วิธีการ รีเซ็ตเครื่อง MacBook Pro

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

รีเซ็ต NVRAM

รีเซ็ตแบตเตอรี่

รีเซ็ตกลับค่าโรงงาน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการรีเซ็ต NVRAM และ battery settings ของ MacBook Pro รวมถึงวิธีล้างข้อมูลใน MacBook Pro แล้วรีเซ็ตกลับค่าโรงงาน การรีเซ็ต NVRAM ของ Mac จะช่วยแก้ error เวลาแสดงแบตที่เหลือได้ ส่วนการรีเซ็ต battery settings เหมาะกับเวลาที่ Mac ชอบ overheat หรือล่มบ่อยๆ การรีเซ็ต MacBook กลับค่าโรงงานจะล้างข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดไดรฟ์ไป แล้วลงระบบปฏิบัติการใหม่เลย

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

รีเซ็ต NVRAM

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   รีเซ็ต NVRAM ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง. NVRAM ย่อมาจาก "Non-Volatile Random-Access Memory" ใช้เก็บ settings ต่างๆ เช่น volume ของลำโพง หน้าจอตามค่า default และ settings อื่นๆ ของเครื่อง Mac ถ้ารีเซ็ต NVRAM แล้ว จะช่วยแก้บางปัญหาของ MacBook Pro ได้ เช่น เสียงไม่ออก หน้าจอกะพริบหรือดับเอง คอมเปิดขึ้นมาช้ากว่าปกติ และปัญหาอื่นๆ ที่ใกล้เคียง

   • Mac บางเครื่องจะไม่มี "NVRAM" แต่เป็น "PRAM" ("Parameter Random-Access Memory") แทน ซึ่งหลักๆ แล้วก็คือ NVRAM นั่นแหละ
2. 
   2
   เปิด Apple menu

   

   . คลิกโลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
3. 
   3
   คลิก Shut Down…. ทางด้านล่างของ Apple menu
4. 
   4
   คลิก Shut Down ตอนที่ขึ้น. เพื่อ shut down MacBook Pro
5. 
   5
   หาปุ่มรีเซ็ต NVRAM. จะรีเซ็ต NVRAM ได้ ต้องกด ⌘ Command, ⌥ Option, P กับ R ค้างไว้พร้อมกันประมาณ 15 วินาที
6. 
   6
   เปิด Mac กลับมา. กดปุ่ม "Power"

   

   ของ Mac เพื่อเปิดเครื่องกลับมา
7. 
   7
   กดปุ่มรีเซ็ต NVRAM ค้างไว้. ให้กดตามทันทีหลังกดปุ่ม "Power" ของ Mac โดยกดพร้อมกันทั้ง 4 ปุ่ม ก่อนโลโก้ Apple จะทันโผล่มา

   • ถ้าโลโก้ Apple โผล่มาก่อนจะทันกดปุ่มที่ว่า ก็ต้อง shut down แล้วลองใหม่เลย
8. 
   8
   กดปุ่มรีเซ็ตค้างไว้จน Mac เปิดขึ้นมาใหม่. Mac จะรีสตาร์ทระหว่างขั้นตอนรีเซ็ต พอเห็นหน้าจอเลือก user ก็ปล่อยปุ่มรีเซ็ต แล้วล็อกอินเข้า MacBook Pro ตามปกติได้เลย

   • อาจจะต้องตั้งบาง preferences (เช่น audio output ที่เลือก) ใหม่หลังรีเซ็ต NVRAM
9. 
   9
   เช็คว่าแก้ปัญหาได้ไหม. ถ้ารีเซ็ตแล้วยังมีปัญหาเรื่อง system settings อาจจะต้องรีเซ็ต MacBook Pro กลับค่าโรงงาน แต่ก็จะเสียข้อมูลทั้งหมดที่เซฟไว้ใน MacBook ไป
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

รีเซ็ตแบตเตอรี่

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   รีเซ็ตแบตแล้วแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง. เวลาคุณรีเซ็ตแบต เท่ากับรีเซ็ต SMC (System Management Controller) ที่เป็นชิปเล็กๆ ที่ใช้ควบคุมหลายอย่างของ Mac ไปด้วย เช่น ไฟด้านนอก, การตอบสนองตอนกดปุ่ม และการจัดการแบตเตอรี่ พอรีเซ็ต SMC แล้วน่าจะช่วยให้ใช้แบตได้นานขึ้น เครื่องไม่ overheat และ MacBook Pro ทำงานได้ไหลลื่นรวดเร็วขึ้น
2. 
   2
   เช็คอาการ. หลายอาการผิดปกติของคอมเกิดจาก SMC นี่แหละ

   • พัดลมเสียงดังและหมุนเร็วจี๋ ทั้งๆ ที่คอมไม่ได้ร้อน และระบายอากาศดี
   • ไฟ indicator (ของแบต, backlight และอื่นๆ) ผิดปกติ
   • กดปุ่ม Power แล้ว MacBook ไม่ตอบสนอง
   • คอมปิดเองหรืออยู่ๆ ก็เข้าโหมด sleep
   • ชาร์จแบตไม่เข้า
3. 
   3
   เปิด Apple menu

   

   . คลิกโลโก้ Apple ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
4. 
   4
   คลิก Shut Down…. ท้ายเมนูที่ขยายลงมา
5. 
   5
   คลิก Shut Down ตอนที่ขึ้น. เพื่อ shut down MacBook Pro
6. 
   6
   เสียบปลั๊กชาร์จ MacBook Pro. ให้เสียบปลั๊กกับเต้ารับที่ผนัง ส่วนปลายสายชาร์จเสียบพอร์ททางขวาของ MacBook Pro
7. 
   7
   หาปุ่มรีเซ็ต SMC. จะรีเซ็ต SMC ได้ ต้องกด ⌘ Command, ⌥ Option กับ ⇧ Shift ค้างไว้พร้อมกันตอนกดปุ่ม "Power"

   

   ค้างไว้

   • ถ้า MacBook Pro มี touch bar ปุ่ม "Power" จะเป็นปุ่ม Touch ID ด้วย
8. 
   8
   กดปุ่มรีเซ็ต SMC ค้างไว้ 10 วินาที. เสร็จแล้วก็ปล่อยปุ่มได้เลย
9. 
   9
   กดปุ่ม "Power". เพื่อเปิดเครื่อง Mac กลับมา พอ Mac รีสตาร์ทแล้ว น่าจะแก้ปัญหาเรื่องแบตได้
10. 
    10
    เช็คว่าแก้ปัญหาได้ไหม. ถ้ารีเซ็ตแล้วยังมีปัญหาเรื่องแบต อาจจะต้องรีเซ็ต MacBook Pro กลับค่าโรงงาน แต่ก็จะเสียข้อมูลทั้งหมดที่เซฟไว้ใน MacBook ไป
    โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

รีเซ็ตกลับค่าโรงงาน

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ถ้าเป็นไปได้ให้ backup ข้อมูลใน Mac. เวลารีเซ็ตเครื่อง Mac กลับค่าโรงงาน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบหายไปจากฮาร์ดไดรฟ์ เพราะงั้นให้ backup ทุกอย่างแยกไว้ก่อน

   • ถ้าล็อกอินเข้า Mac หรือใช้ Time Machine ของ Mac ไม่ได้ ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป
2. 
   2
   เปิด Apple menu

   

   . คลิกโลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
3. 
   3
   คลิก Restart…. ทางด้านล่างของเมนูที่ขยายลงมา
4. 
   4
   คลิก Restart ตอนที่ขึ้น. เพื่อรีสตาร์ทเครื่อง Mac ขึ้นมาใหม่
5. 
   5
   กด ⌘ Command กับ R ค้างไว้พร้อมกัน. ต้องกดตามทันทีหลังคลิก Restart
6. 
   6
   ปล่อยปุ่มตอนโลโก้ Apple โผล่มา. MacBook จะเริ่มบูทเข้าหน้าต่าง Recovery อาจจะต้องรอ 2 - 3 นาทีกว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอน
7. 
   7
   เลือก Disk Utility. กลางหน้าต่าง Recovery
8. 
   8
   คลิก Continue. ที่เป็นปุ่มมุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเปิดหน้าต่าง Disk Utility
9. 
   9
   เลือกฮาร์ดไดรฟ์ของ Mac. คลิกชื่อฮาร์ดไดรฟ์ของ Mac ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Disk Utility

   • ฮาร์ดไดรฟ์ของ Mac จะชื่อ "Macintosh HD" ถ้าไม่เคยเปลี่ยน
10. 
    10
    คลิก tab Erase. ทางด้านบนของหน้าต่าง Disk Utility เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่
11. 
    11
    คลิกช่อง "Format". แล้วเมนูจะขยายลงมา
12. 
    12
    คลิก Mac OS Extended (Journaled). ในเมนูที่ขยายลงมา

    • นี่คือฟอร์แมตพื้นฐานของฮาร์ดไดรฟ์ของ Mac
13. 
    13
    คลิก Erase. ที่เป็นปุ่มด้านขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเริ่มลบข้อมูลในฮาร์ดไดรฟ์ของ Mac

    • ขั้นตอนการลบข้อมูลจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง เพราะงั้นเครื่อง Mac ต้องเสียบชาร์จไว้ตลอด
14. 
    14
    คลิก Done ตอนที่ขึ้น. เท่านี้ก็ลบข้อมูลในเครื่อง Mac หมดเกลี้ยง
15. 
    15
    คลิก Disk Utility. ที่เป็นเมนูมุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
16. 
    16
    คลิก Quit Disk Utility. ที่เป็นตัวเลือกท้ายเมนูที่ขยายลงมา คลิกแล้วจะกลับไปที่หน้าต่าง Recovery
17. 
    17
    เลือก Reinstall macOS. ในหน้าต่าง Recovery
18. 
    18
    คลิก Continue. ที่เป็นตัวเลือกมุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อดาวน์โหลด MacOS ลงคอม

    • ต้องต่อเน็ตก่อน ถึงจะดาวน์โหลด MacOS ลงคอมได้
19. 
    19
    ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ. พอดาวน์โหลด MacOS เสร็จแล้ว ก็ติดตั้งและตั้งค่าระบบปฏิบัติการได้เหมือนเป็น Mac เครื่องใหม่เลย
    โฆษณา