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องตัดสินใจหรือต้องคิดอะไรมากมายในช่วงเวลาที่เคร่งเครียดแบบนั้น
    • ให้คุณถามอีกฝ่ายก่อนที่จะเอาอาหารไปฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางวัฒนธรรมหรือหลังจากงานพิธีศพ คนๆ นั้นอาจจะรู้สึกเอียนกับแกงกะทิและขนมจีนมามากแล้ว ซึ่งอาหารแบบอื่นๆ อาจจะช่วยได้มากกว่า.
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ยกเรื่องศาสนามาคุยกัน.
    หากคุณทั้งคู่นับถือศาสนาเดียวกันหรือมีมุมมองความเชื่อทางจิตวิญญาณที่คล้ายกัน ให้คุณใช้ประเด็นนี้เพื่อเชื่อมโยงตัวคุณกับอีกฝ่าย และเสนอที่จะสวดมนตร์เพื่อพวกเขาหรือไม่ก็เข้าร่วมพิธีทางศาสนากับอีกฝ่ายก็ได้
    • อย่าอ้างถึงมุมมองทางศาสนาของตัวเองขึ้นมาในขณะที่กำลังแสดงความเห็นอกเห็นใจต่ออีกฝ่ายอยู่ หากคนๆ นั้นไม่ได้มีมุมมองความเชื่อแบบเดียวกันกับคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปบางข้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หลีกเลี่ยงการอ้างว่าคุณรู้หรือเข้าใจในสิ่งที่คนบางคนกำลังเผชิญอยู่....
    หลีกเลี่ยงการอ้างว่าคุณรู้หรือเข้าใจในสิ่งที่คนบางคนกำลังเผชิญอยู่. แม้ว่าคุณจะเคยผ่านประสบการณ์ที่คล้ายๆ กันมาแล้ว ให้คุณตระหนักไว้ว่าทุกคนย่อมมีวิธีในการรับมือในแบบที่แตกต่างกันอยู่แล้ว คุณอาจจะเล่าไปว่าคุณรู้สึกยังไงในตอนที่เจอเรื่องแบบนั้นหรือแนะนำไอเดียที่อาจจะช่วยอีกฝ่ายไปก็ได้ แต่ให้เข้าใจไว้ด้วยว่าคนอื่นก็อาจจะกำลังเผชิญกับความยากลำบากที่ต่างจากคุณ[14]
    • ให้คุณลองพูดแบบนี้แทน “ฉันจินตนาการได้เลยว่าช่วงเวลาแบบนี้มันยากเย็นสำหรับเธอมากแค่ไหน เพราะฉันก็รู้ว่าตัวเองเศร้ามากแค่ไหนเมื่อตอนที่หมาของฉันตายไป”
    • สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าไปอ้างว่าปัญหาของคุณนั้นหนักหนากว่าของอีกฝ่าย (แม้ว่าคุณจะรู้สึกแบบนั้นก็ตาม) คุณอยู่ที่นี่ ข้างๆ อีกฝ่ายก็เพื่อที่จะสนับสนุนหรือให้กำลังใจอีกฝ่ายก็แค่นั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หลีกเลี่ยงการลดค่าความรู้สึกของคนอื่น.
    ให้คุณรับรู้ไว้ว่าปัญหาของคนอื่นนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้น ให้คุณโฟกัสไปที่การฟังปัญหาของพวกเขาและสนับสนุนหรือให้กำลังใจพวกเขาให้รับมือกับปัญหาพวกนั้น และอย่าไปบอกพวกเขาว่าปัญหาเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะต้องเอามาใส่ใจ[15]
    • พยายามอย่าเผลอไปลดค่าประสบการณ์ความรู้สึกของเพื่อนคุณโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น หากคุณพยายามที่จะปลอบเพื่อนที่เพิ่งจะเสียสัตว์เลี้ยงไปด้วยการพูดว่า “ฉันเสียใจนะที่หมาของเธอตายไป แต่มันก็อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ ถ้าเธอสุญเสียคนในครอบครัวไปสักคนหนึ่ง” การพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าคุณกำลังลดค่าความเศร้าที่อีกฝ่ายมีต่อสัตว์เลี้ยงของเขา แม้ว่าคุณจะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ซึ่งนี่อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกฝืนใจที่จะแชร์ความรู้สึกของตัวเองกับคุณ หรืออาจจะรู้สึกละอายใจกับความรู้สึกที่ตัวเองมี[16]
    • อีกหนึ่งตัวอย่างของการลดด่าความรู้สึกก็คือการมีเจตนาดีของคุณเอง ตัวอย่างเช่น คุณพูดกับเพื่อนคุณว่า “อย่าไปรู้สึกแบบนั้นสิ” หากเพื่อนของคุณกำลังต่อสู้กับปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกหลังจากที่เพิ่งหายป่วยมา และมาบอกกับคุณว่าเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่น่าดึงดูด ซึ่งมันไม่ช่วยอะไรเลยหากคุณตอบว่า “อย่าคิดแบบนั้นสิ! ฉันว่าเธอยังดูดีอยู่นะ” คำพูดแบบนี้จะเป็นการสื่อว่าอีกฝ่ายนั้น “ผิด” หรือ “แย่” ที่ไปรู้สึกแบบนั้น ซึ่งคุณสามารถทำความรู้สึกเหล่านั้นให้ดูมีเหตุผลได้โดยที่ไม่ต้องเห็นด้วยกับไอเดียที่อยู่เบื้องหลังความคิดพวกนั้นเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น “ฉันได้ยินเธอพูดว่าตัวเองเป็นคนไม่น่าดึงดูด และฉันก็เสียใจที่สิ่งนั้นมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด มันต้องเป็นความรู้สึกที่แย่มากแน่ๆ เลย แต่ถ้าหากคำพูดของฉันมันช่วยได้ ฉันก็อยากจะบอกเธอว่า ฉันก็ยังคิดว่าเธอดูน่าดึงดูดอยู่นะ[17]
    • ในทำนองเดียวกัน อย่าพูดว่า “อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่มันควรจะเป็น”[18] เพราะนี่อาจจะตีความหมายได้สองแบบ มันอาจจะสื่อว่าคุณไม่สนใจปัญหาของอีกฝ่าย และเป็นสิ่งที่เตือนอีกฝ่ายว่าในชีวิตของเขาได้มีปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมาอีกอย่างแล้ว
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หลีกเลี่ยงการแสดงความเชื่อส่วนตัวที่คนอื่นไม่ได้เชื่อเหมือนกับคุณ....
    หลีกเลี่ยงการแสดงความเชื่อส่วนตัวที่คนอื่นไม่ได้เชื่อเหมือนกับคุณ. พวกเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดด้วยคำพูดพวกนั้น หรือไม่ก็อาจจะหัวเสียคำกับพูดแบบนั้น เพราะคำพูดเหล่านั้นมักจะฟังดูเหมือนว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่พวกเขามีหรือเป็นคำพูดสำเร็จรูปอยู่แล้ว ดังนั้น มันจะดีมากถ้าคุณให้ความสนใจไปที่คนที่คุณกำลังมีปฏิสัมพันธ์ด้วยและสิ่งที่คุณสามารถทำให้พวกเขาได้[19]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเป็นคนเคร่งศาสนาที่เชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตาย แต่อีกคนหนึ่งไม่ได้เชื่อเหมือนกับคุณ มันอาจจะเป็นธรรมชาติของคุณที่จะพูดบางอย่างเช่น “อย่างน้อยคนที่เธอรักก็ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าเดิมแล้วนะ” ซึ่งบางทีคำพูดแบบนี้อาจจะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นเท่าไร
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการกดดันให้คนอื่นใช้วิธีแก้ไขปัญหาของคุณ....
    หลีกเลี่ยงการกดดันให้คนอื่นใช้วิธีแก้ไขปัญหาของคุณ. มันเป็นเรื่องเหมาะสมที่เราจะแนะนำแนวทางปฏิบัติที่ตัวเองคิดว่าอาจจะช่วยใครบางคนได้ แต่ก็อย่าไปกดดันคนๆ นั้นด้วยการพูดถึงแต่ทางออกที่คุณใช้ ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ รอบ คุณอาจจะมองว่ามันเป็นทางออกที่ชัดเจนและง่ายที่สุด แต่อย่าลืมว่าคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับคุณก็ได้
    • เมื่อใดก็ตามที่คุณพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาแล้ว ให้คุณปล่อยมันผ่านไป เพราะไม่งั้นคุณก็อาจจะดึงประเด็นนั้นขึ้นมาพูดอีกหากมีข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา ตัวอย่างเช่น “ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการจะกินยาแก้ปวด แต่ฉันได้ยินมาว่ามียาที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยกว่านี้ เธออยากรู้ไหมว่ายาตัวนั้นชื่ออะไร เผื่อว่าจะได้ลองเอาไปค้นข้อมูลดู?" หากอีกฝ่ายตอบปฏิเสธมา ก็ให้คุณเลิกพูดประเด็นนั้นไป
  5. How.com.vn ไท: Step 5 อยู่ในความสงบและรักษาน้ำใจอีกฝ่าย.
    คุณอาจจะคิดว่าปัญหาของอีกฝ่ายนั้นดูเล็กน้อย หรือไม่รุนแรงเหมือนกับปัญหาของคุณเอง คุณอาจจะรู้สึกอิจฉาคนบางคนที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาที่ดูไม่หนักหนาอะไร แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรจะเอาปัญหาของตัวคุณเองขึ้นมาเทียบกับปัญหาของอีกฝ่าย และบางทีคุณก็ไม่อาจจะมีโอกาสให้ทำแบบนั้นด้วย ซึ่งมันจะดีกว่ามาก ถ้าคุณบอกลาอีกฝ่ายและเดินออกมาอย่างสุภาพ ดีกว่าที่จะไปแสดงความรำคาญใจออกมา
  6. How.com.vn ไท: Step 6 อย่าทำเหมือนกับว่าคุณไม่สนหรือไม่แคร์.
    คนบางคนคิดว่า “การจงใจที่จะไม่แคร์อีกฝ่ายเพื่อให้พวกเขาเริ่มแก้ปัญหาด้วยตัวเอง” คือเทคนิคบำบัดที่มีประสิทธิภาพ แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับการแสดงความเห็นอกเห็นใจ หากใครสักคนเสียใจหรือเศร้ามาเป็นเวลานานแล้ว คนๆ นั้นอาจจะมีภาวะซึมเศร้าก็เป็นได้ ซึ่งในกรณีนี้ เขาก็ควรจะไปพบแพทย์หรือนักบำบัด เพราะการบีบให้อีกฝ่ายเป็นคน “เข้มแข็งขึ้น” หรือ “เดินหน้าต่อไป” อาจจะไม่ได้ช่วยสักเท่าไร[20]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 อย่าดูถูกอีกฝ่าย.
    นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดูตรงไปตรงมา แต่ในระหว่างช่วงเวลาที่เคร่งเครียด มันง่ายมากที่คุณจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง หากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเถียงหรือดูถูกอีกฝ่าย หรือกำลังวิจารณ์พฤติกรรมของอีกฝ่ายอยู่ ให้คุณเดินออกมาและขอโทษอีกฝ่ายเมื่อคุณใจเย็นลงแล้ว
    • อย่าแม้แต่จะพูดดูถูกแบบติดตลกใครบางคนที่ต้องการความเข้าอกเข้าใจ เพราะคนๆ นั้นอาจจะรู้สึกหมดกำลังใจและเจ็บปวดได้ง่ายๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้คำพูดที่เป็นประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รับรู้ถึงเหตุการณ์หรือปัญหา.
    ใช้คำพูดด้านล่างนี้เพื่ออธิบายว่าทำไมคุณถึงเข้าหาคนที่ต้องการความเข้าใจเมื่อคุณได้ยินมาว่าคนๆ นั้นกำลังมีปัญหาอยู่ ซึ่งถ้าหากคนๆ นั้นเริ่มพูดคุยกับคุณ ให้คุณตอบสนองด้วยการรับรู้ถึงความรู้สึกของฝ่ายนั้นด้วย
    • “ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้น”
    • “ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังฝ่าฟันออกมาจากช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่”
    • “นั่นฟังดูน่าเจ็บปวดจัง”
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ถามอีกฝ่ายว่าใช้วิธีรับมือกับปัญหาแบบไหน.
    บางคนตอบโต้ความเครียดหรือความทุกข์ด้วยการทำตัวให้ยุ่งกว่าเดิม เพราะเขาจะได้ไม่ต้องใช้เวลาคิดถึงสภาวะทางอารมณ์ของตัวเอง ดังนั้น ให้คุณสบตาและใช้คำพูดที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณกำลังถามไถ่เกี่ยวกับความรู้สึกของเขาอยู่ ไม่ใช่ถามเกี่ยวชีวิตประจำวันของเขา ซึ่งตัวอย่างคำถามก็มีดังต่อไปนี้
    • “เธอรู้สึกยังไงอยู่?”
    • “เธอจะรับมือกับทุกอย่างยังไง?”
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ให้การสนับสนุน.
    ทำให้ชัดเจนว่าคุณอยู่ข้างเขา และพูดถึงเพื่อนๆ และครอบครัวที่อาจจะสนับสนุนคนๆ นั้นด้วย รวมถึงเตือนให้อีกฝ่ายรู้ว่ายังมีคนอื่นๆ ที่เขายังสามารถพึ่งได้อยู่ ด้วยคำพูดต่อไปนี้
    • “เธอคือคนที่อยู่ในความคิดของฉัน”
    • “ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอหากเธอต้องการฉัน”
    • “ฉันจะติดต่อกลับมาอีกทีในอาทิตย์นี้แหล่ะ เพราะฉันจะช่วยเรื่อง_______”
    • หลีกเลี่ยงการพูดแบบเดิมๆ เช่น “บอกฉันมาได้เลยนะ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้” ซึ่งนี่จะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าคุณต้องทำอะไรบางอย่างให้พวกเขาได้ ซึ่งตัวพวกเขาเองอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำสิ่งนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีเหตุผล....
    บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีเหตุผล. คนบางคนมีปัญหาในการแสดงอารมณ์ หรือไม่ก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังมีอารมณ์ความรู้สึกในรูปแบบที่ “ผิด” ดังนั้น ให้คุณใช้คำพูดต่อไปนี้เพื่อบอกให้พวกเขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่โอเคอยู่แล้ว
    • “มันไม่ได้ผิดอะไรนะ ถ้าเธออยากจะร้องไห้ออกมา”
    • “ฉันยอมรับได้ทุกอย่างที่เธออยากจะทำในตอนนี้”
    • “มันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกผิด” (หรือโกรธ หรืออารมณ์แบบไหนก็แล้วแต่ที่อีกฝ่ายเพิ่งจะระบายออกมา)
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะในการแสดงออกทางอารมณ์หรือความเห็นอกเห็นใจสักเท่าไร ก็ขอแค่ให้คุณพยายามแสดงให้คนที่คุณรักเห็นว่าคุณกำลังพยายามช่วยเหลือพวกเขาอย่างสุดความสามารถอยู่
  • ความเอาใจใส่นั้นแตกต่างจากความเห็นอกเห็นใจ เมื่อคุณแสดงความเห็นอกเห็นใจ แสดงว่าคุณกำลังแคร์และเป็นห่วงเรื่องความทุกข์ใจของพวกเขา แต่ก็ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องทำให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้นตามไปด้วย แต่เมื่อคุณพยายามเอาใจใส่พวกเขา นั่นแสดงว่าคุณกำลังจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับพวกเขา ซึ่งหมายความว่าคุณพยายามที่จะ “พาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับพวกเขา” แล้วก็พยายามจินตนาการว่ามันจะเป็นยังไงเมื่อตัวเองได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของอีกฝ่าย เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจว่าพวกเขากำลังรู้สึกยังไง[21] จำไว้ว่า ไม่มีความรู้สึกของใครที่ “ดีไปกว่า” ความรู้สึกของใครทั้งนั้น และมันจะช่วยได้มากหากคุณรู้ความแตกต่างของความรู้สึกพวกนั้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Evan Parks, PsyD
ร่วมเขียน โดย:
นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาต
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Evan Parks, PsyD. ดร. อีวาน พาร์คส์เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาตและผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษที่วิทยาลัยการแพทย์มนุษย์ มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน เขาเชี่ยวชาญในการช่วยผู้คนจัดการอาการปวดเรื้อรังโดยใช้วิธีการบำบัดด้วยการยอมรับและความมุ่งมั่นที่โรงพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพแมรี่ฟรีเบด โดยมีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์การทำงานในด้านอื่นๆ นับตั้งแต่การจัดการความเครียดไปจนถึงการยืดหยุ่นทางความคิดอีกด้วย ดร.พาร์คส์ยังเป็นผู้แต่งหนังสือชื่อ Chronic Pain Rehabilitation: Active Pain Management That Helps You Get Back to the Life You Love ดร.พาร์คส์ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาเทววิทยา จากมหาวิทยาลัยซีดาร์วิลล์และได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการปรึกษา จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นมิชิแกน และจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา (Psy.D) สาขาจิตวิทยาคลินิกจากสถาบันจิตวิทยาอาชีพฟอเรสต์ บทความนี้ถูกเข้าชม 19,489 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,489 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา