ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mary Church, PhD. ดร. แมรี่ เชิร์ช เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาตอยู่ในโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ด้วยประสบการณ์ทางคลินิกกว่าทศวรรษ เธอมีเป้าหมายที่จะบูรณาการวิวัฒนาการ พันธุศาสตร์ และประสาทวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในการฝึกจิตบำบัด ดร. เชิร์ชสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาจิตวิทยา จาก Eckerd College และปริญญาโทวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตและปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาการทดลอง จากมหาวิทยาลัยเมมฟิส เธอสำเร็จหลักสูตร์นักวิจัยหลังปริญญาเอก สาขาจิตวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยฮาวายที่มานัว นอกจากนี้ ดร. เชิร์ชยังเป็นสมาชิกของ American Evaluation Association และ Hawaii-Pacific Evaluation Association อีกด้วย
มีการอ้างอิง 10 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องของข้อเท็จจริงที่อ้างอิง และยืนยันความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา
บทความนี้ถูกเข้าชม 7,353 ครั้ง
ทุกคนอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของพวกเขา เมื่อพ่อของคุณมีความสุขกับคุณ คุณจะได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุดจากเขาและจะมีความสุขด้วยเช่นกัน[1] คุณอาจจะทำให้พ่อมีความสุขได้ยากแต่คุณจำเป็นต้องทำแบบนั้นเพื่อให้มีครอบครัวที่ดี คุณสามารถมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีด้วยการจดจ่อกับวิธีที่คุณปฏิบัติต่อพ่อและสิ่งต่างๆ ที่คุณทำในชีวิต
ขั้นตอน
ใช้เวลากับเขา. คุณอาจจะไม่สามารถใช้เวลากับพ่อได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันธรรมดาเพราะตารางของคุณจะยุ่งและพ่อของคุณต้องทำงาน การพยายามใช้เวลากับพ่อและแบ่งปันความคิดเห็นและความคิดจะช่วยทำให้สายสัมพันธ์ของคุณแข็งแกร่งขึ้น ลองทานข้าวกับเขาอย่างน้อย 1 มื้อต่อวัน มันอาจจะเป็นเวลาที่ดีเพื่อพูดและคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ของวันนั้น เรื่องที่คุณกังวล หรือเรื่องสำคัญ ถ้าพ่อของคุณแบ่งปันสิ่งต่างๆ เช่นกันก็ควรแสดงให้เขาเห็นว่าคุณรับฟังด้วยการถามเรื่องนั้นกับเขาในภายหลัง- เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของเขา ถามพ่อเกี่ยวกับชีวิตวัยเด็ก ความฝัน อาชีพ ความทรงจำโปรด นี่คือเรื่องราวที่ต้องชื่นชมเมื่อคุณอายุมากขึ้น เรื่องราวเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณเข้าใจคุณค่าของเขา
- รับฟังเขาและสนใจอย่างแท้จริง การรับฟังแสดงว่าคุณใส่ใจและช่วยคุณสานสัมพันธ์กับพ่อมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการทะเลาะ. คุณอาจจะอยากพูดโต้ตอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับบางอย่างที่พ่อของคุณพูดหรือเขาไม่อนุญาตให้คุณทำสิ่งที่คุณอยากทำมาก คุณต้องฝึกฝนการมีวินัยในตัวเองและรอที่จะพูดคุยเมื่อคุณสงบลง ถ้าคุณรู้สึกโกรธก็ให้ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้คุณสงบจิตสงบใจ ถ้าทำได้ก็ควรนั่งดื่มน้ำเย็น วิธีที่จะช่วยให้คุณสงบลง [2]- พยายามเข้าใจมุมมองของพ่อ เขาอาจจะมีเหตุผลที่สมควรเพื่อไม่ให้คุณทำบางอย่างหรือคิดในแบบที่แตกต่าง สิ่งที่คุณเห็นว่าเป็นข้อห้ามอาจจะเป็นวิธีปกป้องของเขา
- ถ้าพ่อของคุณเสียใจก็ให้พยายามหาเหตุผลที่ทำให้พ่อเสียใจ เขาเหนื่อยหรือเปล่า? เขาทำงานมาทั้งวันหรือเปล่า? เขาเครียดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างหรือไม่? เขาอาจจะไม่ได้เสียใจเพราะคุณก็ได้
ขอคำปรึกษา. ลองขอคำปรึกษาจากพ่อเกี่ยวกับเรื่องเรียน มิตรภาพ หรือการเงินถ้าคุณมีหรือกำลังหางาน สิ่งนี้จะแสดงให้เขาเห็นว่าความคิดเห็นของเขามีค่า ถึงแม้ว่าพ่อของคุณอาจจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเดียวกันแต่เขาสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาหรือวิธีที่คุณสามารถเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
แสดงความรัก. แสดงให้พ่อเห็นว่าคุณรักเขา พูดกับเขาด้วยคำพูดที่ใส่ใจ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น หรือแสดงความรักผ่านทางการกอดและหอม พ่อบางคนอาจจะไม่ชอบแสดงความรักมากเกินไปและคุณอาจจะคิดว่ามันแปลกที่ต้องแสดงความรักทางกาย รับรู้ว่าการเอาใจใส่เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ [3]- บางครั้งผู้ชายมักจะไม่ค่อยแสดงความรักต่อพ่อแม่ [4]พยายามหาระดับที่คุณสบายใจ คุณไม่จำเป็นต้องกอดพ่อในที่สาธารณะถ้าคุณไม่อยากทำ
ใช้คุณค่าของเขา. เขียนสิ่งที่เป็นคุณค่าของพ่อ นึกถึงประโยคที่พ่อมักจะพูด เช่น “บอกความจริงเสมอ” หรือ “พยายามให้ถึงที่สุด” สิ่งเหล่านี้บ่งชี้คุณค่าที่เขากำลังสอน (ซึ่งใน 2 ประโยคนี้ ได้แก่ ความจริงใจและความพยายาม) พ่อของคุณอาจจะไม่พูดสิ่งนี้ตลอดเวลาแต่เมื่อคุณได้คุยกับเขาเกี่ยวกับหลักการเหล่านี้ นึกถึงวิธีที่เขาใช้ชีวิต สังเกตว่าเขาเป็นคนที่ตรงเวลาหรือมักจะแต่งตัวดีหรือไม่ พยายามใช้ชีวิตตามแบบของเขา- คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่พ่อพูดหรือทำ นึกถึงคุณค่าที่จะมีผลกระทบเชิงบวกกับชีวิตของคุณและพยายามใช้คุณค่าเหล่านี้ ถ้าพ่อของคุณมีวิธีทำบางอย่างที่คุณไม่เห็นด้วยก็ควรพูดกับเขา บางทีถ้าคุณช่วยกันคิด คุณจะสามารถนึกถึงวิธีที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้
โฆษณา
ทำงานบ้าน. นึกถึงสิ่งที่พ่อมักจะขอให้คุณทำในบ้าน นึกถึงงานบ้านที่เป็นความรับผิดชอบของคุณ อย่าลืมทำสิ่งนั้น ถ้าคุณไม่ชอบทำงานบ้านเพราะคุณคิดว่ามันน่าเบื่อหรือยากก็ให้ขอเคล็ดลับการทำสิ่งเหล่านั้นจากพ่อ บางทีเขาอาจจะช่วยคุณคิดวิธีใหม่ๆ ในการทำสิ่งนั้นได้- การขอคำปรึกษาจะแสดงให้เขาเห็นว่าคุณให้คุณค่ากับความคิดเห็นของเขา [5] เมื่อพ่อของคุณให้คำปรึกษาก็ควรทำตาม เขาอาจจะคิดว่าคุณไม่ให้ความเคารพถ้าคุณถามวิธีทำบางอย่างแต่คุณทำอีกแบบหนึ่ง
- อย่าปล่อยให้พ่อมีโอกาสถามคุณว่าทำไมคุณถึงไม่ทำงานบ้าน พยายามรับผิดชอบโดยการสร้างตาราง ลองตั้งนาฬิกาปลุกซ้ำๆ บนโทรศัพท์ที่ทำให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องทำงานบ้านแล้วจนกว่าคุณจะมีนิสัยในการทำสิ่งนั้นตรงเวลา
เป็นฝ่ายเริ่ม. สังเกตสิ่งที่คุณต้องลงมือภายในบ้านซึ่งไม่มีใครขอหรือคาดหวังให้คุณทำ ทำให้พ่อของคุณประหลาดใจ ลองนึกถึงสิ่งที่กองไว้หลายเดือนที่ไม่มีใครแตะต้อง นึกถึงกิจวัตรของพ่อ เช่น ถ้าเขาชอบดื่มกาแฟก่อนไปทำงานก็ให้ชงกาแฟให้เขาบ้าง คุณจะทำให้เขาเห็นว่าคุณใส่ใจ- นึกถึงผู้อื่นภายในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณใช้สถานที่ เช่น ห้องนั่งเล่นและห้องครัว อย่าทิ้งสิ่งสกปรกไว้ให้ใครต้องตามทำความสะอาด
เก็บห้องให้เรียบร้อย. ห้องที่รกคือสิ่งที่พ่อแม่บ่นมากที่สุด[6] ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้แชร์ห้องของคุณกับใครและมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวก็ต้องแสดงให้พ่อเห็นว่าคุณรับผิดชอบในการดูแลสิ่งที่เป็นของคุณเองและเก็บรักษามันให้สะอาดและเรียบร้อย- เก็บตู้เสื้อผ้าของคุณให้สะอาดด้วยการพับผ้าหรือแขวนเสื้อผ้า ใส่เสื้อผ้าสกปรกในตะกร้าซักผ้า เก็บเตียงทุกเช้าทันทีที่คุณตื่นนอน
- ถ้าคุณอยากตกแต่งห้องของคุณด้วยสิ่งต่างๆ เช่น โปสเตอร์ก็ให้ใช้สิ่งที่คุณจะไม่รู้สึกอายถ้าพ่อของคุณเข้ามาในห้อง
ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์พอประมาณ. สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะถ้าพ่อของคุณเป็นคนจ่ายค่าโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต การเข้าใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่สิทธิของคุณ คุณต้องแสดงให้พ่อเห็นว่าคุณเคารพปริมาณของเงินที่เขาจ่ายให้คุณและคุณค่าที่เขาได้สอนคุณ- พูดคุยเกี่ยวกับขอบเขตการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับพ่อของคุณ ทำตามคำแนะนำใดที่เขาให้ เช่น ช่วงเวลาที่คุณสามารถใช้คอมพิวเตอร์หรือสิ่งที่คุณสามารถโพสต์ออนไลน์ได้
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่โต๊ะอาหารเพื่อแสดงความเคารพต่อพ่อและคนอื่นในครอบครัว สิ่งนี้จะแสดงว่าคุณใส่ใจเวลาที่คุณใช้ด้วยกัน
ดูแลพี่น้อง. ให้พ่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สบาย และอบอุ่น พยายามเข้ากับพี่น้องของคุณให้ได้มากที่สุด อย่ารังแกคนที่อายุน้อยกว่าและอย่ารบกวนคนที่อายุมากกว่า ช่วยพวกเขาทำการบ้านที่พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจหรือแก้ปัญหาที่พวกเขาอาจจะประสบ ทำสิ่งที่สนุกด้วยกัน ถ้าคุณอายุมากพอที่จะขับรถและมีรถก็ให้ช่วยพ่อของคุณโดยการพาพี่น้องไปยังที่ที่พวกเขาต้องไป- เป็นธรรมดาที่คุณจะทะเลาะกับพี่น้องเป็นครั้งคราว[7] แต่พยายามเข้ากับพวกเขาให้ได้มากที่สุด
โฆษณา
ตั้งใจเรียน. แสดงให้พ่อเห็นว่าคุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการตั้งใจเรียน พยายามทำงานให้เสร็จตามกำหนดและตั้งใจทำให้มากที่สุด ถ้ามีบางสิ่งที่คุณไม่เข้าใจก็ให้ขอให้คุณครูอธิบายอีกครั้ง ให้แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเรียนรู้ หรือขอให้เพื่อนอธิบายให้คุณ- สร้างตารางเรียน ประเมินว่าการบ้านของคุณจะใช้เวลานานเท่าไหร่และวางแผนช่วงบ่ายและช่วงเย็นของคุณเพื่อทำสิ่งนั้น ใส่การทบทวนและพักเบรกในตารางการของคุณ
- วางแผนการเรียน 45 นาทีและพักเบรก 10 นาที ปิดโทรศัพท์เพื่อช่วยให้คุณจดจ่อกับเนื้อหาการเรียน หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนอื่นๆ ที่คุณรู้ว่าจะเกิดขึ้น ทดลองใช้เทคนิคการเรียนรู้ที่แตกต่างกันจนกว่าคุณจะพบสไตล์การเรียนรู้ของตัวเอง
- หาห้องเงียบๆ ในบ้านเพื่อเรียนรู้ คุณต้องมีพื้นที่ของตัวเองที่จะเรียนรู้
- จัดระเบียบแฟ้มและเครื่องเขียนของคุณ เก็บไฟล์ของวิชาต่างๆ คุณต้องเขียนชื่อและวันที่บนรายงานทั้งหมดเพื่อช่วยให้คุณรู้ว่าควรจะเรียงลำดับใด
เข้ากับคุณครูได้ดี. พยายามสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับตัวเอง ทำตัวสุภาพกับคุณครูเสมอและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้โดยการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน บางครั้งคุณอาจจะทำตัวสุภาพได้ยากเมื่อคุณไม่ชอบคุณครูหรือถ้าเพื่อนของคุณก่อกวนในชั้นเรียน[8] เป็นตัวอย่างที่ดีโดยการมีมารยาท พ่อของคุณจะภูมิใจในตัวคุณเมื่อเขาได้ยินคุณครูชมเชยคุณ- สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่คุณครูทำ ถ้าคุณครูรังแกหรือคุณกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่อคุณหรือคนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็ให้เล่าปัญหาให้คุณครูใหญ่รับรู้ อย่าลืมบอกพ่อแม่เพื่อให้พวกเขารู้ความเคลื่อนไหวของชีวิตคุณ
ทำกิจกรรมนอกหลักสูตร. การตั้งใจเรียนมีมากกว่าเรื่องเรียน การทำกิจกรรมนอกหลักสูตรจะช่วยให้คุณพัฒนาเป็นบุคคลรอบด้าน: คุณจะได้เรียนรู้ทักษะชีวิตที่มีค่า เช่น ระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม การจัดการเวลา ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะทางสังคม และองค์กรทั้งหมดในขณะที่สนุกไปกับกิจกรรมที่คุณสนใจ [9] นี่คือทักษะทั้งหมดที่คุณต้องใช้เพื่อประสบความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่ทุกคนต้องการเห็นลูกๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต[10]- กิจกรรมนอกหลักสูตรยังช่วยให้ใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยและเรซูเม่ของคุณดูดีขึ้นเพราะมันแสดงว่าคุณมีความสนใจและคุณค่าที่มหาวิทยาลัยหรือนายจ้างจะมองหา
หาเพื่อนดีๆ. แสดงให้พ่อเห็นว่าคุณเป็นผู้ตัดสินที่ดี เป็นเพื่อนกับคนที่คุณเห็นว่าตั้งใจเรียน หาคนที่มีชื่อเสียงที่ดีกับผู้อื่นและคุณครูและคนที่ตั้งใจเรียนและคนที่คุณคิดว่ามีบุคลิกดีและไม่ก่อปัญหา คุณสามารถเรียนรู้จากพวกเขาและการเป็นเพื่อนกับพวกเขาจะช่วยให้คุณอยู่ห่างจากปัญหาได้เช่นกัน[11] คุณสามารถสร้างกลุ่มการเรียนรู้กับพวกเขาถ้าต้องการ- อย่าทำอะไรเพียงเพราะเพื่อนของคุณทำสิ่งนั้น ไตร่ตรองการกระทำของคุณให้ดี ถ้าคุณมีปัญหากับแรงกดดันจากรอบข้างก็ให้คุยกับพ่อหรือที่ปรึกษาของโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- การพยายามเป็นพิเศษเพื่อฉลองวันเกิดของพ่อเป็นวิธีที่ดีในการทำให้เขามีความสุขแทนที่จะแค่ให้ของขวัญ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.pamf.org/teen/abc/types/family.html
- ↑ http://www.successconsciousness.com/overcoming_anger_tips.htm
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/surviving-your-childs-adolescence/201211/adolescence-and-physical-affection-parents
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/surviving-your-childs-adolescence/201211/adolescence-and-physical-affection-parents
- ↑ http://www.scientificamerican.com/article/asking-advice-makes-a-good-impression1/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201311/better-or-worse-siblings-shape-our-close-relationships
- ↑ http://www.parenting.com/article/6-ways-to-stop-sibling-fighting
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/age-un-innocence/201403/appearance-and-peer-pressure
- ↑ http://dc.cod.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1370&context=essai
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
นักจิตวิทยาคลินิก
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Mary Church, PhD. ดร. แมรี่ เชิร์ช เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบอนุญาตอยู่ในโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ด้วยประสบการณ์ทางคลินิกกว่าทศวรรษ เธอมีเป้าหมายที่จะบูรณาการวิวัฒนาการ พันธุศาสตร์ และประสาทวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในการฝึกจิตบำบัด ดร. เชิร์ชสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาจิตวิทยา จาก Eckerd College และปริญญาโทวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตและปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาการทดลอง จากมหาวิทยาลัยเมมฟิส เธอสำเร็จหลักสูตร์นักวิจัยหลังปริญญาเอก สาขาจิตวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยฮาวายที่มานัว นอกจากนี้ ดร. เชิร์ชยังเป็นสมาชิกของ American Evaluation Association และ Hawaii-Pacific Evaluation Association อีกด้วย บทความนี้ถูกเข้าชม 7,353 ครั้ง
หมวดหมู่: ครอบครัว
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,353 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
