ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การขโมยความคิดหรือการเอาไอเดียของคนอื่นมาเป็นไอเดียของตัวเองนั้น จะทำให้เกิดปัญหาในชีวิตตามมาได้อย่างมากมาย ที่ผ่านมาก็มีนักศึกษาหลายคนที่ถูกปรับตกเพราะการกระทำดังกล่าว หรือแม้กระทั่ง Joe Biden รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ก็ยังเคยตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากกรณีนี้เช่นกัน[1] ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ลองอ่านวิธีการด้านล่างนี้ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าคุณกำลังลอกผลงานคนอื่นโดยที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจอยู่หรือเปล่า

  1. How.com.vn ไท: Step 1 เข้าใจว่าการขโมยความคิดคืออะไร.
    ใน The American Heritage dictionary ได้นิยามคำว่า การขโมยความคิด (plagiarism) ไว้ว่า "the unauthorized use or close imitation of the language and thoughts of another author and the representation of them as one's own original work."[2]ซึ่งแปลได้ว่า “การกระทำบางอย่างโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานหรือการลอกเลียนแบบทางภาษาและความคิดของคนอื่น แล้วนำมาเผยแพร่เสมือนว่าเป็นผลงานที่ตัวเองคิดขึ้นมา” ดังนั้น การขโมยความคิดไม่ใช่แค่การก๊อบปี้คำต่อคำมาใส่อีกที่หนึ่ง แต่รวมถึงการลอกเลียนแบบความคิดด้วย การใช้คำพ้องความหมายและการเปลี่ยนคำก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ดี เพื่อที่จะทำให้การลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ผิด คุณควรจะอธิบายโดยการใช้คำพูดของตัวเองแล้วก็ให้เครดิตคนอื่นด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว คุณสามารถใช้การถอดหรือแปลความที่ให้ความต่างจากต้นฉบับ โดยการอ่านต้นฉบับแล้วถ่ายทอดความเข้าใจและการตีความลงไปเป็นภาษาของตัวเอง ดีกว่าที่จะไปเปลี่ยนคำใหม่จากเนื้อหาต้นฉบับ
    • ต้นฉบับ: “กฎหมายสูงสุดของแผ่นดินไม่อนุญาตให้ทาสเรียกร้องค่าชดเชยจากเจ้านายของพวกเขา แม้ถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม”
      • เลียนแบบ: “กฎหมายสูงสุดของแผ่นดินห้ามไม่ให้ทาสเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้านายของพวกเขา แม้ว่าจะถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมก็ตาม”
      • ไม่เลียนแบบ: “ทาสที่ได้รับบาดเจ็บ ทรมาน และได้รับการดูถูก ไม่สามารถที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้านายของพวกเขาตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานั้น (Jefferson, 157)”
    • นอกจากนี้การขโมยความคิดยังหมายถึง[3]
      • การดาวน์โหลดเอกสารหรืองานวิจัยจากอินเทอร์เน็ต
      • การจ้างคนอื่นมาเขียนงานให้คุณ
      • การจงใจทำให้ไอเดียของคนอื่น เป็นไอเดียของตัวเอง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 มีความรู้ในเรื่องที่คุณกำลังจะพูดถึง.
    การที่คุณเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังจะพูด จะทำให้คุณสามารถเขียนออกมาด้วยคำพูดของตัวเองได้ง่ายกว่า และมันก็จะดีกว่าการที่คุณไปพูดซ้ำกับคำพูดของคนอื่น ดังนั้น ให้คุณหาข้อมูลในหนังสือหรืออินเทอร์เน็ต (หนังสือมักให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่าอินเทอร์เน็ต) เกี่ยวกับเรื่องที่คุณจะเขียนเพื่อนำมาทำความเข้าใจด้วย
    • เทคนิคในที่นี้ก็คือ หาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง หากคุณอิงแค่จากแหล่งเดียว เช่น หนังสือเกี่ยวกับทาสแค่ 1 เล่ม โอกาสที่คุณจะไปลอกไอเดียคนอื่นก็จะมีมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณอิงจากหนังสือที่เกี่ยวกับทาส 3 เล่ม เล่มหนึ่งเป็นสารคดี สองเล่มที่เหลือเป็นแหล่งข้อมูลต้นฉบับ โอกาสที่จะเกิดการลอกเลียนแบบโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะลดลงไปเยอะ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ย้ำประเด็นที่จะเขียนกับตัวเองสักสองสามครั้ง....
    ย้ำประเด็นที่จะเขียนกับตัวเองสักสองสามครั้ง. จุดประสงค์หลักก็คือ การทำความเข้าใจเนื้อหาและสามารถอธิบายเป็นคำพูดของตัวเองได้ และที่สำคัญ พยายามอย่าอ่านสิ่งที่คนอื่นเขียนให้มากจนเกินไป เพราะแนวโน้มที่คุณจะใช้ประโยคที่เหมือนกับต้นฉบับก็จะมีสูงมากขึ้น
    • ต้นฉบับ: “ทาสหลายคนทำงานอย่างทรหด 12 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก มีชีวิตอยู่ด้วยอาหารจำพวกแป้งที่ให้พลังงานน้อยกว่า 1,200 แคลอรี่ และยังต้องเสียทั้งเลือด ทั้งเหงื่อ และหยดน้ำตา”
      • เรียบเรียงใหม่: “การมีชีวิตอยู่ในทุกๆ วัน เราจะต้องได้รับพลังงานแคลอรี่ให้เพียงพอต่อร่างกาย แต่ทาสในศตวรรษที่ 19 ทำงานอย่างหลังขดหลังแข็งหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ (Jefferson, 88)”
      • เรียบเรียงใหม่: “ในศตวรรษที่ 19 ทาสหลายคนทำงานจนพระอาทิตย์ตกดิน และได้รับสารอาหารอย่างไม่เพียงพอ (Jefferson, 88)”
  4. How.com.vn ไท: Step 4 อ้างอิงคำพูดและแหล่งที่มา.
    คุณต้องมีบรรณานุกรมหรือการอ้างอิงในงานของคุณ หากคุณใช้คำพูดของคนอื่นโดยตรง คุณต้องใส่เครดิตให้ครบถ้วน ถ้าครูผู้สอนไม่ได้ระบุมาว่าต้องทำเอกสารอ้างอิงในระบบไหน ให้คุณทำเอกสารอ้างอิงในระบบ MLA
    • คุณสามารถหลีกเลี่ยงการขโมยความคิดแบบไม่ได้ตั้งใจได้โดยการใส่เครื่องหมายคำพูด (เมื่อใส่คำพูดลงไปในงาน) และอ้างอิงแหล่งที่มาทันทีที่คุณใส่คำพูดนั้นลงไป หรือไม่ก็ใช้วิธีการถอดความจากต้นฉบับ หากคุณรอให้งานของคุณเสร็จก่อน แล้วค่อยอ้างอิงแหล่งที่มา ถึงเวลานั้นคุณอาจจะลืมและกลายเป็นว่าคุณไปขโมยความคิดของคนอื่นเขามา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 หากไม่แน่ใจ ให้ใส่เครดิต.
    มีหลายวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการขโมยความคิด ซึ่งต่อไปนี้ก็คือคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ของเรา
    • อ้างอิงแหล่งที่มาในการถอดความหรือแปลความของคุณ เช่นเขียนว่า “ตามที่ Richard Feynman ได้กล่าวไว้ พลศาสตร์ไฟฟ้าควอนตัม สามารถอธิบายได้ด้วยกฎปริพันธ์ตามวิถี”
    • ใส่เครื่องหมายคำพูดในวลีที่คุณคิดว่ามันเป็นการก๊อบปี้ เช่น เขียนว่า “การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์” เกิดขึ้นเมื่อการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์บังคับให้คนในสังคมคิดเกี่ยวกับโลกในแบบที่แตกต่างกัน
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ทำความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน.
    การขโมยผลงานของคนอื่นนั้นอาจจะกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงได้ และเป็นไปได้คุณอาจจะทำผิดกฎหมายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ดังนั้น ทำความเข้าใจตามข้อความด้านล่างนี้เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดกฎหมายแบบไม่รู้ตัว
    • ตามกฎหมายทั่วไป อะไรก็ตามที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่สามารถมีลิขสิทธิ์ได้ ซึ่งก็หมายถึงว่า คุณสามารถใช้ข้อเท็จจริงใดๆ ก็ได้เพื่อมาซัพพอร์ตงานเขียนของคุณ[4]
    • แม้ว่าสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงจะไม่มีลิขสิทธิ์ แต่คำที่นำมาใช้อธิบายนั้นมีลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถ้อยคำนั้นเป็นต้นฉบับหรือมีลักษณะเฉพาะ (ลิขสิทธิ์จะครอบคลุมส่วนนี้) โดยคุณสามารถใช้ข้อมูลเท็จจริงใดๆ ก็ได้ในบทความของคุณ แต่คุณต้องอธิบายโดยใช้คำพูดของคุณเอง และเพื่อการหลีกเลี่ยง คุณสามารถใช้ข้อเท็จจริงที่อยู่แล้วมาอธิบายเป็นคำพูดของตัวเองได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนไวยากรณ์นั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบ[5]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 เข้าใจว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ต้องได้รับการอ้างอิงถึง....
    เข้าใจว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ต้องได้รับการอ้างอิงถึง. ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในงานวิจัยทางวิชาการที่จะต้องได้รับการอ้างอิงถึง เพราะถ้าหากคุณอ้างอิงทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็เป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นยอมรับงานวิจัยของคุณ ซึ่งสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องอ้างอิงถึง มีดังนี้
    • การสังเกตจากสามัญสำนึก คติชาวบ้าน ตำนานพื้นเมือง และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ทุกคนรู้ เช่น เหตุการณ์การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์
    • ประสบการณ์ส่วนตัว ความเข้าใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการพิจารณาของตัวคุณเอง
      • อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้ประสบการณ์ส่วนตัว ความเข้าใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการพิจารณาของตัวคุณเอง ที่เคยถูกเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ซ้ำเป็นครั้งที่สองในงานชิ้นใหม่ คุณควรจะขออนุญาตจากผู้สอนก่อน แล้วก็ให้เครดิตตัวเองด้วย
    • วีดีโอ พรีเซนเทชั่น ดนตรี หรือสื่ออื่นๆ ที่คุณทำขึ้นมาเอง
      • อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้วิดีโอ พรีเซนเทชั่น ดนตรี หรือสื่ออื่นๆ ที่คุณทำขึ้นมาซ้ำเป็นครั้งที่สอง คุณต้องขออนุญาตจากผู้สอนเพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง แล้วก็อย่าลืมให้เครดิตตัวเองด้วย
    • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่คุณรวบรวมจากผลการทดลองของคุณเอง รวมถึงแบบสำรวจ และอื่นๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณกังวลว่ามีบางอย่างที่ดูเหมือนว่าจะไปซ้ำกับงานของคนอื่น คิดไว้เสมอว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
  • หากคุณต้องก็อบปี้จริงๆ อย่าก๊อบปี้มาทั้งหน้าหรือทั้งพารากราฟ! ให้คุณเรียบเรียงข้อมูลเหล่านั้นด้วยภาษาของตัวเอง แล้วอ้างอิงถึงส่วนที่คัดลอกมา และทำบรรณานุกรมอ้างอิงที่มาด้วย (ใช้เว็บ EasyBib.com เพื่อสร้างบรรณานุกรม)
  • ให้เครดิตทันทีที่คุณเอาข้อมูลจากที่อื่นมา เพราะถ้าคุณเก็บไว้ทำทีหลัง เมื่อถึงตอนนั้นคุณอาจจะลืมแล้วอ้างอิงที่มาไม่ครบ ซึ่งก็จะกลายเป็นการขโมยผลงานได้
  • หากคุณคิดว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็นการลอกเลียนแบบ ให้คุณไปเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ Plagramme.com หรือ Grammarly.com หรือเว็บไซต์ใดก็ได้ที่มีฟังก์ชั่นเดียวกัน
  • หากคุณเขียนรายงานหรือเอกสารใดเอกสารหนึ่งด้วยความซื่อตรง โอกาสที่คุณจะไปลอกเลียนแบบผลงานของคนอื่นก็จะมีน้อยมากๆ เพราะถ้าหากคุณรู้ตัวเองว่าคุณกำลังขโมยผลงานของคนอื่นอยู่ โอกาสที่คุณจะถูกจับได้ก็มีเช่นกัน
  • หากว่าคุณใช้ความคิดของตัวเองล้วนๆ เราแนะนำให้คุณบอกด้วยว่ามันเป็นความคิดของคุณเอง เพราะว่าอาจารย์ของคุณอาจจะเข้าใจผิดและนึกว่าคุณไปลอกผลงานคนอื่นมาก็เป็นได้
  • นี่คือข้อแนะนำในการปรับเนื้อหาต่างๆ ให้เป็นคำพูดของตัวเอง โดยให้คุณใช้ Google Translate แปลข้อมูลต้นฉบับให้เป็นภาษาอื่น เช่น แปลต้นฉบับภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก๊อบปี้ภาษาอังกฤษ แล้วเอาไปแปลเป็นภาษาอื่นอีกชั้นหนึ่ง เช่น แปลอังกฤษเป็นเยอรมัน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นภาษาไทยเหมือนเดิม เนื้อหาที่คุณได้นั้นจะเป็นภาษาไทยที่อ่านเข้าใจยากเพราะไวยากรณ์ที่ผิดเพี้ยนไป จากนั้นให้คุณใช้ความรู้ที่ตัวเองมีจากการที่คุณอ่านและทำวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อนั้น มาแก้ภาษาไทยที่เข้าใจยากให้เข้าใจง่ายด้วยความรู้ของตัวคุณเอง
  • สถาบันการศึกษาบางแห่งมีโปรแกรมหรือบริการสแกนงานวิจัยเพื่อตรวจจับการคัดลอกผลงาน หากคุณซีเรียสกับเรื่องนี้มากๆ เราแนะนำให้คุณใช้บริการนั้น
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเสี่ยงที่จะทำการลอกเลียนผลงานคนอื่น ไม่ใช่แค่ว่ามันจะมีผลต่อเกรดของคุณ แต่มันมีผลต่อความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของคุณด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีวิทยาลัยและหมาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง ที่เชิญนักเรียนที่จงใจขโมยผลงานของคนอื่นออกจากสถาบัน
  • การที่ให้คนใดคนหนึ่งแก้ไขเอกสารให้คุณ โดยการเพิ่มหรือเปลี่ยนวลีบางส่วนนั้น ถือว่าเป็นส่วนที่คนอื่นเขียน ซึ่งก็ถือว่าเป็นการลอกเลียนผลงานเช่นกัน
  • การนำงานวิจัยที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ ไปใช้กับคลาสเรียนอื่นๆ ถือว่ามีความผิดเช่นกัน จริงๆ คุณอาจจะใช้แค่ไอเดียหรือส่วนเล็กๆ ของงานวิจัยเก่าของคุณ แต่ว่าก็ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้สอนก่อน และอย่าลืมให้เครดิตตัวเองด้วยเมื่อเอามาใช้ (แปลความหรือถอดความจากงานวิจัยเก่าก็ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน)
  • การจดเลคเชอร์ในคลาสเรียน แล้วทำเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบที่แตกต่างจากต้นฉบับ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นผลงานของคุณที่คุณจะเอาไปใช้ยังไงก็ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะเขียนออกมาให้อยู่ในรูปแบบของตัวเองก็ตาม เพราะว่าจริงๆ แล้ว คุณก็ยังใช้ผลงานของคนอื่นอยู่ ดังนั้นคุณควรจะให้เครดิตแก่อาจารย์หรือผู้เขียนต้นฉบับด้วย (ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการจะสร้างแผนภูมิวงกลมแสดงสถิติที่คุณเจอในอินเทอร์เน็ต คุณก็ต้องใส่เครดิตให้เจ้าของสถิติที่คุณนำมาทำแผนภูมิด้วย แม้ว่าคุณจะเป็นคนสร้างแผนภูมิวงกลมนั้นขึ้นมาเองก็ตาม)


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 50 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 26,091 ครั้ง
หมวดหมู่: พัฒนางานเขียน
มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,091 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา