วิธีการ พิสูจน์ให้แฟนหนุ่มเห็นว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

เมื่อคุณเผลอทำเรื่องผิดพลาดบางอย่างไปจนทำให้คนรักของคุณรู้สึกเจ็บปวด บางทีการเอ่ยคำขอโทษเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ สิ่งที่คุณควรทำคือการแสดงให้แฟนหนุ่มเห็นว่าคุณมีความมุ่งมั่นและสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองได้เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณสำนึกผิดจริงๆ และไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเขาซ้ำอีก มาลองดูเคล็ดลับดีๆ ในการแสดงออกถึงความเสียใจของคุณและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้นจากบทความนี้ได้เลย

1

วิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ

ตั้งสติและค่อยๆ คิดดูว่าปัญหาในความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองคนคืออะไร. หากคุณเข้าใจว่าคุณจะต้องปรับปรุงตนเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแต่ที่จริงแล้วอีกผ่ายกลับอารมณ์เสียในเรื่องอื่น ท้ายที่สุดแล้วคุณคงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองได้ ลองพูดคุยกันอย่างเปิดอกกับแฟนหนุ่มของคุณถึงทุกสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของเขา และเมื่อคุณเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่าย คุณก็จะสามารถเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแย่ๆ ของตัวเองได้อย่างตรงจุด^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- ลองพูดเกริ่นๆ ทำนองว่า “เราลองมานั่งคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดีมั้ย ฉันแค่อยากมั่นใจว่าเราทั้งสองคนยังคงเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี”
โฆษณา

2

ให้เหตุผลว่าทำไมคุณจึงทำเช่นนั้น

ดาวน์โหลดบทความ

อย่าแก้ตัว เพียงอธิบายให้เขาเข้าใจถึงเหตุผลที่คุณเลือกทำเช่นนั้น. ยกตัวอย่างเช่น หากคุณพูดโกหกกับแฟนหนุ่ม นั่นอาจเป็นเพราะคุณกลัวว่าจะทำร้ายความรู้สึกของเขาหรือทำให้เขารู้สีกโกรธ หรือหากคุณพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเจ็บปวด บางทีในตอนนั้นคุณอาจโต้ตอบด้วยความโกรธเพราะรู้สึกเครียด นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้นเป็นเรื่องที่รับได้ (หรือถูกต้อง) แต่การให้เหตุผลเป็นการแสดงให้เขาเห็นว่าคุณยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “เมื่อวานฉันรู้สึกเหนื่อยกับงานนิดหน่อยเลยเผลอตะคอกใส่คุณไป ฉันรู้ดีว่าไม่ควรทำแบบนั้นเลย แต่ขอให้ฉันได้อธิบายเหตุผลที่ทำเช่นนั้นให้คุณฟังหน่อยนะ”
- สำหรับเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอย่างการนอกใจ คุณอาจลองใช้เวลากับตัวเองสักนิดเพื่อทบทวนความคิดความรู้สึกของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเผลอนอกใจแฟนหนุ่มเพราะคุณรู้สึกถูกเพิกเฉย เพราะคุณไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง หรือเพราะคุณต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวด

3

ยอมรับว่าสิ่งที่คุณทำลงไปเป็นเรื่องที่โหดร้าย

ดาวน์โหลดบทความ

รับฟังความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยไม่โต้เถียงหรือแก้ตัว. ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินอีกฝ่ายว่ากล่าวเกี่ยวกับความผิดพลาดของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะพูดคุยกับแฟนหนุ่มถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามเปิดใจและรับฟังอย่างไม่มีอคติ และบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่เป็นไรที่เขาจะรู้สึกเช่นนั้นแม้ว่ามันอาจเป็นการฝืนใจตัวคุณเองก็ตาม^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “ฉันเข้าใจว่าทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น หากฉันเป็นคุณคงรู้สึกไม่แตกต่างกัน”
โฆษณา

4

รับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ

ยอมรับในสิ่งที่คุณทำพลาดไปแม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย. การยอมรับความผิดที่ทำลงไปจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณเปิดใจรับฟังเขาจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่พูดในสิ่งที่เขาอยากได้ยินเพื่อเอาอกเอาใจ เมื่อเขาระบายความรู้สึกออกมาให้คุณฟัง พยายามบอกให้เขารู้ว่าคุณยอมรับผิดในสิ่งที่คุณทำพลาดไป^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “ฉันรู้ตัวว่าช่วงนี้ฉันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคุณเท่าไหร่ มันไม่โอเคเลย”
- หรือ “ฉันเป็นฝ่ายผิดเองที่เมินใส่คุณทั้งวัน ฉันไม่ควรทำแบบนั้นเลย”

5

ขอโทษอย่างจริงใจ

ดาวน์โหลดบทความ

แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าคุณรู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง. หากคุณต้องการกล่าวคำขอโทษ เริ่มจากจับเข่าคุยกับแฟนหนุ่มของคุณและบอกให้เขารู้ว่าคุณรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป การทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณสำนึกได้ว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องผิด ซึ่งนี่เป็นเหมือนก้าวแรกที่จะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “ฉันขอโทษจริงๆ ที่ช่วงนี้แทบไม่มีเวลาให้คุณเลย มันไม่ยุติธรรมกับคุณเลยสักนิด คุณคงรู้สึกแย่แน่ๆ”
โฆษณา

6

ระวังอย่าให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีก

ดาวน์โหลดบทความ

อย่าให้อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายที่ชี้ให้เห็นว่าคุณทำอะไรผิดไป. ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ให้คุณคอยสังเกตพฤติกรรมของตัวเองให้ดีและพยายามอย่าทำผิดแบบเดิมซ้ำอีก หากสามารถทำตามนี้ได้ นั่นหมายความว่าคุณกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นและแฟนหนุ่มของคุณอาจสังเกตได้^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจฟังอย่างตั้งใจในขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูด และหากคุณเผลอก้มหน้าก้มตาดูหน้าจอมือถือหรือส่งข้อความหาคนอื่นในระหว่างการสนทนา ให้คุณพูดว่า “ขอโทษนะ ฉันทำเสียมารยาทจริงๆ คุณพูดถึงไหนแล้วนะ”

7

บอกให้แฟนหนุ่มรู้ว่าคุณจริงจังในความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ

บางทีเขาอาจไม่รู้ว่าคุณรักและห่วงใยเขามากเพียงใด. ก่อนที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าลืมบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขามีความสำคัญกับคุณมากแค่ไหนและคุณพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองคนให้มั่นคง มันอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เขาจะเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพูดทำนองนี้ ดังนั้นการหมั่นสื่อสารให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรักที่คุณมีจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “ฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน คุณมีความหมายกับฉันมากและฉันไม่อยากเสียคุณไป”
โฆษณา

8

แสดงให้แฟนหนุ่มเห็นว่าคุณรักเขา

ดาวน์โหลดบทความ

เพียงการกระทำเล็กน้อยก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความเพียรพยายามของคุณได้. หากคุณออกไปซูเปอร์มาร์เก็ต คุณอาจซื้อขนมจุกจิกมาฝากเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณคอยนึกถึงเขาตลอดเวลา หรือหากเขาเจอแต่เรื่องแย่ๆ ตลอดทั้งวัน ลองทำอาหารอร่อยๆ ให้เขาทานก่อนเข้านอน คุณไม่จำเป็นต้องทำเรื่องใหญ่โตอะไร เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองคนให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งได้^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}

9

หมั่นพูดคุยสื่อสารกับแฟนหนุ่มเป็นประจำ

ดาวน์โหลดบทความ

หมั่นพูดคุยสื่อสารระหว่างกันเพื่อให้เข้าใจกันในเรื่องต่างๆ. การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมานับเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทั้งสองคนกำลังมีปัญหากันอยู่ ลองเปิดอกพูดคุยกับแฟนหนุ่มบ่อยๆ เพื่อให้รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเขาและรู้ว่าเขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณหรือไม่^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- คุณอาจพูดกับเขาทำนองว่า “คุณคิดว่าตอนนี้เราสองคนเป็นอย่างไรบ้าง”
- หรือ “ฉันจะปรับปรุงตัวเองอย่างไรได้บ้าง”
โฆษณา

10

ให้แฟนหนุ่มได้อยู่กับตัวเองสักพักหากเขาต้องการ

ดาวน์โหลดบทความ

ในบางครั้งบางคนอาจต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก. หากแฟนหนุ่มของคุณยังคงรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาอาจต้องการเว้นระยะห่างจากคุณออกมาสักนิด สิ่งที่คุณควรทำคือการให้อีกฝ่ายได้อยู่กับตัวเองสักพัก รวมทั้งอย่ากดดันให้เขากลับรีบมาหาคุณโดยที่เขายังไม่พร้อม^{[10]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้Mayo Clinicไปที่แหล่งข้อมูล}
- หากคุณทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกัน คนใดคนหนึ่งอาจตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเพื่อนหรือกับครอบครัวตัวเองสัก 2-3 วันเพื่อหลบไปพักใจสักระยะก่อนกลับมาเปิดใจพูดคุยกันอีกครั้ง

11

ฝึกพัฒนาจิตใจของตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรง ปรึกษานักบำบัด หรือทำสมาธิ. แต่ละคนมีแนวทางการพัฒนาตนเองที่แตกต่างกันออกไป และคุณอาจต้องลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง แต่โดยรวมแล้ว อันดับแรกคุณจะต้องวิเคราะห์หาต้นตอของปัญหาที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนหนุ่มแตกร้าวเสียก่อน^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิงJohn Keegan. ผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 19 สิงหาคม 2021.}
- ยกตัวอย่างเช่น บางทีคุณอาจขี้หึงจนเกินไปจนส่งผลกระทบต่ออีกฝ่าย คุณอาจพูดคุยกับนักบำบัดเพื่อให้คุณค้นพบสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการหึงหวงพร้อมรับคำแนะนำในการรับมืออย่างเหมาะสม
- หรือหากคุณมีเรื่องเครียดมากมายจนพาลอารมณ์เสียใส่แฟนหนุ่ม คุณอาจหาเวลาทำกิจกรรมคลายเครียดต่างๆ เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกโยคะ
โฆษณา

12

เข้ารับการบำบัดชีวิตคู่

ดาวน์โหลดบทความ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอาจช่วยให้คุณทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันได้. หากคุณพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองมาได้สักระยะหนึ่งแล้วแต่กลับไม่รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองคนดีขึ้นแต่อย่างใด คุณอาจลองพูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาด้านชีวิตคู่ โดยเขาหรือเธอจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของคุณทั้งคนด้วยมุมมองที่เป็นกลาง รวมถึงสามารถนำเสนอวิธีที่จะช่วยให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคและพัฒนาตัวเองเพื่อให้ปัญหาต่างๆ ในความสัมพันธ์คลี่คลายลงได้^{[12]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้Mayo Clinicไปที่แหล่งข้อมูล}
- แม้ว่าตามปกติคุณจะขอคำปรึกษาจากนักบำบัดอยู่แล้ว แต่การพูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาด้านชีวิตคู่อาจทำให้คุณได้รับคำแนะนำดีๆ ในอีกแนวทางหนึ่ง