บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Laura Marusinec, MD. ดร.มารูซิเน็กเป็นกุมารแพทย์ที่มีใบรับรองในวิสคอนซิน เธอสำเร็จปริญญาโทจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซินในปี 1995
บทความนี้ถูกเข้าชม 128,652 ครั้ง
นิ้วซ้น หรือ jammed finger เป็นอาการข้อแพลงชนิดหนึ่ง เกิดจากการกระแทกรุนแรงที่ปลายนิ้ว[1] นิ้วซ้นมักเกิดตอนเล่นกีฬา โดยเฉพาะวอลเลย์บอล บาสเกตบอล ฟุตบอล แล้วก็รักบี้ ปกติจะหายเองได้ไม่ต้องไปหาหมอ แค่ดูแลด้วยตัวเองดีๆ ก็หายเร็วขึ้นแล้ว ส่วนใครที่อาการหนักหน่อยคงต้องไปหาหมอ ไม่งั้นอาจขยับนิ้วไม่ได้ดีเหมือนเดิม
ขั้นตอน
- เช็คก่อนว่าอาการไม่หนักมาก. ระดับความเจ็บปวดที่เกิดจากอาการบาดเจ็บของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ใช้บอกความรุนแรงของอาการไม่ได้เสมอไป พูดง่ายๆ คือถึงจะเจ็บมาก แต่อาการอาจไม่หนักตามก็ได้ นิ้วซ้นมักทำคุณเจ็บหนักตอนแรกๆ แต่จริงๆ แล้วไม่รุนแรงเท่านิ้วหักหรือข้อเคลื่อน[2] อันนี้รู้ๆ กันอยู่ว่าถ้านิ้วงอบิดเบี้ยวผิดรูป ก็เป็นไปได้มากว่าคงข้อเคลื่อนหรือหัก รวมถึงถ้ามีอาการบวม ช้ำ เพราะงั้นถ้าคุณเจ็บนิ้วมาก และ บิดเบี้ยวผิดรูป หรือช้ำบวมเต่ง ให้รีบไปหาหมอทันที แต่ถ้าไม่มีอาการแบบที่ว่า ก็แค่พักนิ้วแล้วดูแลด้วยตัวเองก็พอ
- แต่ถ้าอาการหนัก ไม่ว่าจะเจ็บปวด ชา อ่อนแรง บวม หรือช้ำ อันนี้ต้องไปโรงพยาบาลด่วน
- อาการนิ้วซ้นมักเกิดจากเอ็นรอบข้อนิ้วบาดเจ็บเสียหาย ทำให้ข้อนิ้วนั้นขยับเขยื้อนไม่ค่อยได้เพราะบวมตึง
- นิ้วซ้นเล็กน้อยจะถูกจัดอยู่ในอาการข้อแพลงระดับ 1 (Grade I) คือเอ็นยึดตึงไปหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นฉีกขาด[3]
- ใจเย็นๆ พักนิ้วจนกว่าจะหาย. อาการนิ้วซ้นมักเกิดตอนลูกบาส ลูกวอลเลย์ หรือเบสบอลกระแทกนิ้ว ถ้าเป็นแบบนั้นให้หยุดพักจากการเล่นกีฬาที่ว่า ประมาณ 2-3 วันไปจนถึง 1-2 อาทิตย์ แล้วแต่ความรุนแรง ถ้าหน้าที่การงานของคุณต้องใช้มือ ก็คงต้องลางานหรือสลับไปทำหน้าที่อื่น (ชั่วคราว) ที่ไม่ต้องใช้นิ้วและมือมากเกินไป สรุปแล้วคืออาการข้อแพลง กล้ามเนื้อฉีก ฟกช้ำ และอักเสบ จะหายเร็วขึ้นถ้าหยุดใช้อวัยวะนั้นชั่วคราว
- ระหว่างนั้นต้องทำใจว่าคุณคงหยิบฉวยอะไรได้ไม่ถนัดนัก รวมถึงการพิมพ์หรือเขียนด้วย โดยเฉพาะถ้าเกิดเหตุกับมือข้างที่ถนัด
- นอกจากอุบัติเหตุระหว่างเล่นกีฬาแล้ว อยู่บ้านเฉยๆ ก็นิ้วซ้นได้ เช่น ประตูหนีบ เป็นต้น[4]
- ประคบเย็น. ที่คุณเจ็บเวลานิ้วซ้นเป็นเพราะอาการอักเสบ เพราะงั้นให้ประคบเย็นทันที จะบรรเทาอาการได้เยอะ เพราะช่วยไม่ให้เลือดไหลมาเลี้ยงจุดนั้นเยอะเกินไป ลดบวม และลดปวดเพราะความเย็นทำให้เส้นใยประสาทชา[5] อะไรเย็นๆ ก็เอามาประคบได้หมด เช่น ก้อนน้ำแข็ง เจลแพ็ค หรือถุงผักแช่แข็ง (ถั่วลันเตานี่แหละสะดวกสุด) ประคบเย็นทุกชั่วโมง ครั้งละประมาณ 10-15 นาที จนอาการปวดบวมดีขึ้น พอผ่านไป 2-3 วันก็ไม่ต้องประคบเย็นต่อแล้ว
- ตอนประคบเย็น ให้ยกมือ/แขนสูงโดยเอาหมอนรอง จะได้ต้านแรงโน้มถ่วง ลดปวดบวมอักเสบ
- เอาผ้าไม่ต้องหนามากห่อของที่จะเอามาประคบเย็นก่อน จะได้ไม่เย็นจัดจนกัดผิว
- กินยาแก้อักเสบชั่วคราว. อีกวิธีลดปวดบวมอักเสบเวลานิ้วซ้นได้ดี ก็คือกินยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ตามร้านขายยา เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน (Advil, Motrin) หรือนาพรอกเซน (Aleve) เป็นต้น [6] ยากลุ่ม NSAID ช่วยยับยั้งการอักเสบ เลยช่วยลดปวดบวมไปด้วย แต่สำคัญมากว่ายากลุ่ม NSAID และยาแก้ปวดอื่นๆ ต้องกินแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น (ไม่เกิน 2 อาทิตย์) เพราะอาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดท้อง หรืออันตรายต่อตับและไต ห้ามกินยากลุ่ม NSAID ตอนท้องว่างเด็ดขาด เพราะอาจระคายเคืองและ/หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่ควรกินยาแอสไพริน เพราะเสี่ยงเกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reye's syndrome) ส่วนไอบูโพรเฟนก็ไม่เหมาะสำหรับเด็กอ่อนอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- ถ้าไม่มียา NSAID ก็ให้กินยาแก้ปวดแทน เช่น acetaminophen (Tylenol) ช่วยบรรเทาอาการนิ้วซ้นได้เหมือนกัน แต่อาการอักเสบจะยังคงอยู่
- นอกจากการกินยาแล้ว อาจทาครีมหรือเจลแก้อักเสบ/แก้ปวดร่วมด้วย ตัวยาจะซึมลงไปในบริเวณที่เป็น ไม่ผ่านกระเพาะจนเกิดผลข้างเคียง
- ดามแล้วเอาเทปพัน. ช่วงพักฟื้น อาจพิจารณาดามแล้วพันนิ้วที่ซ้นไว้กับนิ้วใกล้เคียง (เรียกว่า "buddy taping") จะได้ปกป้องไม่ให้เกิดกระทบกระเทือนไปกว่าเดิม[7] ให้เลือกเทปพันแผลโดยเฉพาะมาพันดามนิ้วที่ซ้นกับนิ้วข้างเคียงไว้ ระวังอย่าพันแน่นเกินไป ไม่งั้นอาจบวมเต่งกว่าเดิม หรือเลือดไม่เดิน อาจจะเอาผ้ากอซคั่นกลางระหว่างนิ้วด้วย จะได้ไม่เสียดสีกันจนนิ้วพอง
- ถ้าไม่มีเทปพันแผล จะใช้มาสกิ้งเทป เทป self-adherent (ติดตัวเอง ไม่ติดวัสดุอื่น) เทปพันสายไฟ เวลโครเทป หรือพลาสเตอร์แทนก็ได้
- วัสดุใช้ดามนิ้วก็เช่น ไม้ไอติมหรือที่ดามแบบอลูมิเนียม ดามเสร็จแล้วก็เอาเทปพันให้เรียบร้อย ถ้าเป็นเฝือกอ่อนหรือที่ดามโดยเฉพาะจะเลือกขนาดให้โค้งพอดีกับนิ้วได้
โฆษณา
- ปรึกษาคุณหมอประจำตัว. ถ้าพักนิ้ว ไม่ขยับเขยื้อน และดูแลตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เป็นอาทิตย์แล้วยังไม่หายปวดบวมหรือยึดตึง ให้ไปหาหมอจะดีกว่า เพราะอาจไม่ใช่นิ้วซ้นแต่กระดูกยาวของนิ้วแตกเป็นเส้นเล็กๆ (hairline) กระดูกหักล้า (stress fracture) หรือปุ่มกระดูกแตกหัก (avulsion fracture) ใกล้ข้อนิ้ว มักเกิดตอนเอ็นแพลงแล้วดึงกระดูกบางส่วนหลุดจากที่ไปด้วย[8] ถ้ากระดูกนิ้วแตกหรือหัก คุณหมอจะดามเหล็กไว้ประมาณ 2 - 3 อาทิตย์
- คุณหมอจะเอกซเรย์มือเพื่อตรวจหากระดูกแตก/หัก รวมถึงอาการอื่นๆ ที่ทำให้คุณเจ็บปวด เช่น ข้อเสื่อม (osteoarthritis) กระดูกพรุน (osteoporosis) หรือติดเชื้อในกระดูก เป็นต้น
- ถ้ากระดูกร้าวแบบ hairline อาจจะเอกซเรย์ไม่เห็นจนกว่าจะหายบวม
- คุณหมออาจขอทำ MRI ด้วย จะได้เห็นอาการของเอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นยึด และกระดูกอ่อนในและรอบนิ้ว
- รักษาเฉพาะทางกับนัก osteopath หรือ chiropractor. osteopath กับ chiropractor เป็นนักบำบัดด้านกระดูกและข้อ เน้นรักษาให้กระดูกสันหลังและข้อโดยรอบกลับมาขยับและใช้งานได้ตามปกติ รวมถึงข้อที่มือและนิ้วด้วย ถ้าข้อนิ้วของคุณซ้นรุนแรงหรือเคลื่อน นัก osteopath หรือ chiropractor จะใช้เทคนิคจัดกระดูก (manual joint manipulation) ให้ข้อหายซ้นหรือกลับคืนตำแหน่งเดิม ตอนรักษามักมีเสียงลั่นดัง "ป๊อป" หรือ "แก๊ก" แล้วตามมาด้วยอาการผ่อนคลาย ขยับเขยื้อนได้สะดวกขึ้น
- บางคนรักษาแค่ครั้งเดียวก็หายปวด ขยับนิ้วได้ตามปกติ แต่ส่วนใหญ่ต้องกลับไปบำบัดซ้ำ 2 - 3 ครั้ง ถึงจะเห็นผล
- การจัดกระดูกใช้รักษากระดูกแตก/หัก ติดเชื้อ หรือข้ออักเสบ (รูมาตอยด์) ไม่ได้
- ให้คุณหมอโอนเคสไปที่ศัลยแพทย์กระดูก. ถ้าใน 1 - 2 อาทิตย์ อาการเรื้อรังหรือรุนแรงขึ้น หรือกลับมาขยับนิ้วไม่ได้ดีเหมือนเดิม ควรโอนเคสไปรักษากับคุณหมอโรคกระดูกจะดีกว่า[9] orthopedist เป็นคุณหมอด้านข้อและกระดูกโดยเฉพาะ เน้นรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ข้อโดยฉีดยาและผ่าตัด ถ้าสรุปแล้วนิ้วไม่ได้ซ้นแต่หัก ไม่หายเองตามปกติ ก็คงต้องผ่าตัดเล็ก หรือฉีดยาที่มีสเตียรอยด์รอบๆ หรือที่เอ็นยึดและ/หรือเอ็นกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บ จะช่วยลดอาการอักเสบอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณกลับมาขยับนิ้วได้ตามเดิม[10]
- สเตียรอยด์ที่นิยมฉีดในเคสนี้ก็เช่น prednisolone, dexamethasone และ triamcinolone
- อาการแทรกซ้อนจากการฉีด corticosteroid ก็เช่น ติดเชื้อ เอ็นหย่อน กล้ามเนื้อฝ่อ และกระทบกระเทือนเส้นประสาท (บางเคสเสียหายถาวร)
โฆษณา
เคล็ดลับ
- นักกีฬาบางคนชอบรักษานิ้วซ้นเองโดยการดึงข้อ แต่จริงๆ แล้วควรปล่อยเป็นหน้าที่นักกายภาพบำบัดหรือคุณหมอจะดีกว่า
- ถ้าพันนิ้วไว้ก่อนเล่นกีฬา จะช่วยป้องกันนิ้วซ้นนิ้วแพลงได้
- ใครชอบหักนิ้วให้ข้อลั่นบ่อยๆ ระวังส่งผลเสียต่อข้อและเนื้อเยื่ออ่อนรอบๆ ทำให้ต่อไปจะบาดเจ็บง่ายกว่าเดิม
- บาดเจ็บแล้วให้ประคบเย็นทันที พอหายบวมหรือช้ำแล้วค่อยสลับไปประคบร้อน
- ของใช้ในบ้านรวมถึงสก็อตเทปก็เอามาพันดามนิ้วไว้ชั่วคราวได้ หรืออาจใช้เฝือกอ่อนที่พริ้นท์แบบ 3 มิติ แล้วใช้เทปพันสายไฟ แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ดินสอนั่นแหละง่ายดี
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.assh.org/handcare/hand-arm-injuries/jammed-finger
- ↑ http://www.wtbjc.com/our-practice/newsletter-stories/hand/jammed-finger.php
- ↑ http://www.wtbjc.com/our-practice/newsletter-stories/hand/jammed-finger.php
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/98081-overview#a6
- ↑ https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=4483
- ↑ http://emedicine.medscape.com/article/98081-medication#2
- ↑ http://www.assh.org/handcare/hand-arm-injuries/jammed-finger
- ↑ http://www.wtbjc.com/our-practice/newsletter-stories/hand/jammed-finger.php
- ↑ http://www.wtbjc.com/our-practice/newsletter-stories/hand/jammed-finger.php
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.