ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความX
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Janet Miranda. เจเน็ต มิแรนดาเป็นช่างทำผมมืออาชีพ ช่างแต่งหน้า และผู้ก่อตั้ง Be.NYLA เธอมีประสบการณ์มากว่า 15 ปี เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าและทำผมสำหรับถ่ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สิ่งพิมพ์ งานเดินแบบ กิจกรรมพิเศษ โทรทัศน์ และวิดีโอ เธอเข้ารับการฝึกอบรมที่ Vidal Sassoon Academy และยังผ่านการฝึกฝนกับธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับผมและเครื่องสำอางระดับแนวหน้าอย่าง MAC Cosmetics และ Redken ด้วย เจเน็ตเคยร่วมงานใน New York Fashion Week มาแล้ว 5 ซีซันและใน Project Runway 1 ซีซัน ลูกค้าของเธอได้แก่ Armani Exchange, Neutrogena และ Pantene แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดแสวงหาโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับแบรนด์อื่นๆ เจเน็ตเคยฝากผลงานไว้ใน CBS, Brides Magazine, 100 Layear Cake, Style Me Pretty, Green Wedding Shoes, Ireland Image Brides Magazine และ Elle Japan
มีการอ้างอิง 8 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 2,623 ครั้ง
โพเมดเป็นผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ใช้กันมาหลายทศวรรษเพื่อจัดแต่งผมให้เป็นทรงหลากหลายสไตล์ โพเมดแบบดั้งเดิมเป็นแบบที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลัก และมีความมันวาวมาก แต่เดี๋ยวนี้เรามีโพเมดแบบใหม่ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งล้างออกง่ายและทำให้ผมไม่ดูตั้งแข็งมากเหมือนก่อน ไม่ว่าคุณจะอยากได้ผมทรงปาดเรียบ ผมดูมันวาว ผมที่ดูกระเซิงแต่เป็นทรง หรือผมตั้งชี้ โพเมดเป็นตัวเลือกที่วิเศษที่จะช่วยให้คุณได้ลุคที่ต้องการ และอยู่ทรงตลอดทั้งวัน
ขั้นตอน
เลือกระหว่างโพเมดที่มีน้ำมันหรือน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก. โพเมดสูตรน้ำมันเป็นชนิดที่ใช้กันมาแต่เดิม แต่สูตรน้ำได้รับความนิยมมากกว่า จะเลือกใช้ชนิดไหนก็ขึ้นกับว่าอยากได้ลุคแบบไหนให้กับผม[1]- โพเมดสูตรน้ำมันมักจะราคาถูกกว่าสูตรน้ำเล็กน้อย ให้ลุคที่มีความมันวาวมากกว่าสูตรน้ำ และมักจะทำให้ผมอยู่ทรงได้ดีกว่า ข้อเสียของมันคือสูตรน้ำมันจะไม่ละลายในน้ำ จึงไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำเพียงอย่างเดียวได้ และถึงล้างด้วยแชมพูก็ไม่ง่ายเช่นกัน แชมพูสำหรับใช้ล้างน้ำมันก็มีขายแต่มันอาจจะล้างเอาน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผมของคุณด้วย
- โพเมดสูตรน้ำเป็นมิตรกับผู้ใช้กว่ามาก แต่ราคาก็สูงกว่าหน่อย โพเมดชนิดนี้จะให้ลุคเดียวกันกับสูตรน้ำมัน แต่คุณสามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่าได้ โพเมดสูตรน้ำไม่ทำให้ผมอยู่ทรงได้มากเท่าสูตรน้ำมัน แต่มันก็ช่วยให้ผมอยู่ทรงได้ พร้อมทั้งให้ความยืดหยุ่นในการจัดเปลี่ยนทรงผมได้ตลอดวัน
ใช้โพเมดชนิดแมท โพเมดชนิดมันเป็นประกาย หรือใช้ทั้งสองชนิดผสมกัน. ความมันเป็นประกายของโพเมดจะเป็นตัวกำหนดว่าเส้นผมของคุณจะเป็นมันเงาแค่ไหน คุณสามารถเลือกสไตล์ของโพเมดโดยยึดจากลุคที่คุณอยากจะได้ หรือจะเลือกโดยยึดจากลักษณะเส้นผมของคุณก็ได้[2]- โพเมดชนิดแมทจะมีความมันวาวน้อย เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ผมมักจะมันไวเวลาใช้โพเมด
- โพเมดชนิดมันเป็นประกายจะมีความมันวาวมากกว่ามาก และเหมาะสำหรับคนที่มีผมแห้ง
- คุณสามารถผสมโพเมดชนิดแมทกับชนิดมันเป็นประกายเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้โพเมดที่ลงตัวที่สุดสำหรับคุณเอง
เลือกว่าคุณอยากได้ความแข็งอยู่ทรงแบบไหน. โพเมดมีขายหลายแบบต่างกันที่ความแข็ง ซึ่งจะให้ความอยู่ทรงที่แตกต่างกันออกไป ลองศึกษาโพเมดหลายๆ ยี่ห้อเพื่อดูว่าแบบไหนให้ความแข็งเล็กน้อย ปานกลาง หรือแข็งมาก[3]- หากคุณเพิ่งเคยใช้โพเมด เริ่มจากชนิดที่แข็งไม่มาก เพื่อจะให้คุณได้รับรู้ความรู้สึกเวลาจัดแต่งทรงผม และยังให้คุณได้เปลี่ยนสไตล์ผมระหว่างวันด้วย
- โพเมดที่ให้ความแข็งอยู่ทรงเล็กน้อยนักจะเนื้อนุ่ม และโพเมดที่มีความแข็งอยู่ทรงมากจะแข็งกว่า
- หากคุณมีผมที่หนา คุณอาจเลือกใช้ความแข็งอยู่ทรงปานกลางถึงมาก
- คุณอาจขอคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัว เช่น คุณอาจมีเพื่อนหรือพี่น้องที่มีผมลักษณะเดียวกันกับคุณ ถามดูว่าพวกเขาใช้อะไรกัน
- คุณอาจต้องลองผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัวก่อนที่จะเจอตัวที่ใช่สำหรับคุณ คุณอาจขอขนาดทดลองหรือของสินค้าตัวอย่างเพื่อจะคุมค่าใช้จ่าย
โฆษณา
สระผม. โพเมดจะทำงานได้ดีที่สุดกับผมที่สะอาด คุณจึงควรต้องสระผมให้สะอาดก่อนจะจัดแต่งทรงผมด้วยโพเมด สระผมด้วยแชมพูเพื่อเริ่มกระบวนการด้วยผมที่สะอาดสดชื่น [4]
ให้ผมชื้นหมาดๆ. โพเมดจะใช้ได้ดีที่สุดเมื่อใช้จัดแต่งผมที่ยังชื้นอยู่หน่อยๆ หลังสระผมเสร็จ ให้ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งเล็กน้อยก่อนจะจัดแต่งทรงผม คุณต้องให้ผมยังชื้นอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ใช่ว่าเปียกชุ่มมาเลย วิธีนี้จะทำให้โพเมดเข้าไปจับกับผมง่ายขึ้น และผมออกมาดูดีตอนที่แห้งแล้ว[5]- นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากหากคุณใช้โพเมดชนิดแมท หรือโพเมดชนิดที่ให้ความแข็งสูง เพราะมันจะไม่เข้าไปจับกับผมที่แห้ง
ป้ายโพเมดขนาดเท่าลูกเต๋าบนปลายนิ้ว. สำหรับโพเมดแล้ว แค่ใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถจัดแต่งทรงผมได้มากมาย ดังนั้นคุณควรเริ่มจากการใช้โพเมดที่ละนิดก่อน คุณสามารถใส่เพิ่มได้เมื่อจัดทรงไปเรื่อยๆ ป้ายโพเมดขนาดเท่าลูกเต่าบนปลายนิ้ว แล้วถูนิ้วด้วยกันเพื่อให้โพเมดติดบนปลายนิ้วมือครบทุกนิ้ว วิธีนี้จะช่วยให้การจัดแต่งทรงผมด้วยโพเมดทำได้ง่ายขึ้น[6]- หากใช้โพเมดแบบแข็งมากๆ คุณอาจต้องทำให้โพเมดอุ่นขึ้นก่อนจะใช้งาน ใช้ไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนบนโพเมดสักสองสามวินาทีเพื่อให้โพเมดอุ่นและนิ่มขึ้น
ใช้นิ้วสางผมในทิศทางที่ต้องการ. ใช้นิ้วสางผมจากบริเวณใกล้ๆ โคนผม เรื่อยไปจนถึงปลายผม เพื่อให้ผมได้สัมผัสกับโมเมดอย่างทั่วถึง หากคุณต้องการใช้โพเมดกับปลายเส้นผมเท่านั้น ให้ดึงปลายผมเบาๆ เพื่อใส่โพเมดลงบนผม- ให้แน่ใจว่าโพเมดไม่ลงไปถึงหนังศีรษะ การทำเช่นนี้จะทำให้ผมของคุณดูมันมาก และมันไม่ดีต่อน้ำมันตามธรรมชาติบนหนังศีรษะของคุณด้วย
โฆษณา
ทำผมตั้ง. ป้ายโพเมดปริมาณเล็กน้อยบนปลายนิ้วและใช้จัดแต่งปลายผม ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วอื่นๆ ดึงปลายผมเบาๆ ไปในทิศทางที่คุณต้องการให้ผมตั้งชี้ ทำตามขั้นตอนนี้ไปจนส่วนของผมที่อยากให้ตั้งชี้ขึ้นเป็นไปตามต้องการ ให้แน่ใจว่าคุณได้ลงโพเมดที่ปลายเส้นผม- ลองทำผมหน้าให้ตั้งชี้ไปข้างหน้าและทำด้านข้างเรียบเพื่อให้ได้ลุคที่ดูเท่เนี้ยบ
- จัดผมด้านบนให้ตั้งชี้ขึ้นเพื่อให้ผมดูตั้งยืด ได้ลุคที่ดูสนุกๆ
ทำทรงหัวกระเซิง. ลุคหัวกระเซิง เป็นที่นิยมมาก และเป็นสไตล์ดีๆ ที่ควรลอง ป้ายโพเมดขนาดเท่าลูกเต๋าบนปลายนิ้วและจัดแต่งปลายผมด้วยปลายนิ้ว สางผมด้วยนิ้วเพื่อลงโพเมด เริ่มบริเวณใกล้ๆ โคน ก่อนแล้วเคลื่อนไปทางปลายผม โดยเคลื่อนนิ้วไปด้านในและยกขึ้นข้างบน ใช้นิ้วมือเพื่อทำให้ผมกระเซิงเบาๆ ด้วยการเคลื่อนนิ้วไปมาจากซ้ายไปขวาและจากหน้าไปหลัง- มันไม่มีวิธีการที่ถูกต้องในการสร้างลุคหัวกระเซิง ขอให้คุณแค่ลองจัดแต่งผมคุณไปเรื่อยจนได้ลุคที่คุณชอบ
- พยายามไม่ใช้โพเมดมากไป ผมจะได้ไม่ดูมันเยิ้ม
ปาดผมให้เรียบ. แปรงผมเพื่อสางผมที่พันกันออกให้หมด ใส่โพเมดปริมาณเล็กน้อยลงบนเส้นผม และใข้ปลายนิ้วช่วย สางผมด้วยนิ้วมือเพื่อช่วยลงโพเมด ไล่นิ้วมือจากบริเวณใกล้ๆ โคนผมเรื่อยไปยังปลายผมไปด้านหลังของศีรษะ ทำขั้นตอนเดียวกันนี้ซ้ำๆ จนเส้นผมทั้งหมดชี้ไปทางด้านหลังของศีรษะ ใช้ฝ่ามือปาดเส้นผมให้เรียบ โดยเริ่มจากใกล้ๆ ไรผม และปาดไปด้านหลังของศีรษะ- คุณยังอาจหวีผมหน้าไปด้านหลังให้เรียบและหวีผมข้างลงเพื่อให้ได้ทรงปาดเรียบที่ดูแตกต่าง
- เพื่อให้ผมเรียบอยู่ทรงตลอดวัน คุณอาจต้องใช้โพเมดชนิดแข็งปานกลางถึงแข็งมาก
โฆษณา
แยกชั้นผม. โพเมดสามารถใช้สร้างสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ให้กับเส้นผมที่ยาวได้ ใช้โพเมดปริมาณเล็กน้อยบนปลายนิ้วเพื่อเริ่ม แล้วลงโพเมดด้านใต้ของผมชั้นที่แยกไว้ เพื่อให้ผมยกตัวขึ้น และแยกตัวออกจากชั้นอื่นๆ- ดึงผมแต่ละชั้นที่จะจัดทรงขึ้นข้างบนไปทางเพดาน
- ใช้ปลายนิ้วเพื่อป้ายโพเมดปริมาณเล็กน้อยบนผมด้านใต้ โดยเริ่มจากบริเวณใกล้ๆ โคนผม และลงไปสักประมาณ 1 ถึง 2 นิ้ว
- ปล่อยให้ผมกลับตามเดิม และมันควรจะมีความฟูขึ้นจากชั้นผมด้านใต้นั้น
ทำผมทรงหางม้าหรือผมมวยเรียบ. มันผมหางม้าหรือมวย และรัดด้วยยางรัดผมให้เรียบร้อย ใส่โพเมดเล็กน้อยลงบนมือและปลายนิ้ว ค่อยๆ สางผมให้เรียบจากไรผมจนถึงบริเวณหางม้า ทำให้เส้นผมที่ชี้ขึ้นมาเรียบตรงด้วยมือของคุณหรือแปรงผม
จัดการกับผมหยิกและเก็บผมแตกปลาย. คุณสามารถใช้โพเมดจัดการกับผมที่หยิกที่ชี้ขึ้นมาและซ่อนผมแตกปลายที่คุณอาจจะมี ใช้โพเมดแต่น้อยเพื่อจัดแต่งผมทรงดังกล่าวโดยไม่ทำให้ผมดูมันเกินไป[7]- เพื่อจัดการกับผมหยิกที่ชี้ขึ้นมา ใช้โพเมดลงปลายนิ้วแต่น้อย แล้วค่อยๆ จัดผมที่ชี้ขึ้นมาให้เรียบไปในทางเดียวกันกับทิศทางของผมส่วนที่เหลือ
- เพื่อเก็บผมแตกปลาย ป้ายโพเมดปริมาณเล็กน้อยบนปลายนิ้ว แล้วลงโพเมดบนปลายผมเบาๆ เพื่อจัดการกับส่วนที่แตกปลายให้เรียบสนิทไปกับผมส่วนที่เหลือ ทำแบบเดียวกันกับส่วนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเก็บผมให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ล้างโพเมดออกจากผมช่วงกลางคืน เพื่อให้แน่ใจว่าโพเมดจะไม่เปื้อนที่นอน ปลอกหมอน
- แต่ตัวให้เรียบร้อยก่อนจัดแต่งผมด้วยโพเมด คุณจะได้ไม่ต้องเสี่ยงว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนโพเมดหรือไม่
- ซื้อโพเมดหลายๆ ชนิด และลองแต่งผมดู จะได้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าใช้โพเมดแต่งผมทุกวัน หากคุณใช้โพเมดมากไป มันอาจไปอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะและหน้าผาก ก่อให้เกิดสิว ซึ่งอาการนี้เรียกว่า สิวโพเมด
- เริ่มจากการใช้โพเมดแต่งผมทีละน้อย เพราะโพเมดเพียงเล็กน้อยก็จัดแต่งทรงได้มากมายแล้ว คุณสามารถเพิ่มปริมาณได้หากต้องการ แต่ถ้าใช้มากไปจะทำให้ผมมันและดูไม่สะอาด
- ระวังเวลาที่คุณใช้โพเมดที่แข็งมากๆ มันอาจจะติดผมแน่นและล้างออกยาก
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.misterpompadour.com/blogs/hair/17216789-paste-pomade-and-clay-whats-the-difference
- ↑ http://www.gq.com/story/how-to-put-pomade-in-hair
- ↑ http://www.gentlemansgazette.com/pomade-guide-test-murrays-georgia-brown-royal-crown/
- ↑ http://www.mensxp.com/grooming/hair-care-tips/8898-how-to-use-pomade-for-men.html
- ↑ http://coolmenshair.com/2012/06/hair-pomade.html
- ↑ http://www.fashionising.com/hair/b--mens-hair-styling-products-guide-75805.html
- ↑ http://www.allure.com/beauty-trends/blogs/daily-beauty-reporter/2012/11/the-best-pomades-for-your-hair.html
- วิดีโอจาก Cavin Vanderpoel
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
ช่างทำผมและช่างแต่งหน้ามืออาชีพ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Janet Miranda. เจเน็ต มิแรนดาเป็นช่างทำผมมืออาชีพ ช่างแต่งหน้า และผู้ก่อตั้ง Be.NYLA เธอมีประสบการณ์มากว่า 15 ปี เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าและทำผมสำหรับถ่ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สิ่งพิมพ์ งานเดินแบบ กิจกรรมพิเศษ โทรทัศน์ และวิดีโอ เธอเข้ารับการฝึกอบรมที่ Vidal Sassoon Academy และยังผ่านการฝึกฝนกับธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับผมและเครื่องสำอางระดับแนวหน้าอย่าง MAC Cosmetics และ Redken ด้วย เจเน็ตเคยร่วมงานใน New York Fashion Week มาแล้ว 5 ซีซันและใน Project Runway 1 ซีซัน ลูกค้าของเธอได้แก่ Armani Exchange, Neutrogena และ Pantene แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดแสวงหาโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับแบรนด์อื่นๆ เจเน็ตเคยฝากผลงานไว้ใน CBS, Brides Magazine, 100 Layear Cake, Style Me Pretty, Green Wedding Shoes, Ireland Image Brides Magazine และ Elle Japan บทความนี้ถูกเข้าชม 2,623 ครั้ง
หมวดหมู่: ทรงผมและเล็บ
มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,623 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
โฆษณา
