วิธีการ ตอบคำถามว่าทารกมาจากไหน

เราทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าเด็กๆ มักจะมีคำถามตลกๆ เสมอ และบางครั้งก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ถ้าเด็กๆ ถามว่าทารกมาจากไหนหรือว่าพวกเขาเกิดมาได้อย่างไร คุณก็ควรพยายามตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาในแบบที่พวกเขาจะเข้าใจ ซึ่งเป็นการช่วยเตรียมความพร้อมให้พวกเขาสำหรับอนาคตขณะที่พวกเขาเติบโตและเจอโลกภายนอก เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาถาม คุณต้องประเมินสถานการณ์และเตรียมคำตอบให้เหมาะกับวัยด้วย

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

ประเมินสถานการณ์

ดาวน์โหลดบทความ

1
ตั้งสติและผ่อนคลายเมื่อพูดคุยกันเรื่องนี้. เป็นเรื่องปกติและเรื่องธรรมดาที่เด็กทุกวัยจะถามเรื่องทารก การเตรียมใจพูดคุยเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เตรียมใจมาก่อน พยายามตั้งสติและอย่าเพิ่งด่วนสรุป หายใจลึกๆ และพูดคุยกับเขาเหมือนเวลาที่คุยกันเรื่องอื่น^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ปฏิกิริยาแรกของคุณอาจจะเป็นการหัวเราะหรือเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ถ้าคุณเลี่ยงประเด็น พวกเขาก็จะยิ่งสงสัยเรื่องนี้มากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นคุณควรตอบทันทีที่พวกเขาถามจะดีที่สุด
2
ให้เด็กไปถามพ่อแม่ถ้าเขาไม่ใช่ลูกของคุณ. ถ้าคุณรับเลี้ยงเด็กหรือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก พอถึงจุดนึงเด็กที่คุณช่วยดูแลอาจจะถามคุณเรื่องทารกหรือเซ็กส์ ตั้งสติและใช้วิจารณญาณว่าจะตอบคำถามในสถานการณ์นี้อย่างไร ถ้าเด็กถามเรื่องร่างกาย ก็ตอบไปตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าเป็นคำถามที่คุณคิดว่าตอบไม่ได้หรือไม่ควรตอบ ก็บอกให้เขาไปถามพ่อแม่^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะพูดว่า “เดี๋ยวแม่มาถึงบ้านแล้วเราลองไปถามแม่กันดูนะ เผื่อแม่จะรู้!” เป็นไปได้ว่าเดี๋ยวพวกเขาก็ลืม และคุณก็สามารถบอกพ่อแม่เด็กได้ว่า เด็กสงสัยเรื่องทารกหรือเซ็กส์
- แต่ถ้าเขายังทำให้คุณโมโหและถามคำถามส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งสติและทำเหมือนเวลาที่พวกเขาซุกซนในแบบอื่นๆ ถ้าพวกเขาพูดหยาบคายก็เตือนว่าอย่าพูดสองแง่สามง่าม และบอกว่าถ้ายังไม่หยุด คุณจะโทรหาพ่อแม่
3
ลองนึกดูว่าทำไมลูกถึงสงสัยเรื่องทารก. แม้ว่าเด็กจะอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติอยู่แล้ว มันก็อาจจะมีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา เช่น ครูที่โรงเรียนอาจกำลังตั้งครรภ์ หรือเขาอาจจะเห็นเด็กทารกในโทรทัศน์หรือในที่สาธารณะ^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์ ลูกคนที่โตกว่าก็อาจจะเริ่มสงสัยเกี่ยวกับน้องที่มาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเด็กทารกและการตั้งครรภ์ถ้าเขารู้ว่ากำลังจะมีเด็กทารกเกิดมาบนโลก
4
ถามว่าพวกเขาคิดว่าทารกมาจากไหน. ลูกของคุณอาจจะถามเรื่องเด็กทารกเพื่อยืนยันคำตอบที่เขารู้มา ถ้าคุณไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ลองพูดกับเขาว่า “เป็นคำถามที่ดีมากจ้ะ! แล้วลูกคิดว่าทารกมาจากไหนล่ะจ๊ะ” เพื่อดูว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณเคยคุยเรื่องทารกและการตั้งครรภ์มาก่อนหน้านี้แล้ว ให้เริ่มจากการยืนยันสิ่งที่คุณเคยพูดไปแล้วก่อน พูดประมาณว่า “อืม เราเคยคุยกันแล้วว่า เด็กเกิดจากการที่ผู้ชายและผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กันไปแล้วใช่มั้ย” เมื่อเขายืนยันกลับมาว่าเขารู้ข้อมูลนั้นแล้ว ค่อยเขยิบไปตอบสิ่งที่เขาเพิ่มถาม
- ถ้าลูกตอบกลับมาว่าไม่รู้ บอกเขาว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็พยายามตอบคำถามของเขาให้ดีที่สุด

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

ตอบคำถาม

ดาวน์โหลดบทความ

1
ตอบคำถามลูก. พ่อแม่หลายคนไม่รู้จะตอบคำถามลูกยังไงดีเพราะคิดว่าพวกเขาจะต้องอธิบายกระบวนการทั้งหมดให้ลูกฟัง ซึ่งจริงๆ แล้วให้เน้นไปที่การตอบในสิ่งที่เขาถามคุณจะดีกว่า ถ้าเขาเจาะจงถามว่าทารกออกมาจากแม่ได้อย่างไร คุณก็อาจจะตอบไปว่า “ทารกเกิดจากการที่แม่เบ่งเขาออกมาทางช่องคลอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิ๋มจ้ะ”^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เมื่อคุณตอบคำถามแรกของเขาไปแล้ว เขาก็อาจจะถามต่อหรือพอใจแล้วก็ได้ ถ้าเขาดูเหมือนจะไม่พอใจในคำตอบ ให้ถามเขาว่า “ลูกอยากรู้อะไรเกี่ยวกับทารกอีกมั้ยจ๊ะ” หรือ “มีอะไรอยากจะถามอีกมั้ยจ๊ะ”
2
เตรียมคำตอบให้เหมาะกับวัย. เด็กเล็กยังไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการทำให้เด็กเกิดมา สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี พยายามตีกรอบการพูดคุยให้เป็นเรื่องทั่วไปและเข้าใจง่าย เมื่อเด็กโตขึ้น คุณก็สามารถต่อยอดจากบทสนทนาก่อนหน้าเพื่อตอบคำถามที่เจาะจงขึ้นได้^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- นอกจากนี้เด็กเล็กก็อาจจะลืมสิ่งที่คุณเคยบอกเขาเมื่อเขาโตขึ้น เป็นไปได้มากว่าคุณจะต้องคุยกันเรื่องที่ว่าทารกมาจากไหนในแบบต่างๆ อีก 2-3 ครั้งกว่าพวกเขาจะซึมซับและเข้าใจสิ่งที่คุณอธิบายจริงๆ
3
อย่าใช้คำสแลงหรือคำสละสลวยเมื่อพูดเรื่องเซ็กส์หรืออวัยวะเพศ. เวลาที่คุยกับลูก ให้ทำเหมือนว่าอวัยวะเพศก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ ใช้คำว่าจู๋ จิ๋ม มดลูก เพศสัมพันธ์ อสุจิ และไข่เมื่อพูดถึงกระบวนการสร้างเด็ก วิธีนี้จะทำให้พวกเขาไม่สับสนเมื่อโตขึ้นและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อเพศสัมพันธ์มากขึ้น^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น คุณอาจจะบอกว่า “ผู้ชายมีจู๋และผู้หญิงก็มีจิ๋ม จู๋ผลิตอสุจิ ส่วนจิ๋มมีไข่” เพื่อสอนเด็กเกี่ยวกับกายวิภาคของระบบสืบพันธุ์ทั่วไป
- คุณสามารถเริ่มสอนลูกเรื่องอวัยวะเพศได้ขณะที่เขากำลังเรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อลูกอายุประมาณ 2-3 ขวบ โดยทั่วไปพวกเขาควรรู้แล้วว่า ผู้หญิงมีจิ๋มและผู้ชายมีจู๋
- เวลาตอบคำถามว่าทารกมาจากไหน คุณสามารถใช้คำว่า “ร่วมรัก” แทนคำว่าเพศสัมพันธ์ได้หากพวกเขารู้อยู่แล้วว่าคำนี้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้ช่วยให้เด็กเชื่อมโยงว่าทารกคือสิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหรือไม่ดี
4
ตอบคำถามแบบง่ายๆ แต่ตรงไปตรงมากับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ. เด็กเล็กมักจะสนใจเรื่องการตั้งครรภ์และการที่เด็กเกิดมาบนโลกมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นให้อธิบายว่า ผู้ชายกับผู้หญิงสร้างเด็กขึ้นมาด้วยการมีเพศสัมพันธ์ และเด็กเกิดขึ้นในมดลูกของผู้หญิง^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น ถ้าเขาถามว่าทารกมาจากไหน คุณอาจจะตอบประมาณว่า “ทารกเกิดจากการที่ผู้ชายและผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วอสุจิของผู้ชายก็ทำให้ไข่ของผู้หญิงกลายเป็นทารก จากนั้นทารกก็จะเติบโตในมดลูกของผู้หญิง 9 เดือนจนกว่าเขาจะตัวใหญ่พอที่จะเกิดมาบนโลกนี้ได้”
- ถ้าเขาถามว่าเด็กออกมาได้อย่างไร อธิบายว่าเด็กออกมาจากจิ๋ม ซึ่งจะขยายตัวเมื่อทารกคลอดออกมา นอกจากนี้คุณก็อาจจะบอกเขาด้วยว่า แต่ก็มีแม่บางคนที่เลือกหรือจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำเด็กออกมาจากมดลูก
- คุณต้องอธิบายว่ามดลูกเป็นส่วนหนึ่งของจิ๋มและไม่ใช่ท้อง เนื่องจากมันเหมือนกับว่าทารกอยู่ในท้องของแม่ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสับสนมากสำหรับเด็ก
5
ใช้หนังสือภาพช่วยอธิบายหัวข้อนี้กับเด็กเล็ก. ในท้องตลาดมีหนังสือมากมายที่อธิบายกระบวนการสร้างและกำเนิดทารกด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย หนังสือพวกนี้มักมีภาพประกอบที่เหมาะกับเด็กและไม่เน้นเรื่องเพศ^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าคุณไม่สามารถหาหนังสือเด็กที่อธิบายกระบวนการนี้ได้ดีพอ ให้เลือกหนังสือกายวิภาคแทน ถึงจะมีรายละเอียดมากเกินไป แต่ก็สามารถใช้อธิบายได้ว่าเด็กเจริญเติบโตที่ไหน และอวัยวะเพศหน้าตาเป็นอย่างไร
- นอกจากนี้หนังสือกายวิภาคยังเหมาะกับการเรียนรู้เพื่อตอบคำถามยากๆ เช่น “ไข่มาจากไหน” หรือ “อสุจิเกิดขึ้นได้อย่างไร” ด้วย
6
เริ่มพูดคุยเรื่องวัยเจริญพันธุ์เมื่อเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี. สำหรับผู้หญิง วัยเจริญพันธุ์จะเริ่มตั้งแต่ 8 หรือ 9 ปี และในเด็กผู้ชายจะเริ่มที่อายุประมาณ 9 หรือ 10 ปี พูดคุยกับเขาว่าวัยเจริญพันธุ์จะสร้างความเปลี่ยนในเรื่องของรูปร่าง อารมณ์ และชีวิตประจำวัน บอกให้เขารู้ว่าประจำเดือนเป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กผู้หญิงสามารถมีลูกได้แล้ว และพูดคุยกับเขาว่าอสุจิจากจู๋สามารถผสมกับไข่เกิดเป็นทารกได้ถ้าเขามีเพศสัมพันธ์^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น ถ้าลูกสาวถามว่าเมื่อไหร่เธอจะเริ่มมีประจำเดือน คุณก็อาจจะตอบประมาณว่า “เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มมีประจำเดือนช่วงอายุ 9-16 ปี บางคนก็มีเร็ว บางคนก็มีช้า การมีประจำเดือนเป็นสัญญาณที่บอกว่า ร่างกายของลูกเริ่มโตพอที่จะสืบพันธุ์ได้ และหมายความว่าลูกอาจจะตั้งครรภ์ได้ถ้าลูกมีเพศสัมพันธ์”
- พยายามพูดเรื่องวัยเจริญพันธุ์เหมือนเรื่องธรรมดาและธรรมชาติทั่วไป เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ! ต่อยอดจากบทสนทนาที่คุณเคยคุยกับลูกเมื่อเขายังเด็ก และบอกให้เขารู้ว่าการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อาจทำให้เขาคิดเรื่องเซ็กส์บ่อยกว่าเดิม
7
บอกให้เด็กโตรู้ว่า เขาสามารถถามคุณได้เสมอ. แม้ว่าเด็กโตอาจจะคิดว่าเขารู้เรื่องเซ็กส์ทั้งหมดแล้ว แต่นั่นไม่จริงเสมอไป ถ้าคุณแสดงออกว่าเป็นคนที่สามารถพูดเรื่องละเอียดอ่อนได้ ให้เตรียมตัวรับมือกับคำถามที่เจาะจงยิ่งขึ้น เช่น เด็กวัยรุ่นอาจจะถามคุณว่า “หนูสามารถตั้งครรภ์จากการทำออรัลเซ็กส์ได้มั้ยคะ”^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณสามารถย้ำกับวัยรุ่นได้ว่า คุณยังสามารถช่วยตอบคำถามเขาได้อยู่ด้วยการพูดประมาณว่า “แม่รู้นะว่าการเติบโตอาจทำให้ลูกสับสน แต่ถ้าลูกมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือร่างกาย ลูกมาคุยกับแม่ได้เสมอนะ”
- ใช้คำถามของเขาเพื่อเตือนถึงความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ทำเหมือนว่าคุณกำลังสอนเขา เช่นในตัวอย่างเรื่องออรัลเซ็กส์ คุณอาจจะพูดว่า “การทำออรัลเซ็กส์ไม่สามารถทำให้ลูกท้องได้ แต่ลูกสามารถติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้จ้ะ”
- อย่าทึกทักเอาว่าลูกมาถามเรื่องเซ็กส์เพราะว่าลูกมีเซ็กส์ เพราะเป็นไปได้มากๆ ว่าลูกอาจจะแค่มาถามเพราะว่าเขาคุยกับเพื่อนเรื่องนี้หรือเห็นจากในหนัง

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

พูดคุยต่อ

ดาวน์โหลดบทความ

1
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสืบพันธุ์จากตัวอย่างในชีวิตประจำวัน. คุณต้องบอกให้ลูกรู้ว่า คำถามเกี่ยวกับทารกและเซ็กส์เป็นเรื่องปกติ พยายามหาวิธีที่คุณจะสามารถสอนลูกเรื่องกระบวนการตั้งครรภ์ก่อนที่เขาจะทันได้ถาม^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เช่น ถ้าคุณไปสวนสัตว์และเห็นสัตว์ตั้งท้อง คุณอาจจะพูดประมาณว่า “ลูกเห็นเสือตัวที่ใหญ่กว่าตัวอื่นมั้ย มันกำลังท้องอยู่แล้วก็จะมีลูกเสือจ้ะ!”
2
พูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีและประสบความสำเร็จ. สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 6 ปี ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสดีที่คุณจะเริ่มพูดเรื่องความสัมพันธ์ อธิบายว่าบางคนก็ชอบเพศตรงข้าม แต่บางคนก็ชอบเพศเดียวกันหรือชอบทั้งสองเพศ บอกเขาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเราคบกัน และอะไรคือการให้เกียรติเมื่อคนสองคนคบกัน^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถึงจุดนี้พวกเขาอาจจะรู้สึก “ขยะแขยง” เมื่อพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์และเซ็กส์ แต่ยังไงคุณก็ต้องพูดเรื่องนี้อยู่ดี และบอกให้เขารู้ว่าเมื่อเขาสามารถสืบพันธุ์ได้ เขาก็สามารถสร้างทารกคนหนึ่งขึ้นมาได้ถ้าเขามีเพศสัมพันธ์
- เวลาคุยกันอย่าลืมพูดเรื่องการคุมกำเนิด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และความกดดันจากเพื่อนเมื่อเหมาะสม
3
บอกลูกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ส่วนตัว. ย้ำเตือนเขาว่าอวัยวะเพศเป็นของส่วนตัวและเซ็กส์ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัว อธิบายให้เด็กเล็กเข้าใจว่า มีแค่พ่อแม่หรือหมอเท่านั้นที่สามารถเห็นอวัยวะเพศของเขาเวลาช่วยเขาทำความสะอาดหรือตรวจร่างกาย บอกเขาว่าคนอื่นไม่ควรมาขอสัมผัสอวัยวะส่วนตัวของเขา หรือบอกให้เขาจับของคนอื่น^{[14]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้Child Mind Instituteไปที่แหล่งข้อมูล}
- คุณสามารถอธิบายเรื่องนี้ให้เด็กเล็กฟังได้ด้วยการพูดประมาณว่า “จิ๋มและจู๋เป็นของส่วนตัวและคนอื่นไม่ควรมาขอสัมผัสส่วนนี้ของลูกหรือขอให้ลูกสัมผัสของเขา ถ้ามีใครบอกให้ลูกทำอย่างนั้น ให้ลูกมาบอกพ่อและพ่อจะไม่โกรธ”
- สอนลูกให้ออกจากสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือน่ากลัวด้วยการพูดว่า “ไม่” หรือ “ผมต้องไปแล้ว” บอกให้เขารู้ว่าการปฏิเสธผู้ใหญ่เวลาที่เขากลัวหรืออึดอัดนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
- ย้ำให้ลูกมั่นใจว่า เขาจะไม่โดนว่าเมื่อเขาบอก “ความลับ” เกี่ยวกับร่างกายหรืออวัยวะส่วนตัวให้คุณฟัง

เคล็ดลับ

ตุ๊กตาเด็กทารกที่มีอวัยวะเสมือนจริงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยสอนเด็กเรื่องร่างกายได้เป็นอย่างดี ตุ๊กตาจะช่วยให้เด็กเกิดคำถามและเข้าใจว่าร่างกายทำงานอย่างไร

คำเตือน

จำไว้ว่าการสืบพันธุ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตามธรรมชาติ ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดเวลาที่ลูกมาขอคำแนะนำจากคุณ เขาก็อาจจะไปค้นหาแนวทางจากแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือน้อยกว่านี้ได้