ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

การพูดคุยเรื่องสัพเพเหระคือการละลายพฤติกรรมที่ดีเมื่อคุณเริ่มคุยกับคนที่คุณยังไม่รู้จักดีนัก การรู้จักพูดคุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะเปิดโอกาสให้คุณได้พบปะกับเพื่อนและนำมาซึ่งความสัมพันธ์ใหม่ๆ และยังจะส่งผลดีต่อหน้าที่การงานของคุณอีกด้วย หากฝึกฝนเสียหน่อย เดี๋ยวคุณก็จะสามารถพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับใครก็ได้อย่างสบายๆ เองแหละ!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำให้คู่สนทนารู้สึกผ่อนคลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้ภาษากายที่น่าเข้าหา.
    หากคุณอยากให้คู่สนทนารู้สึกผ่อนคลาย สิ่งที่คุณควรทำที่สุดคือการ "แสดงทีท่าเปิดเผย" และใช้ภาษากายเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่ฝืนตัวเองเกินไป แค่สบตาอีกฝ่าย ไม่กอดอก และยืดไหล่ตรงตอนหันหน้าเข้าหาคนๆ นั้น คู่สนทนาของคุณจะได้รู้สึกว่าคุณใส่ใจอีกฝ่ายอย่างเต็มที่และไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายอย่างขอไปที อย่าลืมรักษาระยะห่างที่พอเหมาะกับคู่สนทนาด้วยล่ะ
    • เก็บมือถือไปซะ ไม่มีอะไรน่ารำคาญไปกว่าการคุยกับคนที่เอาแต่เช็คมือถือหรอกนะ
    • แม้ว่าคุณควรจะมีท่าทีกระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับคนๆ นั้น อย่าทำตัวกระตือรือร้น "มากเกินไป" อย่าขยับเข้าไปใกล้จนชิดและทำให้คู่สนทนารู้สึกเหมือนถูกคุกคาม หลายๆ คนไม่ชอบคนที่เข้ามาพูดคุยด้วยในระยะประชิดเกินไปนะ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง.
    หากคุณเจอคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว แค่กล่าวสวัสดีและทักชื่อของอีกฝ่าย เช่น "สวัสดีจ้ะเจน ดีใจจังที่ได้เจอเธอ" การทักทายอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมานี้จะทำให้คู่สนทนารู้ว่าคุณรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พูดคุยกับอีกฝ่าย หากคุณไม่รู้จักชื่ออีกฝ่าย แนะนำตัวเองกับทางนั้นเสีย คุณจะได้มั่นใจในตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้คุมการสนทนา แค่พูดไปว่า "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมาเรีย คุณล่ะคะ?" จากนั้นก็ทวนชื่อของอีกฝ่าย ทางนั้นจะได้รู้สึกว่าตัวเองสำคัญสำหรับคุณไงล่ะ
    • อย่าลืมยิ้มและใส่ใจคู่สนทนาเมื่อคุณทักทายอีกฝ่าย อย่าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณแค่ฆ่าเวลาเพื่อรอ “เพื่อนตัวจริง” ของคุณมาถึง
  3. How.com.vn ไท: Step 3 พูดคุยเรื่องสบายๆ ชวนคิดบวก.
    การสนทนานั้นเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างกันพอๆ กับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ดังนั้น การที่จะสร้างบทสนทนาที่ดีและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระได้อย่างไหลลื่น คุณต้องพูดคุยเรื่องสบายๆ สนุกสนานและพูดถึงเรื่องดีๆ หากคุณทำตัวกระตือรือร้น พร้อมยิ้มแย้มเมื่อถึงจังหวะควรยิ้มและพร้อมหัวเราะในสิ่งที่อาจจะไม่ “ฮา”​ ขนาดนั้น คู่สนทนาของคุณจะรู้สึกอยากพูดคุยกับคุณเอง แม้ว่าเรื่องที่คุณพูดถึงอาจจะเป็นแค่เรื่องแบรนด์ซีเรียลสุดโปรดของคุณก็ตาม[1]
    • เรื่องจริงก็คืออาจจะเป็นเรื่องยากที่จะพูดคุยเรื่องเบาๆ และสนุกสนานหากคุณมีวันหรือสัปดาห์ที่แย่สุดๆ แต่จำไว้ว่าหากคุณชวนคนๆ นั้นพูดคุยเรื่องสัพเพเหระก็แปลว่าคนๆ นั้นไม่ใช่เพื่อนสนิทของคุณ และคุณก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องในแง่ลบเกินไปกับคนที่ไม่สนิทอยู่แล้วไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกอึดอัดที่จะคุยกับคุณได้
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการชื่นชมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ....
    เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการชื่นชมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ. การพูดแค่ว่า “ฉันชอบรองเท้าคุณจัง ซื้อที่ไหนคะ?” อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในเรื่องซื้อรองเท้า​ และแม้ว่าคำชมอาจจะไม่ได้นำพาบทสนทนาไปถึงไหน แต่ผู้ได้รับคำชมก็ย่อมรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับเขาหรือเธอก่อนที่คุณจะชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอื่นๆ ต่อไป คุณอาจลองใช้วิธีนี้ก่อนที่จะแนะนำตัวเองกับอีกฝ่ายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวดูก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เริ่มพูดคุยกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 พูดคุยเรื่องที่คุณและอีกฝ่ายต่างเข้าถึงได้....
    พูดคุยเรื่องที่คุณและอีกฝ่ายต่างเข้าถึงได้. การเข้าถึงได้ในที่นี้ไม่ใช่ว่าคุณและอีกฝ่ายต้องเป็นนักขี่ม้าตัวยงเหมือนกันแต่ประการใด เรื่องที่พูดคุยอาจเป็นเพียงเรื่องสภาพอากาศอันเลวร้ายของสัปดาห์นั้นๆ ที่คุณและอีกฝ่ายต้องพบเจอเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ฝ่ายนั้นเข้าถึงได้และเชื่อมโยงกับคุณได้ แม้ว่าเรื่องนั้นๆ จะเล็กน้อยเพียงใดก็นับว่าเป็นเรื่องที่สามารถหยิบยกมาพูดคุยกันได้ และถึงคุณอาจจะไม่อยากพูดคุยเรื่องสภาพอากาศ แต่จำไว้ว่า “เรื่องเล็กๆ น้อยๆ” พวกนี้อาจเปิดโอกาสให้คุณได้พูดคุยกับอีกฝ่ายในเรื่องที่สำคัญกับคุณมากกว่าได้ ตัวอย่างการพูดคุยเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเข้าถึงได้ เช่น:
    • "ศาสตราจารย์โฮฟเฟอร์น่ะตลกชะมัดเลย"
    • "ปาร์ตี้ที่แอชลี่ย์จัดน่ะเยี่ยมยอดไปเลยเนอะ"
    • "ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้?"
    • "ฉันชอบมาที่อาร์เบอร์คาเฟ่สุดๆ เลยล่ะ"
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณเอง.
    เมื่อหาเรื่องที่คุณและทางนั้นเชื่อมต่อกันได้แล้ว คุณอาจจะใช้เรื่องนี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการสนทนาต่อไปและค่อยๆ ขยับไปพูดถึงเรื่องส่วนตัวมากขึ้น คุณไม่ควรพูดอะไรที่ส่วนตัวเกินไปจนอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ เช่น พูดว่า "จริงๆ แล้วฉันแอบรักศาสตราจารย์โฮฟเฟอร์มาห้าปีแล้วล่ะ"​ เป็นต้น แต่คุณอาจจะพูดเรื่องของตัวเองแบบสบายๆ ลองอ่านตัวอย่างสิ่งที่คุณอาจจะพูดต่อจากการเริ่มต้นบทสนทนาดูสิ:[2]
    • "เขาเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้เรียนด้วยเลย จริงๆ แล้วเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันเลือกวิชาเอกภาษาอังกฤษเลยด้วยล่ะ"
    • "ฉันเจอแอชลี่ย์เมื่อปีที่แล้วตอนที่เบนพาฉันไปที่งานเลี้ยงธีม Great Gatsby ที่เธอจัดน่ะ"
    • "ฝนตกหนักเกินไปจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับวิ่งมาราธอนก็เลยต้องฝึกวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าแทน แย่สุดๆ ไปเลยเนอะ"
    • "ทุกครั้งที่ฉันมาที่คาเฟ่นี้ ฉันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว อาจจะเป็นเพราะกาแฟดริปของที่นี่แรงมากก็ได้ แต่เอาจริงๆ เลยนะ ฉันสามารถทำงานที่นี่ได้เป็นชั่วโมงๆ เลยล่ะ"
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดึงให้อีกฝ่ายเข้าสู่การสนทนา.
    หลังจากหาเรื่องที่คุณและทางนั้นเข้าถึงได้เหมือนกันและได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณให้ทางนั้นรู้แล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องดึงดูดความสนใจจากอีกฝ่ายและเปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นได้พูดด้วยการถามคำถามเพื่อที่ทางนั้นจะได้เปิดเผยเรื่องของตัวเองบ้าง แต่อย่าถามอะไรที่ลึกซึ้งเกินไป เช่น ถามเรื่องสุขภาพ ศาสนา หรือมุมมองทางการเมืองล่ะ ถามแค่เรื่องเบาๆ สนุกสนาน ลองถามคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับความสนใจ หน้าที่การงาน หรือเรื่องราวรอบตัวของอีกฝ่ายดูสิ วิธีการที่จะดึงให้อีกฝ่ายพูดคุยกับคุณก็เช่น:
    • "แล้วเธอคิดว่าไงบ้าง? เธอเรียนเอกภาษาอังกฤษเหมือนกันหรือเปล่าหรือว่ามาเรียนวิชานี้เพราะอยากฟังเรื่องตลกๆ จากศาสตราจารย์โฮฟเฟอร์?"
    • "เธอได้ไปปาร์ตี้นั้นเหมือนกันไหม หรือนี่เป็นครั้งแรก? จริงๆ ปาร์ตี้ที่แล้วก็สนุกแต่ฉันว่าฉันดื่มเหล้ามินต์เยอะไปหน่อย"
    • "แล้วเธอล่ะ? เพราะฝนตกเลยไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ สัปดาห์นี้เหมือนกันหรือเปล่า?"
    • "ปกติแล้วคุณมาทำงานที่คาเฟ่นี้หรือแค่ว่าหาที่อ่านหนังสือเล่นๆ คะ?"
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตอบสนองสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยการถามคำถามหรือแสดงความคิดเห็น....
    ตอบสนองสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยการถามคำถามหรือแสดงความคิดเห็น. คำตอบของอีกฝ่ายจะช่วยบอกเองว่าคุณควรจะถามคำถาม แสดงความเห็นหรือเล่นมุก พยายามหาจุดสมดุลระหว่างการถามคำถามและการแสดงความเห็นล่ะ หากถามคำถามเยอะเกินไปคนๆ นั้นอาจจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนคุณสอบสวน แต่หากแสดงความเห็นมากเกินไปก็เหมือนกับว่าคุณไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดเลย วิธีการที่คุณจะสร้างบทสนทนาที่ลื่นไหลก็เช่น:
    • อีกฝ่าย: "ฉันก็เรียนเอกภาษาอังกฤษเหมือนกัน จริงๆ ฉันอยากเรียนเอกภาษาอังกฤษมาโดยตลอดแต่การได้เรียนกับอาจารย์ฮอฟเฟอร์นั้นถือเป็นโบนัสเลยก็ได้ว่าได้"
      • คุณ: "จริงเหรอ? แล้วเธอรู้สึกอย่างไรกับการเรียนสาขานี้? ดีจังเลยที่ได้เจอคนที่เจอคนเรียนสาขาที่สร้างแรงบันดาลใจเหมือนๆ กัน”
    • อีกฝ่าย: "ฉันไปงานเลี้ยงนั้นไม่ได้ แต่ฉันได้ไปงานเลี้ยงธีม Cinco de Mayo ที่เธอจัดเมื่อเดือนที่แล้ว งานเลี้ยงนั้นก็สนุกมากเลยนะ"
      • คุณ: "จริง! ก็ว่าแล้วทำไหมฉันถึงคุ้นหน้าเธอ เธอรู้จักแอชลี่ย์ได้ยังไงเหรอ? แอชลี่ย์น่ะบ้ามากเลยว่าไหม "
    • อีกฝ่าย: "จริงๆ ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับฝนมากนักหรอก แต่พอฝนตกก็พาสุนัขออกไปเดินเล่นยากมากเลย! นั่นแหละที่ฉันรำคาญ"
      • คุณ: "เธอเลี้ยงสุนัขเหมือนกันเหรอ? ฉันมีสุนัขพุดเดิ้ลตัวเล็กๆ ชื่อสเตลล่าล่ะ เธอมีรูปสุนัขของเธอไหม?"
    • อีกฝ่าย: "ฉันมาอ่านหนังสือที่นี่เฉยๆ น่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันไม่ได้อ่าน The Catcher in the Rye มานานขนาดนี้แล้ว"
      • คุณ: "ฉันชอบหนังสือเล่มนี้มากเลย! บางคนบอกว่าหนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องเกินจริง แต่ฉันไม่เห็นด้วยเลยสักนิด"
  5. How.com.vn ไท: Step 5 สังเกตสิ่งรอบตัว.
    หลังคุณเริ่มพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังและดำเนินบทสนทนาไปเรื่อยๆ แล้ว คุณอาจจะมองรอบกายเพื่อหาเรื่องคุยกับอีกฝ่ายต่อ เช่น คุณอาจจะสังเกตว่าอีกฝ่ายแต่งกายอย่างไรหรือถืออะไรอยู่ หรือสังเกตสิ่งต่างๆ บนกำแพงที่คุณทั้งสองอาจจะนำมาพูดคุยกันได้ ตัวอย่างสิ่งที่คุณอาจพูดถึง ได้แก่:
    • "คุณใส่เสื้อของ Sweet 9ers รุ่นคลาสสิคเสียด้วย เป็นแฟนคลับมานานหรือยังคะ?"
    • "คุณไปวิ่งงานนิวยอร์กมาราธอนด้วยเหรอ? ไปมาปีไหนคะ? ฉันก็ไปมาเหมือนกันแต่ไม่รู้เสื้อหายไปไหนแล้ว"
    • "คุณคิดยังไงกับคอนเสิร์ตประสานเสียงที่จะจัดคืนนี้คะ? ฉันเห็นใบปลิวโฆษณาเต็มมหาลัยเลย แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปดีไหม"
    • "อ๋อ หนังสือเรื่อง American Pageant น่ะเหรอ หนังสือเล่มนี้แทบจะบอกทุกอย่างที่ฉันควรรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อเมริกาเลยล่ะ วิชานี้ง่ายเหมือนเดิมไหม?"
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูด.
    การใส่ใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะช่วยให้คุณหาสิ่งที่คุณและฝ่ายนั้นสนใจตรงกันและดำเนินบทสนทนาได้น่าสนุกและเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น คู่สนทนาของคุณอาจจะแสดงความเห็นเล็กๆ น้อยๆ ที่หลุดออกจากคำถามหรือหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ดังนั้น จดจ่อตั้งใจฟังและสังเกตดูว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะสามารถนำไปเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกันเรื่องอื่นๆ ได้หรือไม่ ลองดูตัวอย่างด้านล่างที่แสดงให้เห็นวิธีการที่คนสองคนสามารถจับประเด็นและดำเนินบทสนทนาไปยังเรื่องใหม่เพื่อพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกว่าเดิมดูสิ:
    • คุณ: "จริงๆ แล้วฉันเจอแอชลี่ย์ครั้งแรกตอนไปทริปช่วงวันหยุดหน้าร้อน พวกเราไปเที่ยวเม็กซิโกพร้อมๆ กับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยกัน"
    • อีกฝ่าย: "ฉันจำได้ว่าเธอเคยเล่าเรื่องทริปให้ฟัง! จริงๆ แล้วฉันเป็นคนช่วยสอนภาษาสเปนให้เธอก่อนไปทริปเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอได้ใช้จริงแค่ไหน เว้นแต่ว่าจะนับคำว่า piña colada ล่ะก็นะ"
    • คุณ: "คุณพูดภาษาสเปนด้วยเหรอ? เจ๋งไปเลย ถ้าคุณช่วยสอนภาษาสเปนก่อนฉันไปแลกเปลี่ยนที่มาดริดเมื่อตอนโน้นได้ก็คงจะดี จริงๆ ภาษาสเปนของฉันก็พอใช้ได้ตอนเรียนจบ แต่ถ้ามีคนช่วยก่อนหน้านั้นก็คงจะดีมากเลย!"
    • อีกฝ่าย: "ฉัน รัก มาดริด จริงๆ แล้วยายของฉันยังอาศัยอยู่ที่นั่นอยู่เลย ฉันก็เลยไปเยี่ยมเธอเกือบทุกหน้าร้อน เธอพาฉันไปที่ Prado เกือบทุกวันอาทิตย์เลยล่ะ"
    • คุณ: "มาดริดเป็นเมืองโปรดของฉันเลยล่ะ! งานของ El Grecos ที่ Prado นี่ถึงตายก็ต้องได้ไปดูสักครั้ง"
    • อีกฝ่าย: "เธอชอบ El Grecos เหรอ? ฉันเป็นแฟนของ Goya มากกว่า"
    • คุณ: "โอ้ งั้นเหรอ? เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังจะมีหนังเกี่ยวกับ Goya เข้าโรงอาทิตย์หน้า ฉันคิดว่า Ethan Hawke เล่นเรื่องนี้ด้วยล่ะ! อยากไปดูด้วยกันไหม?"
    • อีกฝ่าย: "แน่นอน!"
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

จบบทสนทนาอย่างสวยงาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เปิดเผยตัวตน (แต่อย่าเกินงาม).
    ก่อนจะจบการสนทนา คุณควรจะเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้าง จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ เช่น คุณอาจจะเป็นพวกคลั่งแมว คลั่งไคล้โยคะ หรืออาจจะพูดถึงความคิดเห็นของคุณต้องอัลบั้มใหม่ของวงโปรด การปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปโดยรู้เรื่องราวของคุณบ้างจะเชื่อมโยงคุณและอีกฝ่ายไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้งกว่าเดิมและไม่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าคุณแค่ชวนคุยเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้น
    • คุณไม่ควรเปิดเผยความคิดลึกซึ้งถึงความหมายของชีวิต ความรักที่สูญเสียไป หรือพูดเรื่องความตายตอนคุยกับอีกฝ่ายเรื่องสัพเพเหระ แค่เปิดเผยอะไรเกี่ยวกับตัวเองและรอจนความสัมพันธ์ของคุณและอีกฝ่ายก้าวไปอีกขั้นก่อนแล้วค่อยเปิดเผยอะไรส่วนตัวให้อีกฝ่ายรับรู้
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หากบทสนทนาผ่านไปด้วยดี ลองชวนอีกฝ่ายออกมาเจอกันอีกดูสิ....
    หากบทสนทนาผ่านไปด้วยดี ลองชวนอีกฝ่ายออกมาเจอกันอีกดูสิ. หากคุณชอบคุยกับคนๆ นี้จริงๆ ไม่ว่าจะปิ๊งอีกฝ่ายแบบคนรักหรือแค่อยากสนิทด้วยแบบเพื่อน คุณอาจจะพูดไปว่าคุณชอบคุยกับคนๆ นี้ในเรื่องที่เฉพาะเจาะจงและถามอีกฝ่ายว่าอยากออกมาเจอกันอีกหรือไม่และขอเบอร์โทรของอีกฝ่ายไว้ หรือคุณอาจจะแค่เอ่ยถึงสถานที่ที่คุณทั้งสองอาจได้เจอกันอีกก็ได้ ตัวอย่างสิ่งที่คุณอาจพูด ได้แก่:
    • "ฉันอยากไปดูหนังเรื่องนี้กับเธอจริงๆ นะเนี่ย ขอเบอร์เธอไว้ได้ไหมจะได้นัดแนะรายละเอียดกันทีหลังได้?"
    • "ฉันไม่เคยเจอใครชอบดูรายการ The Bachelor แบบที่ฉันชอบเลย รูมเมทของฉันกับฉันมักจะจัดปาร์ตี้ดูรายการด้วยกันทุกคืนวันจันทร์ ฉันขอเบอร์เธอไว้ได้ไหมจะได้ส่งรายละเอียดไปให้?"
    • "บางทีเราอาจจะเจอกันอีกในงานเลี้ยงหน้าของแอชลี่ย์เนอะ? ได้ข่าวมาว่าเธอจะไม่ให้แขกเข้างานหากไม่ใส่ชุดกรีกแบบเหมือนจริง มา คงน่าดูพิลึกล่ะ "
  3. How.com.vn ไท: Step 3 บอกลาอีกฝ่ายดีๆ.
    หลักจากพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระจบแล้วและต้องแยกกัน ไม่ว่าคุณจะต้องกลับไปเรียนหรือจะเดินไปคุยกับคนอื่นในงานเลี้ยงต่อ คุณควรจะทำให้คู่สนทนารู้ว่าคุณให้ความสำคัญกับอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่คุยกันไปงั้นๆ วิธีการจบบทสนทนาอย่างสุภาพ ได้แก่:[3]
    • "พูดคุยกับคุณแล้วสนุกมากเลย เดี๋ยวพอได้ลองทำพาเอลลาตามสูตรที่คุณให้มาแล้วจะบอกนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"
    • "จริงๆ แล้วอยากคุยเรื่องสเปนต่อกับคุณมากเลย แต่ฉันยังไม่ได้ทักทายนีน่าเลยและดูเหมือนว่าเธอจะกำลังจะกลับแล้วเสียด้วย"
    • "อุ๊ย นั่นมันเคลลี่เพื่อนรักของฉันนี่ คุณเคยเจอเธอหรือยังคะ? มาด้วยกันสิ เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จักกันเอง"
    • "ฉันอยากคุยกับคุณต่อจริงๆ แต่ต้องไปเรียนแคลคูลัสแล้วล่ะ แต่ยังไงเราก็คงได้คุยกันอีกเร็วๆ นี้นะคะ"
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เมื่อได้เริ่มคุยถึงเรื่องใดแล้ว บทสนทนาก็จะเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ เอง สิ่งที่ยากที่สุดคือการพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ อย่างลื่นไหล
  • ผ่อนคลายเข้าไว้ คนทั้งโลกไม่ได้มาฟังว่าคุณคุยเรื่องอะไร
  • พยายามเตรียมเรื่องตลกที่สามารถเล่าให้ "ใครฟังก็ได้" ไว้สักสามเรื่อง (ถามตัวเองว่า "ฉันจะกล้าเล่าเรื่องตลกนี้ให้แม่หรือยายฟังไหม?")
  • ให้เกียรติอีกฝ่ายเสมอ
  • ระวังการหายใจ อย่าหายใจถี่ กลั้นหายใจ หรือหายใจแรงเกินไป
  • อย่านินทาคนอื่น พูดคุยกันเรื่องเบาๆ พอ
  • แม้ว่าปกติแล้วคุณจะไม่อ่านหรือดูข่าว อย่างน้อยก็อ่านหัวข้อข่าวผ่านๆ เป็นประจำทุกวันนะ
  • ติดตามการแข่งขันกีฬาประจำฤดูกาลนั้นๆ โดยเฉพาะถ้าคนที่คุณอยากจะคุยเรื่องสัพเพเหระด้วยชอบกีฬา
  • ฝึกซ้อมด้วยการชวนคนส่งนม ไปรษณีย์ ฯลฯ ​คุยดูสิ คุณอาจจะแค่กล่าว "สวัสดี"​ ก่อนก็ได้หากคุณรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะพูดคุยกัน
  • เมื่อคุณและอีกฝ่ายคุ้นเคยกันประมาณหนึ่งแล้ว การเล่นมุกแป้กแต่ถูกจังหวะอาจจะเรียกรอยยิ้มจากเขาหรือเธอได้
  • การปล่อยมุกเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นการสนทนาตราบใดที่มุกไม่แป้กเกินไปน่ะนะ
โฆษณา

คำเตือน

  • พยายามรักษาบทสนทนาให้ไปในทิศทางที่อีกฝ่ายต้องการ โดยเฉพาะหากฝ่ายนั้นเน้นย้ำถึงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง พยายามแสดงความสนใจและพูดคุยกับเขาหรือเธอในเรื่องนั้นให้ได้
  • อย่าบังคับให้คนอื่นมาคุยเรื่องสัพเพเหระกับคุณ คนบางคนก็เป็นคนเก็บตัวและคนทุกคนก็มีเวลาที่อยากพูดคุยกับคนอื่นต่างกันไป บางคนอาจจะไม่สนใจสภาพอากาศหรืออยากรู้ว่าคุณซื้อรองได้ที่ไหนก็ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 70 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 6,201 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,201 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา