วิธีการ ทำอาหารเด็กทารกเองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องเริ่มให้ลูกของคุณรับประทานอาหารแข็ง (เมื่อพวกเขามีอายุระหว่าง 4 ถึง 6 เดือน) มันจะสะดวกถ้าคุณรู้แน่ชัดว่าพวกเขาจะกินอะไร การทำอาหารเด็กทารกเองที่บ้านทำให้คุณสามารถควบคุมดูแลส่วนผสมทุกอย่างในอาหารชนิดใหม่ๆ สำหรับลูกได้อย่างใกล้ชิด คุณไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่วิเศษอะไรมากมายเพื่อจะทำอาหารสำหรับเด็กทารก ด้วยอุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่าง, วัตถุดิบที่สดใหม่และขั้นตอนดังต่อไปนี้ คุณก็สามารถเตรียมมื้ออาหารหรือของว่างที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการให้ลูกน้อยได้ ไปดูขั้นตอนที่ 1 ข้างล่างนี้เพื่อเริ่มทำกันเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การเตรียมอาหารโฮมเมดสำหรับเด็กทารก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้วัตถุดิบที่สดและคุณภาพดี.
    ขั้นตอนแรกของการทำอาหารสำหรับลูกๆ ที่อร่อยและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการก็คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่ลดและคุณภาพดี
    • ซื้อของออร์แกนิคถ้าเป็นไปได้ และผักผลไม้จะต้องสุกและไม่มีคราบติดอยู่ พยายามใช้หรือนำวัตถุดิบทั้งหมดไปประกอบอาหารภายใน 2 หรือ 3 วันหลังจากวันที่ซื้อ
    • เลือกผลผลิตอย่างเช่น แอปเปิ้ล, ลูกแพร์, ลูกพีชและมันหวานเพื่อลองก่อนในครั้งแรก หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจจะเป็นเส้นใยเหนียวหรืออาหารที่ทารกกลืนได้ยาก เช่น ถั่วเขียวหรือถั่วลันเตา ถ้าคุณไม่นำพวกมันไปบดผ่านกระชอนตาถี่หลังจากที่พวกมันสุกและผสมกันแล้ว
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทำความสะอาดและเตรียมอาหาร.
    ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมอาหารสำหรับการปรุงหรือการเสิร์ฟ – ขั้นตอนนี้รวมถึงการทำความสะอาดอาหารและตัดส่วนใดๆ ก็ตามที่เด็กทารกเคี้ยวหรือย่อยไม่ได้ออกไป – เช่น เปลือก, เมล็ดเล็กๆ ในผลไม้, ถั่วแข็ง, เมล็ดพืชและไขมัน
    • ล้างผักและผลไม้ทั้งหมดให้ทั่ว. ปอกเปลือกและคว้านเมล็ดออก หั่นผักผลไม้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเท่าๆ กันเพื่อที่จะสุกเท่าๆ กัน ก็คือปริมาณผักผลไม้สะอาดที่หั่นเป็นลูกเต๋า 2 ปอนด์ (900 กรัม) จะได้อาหารเด็กทารกประมาณ 2 ถ้วย (300 กรัม)
    • คุณสามารถเตรียมเนื้อหรือไก่ได้โดยการล้าง, เอาหนังออกและหั่นส่วนที่เป็นไขมันออกก่อนที่นำไปทำอาหาร ธัญพืชอย่างเช่น ควินัวและลูกเดือยควรจะต้องทำตามคำสั่งบนบรรจุภัณฑ์
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทำอาหารให้สุกโดยการนึ่ง, การต้มหรือการอบ.
    ถ้าคุณกำลังทำผลไม้สุก – อย่างลูกแพร์หรืออะโวคาโด -- คุณสามารถแค่บดมันให้เละโดยใช้ส้อมและเสิร์ฟได้ทันที ในทางกลับกันผักต่างๆ, เนื้อสัตว์และธัญพืช จะต้องทำให้สุกก่อน คุณมีหลายทางเลือกเมื่อถึงเวลาที่ลงมือทำอาหาร:
    • การนึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อใช้กับผัก เพราะมันจะคงคุณค่า สารอาหารไว้ได้มากที่สุด ใช้ซึ้งนึ่งอาหารหรือแค่วางกระชอนไว้เหนือหม้อที่ต้มน้ำเดือดก็ได้ นึ่งจนกระทั่งอาหารนั้นนิ่ม ซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลา 10 ถึง 15 นาที
    • การต้มจะใช้กับพวกธัญพืชและผัก รวมไปถึงเนื้อสัตว์บางชนิด คุณสามารถต้มอาหารในน้ำซุปเพื่อเพิ่มรสชาติมากขึ้น ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น
    • การอบเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอาหารอย่าง มันหวาน, ผักตระกูลกะหล่ำ, เนื้อและไก่ คุณสามารถเพิ่มรสชาติให้พวกมันเล็กน้อยโดยการใส่สมุนไพรและเครื่องเทศรสอ่อนๆ ระหว่างการอบ (อย่ากลัวที่จะให้ลูกของคุณกินอาหารที่มีรสชาติ!)
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เมื่ออยู่ในขั้นตอนการบดอาหาร พยายามทำให้เป็นชุดเล็กๆ....
    เมื่ออยู่ในขั้นตอนการบดอาหาร พยายามทำให้เป็นชุดเล็กๆ. การทำเช่นนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าส่วนผสมต่างๆ จะถูกผสมกันอย่างทั่วถึง จำไว้เสมอว่าอาหารบางอย่างจะต้องใส่ของเหลวเล็กน้อยเพื่อที่จะได้เนื้อสัมผัสที่ถูกต้อง – ของเหลวที่ว่านี้จะเป็น น้ำเปล่า, น้ำนมแม่, นมผงหรือน้ำที่ได้จากการทำอาหาร (ถ้าอาหารต้มเสร็จแล้ว)
  5. How.com.vn ไท: Step 5 พักอาหารให้เย็นแล้วนำไปทำซุปข้น.
    เมื่ออาหารสุกหมดแล้ว ให้พักไว้และทิ้งให้เย็นสนิท ต้องมั่นใจว่าเนื้อและไก่ไม่มีสีชมพูเหลืออยู่แล้ว เพราะเด็กทารกจะเสี่ยงกับภาวะอาหารเป็นพิษมากกว่า
    • เลือกวิธีการบดอาหาร เด็กเล็กๆ จะต้องการอาหารที่บดจนกลายเป็นซุปก่อนที่จะกินเข้าไป ในขณะที่เด็กที่โตแล้วจะสามารถเคี้ยวอาหารที่เป็นชิ้นๆ ได้ วิธีการที่คุณเลือกบดอาหารเด็กทารก จะขึ้นอยู่กับอายุของเด็กและความถนัดส่วนตัวของคุณเอ
    • พ่อแม่บางคนเลือกที่จะลงทุนซื้อ เครื่องทำอาหารสำหรับเด็กทารก โดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถปรุงให้สุก, ทำซุปข้น, ละลายน้ำแข็งและอุ่นผลไม้ ผักและเนื้อสัตว์ มันมีราคาแพงแต่ทำให้การทำอาหารให้ลูกเป็นเรื่องง่ายดายไปเลย!
    • หรือไม่ก็คุณสามารถใช้ เครื่องปั่น, เครื่องบดอาหารหรือ เครื่องตีแบบมือถือ เพื่อจะบดอาหารให้เป็นซุปข้น วิธีการเหล่านี้เป็นวิธีที่เร็วและง่าย (และกำจัดความต้องการที่จะซื้ออุปกรณ์อื่นๆ) แต่มันอาจจะประกอบชิ้นส่วน, ทำความสะอาดและแกะส่วนประกอบลำบาก ถ้าคุณทำอาหารปริมาเพียงเล็กน้อย
    • คุณยังสามารถลองใช้ ที่บดอาหารแบบใช้มือหมุน หรือ เครื่องบดอาหารเด็ก ทั้งสองเครื่องนี้ไม่ใช้ไฟฟ้าและพกพาได้ ใช้ได้ดีทั้งสองอย่างและไม่แพงเลย แต่ทำได้ช้ากว่าและต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อให้ได้อาหาร
    • สุดท้ายสำหรับส่วนประกอบนิ่มๆ อย่างกล้วยสุก, อะโวคาโดและมันหวานอบ คุณสามารถใช้เพียงแค่ ส้อม แบบดั้งเดิม ดีๆ สักอันเพื่อบดอาหารให้ได้ความข้นที่ต้องการ
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เสิร์ฟหรือเก็บอาหารไว้.
    เมื่ออาหารทารกโฮมเมดของคุณสุก เย็นและเป็นซุปข้นแล้ว คุณสามารถตักบางเสิร์ฟได้ทันที แล้วเก็บส่วนที่เหลือไว้กินวันหลัง การเก็บรักษาอาหารทารกให้ถูกวิธีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อที่มันจะไม่เน่าเสียหรือทำให้เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ลูกของคุณป่วยเจริญเติบโตได้
    • ใช้ช้อนตักอาหารลงในภาชนะเก็บอาหารแก้วหรือพลาสติกพร้อมฝาสุญญากาศ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น แปะฉลากบนภาชนะบอกวันที่ผลิต เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่ามันยังสดอยู่และทิ้งอาหารใดๆ ก็ตามที่มีอายุเกิน 3 วัน
    • อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ คุณสามารถใช้ช้อนตักอาหารใส่ในที่ทำน้ำแข็งและแช่แข็งมัน เมื่อพวกมันแข็งเป็นก้อนหมดแล้ว ให้นำออกจากที่ทำน้ำแข็งแล้วใส่ลงในถุงพลาสติกที่ปิดปากได้ แต่ละก้อนจะเพียงพอสำหรับหนึ่งส่วน ให้ละลายตามที่ต้องการ
    • คุณสามารถละลายอาหารทารกโดยนำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาหนึ่งคืนหรือโดยการนำภาชนะหรือถุงที่ใส่อาหารไปไว้ในกระทะที่ตั้งน้ำเดือด (อย่าให้เดือดจนเกินไป) ประมาณ 20 นาที
    • ซุปผักผลไม้ข้นแช่แข็งจะเก็บไว้ได้ 6 ถึง 8 เดือน ในขณะที่เนื้อและไก่แช่แข็งจะคงสดใหม่อยู่ได้ระหว่าง 1 และ 2 เดือน [1]
    • เนื่องจากการทำอาหารทารกด้วยตัวคุณเองเป็นงานที่หนักหนาอยู่เหมือนกัน กลยุทธ์ที่ดีก็คือการทำอาหารทารกให้ได้ครั้งละมากๆ และแช่แข็งไว้เพื่อใช้วันหลัง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การทดลองด้วยอาหารหลายอย่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เริ่มต้นจากอาหารทั่วๆ ไปของเด็กทารก.
    อาหารพื้นฐานของเด็กทารกส่วนใหญ่จะประกอบด้วยอาหารที่นิ่ม ผลไม้ที่หวานโดยธรรมชาติ และผักที่นำมาทำอาหารได้ง่าย
    • อาหารที่กล่าวถึงก็อย่างเช่น กล้วย, ลูกแพร์, บลูเบอร์รี่, ลูกพีช, แอปริคอต, ลูกพรุน, มะม่วงและแอปเปิล และพวกผักอย่างเช่น มันหวาน, ฟักบัตเตอร์นัท, พริกหวาน, อะโวคาโด, แครอทและถั่ว
    • อาหารเหล่านี้เป็นที่นิยมเนื่องจากมันทำได้ง่ายและเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็ชอบ พวกมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเริ่มให้เด็กเริ่มรับประทานอาหารแข็งแต่อย่ากลัวที่จะต่อยอดและลองอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ
    • สิ่งนี้จะช่วยให้การรับรู้รสของลูกน้อยดีขึ้นและทำให้เวลาทานอาหารน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามก็ระวังอย่าให้เยอะจนเกินไป – ลองให้เด็กลองอาหารใหม่ทีละอย่างและรออย่างน้อยสามวันก่อนที่จะเริ่มให้ทานอย่างอื่น นี่จะทำให้คุณรู้ได้ง่ายว่าอะไรเป็นสาเหตุของอาการแพ้ [2]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทดลองด้วยเนื้อสัตว์ต้มเปื่อย.
    เนื้อสัตว์ตุ๋นเป็นอาหารเริ่มต้นที่ดีสำหรับเด็กทารก – พวกมันอร่อย, เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสามารถทานได้ทั้งครอบครัวได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นโบนัส!
    • ลองทำเนื้อตุ๋นและใส่รสชาติแบบจีนหรือเม็กซิกันเบาๆ เช่น ซอสถั่วเหลืองหรือพริกโปปลาโนเผ็ดน้อย (ใช่แล้ว พริก) เด็กๆ ทั่วโลกจะรู้จักรสชาติที่เข้มข้นเหล่านี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
    • อีกทางเลือกหนึ่งคือคุณสามารถลองปรุงสันคอหมูด้วยน้ำผลไม้รสเปรี้ยวสำหรับมื้อเย็นแสนอร่อย ที่จะทำให้ลูกของคุณและสมาชิกครอบครัวทุกคนมีความสุข [2]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ให้ลูกของคุณทานปลา.
    เมื่อก่อนพ่อแม่จะหลีกเลี่ยงการให้ลูกรับประทานปลาและอาหารที่อื่นๆ ที่อาจจะแพ้ได้ จนกว่าพวกเขาจะมีอายุอย่างน้อยหนึ่งขวบ อย่างไรก็ตามพูดถึงเรื่องนี้ ในปัจจุบันความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
    • จากการศึกษาวิจัยในปี 2008 โดย American Academy of Pediatrics ได้ข้อสรุปว่า การให้ทารกที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนทานอาหารเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายใดๆ ถ้าหากว่าไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงอาการแพ้ (อาหารหรือสิ่งใดก็ตาม) อย่าให้เป็นโรคหอบหืดและไม่มีใครในครอบครัวที่ประวัติเกี่ยวกับอาการนี้ [3]
    • เพราะฉะนั้น คุณควรจะพิจารณาให้ลูกของคุณรับประทานปลา อย่างเช่น ปลาแซลมอน ซึ่งเต็มไปด้วยไขมันดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง พยายามต้มในน้ำร้อนที่ปรุงรสเล็กน้อยจนกระทั่งมันสุกอย่างทั่วถึง ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนที่จะนำมาบด (สำหรับเด็กทารก) บดรวมกับแครอทหรือผักชนิดอื่นๆ หรือแค่บี้มันให้เป็นชิ้นเล็กๆก็ได้ (สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย)
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ให้ลูกของคุณรับประทานธัญพืช.
    การให้ลูกของคุณเริ่มรับประทานธัญพืช อย่างเช่น ควินัวและลูกเดือยเป็นความคิดที่ดี ยิ่งเริ่มทานได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
    • ธัญพืชจะทำให้ลูกของคุณได้รู้จักเนื้อสัมผัสอาหารใหม่ๆ และทำให้ใช้ปากและลิ้นได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยเรื่องการออกเสียงได้ในอนาคต
    • ธัญพืชไม่จำเป็นจะต้องจืดชืดและน่าเบื่อ คุณสามารถปรุงรสมันได้โดยการต้มมันในซุปไก่หรือซุปผัก หรือผสมกับผักที่นิ่มและมีรสชาติอย่างเช่น หัวหอมหรือฟักบัตเตอร์นัท
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ลองใช้ไข่.
    เหมือนกันปลา เมื่อก่อนพ่อแม่จะถูกแนะนำว่าให้เลี่ยงการให้เด็กทารกรับประทานไข่ จนกว่าจะมีอายุหนึ่งขวบแต่ในปัจจุบันนี้ มีความเชื่อที่ว่าทารกสามารถรับประทาไข่ได้ตั้งแต่แรก ถ้าหากไม่มีสัญญาณของอาการแพ้หรือไม่มีสมาชิกในครอบครัวที่มีประวัติการแพ้
    • ไข่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบไปด้วยโปรตีน วิตามินบีและเกลือแร่สำคัญอื่นๆ คุณสามารถปรุงมันอย่างไรก็ได้ตามใจคุณ – ไข่คน, ไข่ลวก, ไข่ขาวหรือไข่เจียว
    • ต้องมั่นใจทั้งไข่ขาวและไข่แดงสุกทั่วถึง – ไข่ที่ดิบหรือไม่สุกอย่างทั่วถึงสามารถทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
    • ลองบดไข่ต้มรวมกับอะโวคาโดครึ่งลูก ผสมกับไข่คนกับซุปผักข้นหรือใส่ไข่เจียวสับลงไปในข้าวหรือข้าวโอ๊ต (สำหรับเด็กที่โตกว่า) [4]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ทดลองใช้สมุนไพรและเครื่องเทศรสอ่อน.
    พ่อแม่หลายคนติดอยู่กับความคิดที่ว่าอาหารเด็กทารกจะต้องจืดชืดและนุ่มนิ่ม – แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเลย! เด็กทารกมีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมในการชิมรสชาติที่หลากหลาย
    • ลองใส่โรสแมรี่ลงในกระทะเมื่อคุณย่างฟักบัตเตอร์นัทสำหรับทำซุปข้นดู โรยผงยี่หร่าหรือผงกระเทียมลงไปในอกไก่สุก ใส่อบเชยลงไปหน่อยในข้าวโอ๊ตของลูก หรือใส่พาร์สลีย์สับลงไปในมันฝรั่งบด
    • เด็กทารกยังสามารถทนอาหารเผ็ดได้มากกว่าที่คุณคิด แน่นอนว่าคุณไม่อยากจะทำให้ปากของลูกพองหรือระคายเคืองหรอก แต่คุณสามารถนึกถึงการใส่พริกหยวกบด (พันธุ์ที่รสชาติอ่อนๆ เช่น Anaheims และ poblanos) ลงไปในอาหารอย่างเช่น ซุปผักข้นและสูตว์เนื้อ [3]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ลองใช้ผลไม้รสเปรี้ยว.
    คุณอาจจะประหลาดใจที่รู้ว่าเด็กทารกมากมายชอบรับประทานอาหารรสเปรี้ยว คุณสามารถค้นหาคำตอบได้ว่าลูกของคุณชอบหรือไม่โดยการบดเชอร์รี่คว้านเมล็ดเปรี้ยวใส่ลงไปในอาหาร คุณยังสามารถลองตุ๋น ผักรูบาร์บชนิดจืดหรือลูกพลัมบด ทั้งสองชนิดมีรสเปรี้ยวและสดชื่น [5]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

แนะนำให้ลูกของคุณรับประทานอาหารแข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ระมัดระวังเรื่องอุณหภูมิ.
    อาหารแข็งสำหรับเด็กทารกควรจะเสิร์ฟด้วยอุณหภูมิไม่ร้อนไปกว่าอุณหภูมิร่างกาย เพื่อไม่ให้ปากของเด็กทารกพอง
    • คุณควรจะระวังเป็นพิเศษเมื่อนำอาหารที่ทำไว้แล้วไปอุ่นในไมโครเวฟ เพราะไมโครเวฟจะทำให้อาหารไม่ร้อนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ความร้อนกระจุกตัวอยู่บางพื้นที่
    • เพราะฉะนั้น เมื่อคุณนำอาหารออกจากไมโครเวฟ ให้คนมันเพื่อกระจายความร้อนให้ทั่วถึงแล้วจึงค่อยทิ้งให้เย็นสักสองถึงสามนาที จนอยู่ที่อุณหภูมิห้อง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อย่าเก็บอาหารส่วนที่เหลือไว้.
    เมื่อให้ลูกทานอาหาร พยายามชั่งน้ำหนักสัดส่วนอาหารที่แน่นอนสำหรับอาหารแต่ละมื้อ เพื่อช่วยไม่ให้เปลือง เพราะคุณไม่สามารถเก็บอาหารที่เหลือไว้ได้ สาเหตุก็เพราะโอกาสที่น้ำลายของทารกจะลงไปในอาหารมีสูงมาก เวลาที่คุณใช้ช้อนตักอาหารใส่ปากลูก ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้นในอาหาร
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าปรุงรสอาหารทารกให้หวาน.
    คุณไม่ควรจะทำให้อาหารเด็กนั้นหวานก่อนที่จะรับประทานเลย เด็กทารกไม่จำเป็นต้องรับประทานน้ำตาลเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่จำนวนเด็กอ้วนเพิ่มขึ้น คุณไม่ควรจะใช้สิ่งที่เพิ่มรสหวานใดเลยๆ เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพดหรือน้ำผึ้ง เนื่องจากมันจะทำให้เกิดอาหารเป็นพิษในเด็กทารกที่เกิดจากแบคทีเรียที่เรียกว่า botulism.
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หลีกเลี่ยงการให้ลูกของคุณรับไนเตรด.
    ไนเตรดเป็นสารเคมีที่พบในน้ำและดิน ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคโลหิตจางบางชนิดได้ (ที่รู้จักกันในชื่อ methemoglobinemia) ในเด็กทารก ไนเตรดเหล่านี้จะถูกกำจัดไปแล้วในอาหารเด็กทารกที่ขายตามร้าน แต่อาจจะมีอยู่บ้างในอาหารที่ทำเอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้น้ำใต้ดิน)
    • เมื่อแหล่งไนเตรดที่สำคัญมาจากการใช้น้ำใต้ดิน มันความคิดที่ดีที่จะทดสอบแหล่งน้ำของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำประกอบไปด้วยไนเตรดน้อยกว่า 10ppm
    • ระดับของไนเตรดจะเพิ่มขึ้นในอาหารที่ไม่ได้แช่แข็งที่เก็บไว้นานๆ ดังนั้นให้ใช้ผลไม้และผักสดภายในไม่กี่วันหลังจากที่ซื้อมา ให้แช่แข็งอาหารทารกที่ทำเสร็จแล้วให้เร็วที่สุด หลังจากที่ทำเสร็จ และพยายามใช้ถุงแช่แข็งสำหรับผักต่างๆ เช่น บีท, แครอท, ถั่วฝักยาว, ผักโขมและฟัก (แทนที่จะเก็บเป็นแบบสด) เนื่องจากว่าอาหารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีไนเตรดในปริมาณที่สูง [1]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ให้เด็กทารกรับประทานอาหารอย่างเดียวกับที่คนอื่นๆในครอบครัวทาน....
    ให้เด็กทารกรับประทานอาหารอย่างเดียวกับที่คนอื่นๆในครอบครัวทาน. แทนที่จะทำอาหารสำหรับลูกโดยเฉพาะ ก็ทำชีวิตให้ง่ายขึ้นโดยการบด, การบี้หรือการทำให้อาหารที่คนในครอบครัวรับประทานเป็นซุปข้น
    • การทำเช่นนี้เป็นการประหยัดเวลาและพลังงาน และมันยังเป็นการฝึกให้เด็กรับประทานอาหารเหมือนกับคนอื่นได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อเด็กโตขึ้น
    • เด็กสามารถรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ทุกคนในครอบครัวทาน ถ้าหากว่ามันถูกบดหรือผสมอย่างถูกต้อง – สตู, ซุปและ casseroles สามารถนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมให้เป็นอาหารเด็กได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ผสมผลไม้และผักรวม เมื่อเด็กๆ ได้ลองกินมันหมดแล้วและไม่มีสัญญาณอาการแพ้. ลองผสมสิ่งต่างๆ อย่างเช่น แอปเปิ้ลและลูกพลัม, ฟักและลูกพีช, แอปเปิ้ลและบรอคโคลี ฯลฯ
  • ปรึกษากับกุมารแพทย์ของลูก ว่าเมื่อไหร่ที่จะเริ่มให้รับประทานอาหารแข็งได้. ถามดูว่าอาหารชนิดไหนที่จะรับประทานได้ก่อนและชนิดไหนที่จะต้องหลีกเลี่ยงในปีแรก ให้ลองอาหารใหม่แค่ 1 ชนิดทุกๆ 4 วันแล้วสังเกตว่ามีอาการแพ้เวลาที่ให้เด็กทานอาหารชนิดใหม่หรือเปล่า
  • ใส่นมผงเด็ก, น้ำนมแม่หรือน้ำเปล่าต้มที่เย็นแล้วประมาณ 1 ช้อนชา (5 มล.) เพื่อทำให้อาหารทารกเหลวขึ้นถ้าหากมันแน่นเกินไป. ใส่ซีเรียลทารก 1 ช้อนชา (5 มล.) เพื่อทำให้อาหารข้นขึ้น
  • บดอาหารที่นิ่มอยู่แล้ว เช่น กล้วยหรืออะโวคาโดด้วยส้อม จนกระทั่งได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลสำหรับมื้ออาหารที่เร่งด่วน หยดนมสำหรับเด็กทารกลงไปเล็กน้อยหรือน้ำต้มสะอาดถ้าคุณต้องการให้มันเหลวมากขึ้น
  • ลองผสมผสานให้ได้รสชาติที่หลากหลาย เช่น ลูกพลัมและลูกแพร์หรือฟักทองและแอปเปิ้ล และพยายามทำให้อาหารของคุณมีสีสันสวยงามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเด็กมากที่สุด [6]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ผักหรือผลไม้สด2 ปอนด์ (900กรัม)
  • กระชอนตาถี่
  • มีด
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย (120 มล)
  • หม้อหรือซึ้งนึ่งมีฝาปิด
  • เครื่องปั่นหรือเครื่องบดอาหาร
  • ช้อน
  • ภาชนะบรรจุอาหาร
  • ปากกาหรือมาร์คเกอร์
  • ฉลาก


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ นักเขียนที่อาสาสมัครมาได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 19,480 ครั้ง
หมวดหมู่: เด็ก
มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,480 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา