ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Rocco Lovetere. ร็อกโก เลิฟเทียร์เป็นหัวหน้าช่างซ่อมเครื่องยนต์ของ Rocco's Mobile Auto Repair ในแคลิฟอร์เนีย ที่เขาเป็นเจ้าของร่วมกับครอบครัว เขาเป็นช่างซ่อมรถยนต์ที่มีใบรับรอง ASE และทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ปี 1999
บทความนี้ถูกเข้าชม 19,947 ครั้ง
การตรวจวัดระดับของน้ำกรดแบตเตอรี่ (มันไม่ได้เป็น “แค่” น้ำเปล่าๆ) ในแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณเป็นประจำนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องด้วยเหตุผลสองข้อ: ข้อแรกเพราะมันมีการระเหยตามธรรมชาติ และข้อสองก็เพราะน้ำกรดจำนวนเล็กน้อยจะสลายกลายเป็นไฮโดรเจนกับออกซิเจนทุกครั้งที่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ การเรียนรู้วิธีการตรวจสอบอย่างปลอดภัยและเปลี่ยนน้ำในแบตเตอรี่รถยนต์นับเป็นการดูแลรักษารถยนต์ที่จำเป็น เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 ข้างล่างนี้สำหรับคำแนะนำวิธีการตรวจวัดระดับน้ำกรดอย่างปลอดภัยทั้งตัวคุณทั้งรถยนต์
ขั้นตอน
หาตำแหน่งที่ติดตั้งแบตเตอรี่. ในรถยนต์ส่วนใหญ่ คุณแค่เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อเข้าถึงตำแหน่งของแบตเตอรี่- แบตเตอรี่ในรถบางยี่ห้ออาจวางอยู่ต่ำลงไปในส่วนของเครื่องยนต์, ข้างหลังของกันชนด้านหน้าและอยู่ด้านหน้าของล้อหน้า ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องเข้าถึงตำแหน่งของแบตเตอรี่จากทางข้างล่างและจำต้องถอดออกมาทำการดูแล
- แบตเตอรี่ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกับเมอร์เซเดส เบนซ์จะอยู่ในตะกร้าที่เก็บแยกออกมาต่างหาก
- แบตเตอรี่อาจไปอยู่ใต้เบาะหลังอย่างในรถคาดิลแลคบางรุ่นก็ได้
- ทำความสะอาด. ก่อนทำการตรวจวัดระดับน้ำกรด ให้ทำความสะอาดฝุ่นหรือเศษผงบนตัวแบตเตอรี่และรอบๆ บริเวณขั้ว นี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณไม่ต้องการให้มีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในเซลล์แบตเตอรี่ตอนที่คุณเปิดจุกมันออก ทั้งยังมีความสำคัญเพราะผิวหน้าของแบตเตอรี่ที่สะอาดจะช่วยชะลอหรือหยุดกระบวนการกัดกร่อนของโลหะที่อยู่ใกล้เคียงได้
- สำหรับการทำความสะอาดคราบสกปรกจากท้องถนนและการกัดกร่อนเล็กน้อย ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ฉีดน้ำยาลงบนผ้าขี้ริ้ว อย่าฉีดลงบนตัวแบตเตอรี่โดยตรง และเช็ดฝุ่นผงต่างๆ ออกให้หมด จะใช้กระดาษชำระก็ได้ตราบที่คุณเปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ ก่อนที่มันจะเปื่อยเป็นขุย
- คราบการกัดกร่อนอย่างหนักสามารถทำความสะอาดออกได้โดยใช้ผงฟูผสมกับน้ำ และก็เช่นกัน อย่าใช้ผงฟูเทลงบนแบตเตอรี่โดยตรง ให้ทำบนผ้าขี้ริ้วแล้วค่อยนำมาเช็ดออก บางครั้งจึงอาจต้องจุ่มผ้าขี้ริ้วให้เปียกและมาเช็ดซ้ำอีกหลายครั้ง จากนั้นตามด้วยการนำน้ำยาเช็ดกระจกมาฉีดลงบนผ้าขี้ริ้วให้หมาดแล้วมาเช็ดคราบผงฟูอีกที การทิ้งคราบผงฟูบนบริเวณด้านนอกของตัวแบตเตอรี่นั้นจะเป็นการเร่งการกัดกร่อนในอนาคตของขั้วและโลหะที่อยู่บริเวณนั้น
- อย่าเร่งรัดและข้ามขั้น ให้แน่ใจว่าฝายังปิดบริเวณขั้วของแบตเตอรี่อยู่ในระหว่างการทำความสะอาดถึงขั้นตอนนี้ อย่าปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดทั้งหลายหยดหรือไหลตามท่อลงไปในแบตเตอรี่
- ข้อควรสังเกต: คุณสามารถถอดแบตเตอรี่ออกมาจากรถยนต์ก่อนทำความสะอาดและดูแลรักษาก็ได้ถ้าต้องการเช่นนั้น แล้วค่อยติดตั้งกลับในภายหลัง มันจะปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะถ้าหากแบตเตอรี่วางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้จะไปรีเซ็ตระบบการทำงานไฟฟ้าทั้งหมดของรถยนต์ (นาฬิกา, การตั้งค่าสถานีวิทยุล่วงหน้า, เป็นต้น) ดังนั้นถ้าสามารถดูแลรักษาแบตเตอรี่โดยไม่ต้องถอดมันออก ก็จะประหยัดเวลาทั้งหมดลงได้มาก
- คุณยังสามารถถอดขั้วแบตเตอรี่จากตัวแบตเตอรี่และจุ่มมันลงในถ้วยน้ำร้อน น้ำร้อนนั้นจะละลายคราบจากการกัดกร่อนทำให้ผิวหน้ามันกลับมาสะอาดอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าขั้วแบตเตอรี่นั้นแห้ง “สนิท” ก่อนจะใส่กลับเข้าไปยังตัวแบตเตอรี่
- เปิดช่องเซลล์. ด้านบนของแบตเตอรี่จะมีฝาพลาสติกรูปทรงกึ่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองชิ้นใช้สำหรับปิดแต่ละช่องเซลล์ของแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถถอดออกได้โดยการแงะเบาๆ ด้วยไขควง พยายามแงะหลายๆ จุดรอบขอบนอกของฝาปิดถ้าหากฝาไม่หลุดออกมาในทันที
- แบตเตอรี่บางตัวจะเป็นแบบจุกกลมหกตัว สามารถเอาออกได้โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนหลวมแล้วดึงขึ้น
- ถ้าแบตเตอรี่มีป้ายคำว่า "ปลอดการดูแลรักษา" แสดงว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เปิดออกได้ ผู้ผลิตแนะนำว่าแบตเตอรี่เหล่านี้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น หากมันเริ่มทำงานได้ไม่ดีเท่าเก่าก็แค่ถอดเปลี่ยนตัวใหม่
- ทำความสะอาดต่อถ้าจำเป็น. การเอาฝาปิดออกมักเผยให้เห็นคราบฝุ่นสกปรกที่อยู่บนแบตเตอรี่ ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกฉีดใส่ผ้าขี้ริ้วแล้วนำมาเช็ดคราบสกปรกออก
- อย่าใช้ผงฟูทำความสะอาดในขั้นตอนนี้ ใช้น้ำยาเช็ดกระจกปริมาณเพียงเล็กน้อย และระมัดระวังไม่ให้อะไรก็ตาม (น้ำยาเช็ดกระจก, ฝุ่นผง, เศษกระดาษชำระ, เป็นต้น) หล่นลงไปในช่องแบตเตอรี่
- อย่าคิดข้ามขั้นตอนนี้ การทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ให้สะอาดนั้นจะช่วยลดอัตราการกัดกร่อนในอนาคต นี่เป็นส่วนสำคัญของการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อให้ขั้วอัดประจุยังทำงานได้สมบูรณ์
โฆษณา
- เปรียบเทียบระดับน้ำในช่องเซลล์แต่ละช่อง. โดยการก้มมองแต่ละช่องคุณจะเห็นระดับน้ำกรดแบตเตอรี่ ช่องเซลล์แต่ละช่องนั้นควรที่จะมีน้ำเอาไว้เท่าๆ กัน
- ถ้าหากมันไม่ได้เป็นไปตามนี้ก็แสดงว่าอาจจะเกิดจากการเติมน้ำกลั่นมากเกินไปในคราวก่อนหน้า ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็ง่ายที่จะแก้ไข แค่เติมใหม่ให้เท่ากันหลังจากที่ระดับที่เกินล้นไปนั้นได้ลดลงสู่ช่วงปกติ
- ถ้าหากระดับน้ำมันไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด ก็อาจจะเป็นไปได้ที่แบตเตอรี่จะมีรูรั่วเล็กๆ หรือถังมีรอยร้าว หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ แต่ถ้าเกิดไม่มีรอยรั่วที่เห็นได้ชัดเจน ให้เติมน้ำกลั่นจนถึงระดับปริมาณสูงสุดที่ยังปลอดภัย ใช้เฉพาะน้ำกลั่น “เท่านั้น” และกลับมาตรวจอีกทีในอีกไม่กี่สัปดาห์ให้หลังว่าระดับน้ำยังคงอยู่เท่าเดิมหรือไม่
สังเกตดูว่าระดับน้ำกรดต่ำหรือไม่. ระดับน้ำกรดจะต่ำเกินไปหากมีส่วนใดของแผ่นธาตุเปิดออกมาถูกอากาศ ถ้าแผ่นธาตุไม่ได้ถูกเทด้วยน้ำกรดจนมิด แบตเตอรี่ก็จะจ่ายไฟได้ไม่เต็มความสามารถ- การเปิดแผ่นธาตุให้โดนอากาศจะทำลายบริเวณที่โดนอากาศให้เสียได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
- ถ้าหากระดับน้ำกรดอยู่ใต้ลงมาจากด้านบนของแผ่นธาตุราว 1/2 นิ้ว (1 ซม.) การเติมน้ำกลั่นให้ท่วมพอดีแผ่นธาตุอาจทำให้มันกลับมาใช้งานได้อีกโดยมีความสามารถในการจ่ายไฟลดลงเล็กน้อย (วิธีการเติมน้ำกลั่นอยู่ในขั้นตอนที่ 3 ของบทความนี้) มิเช่นนั้น คุณก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
- ระดับน้ำกรดต่ำอาจเกิดมาจากการประจุไฟมากจนเกินควร หากเป็นเช่นนี้ คุณควรตรวจสอบไดชาร์จด้วย
สังเกตเวลาที่น้ำกรดอยู่ในระดับปกติ. ระดับน้ำกรดปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1/2 นิ้ว (1 ซม.) เหนือด้านบนสุดของแผ่นธาตุ หรือราว 1/8 นิ้ว (3 มม.) ใต้ก้นท่อที่ยื่นลงไปจากปลายจุกเปิด- ถ้าเป็นเช่นนี้มันอาจไม่คุ้มความพยายามที่จะเติมน้ำกลั่นลงในแบตเตอรี่ในคราวนี้ ให้เปลี่ยนแค่ฝาปิดช่องและตรวจใหม่ในอีกสามเดือน
เวลาที่น้ำกรดอยู่ในระดับสูงที่สุด ระดับสูงที่สุดที่ยังปลอดภัยอยู่คือจะเรี่ยก้นท่อจุกเปิด- ท่อเติมน้ำกลั่นส่วนใหญ่จะมีช่องเปิดหนึ่งคู่อยู่ตรงด้านข้างใกล้กับปลายท่อ หากของเหลวไปสัมผัสกับท่อเติมน้ำกลั่น มันจะทำให้เกิดส่วนโค้งเว้า (ของเหลวจะโค้งงอขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ขอบท่อ) มีลักษณะเหมือนดวงตา ในขณะที่ถ้าหากของเหลวอยู่ต่ำกว่าปลายท่อเติมน้ำกลั่นก็จะไม่เกิดส่วนโค้งเว้า
- ส่วนโค้งเว้ารูปดวงตานี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสัญญาณให้หยุดเติมน้ำกลั่น คุณอาจจำเป็นต้องใช้ไฟฉายส่องให้เห็นระดับน้ำและการเกิดปรากฏการณ์โค้งเว้านี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จำให้ขึ้นใจว่าระดับเหล่านี้สำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดที่ใช้ในรถยนต์เท่านั้น คุณควรทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตแบตเตอรี่หากมันขัดแย้งกับข้อมูลของบทความชิ้นนี้- ต้องเข้าใจว่าแบตเตอรี่สำหรับรถกอล์ฟ, เครื่องถูพื้น, และแบตเตอรี่แบบไนแคดนั้นต้องการระดับน้ำกรดที่ต่างไปจากนี้
โฆษณา
- ใช้เฉพาะน้ำกลั่นในการเติมแผงเซลล์. น้ำกลั่นหาซื้อได้ตามอู่หรือปั๊มน้ำมันทั่วไป หากระดับน้ำกรดในเซลล์นั้นต่ำ (แผ่นธาตุโผล่เหนือระดับน้ำ) ให้เติมน้ำกลั่นในเซลล์แต่ละแผงพอให้ท่วมเซลล์ แล้วใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่มาชาร์จประจุแบตเตอรี่ตัวนั้น หรือขับรถตามปกติสักสองสามวัน ให้เติมแค่พอถึงระดับปลอดภัยสูงสุดเท่านั้น คือแค่แตะปลายท่อเติม ถ้าแบตเตอรี่นั้นมีไฟอยู่เต็มแล้ว
- ใช้กรวย, ขวดน้ำสำหรับนักกีฬา, หลอดดูดที่มีจุกปิดหรืออะไรทำนองนี้ที่สะอาดเพื่อควบคุมการไหลและเติมถึงระดับได้แม่นยำขึ้นเวลาเติมน้ำกลั่นลงในแต่ละช่องเซลล์ ต้องระมัดระวัง “เป็นพิเศษ” ไม่ให้มีฝุ่นผงหรือน้ำยาทำความสะอาดตกลงไปในเซลล์
- การใช้น้ำประปา, น้ำบาดาล, น้ำกรอง หรือน้ำอะไรก็ตามที่ไม่ใช่น้ำกลั่น มีแต่จะทิ้งแร่ธาตุหรือสารเคมีไว้ภายในเซลล์ซึ่งจะมีผลทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานลดลง[1]
ถ้าแบตเตอรี่มีไฟอ่อนหรือดับ ให้หลีกเลี่ยงการเติมน้ำกลั่นในเซลล์จนเต็ม. ถ้าคุณจะเติมน้ำกลั่นเพราะแบตเตอรี่มีไฟอ่อนหรือดับนั้น ให้เติมพอแค่ท่วมแผ่นธาตุจะดีกว่า (หรืออย่าไปยุ่งกับมันถ้ามันอยู่ในระดับปกติอยู่แล้ว)- เวลาที่แบตเตอรี่ที่ไฟอ่อนหรือดับถูกชาร์จประจุใหม่ ระดับน้ำกรดจะพุ่งสูงขึ้น ฉะนั้นคุณควรเหลือพื้นที่ให้ระดับน้ำกรดที่พุ่งขึ้นนี้ในตอนจะชาร์จไฟ (แบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มจะไม่เกิดอย่างที่ว่านี้)
- ระดับน้ำกรดยังสามารถเพิ่มขึ้นได้ถ้าแบตเตอรี่ร้อน
- เช็ดคราบน้ำที่กระฉอกออกแล้วปิดฝา. ดูให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นสะอาดและไม่เหลือคราบฝุ่นผงใดๆ จากนั้นนำฝาปิดที่ทำความสะอาดแล้วใส่กลับไปที่ตัวแบตเตอรี่
- ถ้าคุณเผลอเติมน้ำกลั่นมากเกินไปแต่มันยังไม่ถึงกับทะลักออกมาจากด้านบนของแบตเตอรี่ ทางที่ดีก็คือหยุดเติมและปล่อยไปอย่างนั้น แต่ถ้ามีน้ำทะลักออกมาถึงด้านบนของตัวแบตเตอรี่ จำไว้ให้ขึ้นใจว่าน้ำนี้เป็นน้ำกรด อย่าไปเผลอแตะมันหรือให้มันโดนเสื้อผ้าได้
- ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดโดยกวาดออกไปจากตัวหม้อ อย่ารอจนผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระชุ่มน้ำจนหยดใส่ส่วนอื่นของรถ ล้างผ้าขี้ริ้วในถังน้ำ สวมถุงมือ อย่าปล่อยให้มือสัมผัสน้ำ
- หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งผ้าขี้ริ้วที่ล้างน้ำออกแล้วลงในถังขยะ เทน้ำทิ้งลงท่อ ระวังอย่าให้น้ำกระเซ็นไปทั่ว คุณคงไม่ต้องการเสี่ยงให้คราบกรดไปโดนอะไรต่อมิอะไร สุดท้าย ให้นำน้ำยาเช็ดกระจกฉีดใส่ผ้าขี้ริ้วและเช็ดทำความสะอาดส่วนที่ถูกน้ำกรดท่วมใส่
- กวาดตาตรวจสอบแบตเตอรี่ที่เติมน้ำมากเกินไปทุกสัปดาห์ติดต่อกันหนึ่งเดือนเพื่อดูว่ามีน้ำทะลักล้นออกมาอีกหรือไม่ และทำความสะอาดคราบน้ำที่ทะลักออกมาด้วยวิธีการด้านต้นถ้าจำเป็น
- กรดซัลฟูริคที่ไหลตามน้ำที่ทะลักออกมาจากแบตเตอรี่นั้นอาจจะมีปริมาณเล็กน้อยเกินกว่าที่จะทำให้แบตเตอรี่ไม่ทำงาน ทางที่ดีอย่าพยายามเติมน้ำกรดลงไปทดแทนส่วนที่เสียไป (การมีกรดมากเกินไปจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลงมากกว่าการมีน้ำกรดน้อยเกินไป)
โฆษณา
- ใช้แว่นตานิรภัยปกป้องดวงตา. น้ำกรดในแบตเตอรี่เป็นคือกรดซัลฟูริค ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากไม่ให้น้ำกรดกระเด็นเข้าตา เพราะมันจะสร้างความเสียหายอย่างหนักถึงขั้นตาบอดได้[2]
- คอนแทคเลนส์ไม่ได้ช่วยป้องกันดวงตาแถมจะทำให้ยุ่งยากมากขึ้นด้วยหากเกิดอุบัติเหตุ แว่นตาธรรมดาก็ช่วยปกป้องได้ไม่ดีเท่าเนื่องจากขาดกระจกกำบังด้านข้าง
- ฉะนั้น การสวมแว่นตานิรภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งสามารถหาซื้อมันได้ตามร้านขายเครื่องมือและอุปกรณ์
- ป้องกันมือโดยสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง. เลือกชนิดของถุงมือที่สามารถทนต่อกรดซัลฟูริคได้อย่างน้อยก็สักหลายนาที หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องมือและอุปกรณ์เช่นกัน
- ถุงมือจากยางธรรมชาติและไวนิลไม่สามารถทนต่อกรดได้นาน ถ้าคุณใช้ถุงมือจากยางธรรมชาติหรือไวนิล ให้เปลี่ยนถุงใหม่ทันทีที่สังเกตเห็นน้ำกรดกระเด็นหรือหยดใส่ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ น้ำกรดจะกัดจนซึมผ่านถุงมือและไปกัดผิวคุณได้
- ถุงมือยางเทียมนีโอพรีน (Neoprene) สามารถป้องกันได้หนึ่งชั่วโมงหรือกว่านั้น แต่ยากจะหาได้ตามร้านขายเครื่องมือและอุปกรณ์ทั่วไป ไนไตรล์นั้นไม่เหมือนกับนีโอพรีน ถุงมือไนไตรล์กันกรดซัลฟูริคได้น้อยกว่าถุงมือจากยางธรรมชาติ จึงไม่ควรใช้มัน
- ปกป้องผิวหนังของคุณ. สวมเสื้อผ้าเก่าแบบที่เป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวและรองเท้าหุ้มส้นเพื่อปกปิดร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากน้ำกรดเกิดกระเด็นใส่เสื้อผ้าเข้าจริงๆ ผ้านั้นจะเปื่อยสลายไปในเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ทิ้งรูไว้บนเสื้อผ้านั้น ฉะนั้นจึงควรใส่เสื้อผ้าเก่าที่คุณยอมให้มันเสียหายได้
- รู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อน้ำกรดโดนผิวหนัง. ถ้าเกิดน้ำกรดกระเด็นมาโดนผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่ในทันที
- ถ้าคุณรู้สึกว่าผิวมีรอยแสบไหม้หรือคันยิบๆ ที่ตรงไหน แสดงว่าคุณอาจทำน้ำกรดกระเด็นใส่ตัวเอง แค่หยดเดียวก็ทำให้เกิดรอยไหม้ได้แล้ว
- คุณอาจไม่สังเกตเห็นรอยแดงหรือรอยแผลจนกระทั่งมันสายเกินไปแล้ว ฉะนั้นถ้าคุณเกิดสงสัยว่าอาจทำน้ำกรดกระเด็นใส่ตัวเอง ให้พักงานไว้ก่อนแล้วล้างน้ำออกทันทีดีกว่าคิดเสี่ยง
- ทิ้งถุงมือและผ้าขี้ริ้วใช้แล้วทั้งหมดเมื่อเสร็จงาน การทิ้งมันไว้รวมกับข้าวของอื่นจะทำให้เกิดความเสียหายได้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริงๆ ให้นำรถไปเข้าอู่ อู่ส่วนใหญ่จะทำให้ฟรีหรือเสียเงินเพียงเล็กน้อย
- เวลาจะดูแลแบตเตอรี่ ให้รอบบริเวณนั้นสะอาดและปราศจากเศษขยะ
- อย่าถอดฝาครอบแบตเตอรี่ออกในขณะที่รถกำลังติดเครื่องอยู่
- ให้แน่ใจว่าได้สวมแว่นป้องกันดวงตาเอาไว้แล้ว น้ำกรดของแบตเตอรี่อาจทำให้ตาบอดหรือกัดผิวได้
- สวมแว่นตานิรภัยตอนตรวจและเติมระดับน้ำกรดในเซลล์แบตเตอรี่
- ใช้มีดปาดทำจากพลาสติกที่มีหน้ากว้างหนึ่งนิ้วแงะฝาครอบแบตเตอรี่ มีดแบบนี้หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ช่างหรือร้านขายสีทาบ้านทั่วไป อีกทางเลือกก็คือใช้ไขควงที่มีด้ามจับเป็นฉนวน แต่เวลาแงะ ให้ระวังไม่เผลอเอาส่วนที่เป็นโลหะของไขควงแตะกับโลหะใดๆ มันจะก่อให้เกิดประกายไฟซึ่งอาจทำให้ก๊าซไฮโดรเจนภายในแบตเตอรี่ปะทุขึ้นมาได้
- ทำความสะอาดแบตเตอรี่ ฝุ่นผงจะดึงความชื้นไว้และกลายเป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างอ่อนได้ โดยเฉพาะฝุ่นผงที่เจอกับไอน้ำกรดจากแบตเตอรี่ กระแสไฟที่ไหลผ่านผิวภายนอกของแบตเตอรี่ผ่านทางฝุ่นผงนี้จะทำให้เกิดการกัดกร่อนโลหะที่อยู่ในบริเวณนั้น
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- แว่นตานิรภัย
- ถุงมือ แบบยางเทียมดีที่สุด แบบยางหรือไวนิลก็ใช้ได้ แต่แบบยางสังเคราะห์ไนไตรล์นั้นทนต่อน้ำกรดแบตเตอรี่ไม่ได้
- ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระ
- น้ำกลั่น
- ขวดน้ำดื่มสำหรับนักกีฬา, หลอดดูดที่มีจุกยาง หรือกรวย
- น้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย
- ผงฟู (เป็นตัวเลือก หากขั้วแบตเตอรี่มีคราบรอยกัดกร่อนมาก)
- มีดปาดทำจากพลาสติกขนาดกว้างหนึ่งนิ้ว (เป็นตัวเลือก) สำหรับแงะฝาครอบแบตเตอรี่ หรือจะใช้ไขควงแบบที่มีด้ามจับเป็นฉนวนก็ได้
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
หัวหน้าช่างซ่อมเครื่องยนต์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Rocco Lovetere. ร็อกโก เลิฟเทียร์เป็นหัวหน้าช่างซ่อมเครื่องยนต์ของ Rocco's Mobile Auto Repair ในแคลิฟอร์เนีย ที่เขาเป็นเจ้าของร่วมกับครอบครัว เขาเป็นช่างซ่อมรถยนต์ที่มีใบรับรอง ASE และทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ปี 1999 บทความนี้ถูกเข้าชม 19,947 ครั้ง
หมวดหมู่: รถยนต์
มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,947 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
