วิธีการ ทำให้เล็บปลอมติดทนนานยิ่งขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ดูแลรักษาเล็บปลอม

เลือกเล็บปลอมและกาวสำหรับติด

เตรียมหน้าเล็บธรรมชาติให้พร้อม

ติดเล็บปลอมลงไป

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

การติดเล็บปลอมจะช่วยให้ปลายนิ้วของคุณดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น...จนกระทั่งเมื่อเล็บใดเล็บหนึ่งหลุดออกมาโดยไม่คาดคิดก็จบเห่! แต่อย่าเพิ่งกังวล มีทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณสามารถลองทำตามได้ง่ายๆ ในการติดเล็บปลอมครั้งต่อไปของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น เพียงเตรียมหน้าเล็บของคุณให้พร้อม เลือกเล็บปลอมที่มีขนาดและรูปร่างที่พอดี ติดด้วยกาวที่ติดแน่นทนทาน และระมัดระวังเมื่อหยิบจับอะไร เล็บปลอมของคุณก็จะติดทนนานได้ถึง 2-3 สัปดาห์ ด้วยขั้นตอนการติดและวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสม เล็บปลอมที่มีราคาไม่แพงก็สามารถเนรมิตให้เล็บของคุณดูสวยหรูเหมือนทำเล็บเจลมาได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร้านเสริมสวยเป็นประจำ

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ดูแลรักษาเล็บปลอม

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ตรวจสอบความสึกหรอของเล็บปลอมทุกเช้า. หมั่นตรวจเช็คเล็บปลอมของคุณเป็นประจำทุกเช้า โดยลองมองดูและสัมผัสแต่ละเล็บจนครบเพื่อดูว่ามีเล็บใดที่เริ่มหลุดออกมาบ้างหรือไม่

   • หากพบว่าเล็บปลอมเริ่มหลุดออกมา ให้คุณบีบกาวลงไปหยดเล็กๆ เพื่อยึดเล็บปลอมไว้ให้เรียบร้อย
   • จำวันที่ติดเล็บปลอมไว้เพื่อให้คุณทราบช่วงที่เหมาะสมในการถอดเล็บปลอมออก โดยคุณควรถอดเล็บปลอมออกหลังผ่านไป 2-3 สัปดาห์เนื่องจากเล็บธรรมชาติของคุณเริ่มยาวขึ้น
2. 
   2
   พกกาวติดเล็บปลอมและอุปกรณ์ขัดเล็บติดตัวไปทุกที่. เมื่อเล็บปลอมหลุดออกมา ให้คุณบีบกาวเพื่อติดเล็บปลอมกลับลงไปโดยทันทีเพื่อให้รูปลักษณ์โดยรวมของเล็บยังคงดูดีเช่นเดิม คุณจึงไม่จำเป็นต้องถอดเล็บปลอมออกทั้งหมดก่อนกำหนดเพียงเพราะเล็บปลอมหลุดออกเพียงเล็บเดียว

   • พกที่ขัดเล็บติดตัวไว้สำหรับขัดหน้าเล็บของคุณก่อนติดเล็บปลอมกลับลงไปอีกครั้ง
   • คุณอาจพกแผ่นเช็ดน้ำยาล้างเล็บติดตัวไว้เช่นกันเพื่อใช้เช็ดคราบกาวที่เหลือตกค้างก้อนติดเล็บปลอมลงไปใหม่
3. 
   3
   บำรุงขอบเล็บเป็นประจำทุกวันเพื่อให้ขอบเล็บนุ่ม แข็งแรง และดูดีอยู่เสมอ. เมื่อเล็บของคุณเริ่มยาวขึ้น ช่องว่างเล็กๆ จะเกิดขึ้นมาระหว่างโคนเล็บปลอมและผิวหนังที่ปกคลุมเล็บและจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อขอบเล็บของคุณแห้ง ดังนั้นหมั่นนวดที่บริเวณขอบเล็บด้วยน้ำมันบำรุงจมูกเล็บอย่างสม่ำเสมอวันละครั้งเพื่อบำรุงขอบเล็บให้แข็งแรงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับแผ่นเล็บที่เริ่มยาวขึ้น

   • การรักษาความชุ่มชื้นของขอบเล็บยังช่วยป้องกันไม่ให้จมูกเล็บเกิดการฉีกขาดอีกด้วย
   • คุณยังสามารถทาโลชั่นให้ทั่วมือของคุณเพื่อบำรุงผิวให้อ่อนนุ่มและช่วยขับให้เล็บของคุณดูดียิ่งขึ้น
4. 
   4
   หลีกเลี่ยงการจุ่มเล็บลงไปในน้ำ. แน่นอนว่าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการล้างมือหรืออาบน้ำในแต่ละวันได้ อย่างไรก็ตาม พยายามงดเว้นกิจกรรมต่างๆ ที่มือของคุณต้องสัมผัสถูกน้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน

   • งดเว้นการว่ายน้ำหรือแช่ตัวในอ่างน้ำร้อนหรืออ่างอาบน้ำ
   • สวมถุงมือในระหว่างล้างจานเพื่อป้องกันไม่ให้กาวติดเล็บปลอมละลายจากการสัมผัสถูกน้ำอุ่น
5. 
   5
   ใช้มืออย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เล็บปลอมเกิดความเสียหาย. อุบัติเหตุแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เล็บปลอมของคุณหลุดออกได้ ทั้งยังอาจส่งผลให้แผ่นเล็บตามธรรมชาติของคุณได้รับความเสียหายอีกด้วย เพียงระมัดระวังเมื่อหยิบจับอะไร คุณก็สามารถดูแลเล็บปลอมของคุณให้ดูดีดังเดิมได้นานหลายสัปดาห์

   • ไม่ว่าคุณจะแต่งตัว ไขกุญแจ หรือยกของ พยายามขยับมืออย่างช้าๆ และระมัดระวัง
   • หลีกเลี่ยงไม่ให้เล็บปลอมกระทบกับคีย์บอร์ดหรือจอสมาร์ทโฟนและพยายามพิมพ์ด้วยนิ้วมือของคุณแทน
6. 
   6
   แช่ปลายนิ้วในน้ำอุ่นหรือสารอะซิโตนเพื่อถอดเล็บปลอมออก. ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้กาวติดเล็บปลอมอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการถอดเล็บปลอมสามารถทำได้ไม่ยากนัก เพียงจุ่มเล็บปลอมลงไปในชามที่เติมน้ำอุ่น อะซิโตน หรือสารประเภทอื่นๆ ที่สามารถละลายกาวติดเล็บปลอมที่คุณเลือกใช้ได้ หลังจากแช่สักพัก กาวจะเริ่มละลายและช่วยให้เล็บปลอมหลุดออกมาได้

   • อย่าออกแรงเลาะหรือดึงเล็บปลอมให้หลุดออก ไม่เช่นนั้นผิวชั้นบนของเล็บอาจหลุดลอกออกจนส่งผลให้เล็บของคุณแห้งและเปราะบางได้
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

เลือกเล็บปลอมและกาวสำหรับติด

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เลือกเล็บปลอมที่มีขนาดครอบคลุมทั่วทั้งเล็บ. แม้ว่าในบางครั้งคุณภาพของเล็บปลอมอาจมีผลต่อรูปลักษณ์และอายุการใช้งาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเล็บปลอมสักชุดหนึ่ง คุณสามารถเลือกซื้อเล็บปลอมที่มีราคาไม่แพงมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการลองแต่งเล็บในรูปแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม สิ่งสำคัญคือการเลือกเล็บปลอมที่มีขนาดครอบคลุมทั่วทั้งเล็บ ไม่ใช่เฉพาะปลายเล็บเพียงส่วนเดียว

   • เล็บปลอมราคาย่อมเยาที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีสามารถติดทนนานได้มากกว่าเล็บปลอมราคาแพงแต่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมมากนัก
2. 
   2
   เลือกเล็บปลอมที่มีความกว้างและความโค้งเข้ากับเล็บธรรมชาติของคุณ. เล็บปลอมมีหลากหลายความกว้างให้เลือกตั้งแต่ 9-18 มม. ลองวัดความกว้างของเล็บธรรมชาติของคุณเพื่อดูว่าหน้าเล็บค่อนไปทางกว้างหรือแคบมากกว่า หรือมีขนาดกลางๆ และไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป รวมทั้งมองหาเล็บปลอมที่มีรูปทรงเข้ากับความโค้งของเล็บธรรมชาติของคุณที่ไม่ว่าจะแบนเรียบหรือโค้งนูน

   • ใช้สายวัดตัวหรือไม้บรรทัดวางทาบที่ส่วนที่กว้างที่สุดของเล็บเพื่อวัดความกว้าง
   • โดยส่วนใหญ่ด้านหลังของเล็บปลอมจะมีขนาดของเล็บระบุไว้ ดังนั้นเมื่อคุณพบขนาดของเล็บปลอมที่พอดีกับเล็บธรรมชาติแต่ละเล็บของคุณ อย่าลืมจดบันทึกไว้บนกระดาษหรือในโทรศัพท์สำหรับใช้อ้างอิงในภายหลัง
3. 
   3
   เลือกเล็บปลอมทรงสั้นหรือสั้นพิเศษแทนทรงยาว. เล็บปลอมมีความยาวให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งแบบสั้นพิเศษ สั้น ปานกลาง ยาว และยาวพิเศษ โดยทั่วไปความยาวของเล็บปลอมจะไม่มีการระบุเป็นตัวเลข แต่ส่วนใหญ่แล้วเล็บปลอมที่ยิ่งสั้นจะสามารถติดได้ทนนานกว่า ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณเลือกเล็บปลอมที่ยาวเกินปลายนิ้วขึ้นมาเพียงเล็กน้อย

   • เล็บปลอมแบบสั้นก็ดูดีมีสไตล์ไม่แพ้เล็บปลอมทรงยาวแหลม ทั้งยังมีความทนทานมากกว่าและสามารถใช้งานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน
   • เล็บปลอมที่สั้นมีแนวโน้มที่จะหลุดออกมาได้ยากกว่าในระหว่างที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ อย่างการซักผ้า ในขณะที่เล็บปลอมที่ยาวอาจไปเกี่ยวเข้ากับสิ่งอื่นๆ ได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่คุ้นชินกับการมีเล็บยาว
4. 
   4
   เลือกเล็บปลอมทรงปลายมนหรือปลายเหลี่ยม. เล็บปลอมมีให้เลือกมากมายหลายรูปทรงตั้งแต่ทรงเหลี่ยมและทรงมน (หรือทรงเหลี่ยมมน) ไปจนถึงรูปทรงที่ดูแปลกตาอย่างทรงอัลมอนด์ ทรงกริช หรือทรงคอฟฟิน พยายามเลือกเล็บปลอมที่มีรูปทรงใกล้เคียงกับเล็บธรรมชาติของคุณมากที่สุด เช่น ปลายมนหรือปลายเหลี่ยม เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเล็บปลอมให้ยาวนานยิ่งขึ้น

   • เล็บปลอมทรงเหลี่ยมสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงและแก้ไขให้ดูมนขึ้นได้ ในขณะที่เล็บปลอมทรงมนนั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงและแก้ไขให้ดูเหลี่ยมได้ง่ายนัก
   • หลีกเลี่ยงการเลือกใช้เล็บปลอมทรงกริช ทรงคอฟฟิน และทรงอัลมอนด์ เนื่องจากปลายเล็บอาจไปเกี่ยวถูกสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและเสี่ยงต่อการหลุดออกมากยิ่งขึ้น
   • ปลายเล็บที่แหลมจะส่งผลให้เล็บปลอมมีความยาวมากยิ่งขึ้นและอาจทำให้อายุการใช้งานของเล็บปลอมสั้นลง
5. 
   5
   ใช้กาวติดเล็บปลอมที่ยึดเกาะดีและติดทนนานแทนการติดด้วยแถบกาว. การใช้แถบกาวอาจเหมาะสำหรับการติดเล็บปลอมไว้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นหากต้องการให้เล็บปลอมติดทนนานหลายสัปดาห์ ให้คุณเลือกใช้กาวติดเล็บปลอมที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ อ่านรายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้แน่ใจว่ากาวติดเล็บปลอมสามารถใช้ร่วมกันได้กับเล็บปลอมที่คุณเลือก รวมทั้งพิจารณาข้อดีและข้อเสียของระยะเวลาการแห้งตัวที่แตกต่างกัน

   • หากคุณเป็นมือใหม่หัดติดเล็บปลอม ลองเลือกใช้กาวที่มีระยะการแห้งตัวที่ช้ากว่าเพื่อช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นสำหรับการจัดตำแหน่งของเล็บปลอม
   • หากคุณเชี่ยวชาญในการติดเล็บปลอม คุณอาจเลือกใช้กาวที่แห้งตัวอย่างรวดเร็ว
   โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

เตรียมหน้าเล็บธรรมชาติให้พร้อม

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ล้างยาทาเล็บสีเก่าออกให้สะอาด. ใช้น้ำยาล้างเล็บและสำลีแผ่นเช็ดคราบยาทาเล็บสีเก่าออกให้หลุดออก รวมถึงขจัดคราบตกค้างต่างๆ จากการทำเล็บในครั้งก่อนให้สะอาดหมดจดด้วยเช่นกัน

   • แม้ว่าน้ำยาล้างเล็บอาจทำให้เล็บของคุณแห้งลงเล็กน้อย แต่การทำความสะอาดหน้าเล็บจะช่วยให้กาวที่ใช้ติดเล็บปลอมสามารถยึดเกาะได้ดียิ่งขึ้น
   • หากคุณล้างมือหลังเสร็จจากการล้างยาทาเล็บสีเก่าออก อย่าลืมเช็ดมือให้แห้งสนิทและฉีดสเปรย์ไล่ความชื้นให้ทั่วเล็บของคุณก่อนเริ่มบีบกาวติดเล็บปลอมลงไป
2. 
   2
   จับคู่เล็บปลอมแต่ละขนาดเข้ากับเล็บจริง. เล็บปลอมสำเร็จรูปชุดหนึ่งจะประกอบด้วยเล็บปลอมอย่างน้อย 20 ชิ้นที่มีขนาดแตกต่างกันซึ่งจะครบพอดีกับเล็บจริงทั้งหมด ลองจับคู่เล็บปลอมเข้ากับเล็บธรรมชาติแต่ละนิ้วของคุณโดยพิจารณาจากความกว้างของฐานเล็บ

   • เพื่อให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น ให้คุณจัดเรียงเล็บปลอมทั้งหมดไว้บนโต๊ะโดยเรียงตามลำดับให้เรียบร้อยทั้งสำหรับมือซ้ายและมือขวา
3. 
   3
   ตัดเล็บธรรมชาติให้มีความสั้นกว่าเล็บปลอม. หลังจากที่จับคู่เล็บปลอมที่พอดีกับเล็บจริงแต่ละเล็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณลองทาบเล็บปลอมลงไปบนเล็บธรรมชาติของคุณเพื่อเช็คดูว่าเล็บปลอมมีความยาวกว่าเล็บจริงหรือไม่ จากนั้นตัดเล็บให้สั้นลงตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เล็บธรรมชาติของคุณยื่นเกินออกมาจากเล็บปลอม

   • ตามด้วยการตะไบเล็บเพื่อให้ขอบเล็บที่ขรุขระดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
4. 
   4
   ดุนหนังกำพร้าตามขอบเล็บด้วยไม้ดันหนังกำพร้า. ทำขั้นตอนนี้ภายหลังการอาบน้ำหรือแช่มือในน้ำเสร็จแล้วเพื่อให้ขอบเล็บนุ่มและยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้อุปกรณ์ดึงหนังเล็บกดลงไปเบาๆ และค่อยๆ ดุนหนังกำพร้าตามขอบเล็บเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังบริเวณโคนเล็บ

   • พยายามดุนให้หนังบางๆ กลับเข้าไปใต้โคนเล็บเพื่อไม่ให้เกินขึ้นมาเหนือแผ่นเล็บ
   • อย่าเพิ่งหยดน้ำมันบำรุงจมูกเล็บในขั้นตอนนี้เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของกาวติดเล็บปลอมลดลง
5. 
   5
   ใช้ที่ขัดเล็บเพื่อเพิ่มความขรุขระให้พื้นผิวของแผ่นเล็บ. โดยปกติแล้วส่วนแข็งๆ ที่อยู่ชั้นบนสุดของเล็บหรือที่เรียกว่าแผ่นเล็บจะมีพื้นผิวที่เรียบสม่ำเสมอ แต่เล็บปลอมจะสามารถติดได้แน่นกว่าหากพื้นผิวของแผ่นเล็บมีความขรุขระเล็กน้อย ดังนั้นให้คุณใช้ด้านที่หยาบสุดของที่ขัดเล็บขัดเบาๆ เพื่อเพิ่มความขรุขระเล็กน้อยให้กับพื้นผิวของแผ่นเล็บ

   • หลีกเลี่ยงการใช้ที่ตะไบเล็บแบบโลหะหรือแบบทรายเพราะอาจทำให้เล็บของคุณเสียหายได้
   โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ติดเล็บปลอมลงไป

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ตะไบเล็บปลอมให้มีรูปทรงเข้ากับเล็บธรรมชาติของคุณ. ใช้ที่ตะไบเล็บขัดที่ด้านข้างและโคนของเล็บปลอมจนกระทั่งมีรูปทรงและความโค้งที่เข้ากับที่เข้ากับเล็บธรรมชาติของคุณอย่างพอดี เสร็จแล้วจึงเริ่มขัดที่ปลายเล็บเป็นลำดับต่อไปเพื่อให้เล็บปลอมมีรูปทรงและความยาวตามที่คุณต้องการ คุณยังสามารถใช้กรรไกรตัดเล็บเล็มปลายเล็บที่ยาวเกินไปให้สั้นลงได้เช่นกัน

   • เพื่อให้คุณสามารถตะไบเล็บปลอมออกมาได้เรียบเนียนที่สุด คุณควรเลือกใช้ที่ตะไบเล็บที่มีความหยาบประมาณ 180 กริท เพราะที่ตะไบเล็บที่หยาบมากจนเกินไปอาจทำให้ตามขอบของเล็บปลอมขรุขระได้
   • หากดูเหมือนว่าคุณต้องตะไบตามขอบเล็บลงไปมากเพื่อปรับรูปทรงของเล็บปลอมให้เข้ากับเล็บธรรมชาติของคุณ คุณอาจมองหาเล็บปลอมรูปแบบหรือยี่ห้ออื่นๆ ที่มีขนาดพอดีกับเล็บจริงของคุณโดยไม่จำเป็นต้องตะไบเพื่อแก้ไขรูปทรงใหม่
2. 
   2
   หยดกาวติดเล็บปลอมลงไปทั้งบนเล็บธรรมชาติและบนเล็บปลอม. ค่อยๆ ทำขั้นตอนนี้ไปทีละนิ้ว ให้คุณบีบกาวลงไปให้เป็นหยดเล็กๆ ที่ด้านใต้ของเล็บปลอมก่อนบีบอีกครั้งลงไปบนแผ่นเล็บของคุณ พยายามให้กาวอยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางของทั้งเล็บธรรมชาติและเล็บปลอม

   • สำหรับด้านใต้ของเล็บปลอม ให้คุณบีบกาวลงไปให้อยู่ในบริเวณที่จะติดกับเล็บจริงและหลีกเลี่ยงไม่ให้กาวสัมผัสถูกบริเวณปลายเล็บที่ยาวเกินออกมาจากเล็บธรรมชาติของคุณ
3. 
   3
   ติดเล็บปลอมลงไปแล้วดันลงไปให้ชิดโคนเล็บ. ออกแรงกดลงไปอย่างคงที่เพื่อให้กาวแผ่ออกไปทั่วในพื้นที่ระหว่างเล็บธรรมชาติและเล็บปลอม ดันเล็บปลอมลงไปให้ชิดโคนเล็บและจัดตำแหน่งให้ตรงจนไม่มีพื้นที่ว่างหลงเหลืออยู่ โดยวิธีนี้จะช่วยให้ไม่มีช่องว่างเกิดขึ้นเมื่อเล็บธรรมชาติของคุณเริ่มยาวขึ้น

   • ติดเล็บปลอมลงไปอย่างรวดเร็วหากคุณเลือกใช้กาวชนิดแห้งเร็ว
   • หรือหากคุณต้องการใช้กาวที่แห้งช้ากว่า คุณสามารถจัดตำแหน่งของเล็บปลอมได้จนพอใจแต่จำเป็นต้องทิ้งไว้สักพักเพื่อป้องกันไม่ให้เล็บปลอมเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่จัดไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
4. 
   4
   รอสักพักให้กาวแห้งสนิทก่อนเริ่มติดเล็บปลอมชิ้นถัดไป. คุณจะต้องรอให้กาวแห้งสนิทก่อนเริ่มใช้มือหยิบจับสิ่งต่างๆ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังจากที่คุณติดเล็บปลอมลงไปบนเล็บหนึ่งแล้ว ให้คุณรอจนกระทั่งกาวแห้งสนิทก่อนเริ่มติดเล็บปลอมชิ้นถัดไปลงไปบนอีกนิ้วหนึ่ง รอให้กาวแห้งตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในคำแนะนำการใช้

   • ติดเล็บปลอมไล่ไปทีละนิ้วเรื่อยๆ จนครบทุกนิ้วและต่อด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
   • งดการสัมผัสสิ่งต่างๆ (แม้กระทั่งโทรศัพท์ของคุณ) ในระหว่างที่รอให้กาวแห้ง ดังนั้นคุณจึงอาจใช้วิธีเปิดรายการโทรทัศน์หรือเพลงทิ้งไว้ก่อนเริ่มต้นติดเล็บปลอมชิ้นแรกลงไปเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องหยิบจับรีโมทให้ยุ่งยาก
5. 
   5
   ทาด้วยน้ำยาเคลือบเล็บแบบใสหลังจากที่กาวแห้งสนิทแล้ว. เล็บปลอมอาจเกิดการพับงอได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงควรทาน้ำยาเคลือบเล็บลงไปบนเล็บปลอมชั้นหนึ่งเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับเล็บปลอมของคุณ นอกจากนี้เนื้อที่ใสของน้ำยาเคลือบเล็บยังช่วยให้เล็บปลอมของคุณดูแวววาวมากขึ้นอีกด้วย

   • คุณสามารถเลือกใช้น้ำยาเคลือบเล็บสำหรับเล็บอะคริลิคหรือเล็บเจลพร้อมเครื่องอบเล็บเพื่อเพิ่มความทนทานให้กับเล็บปลอมมากขึ้นไปอีกขั้น
   โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

• น้ำยาล้างเล็บ
• สำลีแผ่น
• ไม้ดันหนังกำพร้า
• น้ำมันบำรุงจมูกเล็บ
• ที่ตะไบเล็บแบบโลหะหรือแบบทราย
• กรรไกรตัดเล็บ
• เล็บปลอมสำเร็จรูปที่มีขนาดครอบคลุมทั่วทั้งเล็บ 1 ชุด
• กาวติดเล็บปลอมที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ
• น้ำยาเคลือบเล็บแบบใส