วิธีการ ทำให้แฟนของคุณรักคุณมากขึ้น

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ความสัมพันธ์ต้องอาศัยแรงกายแรงใจจากคนสองคน แต่การพัฒนาความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องเป็นขั้นตอนที่หนักหนาสาหัส การพัฒนาการสื่อสารและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในฐานะคู่รักเพียงเล็กน้อยสามารถยกระดับเรื่องราวความรักของคุณจากระดับหวานแหววธรรมดาให้หวานซึ้งทะลุโลกได้อย่างเหลือเชื่อ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

พัฒนาการสื่อสารของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 หลีกเลี่ยงการเห็นแฟนของคุณเป็นของตาย.
    เมื่อคุณคบกันมาสักพักใหญ่ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณทั้งคู่จะเห็นกันและกันเป็นของตาย นี่คือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสิ่งหนึ่งในทุกๆ ความสัมพันธ์ แต่มันไม่จำเป็นต้องมาทำลายความสัมพันธ์ของคุณ [1]
    • ลองทบทวนสิ่งที่คุณรักในตัวแฟนของคุณสักสองสามครั้งต่อสัปดาห์ อาจเป็นการที่เขารู้เวลาคุณเผชิญวันแย่ๆ แล้วเอาพิซซ่ามาเสิร์ฟพร้อมหนังสักเรื่อง หรือการที่เขาเล่นวอลเล่ย์บอลเก่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนที่ทำคุณรักเขา จงพยายามนึกทบทวนให้ออก การบอกเขาให้รู้เป็นบางครั้งบางคราวว่าเขาเก่งเรื่องไหนก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน
    • ถึงอย่างไรก็อย่าทำให้สุดโต่งและเยอะจนเกินไป การสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อจะดูว่าเขารักคุณ “จริง” หรือไม่จะมีแต่ทำให้คุณทั้งคู่วิตกกังวลและเครียดโดยใช่เหตุ ถ้าเขาพูดว่าเขารักคุณและการกระทำของเขาก็บ่งบอกเช่นนั้น (จำไว้ว่าทุกคนย่อมทำพลาดกันได้) ให้จดจำคำพูดของเขาให้ดี
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เป็นนักฟังที่ดี.
    มันอาจเป็นการง่ายที่จะ “สมาธิหลุด” ออกจากบทสนทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นๆ หรือคุณถูกเบี่ยงเบนความสนใจด้วยเรื่องของคุณเอง มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน เรียนรู้ที่จะสังเกตเวลาที่คุณสมาธิหลุดและฝึกการ “ฟังที่ดี” ให้ได้ แฟนของคุณจะรู้สึกมีค่าและรู้สึกได้รับการใส่ใจมากขึ้น ทั้งคุณอาจได้เรียนรู้บางสิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน [2][3]
    • ทบทวนสิ่งที่คุณเพิ่งจะได้ยินให้กระจ่าง ขั้นตอนนี้สามารถช่วยให้คุณหลุดพ้นปัญหาได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ระหว่างบทสนทนาที่สะเทือนอารมณ์ ดีกว่าการสรุปเอาเองว่าคุณได้ยินสิ่งต่างๆถูกต้อง เรียบเรียงสิ่งที่คุณเพิ่งจะได้ยินและถามให้แน่ชัด: “โอเค ลองดูสิว่าฉันได้ยินถูกต้องหรือเปล่า ฉันได้ยินเธอพูดว่า ____ ใช่ไหม?” จากนั้นจึงให้แฟนของคุณอธิบาย ถ้าคุณได้ยินบางอย่างผิดเพี้ยนไปในครั้งแรก
    • ให้กำลังใจ สิ่งนี้แสดงว่าคุณสนใจในสิ่งที่แฟนของคุณพูดถึง ถามคำถามเล็กๆ น้อยๆ เช่น “แล้วเป็นไงต่อ?” หรือ “เธอทำได้ไงอ่ะ?” คุณสามารถพยักหน้าและใช้คำเพื่อแสดงอารมณ์ที่คล้อยตาม เช่น “อ๋อ” หรือ “โอ้ว”
    • สรุป เมื่อคุณมีบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเนื้อหา จงสรุปใจความสำคัญ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสนใจและหยิบยื่นพื้นที่สำหรับคำตอบรับ “โอเค เธอห่วงว่าพรุ่งนี้ต้องเจอเรื่องเครียดๆ ที่ออฟฟิศ ก็เลยอยากให้ฉันไปรับหลังเลิกงาน แล้วเราจะไปเดินห้างกันต่อ ใช่มะ?”
    • เทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่แค่สำหรับความสัมพันธ์แบบโรแมนติก มันสามารถพัฒนาการสื่อสารของคุณกับทุกๆ คน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ถามคำถาม.
    มันไม่ใช่แค่ “วันนี้เธอทำไรมั่ง?” หรือ “อยากทานอะไรดีจ๊ะ?” การถามคำถามที่ลึกซึ้งและมีความหมายสามารถทำให้บทสนทนาของคุณทั้งสองมีค่ามากขึ้น มันช่วยผลักดันให้ต่างฝ่ายแบ่งปันความรู้สึกนึกคิด งานวิจัยกล่าวว่าการถามคำถามที่ลึกซึ้งนำไปสู่ความใกล้ชิดที่พัฒนาและการรู้สึกว่าคุณกำลังมีความรัก [4]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าแฟนของคุณกำลังพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับวิชาใดวิชาหนึ่ง ลองถามคำถามที่ลึกซึ้ง เช่น “เธอคิดว่าไงถ้าจะลอง ____ ?”
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการกล่าวโทษ.
    คำถามและข้อความต่างๆ ที่เพ่งเล็งไปที่ “เธอ” และ “ทำไม” สามารถก่อให้เกิดปัญหาได้ [5] มันฟังดูเหมือนการกล่าวโทษและทำให้อีกฝ่ายปิดตัวเองหรือตอบโต้ [6]
    • ตัวอย่างเช่น มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะถามคำถาม เช่น “ทำไมเธอถึงลืมไปรับฉันที่โรงเรียนบ่อยๆ?” มันฟังดูเหมือนคุณกำลังโกรธหรือกล่าวโทษอีกฝ่าย
    • ทั้งนี้ ใช้ข้อความที่เป็น “ฉัน” แทน คุณสามารถถามคำถามที่เรียกร้องข้อมูลที่ชอบธรรมอีกด้วย ตัวอย่างเช่น “ฉันเสียใจนะคะเวลาที่เธอไม่มารับฉันที่โรงเรียนอย่างที่เราตกลงกันไว้ เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เธอมารับฉันไม่ได้หรือเปล่า?” มันฟังไม่เหมือนข้อกล่าวหา (ตราบใดที่คุณไม่ใช้น้ำเสียงประชดประชัน!) แต่มันสื่อสารความรู้สึกของคุณ และให้พื้นที่กับแฟนของคุณในการแบ่งปันความรู้สึกของเขา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 หลีกเลี่ยงการสั่งสอน.
    การสั่งสอนมีไว้สำหรับนักเทศนา มันเป็นการง่ายที่จะให้คำแนะนำอีกฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังมีความสัมพันธ์ ถ้ามีคนขอคำแนะนำของคุณ ให้คำแนะนำแก่เขาไป แต่ถ้าเขาไม่ได้ขอคำแนะนำของคุณ มันอาจฟังดูเหมือนคุณกำลังจ้ำจี้จ้ำไช สั่งสอน หรือคุณไม่ไว้ใจอีกฝ่ายหนึ่งมากพอต่อการที่เขาจะตัดสินใจด้วยตัวเอง [7]
    • บางครั้ง เมื่อมีคนขอคำแนะนำจากคุณ สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือใครสักคนที่รับฟังเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ หากคุณคิดว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับแฟนของคุณ ให้ถามว่า: “เธออยากแค่ให้มีคนรับฟังหรือเธออยากให้ฉันลองแก้ไขมันดูจ๊ะ?” [8]
    • อยู่ห่างจากคำว่า “ควรจะ” ไม่มีใครชอบที่จะโดนสั่งว่า “เธอควรทำแบบนี้” หรือ “เธอน่าจะทำแบบนี้” มันสามารถทำให้เขารู้สึกโง่หรือเหมือนคุณกำลังจองหอง ลองพูดว่า "ทำ _____แบบนี้ดูไหมคะ?" หรือ "เธอลอง _____ แล้วหรือยัง?”
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เลิกเป็นฝ่ายถูก.
    ข้อนี้ยากมาก เราทุกคนถูกผลักดันโดยแรงที่อยากจะเป็นฝ่าย “ถูก” ไม่มากก็น้อย ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ มันไม่มี “ถูก” หรือ “ผิด” ที่ชัดเจน อย่าทำบทสนทนาระหว่างคุณกับแฟนของคุณให้กลายเป็นการสู้รบ” [9][10]
    • มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีสิทธิ์แสดงอารมณ์และความคิด คุณมีสิทธิ์ทำแบบนั้น คุณรู้สึกแบบไหนก็แบบนั้น แค่จำไว้ว่าแฟนของคุณก็มีสิทธิ์แสดงอารมณ์และความคิด “เช่นกัน” มันไม่มีคำว่า “ถูก” หรือ “ผิด” กับความรู้สึก ความรู้สึกก็คือความรู้สึก สิ่งที่คุณทั้งคู่ควบคุมได้ก็คือการตอบรับความรู้สึกของตัวเอง [11]
    • ตัวอย่างเช่น ลองนึกว่าแฟนของคุณมาหาและพูดว่าคุณทำเขาขายหน้ากับเพื่อนๆ ของเขา คุณอาจรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ใช้เวลาสักนิดเพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา: “ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้เธอขายหน้า” “จากนั้น” คุณจึงอธิบายเหตุผลของคุณ: “ฉันไม่นึกว่าฉันจะทำให้คุณขายหน้าเลยค่ะ ฉันจะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก”
    • ถ้าคุณเริ่มจากการแก้ตัว อีกฝ่ายอาจไม่ได้ยินอะไรเลยหลังจากนั้น ถ้าคุณเริ่มจากการรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้วจึงอธิบายเมื่อถึงเวลาเหมาะสม อีกฝ่ายจะรู้สึกมีค่าและอาจยอมรับว่าคุณไม่ได้เจตนาโจมตีเขา”
    • ไม่พยายามดันทุรังที่จะเป็นฝ่าย “ถูก” ไม่ได้แปลว่าคุณจะเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าคุณรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าบางสิ่งนั้นสำคัญ จงพูดมันออกมา แค่จำไว้ว่าคุณควรรับฟังมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย การประนีประนอมอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
  7. How.com.vn ไท: Step 7 พูดถึงเรื่องที่น่าอาย.
    ถ้าคุณไม่แบ่งปันเรื่องส่วนตัว ความคิด ความต้องการ หรือความรู้สึกที่น่าอายที่คุณมีต่อกันและกัน ความสัมพันธ์ของคุณอาจทุกข์ทน [12] งานวิจัยกล่าวว่าคนที่ไม่สื่อสารความรู้สึกและความต้องการกับผู้อื่นอย่างเปิดเผยนั้น จะรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์หรือไม่มีความสุขเท่ากับคนที่สื่อสารความรู้สึกและความต้องการกับผู้อื่นอย่างเปิดเผย [13] งานวิจัยยังกล่าวอีกว่าคู่รักที่ไม่สื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมามีแนวโน้มที่จะรู้สึกไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ [14]
    • พยายามอย่ามองว่าความต้องการของคุณหรือแฟนของคุณนั้น “โง่” หรือ “ไม่เป็นผู้ใหญ่” การมองข้ามทำลายความไว้ใจ คุณทั้งคู่ควรรู้สึกว่าสามารถแบ่งปันแม้แต่เรื่องราวที่น่ากลัวที่สุดกับอีกฝ่ายได้
    • อย่าซ่อนหรือปิดบังความรู้สึก เพื่อพยายามทำให้ตัวเองดู “แข็งแกร่ง” การปิดบังความรู้สึกอาจนำไปสู่ความไม่พอใจและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักในความสัมพันธ์ [15]
    • เมื่อแฟนของคุณแบ่งปันกับคุณ แสดงให้เห็นว่าคุณรับฟังและเห็นอกเห็นใจโดยพูดบางสิ่ง เช่น “ฉันดีใจนะที่เธอยอมแชร์เรื่องนี้กับฉัน” หรือ “ฉันได้ยินว่าเธอกลัวเพราะ _____ ” คำพูดที่เปิดกว้างและยอมรับเหล่านี้จะทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้ [16]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ทำชีวิตให้ห่างไกลจากความก้าวร้าวทางอ้อม.
    พฤติกรรมก้าวร้าวทางอ้อมนั้นตรงกันข้ามกับการสื่อสารแบบชัดเจนและเปิดเผย และมันสามารถทำลายความสัมพันธ์ได้ทุกเมื่อ ส่วนใหญ่มันเกิดจากความโกรธหรือความเจ็บปวด จนอาจนำไปสู่การ “ลงโทษ” แฟนของคุณหากเขาทำให้คุณเสียใจหรือเจ็บปวด แต่มันคงจะดีกว่า (และมีผลมากกว่า) หากคุณแค่ระบายมันออกมา พฤติกรรมการเป็นคนก้าวร้าวทางอ้อมในความสัมพันธ์นั้นมีหลายแบบ แต่เหล่านี้คือสองสามสิ่งที่ควรระวังไม่ให้เกิดขึ้น: [17][18]
    • “การลืม” ทำบางสิ่ง วิธีการที่คนเราแสดงความก้าวร้าวทางอ้อมในความสัมพันธ์ที่พบมากที่สุดคือการ “ลืม” ทำบางสิ่งที่พวกเขาไม่อยากทำ คุณอาจ “ลืม” ซื้อตั๋วหนังเรื่องที่ไม่อยากดู เขาอาจ “ลืม” วันครบรอบหากคุณทำให้เขาเสียใจ พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้เจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย
    • พูดประชดประชัน การประชดเป็นวิธีที่รวดเร็วในการทำให้คนอื่นเจ็บปวด บางครั้งคนเราใช้ภาษาที่ก้าวร้าวเพื่อสื่อสารทางอ้อมว่าพวกเขาไม่พอใจหรือเสียใจ ตัวอย่างเช่น หากแฟนของคุณลืมว่าคุณมีนัดกันในคืนวันศุกร์และซื้อตั๋วชมการแข่งขันฟุตบอลแทน การโต้ตอบแบบก้าวร้าวทางอ้อมอาจเป็นเช่นนี้: “ไม่ ทำไมฉันต้องเสียใจด้วยล่ะ? ฉันชอบเวลาที่เธอลืมสิ่งที่สำคัญสำหรับฉัน เธอไปดูฟุตบอลของเธอเหอะ” แทนที่จะสื่อสารความรู้สึกให้ชัดเจนและให้เกียรติกัน การประชดมีแต่จะกระตุ้นการแก้ตัวหรือยิ่งสร้างความสับสน (บางคนอาจสังเกตการประชดประชันไม่เก่งนัก)
    • ใช้วิธี “เงียบใส่” หากคุณรู้สึกเสียใจหรือเจ็บปวด คุณอาจแสร้งไม่ได้ยินสิ่งที่แฟนของคุณพูด พฤติกรรมแบบนี้บ่อนทำลายเพราะมันสามารถระงับความพยายามอยากเปิดใจคุย หรือกระทั่งเลิกคุยเลยก็ได้ หากคุณต้องการเวลาสงบสติอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็ควรจะบอกออกมา: “ตอนนี้ฉันเสียใจเกินกว่าที่จะพูดเรื่องนี้ ขอเวลาสักชั่วโมงแล้วเราค่อยคุยกันนะคะ”
  9. How.com.vn ไท: Step 9 สังเกตภาษาร่างกาย.
    เราใช้การสื่อสารแบบอวัจนภาษากันมากกว่า เช่น ภาษาร่างกายหรือท่าทาง สังเกตภาษาร่างกายของคุณ มันอาจส่งข้อความที่คุณไม่ได้ตั้งใจออกมา [19]
    • พยายามอย่ากอดอก การกอดอกทำให้คุณดูปิดกั้นตัวเอง
    • สบตา การไม่สบตาบ่งบอกถึงความไม่สนใจหรือไม่รับฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด พยายามสบตาอย่างน้อย 50% ของเวลาที่คุณพูดและ 70% ของเวลาที่คุณฟัง [20]
    • หลีกเลี่ยงการชี้นิ้ว สิ่งนี้ทำให้รู้สึกถึงการกล่าวหาหรือการข่มขู่ ลองใช้การแบมือแทนการชี้นิ้ว
    • หันตัวเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง การหันตัวหนีหรือหันข้างหาอีกฝ่าย บ่งบอกว่าคุณไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การปลูกความรักด้วยการกระทำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ละทิ้งเทคโนโลยี.
    เราอยู่ในโลกที่เชื่อมต่อโดยไร้ขอบเขต แต่อันที่จริงมันสามารถทำให้คุณและแฟนรู้สึกยิ่งห่างไกลจากกันและกัน คุณไม่ได้สื่อสารกันจริงๆ หากคุณใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา พยายามใช้เวลาส่วนตัวร่วมกัน: ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ และไม่มีวิดีโอเกมส์ [21]
    • มันเป็นการง่ายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ หากนี่คือปัญหาของคุณ ลองวางโทรศัพท์มือถือไว้ห่างตัว เช่น ในกล่องข้างประตู เมื่อถึงเวลา “ส่วนตัวแบบไร้เทคโนโลยี”
    • หากคุณไม่ได้อยู่ด้วยกัน ลองคุยกันทางโทรศัพท์หรือสไกป์นอกเหนือจากการส่งข้อความ การสื่อสารส่วนใหญ่อาศัยอวัจนภาษา เช่น น้ำเสียง ท่าทางและสีหน้า สิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ในการส่งข้อความ [22] ลองคุยกันวันละสองสามนาทีประหนึ่งว่าเขาอยู่ต่อหน้าคุณ สิ่งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์และทำให้เขาต้องการความใกล้ชิดที่คุณแสดงออกกับเขาในตอนแรก
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ปรับเปลี่ยนกิจวัตร.
    จำวันที่คุณเริ่มคบกันและความแปลกใหม่ในเดทแต่ละครั้งได้ไหม? และคุณตื่นเต้นจนคุณรอให้ถึงคืนวันที่จะเจอกันแทบไม่ไหวได้ไหม? ถ้าคุณตกหลุมแห่งความเคยชินในความสัมพันธ์ การปรับเปลี่ยนกิจวัตรที่ทำร่วมกันสามารถทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นในการใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นได้ [23]
    • ลองสิ่งใหม่ๆ การลองสิ่งใหม่ๆด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรืองานอดิเรกใหม่ จะช่วยให้คุณเปิดประสบการณ์ มันยังขยาย “กล่อง” ของเล่นสนุกๆ ให้คุณได้ลองร่วมกันอีกด้วย
    • ปรับเปลี่ยนกิจวัตรในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น หากคุณชอบดูหนัง ลองดูว่าจะทำให้มันสนุกมากขึ้นได้อย่างไร ลองดูว่าโรงหนังเก่าจะฉายหนังเรื่องโปรดของคุณบนจอยักษ์หรือไม่ ลองไปดู "หนังกลางแปลง" ในฤดูร้อน ไปโรงหนังที่ทานมื้อค่ำได้ หรือดูหนังที่ร้องเพลงตามได้ คิดธีมของมื้อค่ำสำหรับคืนวันดูหนัง (“กู๊ดเฟลล่าส์” กับสปาเก๊ตตี้?)
  3. How.com.vn ไท: Step 3 หาสิ่งที่คุณทั้งคู่ชอบทำ.
    ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรใหญ่โต แม้แต่การทำการบ้านด้วยกันที่ร้านกาแฟ การใช้เวลาร่วมกันสามารถทำให้คุณรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ให้เวลาส่วนตัวกับแฟนของคุณ.
    ความสัมพันธ์จะไปได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อคนสองคนรักษาความสนใจและเวลาส่วนตัวกับตัวเองหรือเพื่อนๆ [24] คุณทั้งสองต้องมีอัตลักษณ์ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง ไม่มีใครอยากถูกจับตามองตลอดเวลาหรอก
    • สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณไว้ใจเขา ถ้าคุณแสดงให้เขารู้ว่าคุณไว้ใจเขา เขาจะไม่โยนความไว้ใจของคุณทิ้งไปง่ายๆ หากคุณไม่ไว้ใจเขาในการรับผิดชอบตัวเอง เขาอาจจะไม่รักษาความไว้ใจนั้น เพราะเขารู้สึกว่าคุณไม่ไว้ใจเขา [25]
    • ไม่ว่าคุณจะรักกันแค่ไหน ไม่มีใครสนองความต้องการของอีกฝ่ายได้ทุกอย่าง การใช้เวลากับเพื่อนคนอื่นๆ และมีความสนใจในเรื่องที่ต่างกันบ้าง จะช่วยให้คุณสองคนเป็นสุขสมบูรณ์ มันยังช่วยให้เวลาที่คุณใช้ร่วมกันมีค่ามากขึ้นด้วย
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ทำของขวัญและการไปเที่ยวให้เหมาะกับบุคคล.
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแฟนของคุณชอบของขวัญและเซอร์ไพรซ์ การทำของขวัญและเซอร์ไพรซ์ให้เหมาะกับบุคคลแสดงให้เห็นว่าคุณรู้จักเขาดีกว่าใครๆและคุณใส่ใจในความต้องการและความชอบของเขา ลองนึกถึงสิ่งที่แฟนของคุณอยากทำหรืออยากได้และใช้มันเป็นแนวทาง
    • แฟนของคุณชอบกีฬาหรือไม่? เขาบ้ากีฬาหรือเปล่า? ลองซื้อตั๋วสองใบไปดูฟุตบอลหรือบาสเก็ตบอล พาเขาไปสวนสนุกและเล่นรถไฟเหาะให้ได้มากที่สุดในสามชั่วโมง
    • แฟนของคุณไม่ค่อยโรแมนติกหรือเปล่า? รู้จักด้านที่อ่อนไหวของเขาหรือเปล่า? ลองซื้อหนังสือบทกวีให้เขาและเขียนบนปกว่า: “จากใจของฉัน ความรักที่ส่งผ่านบทกวีเหล่านี้มีไว้ให้เธอคนเดียว”
    • แฟนของคุณเป็นคนชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเปล่า? ลองพาเขาไปตั้งแค้มป์และนอนกอดกันในถุงนอนหรือไปส่องนกในอุทยานท้องถิ่น
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ทิ้งโน้ตสั้นๆ ไว้ในกล่องข้าวกลางวันหรือกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา....
    ทิ้งโน้ตสั้นๆ ไว้ในกล่องข้าวกลางวันหรือกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา. หากแฟนของคุณชอบคำบอกรัก (จำภาษารักเหล่านั้นได้ไหม?) ลองเขียนโน้ตสั้นๆ ให้เขา ไม่ว่ามันจะตรงไปตรงมา ตลกขบขันหรือบ้าบิ่นแค่ไหน ข้อความเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจ [26]
    • ทำโน้ตนั้นให้แฟนของคุณรู้สึกสบายใจที่สุด หากเขาเป็นคนเขินอายกับการบอกเล่าความรู้สึก เขียนโน้ตตลกๆ ให้เขา หากเขาชอบการแสดงความรู้สึกแบบตรงไปตรงมา บอกเขาว่าเขามีความหมายกับคุณมากแค่ไหน
    • มนุษย์มักคุ้นชินกับสิ่งต่างๆ แม้แต่สิ่งดีๆในชีวิตได้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้เรียกว่า “การปรับตัวให้เกิดความสุข” อย่าทิ้งโน้ตมากเกินไปจนมันไร้ความหมาย สิ่งดีๆที่มากเกินไปก็คือมากเกินไป [27]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 แสดงความรักของคุณ.
    การแสดงความรักเป็นสิ่งสำคัญหากแฟนของคุณมองว่า “การสัมผัส” คือภาษารัก อย่าทำอะไรให้เขาขายหน้า แต่ทำให้เขารู้ว่าคุณคิดว่าเขาน่ารัก
    • ดูว่าแฟนของคุณชอบอะไร เขาอาจชอบหรือไม่ชอบเวลาคุณจูบคอของเขา การรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าคุณรักเขาและอะไรที่ทำให้เขามีอารมณ์จะช่วยให้คุณแสดงความรักได้อย่างถูกต้อง
    • การแต่งตัวด้วยชุด “เซ็กซี่” สำหรับแฟนของคุณ สามารถเพิ่มสีสันให้กับความสัมพันธ์ของคุณ ลองหาว่าเขามีจินตนาการหรือสิ่งที่เขาคิดว่าร้อนแรงและทำสิ่งพิเศษเป็นครั้งเป็นคราว เขาจะยินดีที่จะตอบแทนสิ่งเหล่านั้นแน่
    • จำไว้ว่ามันมีวิธีการแสดงความรักแบบอื่นนอกเหนือจากเซ็กส์ ลองกุมมือ กอดและจูบกัน มันเป็นการดีที่จะแสดงความรักต่อกันหลากหลายรูปแบบ
    • อย่าคิดมากจนเกินไปหากแฟนของคุณไม่ปลื้มการแสดงความรักแบบเดียวกับคุณ คนเราย่อมต่างกันนะ [28]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ไปเที่ยวกับเพื่อนของเขาบ้าง.
    มันสำคัญที่คุณทั้งคู่มีความสนใจในเรื่องต่างกัน และต่างมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตนเอง แต่การใช้เวลากับกลุ่มเพื่อนของกันและกันก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น [29]
    • ปัญหาที่พบบ่อยในความสัมพันธ์ใหม่ๆ คือการที่คุณใช้เวลากับแฟนมากขึ้นและใช้เวลากับเพื่อนน้อยลง มันอาจทำให้เพื่อนของคุณรู้สึกโดนทิ้งและทำให้ความสัมพันธ์แปดเปื้อน พาแฟนของคุณเข้าไปในวงจรทางสังคมโดยการเชิญเขาไปเที่ยวบ้าง ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของเขาบ้างก็ดีเช่นกัน
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ไปออกเดทในที่ๆ คุณสามารถพูดคุยและผ่อนคลาย.
    เช่น ไปทานมื้อค่ำอย่างเงียบๆ และบอกแฟนของคุณว่าเขามีค่ามากแค่ไหน ให้เขาแบ่งปันความเห็นและความรู้สึก ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาอยากพูดแต่หยิบยื่นความเห็นเพื่อให้บทสนทนาไหลลื่น ทำบางสิ่งให้กระจ่างถ้าจำเป็น
    • ไปออกเดทที่คุณคิดว่าเขาจะชอบ หากิจกรรมที่คุณทั้งคู่จะได้ใกล้ชิดกัน เช่น: นั่งเรือ เดินป่า เที่ยวสวนสัตว์ นั่งรถไฟเล่น ไปเที่ยวเมืองใกล้เคียง เป็นต้น
  10. How.com.vn ไท: Step 10 โดดงานไปพร้อมกัน.
    ลางานหนึ่งวัน ทำสิ่งที่คาดไม่ถึง เช่น ทำเพลงด้วยกันและอัดเสียงไว้ ใช้ประโยชน์จากอิสรภาพใหม่ๆ แม้แค่วันเดียวและใช้ชีวิตประหนึ่งว่าคุณมีเวลาแค่วันเดียวนั้น [30]
    • การสร้างความทรงจำร่วมกันจะทำให้คุณมีสิ่งชวนให้นึกถึงในภายหลัง งานวิจัยกล่าวว่าการจดจำประสบการณ์สนุกๆ ที่คุณทำร่วมกันในภายหลังจะช่วยให้คุณรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น [31]
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การเข้าใจแฟนของคุณอย่างลึกซึ้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียนรู้วิธีที่คุณสองคนหยิบยื่นและรับความรัก....
    เรียนรู้วิธีที่คุณสองคนหยิบยื่นและรับความรัก. นักจิตวิทยาชื่อแกรี่ แชปแมนกล่าวว่า เราต่างมี “ภาษารัก” ที่ใช้ในการแสดงความรักและในการแปลความหมายการแสดงความรักจากผู้อื่น การรู้ภาษารักของกันและกันช่วยให้คุณแสดงความรักในแบบที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจได้อย่างมาก หากคุณและแฟนของคุณมีภาษารักที่ต่างกันและไม่รู้จัก มันสามารถสร้างความตึงเครียดได้มาก [32]
    • ภาษารัก 5 แบบตามที่แชปแมนกล่าวคือ “คำชื่นชม” “การปรนนิบัติ” “การรับของขวัญ” “เวลาที่มีค่า” และ “สัมผัสรัก” [33]
      • “คำชื่นชม” คือคำชมเชย คำให้กำลังใจ หรือคำพูดแสดงความรู้สึก
      • “การปรนนิบัติ” คือการทำงานบ้านหรือกิจวัตรประจำวันที่อีกฝ่ายอาจไม่ชอบทำ
      • “การรับของขวัญ” คือของขวัญหรือสัญลักษณ์ของความรัก เช่น ดอกไม้
      • “เวลาที่มีค่า” คือเวลาที่คุณใช้ร่วมกับคนรักโดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน
      • “สัมผัสรัก” คือการแสดงความรัก เช่น การกอด การจูบหรือเซ็กส์
    • สิ่งสำคัญในภาษารักเหล่านี้คือการแบ่งปันกับอีกฝ่าย เพราะฉะนั้นหากแฟนของคุณชอบ “สัมผัสรัก” มากกว่า “การรับของขวัญ” คุณก็จะรู้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงความรักกับเขา หากแฟนของคุณรู้ว่า “การรับของขวัญ” คือภาษารักที่คุณชอบมากที่สุด เขาก็จะไม่สับสนเมื่อคุณไม่เห็นการที่เขาเอาขยะไปทิ้งเป็นสัญญาณความรักเช่นกัน
    • มันสำคัญเช่นกันที่จะจำภาษารักเอาไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อที่คุณจะได้มองหาสัญญาณความรักที่คุณไม่ค่อยสังเกตเห็น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หาความสมดุลระหว่างความใกล้ชิด การผูกมัดและความหลงใหล....
    หาความสมดุลระหว่างความใกล้ชิด การผูกมัดและความหลงใหล. สามสิ่งนี้คือส่วนประกอบของทฤษฎีของความรักของโรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก แม้นักจิตวิทยาจะมีความเห็นที่หลายหลาย โดยรวมแล้ว “ความรัก” โรแมนติกคือแรงขับเคลื่อนที่คุณมีต่อการรู้สึกถึงความใกล้ชิดและการผูกมัดกับใครสักคน ความหลงใหลหรือตัณหาคือความปรารถนาทางเพศซึ่งอาจจำกัดต่อคนหนึ่งคนหรือไม่ก็ได้ ตัณหาในความสัมพันธ์นั้นก็คือแรงกระตุ้น เช่น เมื่อคุณเจอคนที่ชอบมาก คุณสนใจอยากไล่จีบคนๆ นั้น แต่ความรักต้องใช้เวลาในการพัฒนาและก้าวหน้า [34]
    • ในความสัมพันธ์ มันเป็นธรรมดาที่ทั้งสองคนมีความรู้สึกที่ขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงแรกๆ ของความสัมพันธ์หรือที่เรามักเรียกว่า “ช่วงฮันนีมูน” เป็นธรรมดาที่ระดับของตัณหาจะอยู่สูงสุด: คุณทั้งสองไม่สามารถแยกจากกัน และคุณหมกมุ่นกับความคิดที่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเซ็กซี่มากแค่ไหน [35] สิ่งนี้ดีมากแต่มันก็ปกติที่ช่วงฮันนีมูนจะค่อยๆ จางไปเมื่อคุณใช้เวลาร่วมกันและรู้จักกันมากขึ้น [36]
    • หลังจากการปะทุของตัณหาเริ่มจางไป คุณอาจพบว่าคุณมองแฟนคุณเป็นคนไร้ที่ติ เพราะสารเคมีในสมองมันเล่นเกมส์กับคุณ [37] เมื่อฐานตัณหาได้พังลง คุณจะเริ่มสังเกตเห็นสิ่งที่ทำให้คุณรำคาญ เช่น เวลาที่เขาขัดฟันต่อหน้าคุณหรือเขาซื้อของกินของใช้ต่างจากคุณ สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นช่วงนี้ที่ “ความรัก” จะเข้ามา ความรักทำให้คุณใจเย็นพอที่จะมองข้ามเรื่องน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เพราะคุณรักผู้ชายคนนี้มาก.
    • มันไม่ได้หมายความว่าตัณหาได้หายไปหลังจากที่คุณคบกันสองสามเดือน ใช้เวลาค้นหาว่าอะไรที่ทำให้คุณทั้งคู่เกิดอารมณ์ สื่อสารความต้องการทางเพศกับอีกฝ่าย เติมสีสันให้กิจวัตรทั้งหลาย สนุกไปด้วยกัน!
  3. How.com.vn ไท: Step 3 พึงระลึกว่าคนเรามีวิธีสื่อสารที่ต่างกัน.
    “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” คือคำกล่าวที่เป็นจริง แต่ความจริงซับซ้อนมากกว่านั้น แม้คนที่มีเพศเดียวกันก็ยังมีวิธีสื่อสารที่ต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์หรือไม่ ถ้ามันรู้สึกว่าคุณและแฟนคุณพูดคนละภาษาในบางครั้ง มันอาจเป็นเพราะคุณมีวิธีสื่อสารที่ต่างกัน มันไม่มีสิ่งหนึ่งที่ “ดีกว่า” สิ่งไหน แต่การเข้าใจวิธีที่คุณทั้งคู่สื่อสารอาจเป็นประโยชน์ [38][39]
    • คนบางคนเป็นผู้สื่อสารแบบ “ชอบมีส่วนร่วม” ผู้สื่อสารแบบชอบมีส่วนร่วมจะชอบถามความคิดเห็นของผู้อื่น พวกเขามักชอบการร่วมมือและอาจมองความท้าทายหรือความไม่เห็นพ้องกันเป็นสัญญาณของความก้าวร้าว ถ้าคุณชอบรับฟังทุกๆ ด้าน หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง มุ่งสู่ปัญหาจากหลายๆ ฝ่าย และไม่ค่อยออกความเห็น คุณอาจจะเป็นผู้สื่อสารแบบชอบมีส่วนร่วม
    • คนบางคนเป็นผู้สื่อสารแบบ “ชอบแข่งขัน” ผู้สื่อสารแบบชอบแข่งขันมักเป็นคนตรงไปตรงมา ดุดัน และน้อมรับการเสนอความท้าทาย พวกเขาชอบรวบรวมข้อมูลและตัดสินใจด้วยตัวเอง บ่อยครั้งที่พวกเขาชอบควบคุมสถานการณ์ ถ้าคุณชอบพูดตามที่คิด รู้สึกอุ่นใจกับข้อโต้แย้ง และชอบตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณอาจจะเป็นผู้สื่อสารแบบชอบแข่งขัน
    • คนเราแตกต่างกันในแง่ของความตรงไปตรงมา คนบางคนรู้สึกอุ่นใจกับการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา เช่น “ฉันอยากใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น” บางคนอาจรู้สึกอุ่นใจกับการสื่อสารแบบอ้อมค้อมมากกว่า เช่น “เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันสนุกดีนะ น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลามากกว่านี้” รูปแบบการสื่อสารทั้งสองแบบอาจเหมาะสมมากน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สิ่งสำคัญคือการรับฟังอีกฝ่ายและทำสิ่งที่คุณไม่เข้าใจให้กระจ่าง
    • การมีรูปแบบการสื่อสารที่ต่างกันไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ของคุณถูกกำหนดไว้ มันแค่หมายความว่าคุณต้องรู้ความแตกต่างที่สามารถก่อให้เกิดความความตึงเครียดระหว่างคุณสองคน และคุณสองคนต้องยึดติดกับความยืดหยุ่นและการประนีประนอม

เคล็ดลับ

  • ดูการกระทำของตัวเอง เราเปลี่ยนแปลงตัวเราได้แต่เปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้
  • พัฒนาความเชื่อมั่นและความมั่นใจในตัวเอง เราจะสามารถเต็มที่กับคนอื่นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความสุขกับตัวเอง
  • แสดงให้เห็นด้วยการกระทำว่าคุณไว้ใจและรักเขา กระทำเหมือนอย่างที่พูด
  • พูดอย่างที่รู้สึกและหมายความตามที่พูด ไม่มีใครอ่านใจคนได้
  • แก้ไขความขัดแย้งให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความขุ่นเคืองใจในระยะยาว จำไว้ว่าไม่ควรทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
  • อยู่ใกล้ๆ เขา
  • บอกเขาว่า “ฉันรักคุณ” เสมอๆ
  • ทำให้เขารู้ว่าเขามีคุณคอยช่วยเหลือทุกเวลา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

How.com.vn ไท: คุณควรคุยกันนานแค่ไหนก่อนตกลงเป็นแฟนคุณควรคุยกันนานแค่ไหนก่อนตกลงเป็นแฟน
How.com.vn ไท: จะส่งข้อความอะไรถึงแฟนสาวหลังจากทะเลาะกันจะส่งข้อความอะไรถึงแฟนสาวหลังจากทะเลาะกัน
How.com.vn ไท: แชทจีบสาวแชทจีบสาว
How.com.vn ไท: สังเกตว่าผู้หญิงมีใจให้คุณหรือไม่สังเกตว่าผู้หญิงมีใจให้คุณหรือไม่
How.com.vn ไท: 12 วิธีขอเป็นแฟนที่จะทำให้สาวๆ ประทับใจ12 วิธีขอเป็นแฟนที่จะทำให้สาวๆ ประทับใจ
How.com.vn ไท: สัญญาณที่บ่งบอกว่าแฟนเก่าอยากกลับมาหาคุณสัญญาณที่บ่งบอกว่าแฟนเก่าอยากกลับมาหาคุณ
How.com.vn ไท: ค้นหาว่า เพื่อนคุณแอบชอบอยู่หรือเปล่าค้นหาว่า เพื่อนคุณแอบชอบอยู่หรือเปล่า
How.com.vn ไท: ดูว่าผู้ชายชอบคุณมากกว่าเพื่อนหรือไม่ดูว่าผู้ชายชอบคุณมากกว่าเพื่อนหรือไม่
How.com.vn ไท: ทำให้ผู้ชายตกหลุมรักทำให้ผู้ชายตกหลุมรัก
How.com.vn ไท: รู้ว่าคุณยังรักเขาอยู่หรือเปล่ารู้ว่าคุณยังรักเขาอยู่หรือเปล่า
How.com.vn ไท: รู้หากผู้ชายชอบคุณรู้หากผู้ชายชอบคุณ
จูบแบบฝรั่งเศส
How.com.vn ไท: ความหมายของคำศัพท์เกี่ยวกับขั้นต่างๆ ของความสัมพันธ์ทางเพศความหมายของคำศัพท์เกี่ยวกับขั้นต่างๆ ของความสัมพันธ์ทางเพศ
How.com.vn ไท: ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
  1. http://psychcentral.com/blog/archives/2009/04/14/9-steps-to-better-communication-today/2/
  2. http://www.cci.health.wa.gov.au/docs/Assertmodule%202.pdf
  3. http://www.psychalive.org/communication-between-couples/
  4. http://socialwork.buffalo.edu/content/dam/socialwork/home/self-care-kit/exercises/assertiveness-and-nonassertiveness.pdf
  5. http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1468-2958.2006.00284.x/abstract
  6. http://spl.stanford.edu/pdfs/2003/Richards.pdf
  7. https://www.psychologytoday.com/blog/the-new-you/201312/how-do-i-improve-my-relationship-three-helpful-tips
  8. https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201401/the-9-most-common-relationship-mistakes
  9. https://www.psychologytoday.com/blog/passive-aggressive-diaries/201305/confronting-passive-aggressive-behavior
  10. http://psychcentral.com/blog/archives/2009/04/14/9-steps-to-better-communication-today/
  11. http://msue.anr.msu.edu/news/eye_contact_dont_make_these_mistakes
  12. http://www.webmd.com/sex-relationships/guide/7-relationship-problems-how-solve-them
  13. http://techland.time.com/2012/08/16/we-never-talk-anymore-the-problem-with-text-messaging/
  14. http://www.helpguide.org/articles/relationships/relationship-help.htm
  15. http://www.helpguide.org/articles/relationships/relationship-help.htm
  16. http://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1207/s15327795jra0903_1
  17. http://psychcentral.com/blog/archives/2009/04/14/9-steps-to-better-communication-today/
  18. https://www.psychologytoday.com/blog/the-science-success/201208/how-keep-happiness-fading
  19. https://books.google.com/books?hl=en&lr=&id=FzLROfHGAVYC&oi=fnd&pg=PT287&dq=non+verbal+affection+in+romantic+relationships&ots=uYiASEKrrJ&sig=0QJrY4ziKz10vlVxmDCCNgWmgCA#v=onepage&q=non%20verbal%20affection%20in%20romantic%20relationships&f=false
  20. https://www.psychologytoday.com/blog/meet-catch-and-keep/201406/how-much-time-should-couples-spend-together
  21. http://tinybuddha.com/blog/10-tips-advise-wisely-how-to-give-advice-that-actually-helps/
  22. http://time.com/3404749/10-ways-improve-your-relationship/
  23. http://www.5lovelanguages.com/
  24. http://www.webmd.com/sex-relationships/features/the-five-love-languages-tested
  25. http://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.479.3760&rep=rep1&type=pdf
  26. http://www.scientificamerican.com/article/what-physiological-changes-can-explain-honeymoon-phase-relationship/
  27. https://www.psychologytoday.com/blog/ambigamy/201409/making-relationships-last-past-the-honeymoon-period
  28. http://www.scientificamerican.com/article/what-physiological-changes-can-explain-honeymoon-phase-relationship/
  29. https://www.natcom.org/CommCurrentsArticle.aspx?id=749
  30. https://www.psychologytoday.com/blog/high-octane-women/201104/are-we-talking-the-same-language-how-communication-styles-can-affect

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Jessica George, MA, CHt
ร่วมเขียน โดย:
โค้ชชีวิตผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพที่มีใบรับรอง
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Jessica George, MA, CHt. เจสสิกา จอร์จเป็นโค้ชชีวิตผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพที่มีใบรับรองและผู้ร่วมก่อตั้ง Evolve Therapy Coaching ซึ่งอยู่ที่เกลนเดล รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเชี่ยวชาญการบำบัดแบบผสมผสาน การให้บริการด้านการโค้ช การให้คำปรึกษาแก่คู่สมรส และการสะกดจิตบำบัดทางคลินิก โดยมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เจสสิกาได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตแซนตาบาร์บารา และได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการปรึกษาและการบำบัดด้วยการพูดคุย จากวิทยาลัยเรียวคาน เธอยังได้รับใบรับรองการเป็นโค้ชชีวิตมืออาชีพจาก Fowler Academy และได้รับใบรับรอง Infinite Possibilities Relationship อีกด้วย เจสสิกาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการโค้ชและผู้ฝึกหัดนานาชาติ (IBCP) บทความนี้ถูกเข้าชม 41,420 ครั้ง
หมวดหมู่: ความรัก
มีการเข้าถึงหน้านี้ 41,420 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม