วิธีการ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

ใช้ผลิตภัณฑ์สปา

แต่งหน้าอย่างถูกวิธี

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีปัญหาผิวหน้าอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่เรียบเนียน หรือริ้วรอยบนใบหน้า การทำให้ผิวของคุณกลับมาดูเรียบเนียนอีกครั้งเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ใช้ผลิตภัณฑ์สปา แต่งหน้าอย่างถูกวิธี และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือทำสปา ก็สามารถช่วยฟื้นฟูผิวหนังของคุณให้กลับมาดูดีดังเดิมได้อย่างง่ายดาย

ขั้นตอน

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ดื่มน้ำให้มาก. น้ำเปล่ามีส่วนช่วยในการทำความสะอาดผิวจากภายในและป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจึงช่วยให้ผิวของคุณดูอวบอิ่มและสดใสเหมือนผิวเด็ก

   • ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน โดยพยายามดื่มน้ำเปล่าเป็นหลักแทนการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
   • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สามารถส่งผลเสียต่อผิวของคุณได้ น้ำตาลและสารเคมีในน้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวและความมัน ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวของคุณสูญเสียความชุ่มชื้นและส่งผลให้ผิวของคุณดูแก่กว่าวัย
   • ลองเติมแตงกวาหรือเลมอนฝานลงไปในน้ำเปล่า เนื่องจากทั้งแตงกวาและเลมอนมีคุณสมบัติในการดูแลผิวให้ดูสดใส และยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้อีกด้วย
2. 
   2
   หมั่นทาครีมกันแดด. แสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ คุณจึงควรปกป้องผิวของคุณโดยการหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 เป็นประจำ

   • พยายามหลีกเลี่ยงการทำผิวสีแทนหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
   • แม้ว่า SPF 15 จะเป็นค่าอย่างต่ำในการป้องกันแสงแดด แต่เพื่อให้แน่ใจว่าผิวของคุณได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30
   • หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแม้ในวันที่มีเมฆมาก เนื่องจากรังสีจากแสงอาทิตย์สามารถทะลุผ่านเมฆได้มากถึง 80% ซึ่งหมายความว่าผิวของคุณยังคงได้รับอันตรายจากแสงอาทิตย์แม้ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มหรือมีฝนตก
   • เลือกใช้ครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB รังสี UVA จากแสงแดดเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ ส่วนรังสี UVB สามารถส่งผลให้ผิวหนังเกิดการไหม้ได้ จำไว้ว่ามอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวและรองพื้นหลายชิ้นมีส่วนผสมของสารกันแดด ดังนั้นคุณจึงควรตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อดูให้แน่ชัด หากเครื่องสำอางหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คุณใช้ไม่ผสมสารกันแดด ให้คุณทาครีมกันแดดก่อนเริ่มแต่งหน้าเสมอ
3. 
   3
   ออกกำลังกายเป็นประจำ. การออกกำลังกายไม่เพียงมีผลต่อรูปร่างและน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

   • คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้ผิวดูสุขภาพดี เพียงแค่ออกกำลังกายเล็กน้อยวันละไม่กี่นาทีเพื่อให้เลือดสูบฉีดก็เพียงพอแล้ว
   • หากมีเหงื่อออกในระหว่างการออกกำลังกาย ควรล้างหลังให้สะอาดหลังออกกำลังกายเสร็จเพื่อขจัดความมันและสิ่งสกปรกไม่ให้อุดตันรูขุมขนและป้องกันไม่ให้เกิดสิวทั่วใบหน้า
4. 
   4
   ทานผักและผลไม้สดแทนอาหารขยะ. การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีส่วนช่วยทำให้ผิวของคุณดูกระจ่างใส อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกคุณอาจพบว่ามีสิวเพิ่มขึ้นบนใบหน้าซึ่งเกิดจากการขับสารพิษของผิวหนัง สารเคมี น้ำมัน และน้ำตาลที่พบในอาหารขยะเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นและอุดตันรูขุมขนได้

   • แทนที่จะงดการทานอาหารขยะโดยทันที ให้คุณค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโดยทานอาหารสดมากขึ้นและลดการทานอาหารสำเร็จรูป
   • อาหารบางประเภทอย่างบลูเบอร์รี่หรือแซลมอนที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยในการดูแลผิวให้ดูเรียบเนียนอย่างได้ผล
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้ผลิตภัณฑ์สปา

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ขัดผิว. เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะสะสมอยู่บนผิวหนังและทำให้ผิวของคุณดูแห้งและมีอายุ ดังนั้นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูให้ผิวของคุณกลับมาดูกระจ่างใสดังเดิม

   • หลายแบรนด์ได้ออกผลิตภัณฑ์ขัดผิวหรือแปรงสำหรับขัดผิวโดยเฉพาะที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือสินค้าความงามทั่วไปในราคาที่ไม่แพงมากนัก
   • คุณสามารถทำสครับขัดผิวใช้เองง่ายๆ จากน้ำตาลและน้ำผึ้ง นำสครับที่ได้มาขัดบนในหน้าโดยถูเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว คุณสามารถเลือกใช้ข้าวโอ๊ตแทนน้ำตาลได้หากต้องการสครับที่มีเนื้อละเอียดยิ่งขึ้น หรือจะทำสครับโดยผสมเบคกิ้งโซดาและน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากันก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การขัดผิวมากเกินไปนั้นเป็นการรบกวนผิวที่มากเกินจำเป็น คุณจึงควรขัดผิวไม่เกิน 1 ครั้งต่อ 1-2 สัปดาห์
   • คุณสามารถเข้ารับบริการขัดผิวโดยผู้เชี่ยวชาญได้ที่คลินิกโรคผิวหนังหรือร้านสปาโดยส่วนใหญ่ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกโรคผิวหนังหรือร้านสปาที่มีบริการขัดผิวใกล้บ้านคุณ
   • ลองพิจารณาเลือกซื้อเครื่องขัดผิวดูสักเครื่อง เครื่องขัดผิวมีหลักการทำงานโดยใช้แปรงขัดอัตโนมัติที่ออกแบบมาพิเศษ เพียงล้างหน้าด้วยเครื่องขัดผิวนี้วันละ 2 ครั้งก็ช่วยให้ผิวของคุณสะอาดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้ว่าเครื่องขัดผิวจะมีราคาค่อนข้างแพงถึงหลักพัน แต่มีคุณสมบัติในการช่วยดูแลรักษาความสะอาดของผิวและรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. 
   2
   มาส์กหน้า. การมาส์กหน้ามีส่วนช่วยในการลดรอยแดงและปรับผิวให้ดูสม่ำเสมอและเรียบเนียนยิ่งขึ้น

   • คุณสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าได้จากร้านขายยาหรือสินค้าความงาม ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าตามท้องตลาดมีให้คุณเลือกใช้มากมายหลายชนิดขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นลดรอยแดง ลดจุดแก่ กำจัดสิว และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
   • คุณสามารถทำมาส์กใช้เองได้ง่ายๆ โดยผสมกล้วยและน้ำผึ้งให้เข้ากัน นำมาส์กที่ได้มาทาบนใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้นาน 10 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
3. 
   3
   ลอกหน้า. ผลิตภัณฑ์ลอกหน้ามีทั้งในรูปแบบมาส์กและเจล ประกอบด้วยกรดที่มีคุณสมบัติในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การลอกหน้ามีส่วนช่วยในการขจัดผิวหนังชั้นบนที่ดูหมองคล้ำหรือไม่เรียบเนียนให้ดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น

   • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลอกหน้าที่ประกอบด้วยกรดซาลิไซลิกหากคุณมีปัญหาสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว
   • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลอกหน้าที่ประกอบด้วยกรดไกลโคลิกหากคุณมีปัญหาริ้วรอย
   • ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด (โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที) เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังถูกรบกวนมากเกินจำเป็น
   • หลีกเลี่ยงการลอกหน้าหากคุณเป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดเอ็กซีมาหรือโรคโรซาเชีย เนื่องจากกรดในผลิตภัณฑ์ลอกหน้านั้นสามารถส่งผลให้อาการของโรคแย่ลงได้
4. 
   4
   กำจัดจุดด่างดำด้วยผลิตภัณฑ์ลดจุดด่างดำ. ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนช่วยในการลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้าที่เกิดจากแสงแดด

   • ผลิตภัณฑ์ลดจุดด่างดำโดยส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ผลทั้งกับจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดและจุดด่างดำที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น หากคุณมีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้าที่เกิดขึ้นทั้งจากแสงแดดและอายุ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดจุดด่างดำที่มีคุณสมบัติในการกำจัดจุดด่างดำทั้งสองชนิด
   • แม้ว่ากระจะเป็นจุดด่างดำชนิดที่เกิดจากแสงแดด แต่ผลิตภัณฑ์ลดจุดด่างดำอาจไม่สามารถทำให้กระดูจางลงได้
   • ลองขจัดจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติโดยใช้น้ำเลมอน นำน้ำเลมอนมาทาตรงบริเวณที่มีจุดด่างดำและทิ้งไว้นาน 10 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาด น้ำเลมอนประกอบด้วยกรดที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนจุดด่างดำ
   • คุณยังสามารถลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้าได้โดยการใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของวิชฮาเซล
5. 
   5
   ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์. การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูเรียบเนียน มอยเจอร์ไรเซอร์ตามท้องตลาดมีให้เลือกซื้อมากมายหลายชนิดตามความต้องการของผิวหนังแต่ละประเภท ตั้งแต่ผิวแห้งไปจนถึงผิวมัน หรือแม้กระทั่งผิวที่เต็มไปด้วยริ้วรอย

   • มองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสาร SPF เพื่อให้ขั้นตอนการทาครีมสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
   • ทินท์มอยเจอร์ไรเซอร์มีส่วนช่วยในการทำให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนขึ้นพร้อมทั้งปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ควรเลือกซื้อทินท์มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ตรงตามสีผิวของคุณ เนื่องจากการใช้ทินท์มอยเจอร์ไรเซอร์ผิดสีจะทำให้ผิวของคุณออกเป็นสีส้มๆ หรือดูซีดเหมือนคนป่วยได้
6. 
   6
   ใช้น้ำมันโรสฮิปตรงบริเวณที่มีการสร้างสีผิวมากผิดปกติ ไหม้ หรือมีรอยแผลเป็น. น้ำมันโรสฮิปมีคุณสมบัติในการเร่งกระบวนการฟื้นฟูของผิวหนัง ทั้งยังช่วยเพิ่มและเก็บกักความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังของคุณ คุณยังสามารถเลือกใช้วิชฮาเซลที่มีคุณสมบัติเหมือนกันได้เช่นเดียวกัน
   โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

แต่งหน้าอย่างถูกวิธี

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ใช้คอนซีลเลอร์. คอนซีลเลอร์ทั้งแบบน้ำและแบบครีมสามารถช่วยปกปิดรอยดำหรือรอยแดงและรอยคล้ำใต้ดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น

   • คอนซีลเลอร์มีวางจำหน่ายทั้งแบบสีผิวธรรมชาติ (เฉดสีน้ำตาลหรือแทน) และแบบหลายสีอย่างสีเหลือง สีเขียว และสีม่วงลาเวนเดอร์ ซึ่งคอนซีลเลอร์แบบหลายสี (หรือที่เรียกว่าคอเร็คเตอร์) มีหน้าที่ในการปรับรอยแดงหรือรอยสิวให้ดูเรียบเนียนไปกับผิว
   • ลงคอนซีลเลอร์โดยใช้แปรงสำหรับลงคอนซีลเลอร์ที่มีหัวแปรงที่เล็ก แข็ง และมีปลายโค้งเสมอ เนื่องจากการลงคอนซีลเลอร์โดยใช้ปลายนิ้วจะทำให้รูขุมขนได้รับเชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุทำให้สิวและรอยแดงดูแย่ลง
   • เกลี่ยคอนซีลเลอร์ให้เนียนเรียบโดยใช้นิ้วแตะหรือใช้แปรงแทนการถูแรงๆ หรือจะใช้ฟองน้ำสะอาดในการเกลี่ยก็ได้เช่นกัน
   • คอนซีลเลอร์ที่ใช้ไม่ควรมีสีเข้มเกินไป เพราะจะดูเหมือนมีจุดสีส้มๆ ตามใบหน้าของคุณแทน ควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีอ่อนกว่าสีผิวของคุณแทนสีที่เข้มเกินไป เนื่องจากรองพื้นที่ลงในภายหลังจะช่วยให้สีของคอนซีลเลอร์ดูเข้มยิ่งขึ้น อย่าลืมลงคอเร็คเตอร์ก่อนแล้วแล้วจึงตามด้วยคอนซีลเลอร์
2. 
   2
   ลงรองพื้น. รองพื้นมีหน้าที่ในการปกปิดรอยต่างๆ บนใบหน้าของคุณเพื่อให้สีผิวดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น รองพื้นมีให้เลือกใช้มากมายหลายประเภท ทั้งแบบฝุ่น แบบน้ำ แบบครีม และแบบสเปรย์ แม้ว่ารองพื้นแต่ละประเภทจะให้ผลที่เหมือนกัน แต่แบบฝุ่นมักจะติดทนนานกว่าและควบคุมความมันได้ดี

   • เกลี่ยรองพื้นโดยใช้แปรงสำหรับรองพื้นขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่าแปรงคาบูกิ สำหรับรองพื้นแบบฝุ่นหรือแบบน้ำ การเกลี่ยด้วยแปรงจะช่วยให้รองพื้นดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ หากคุณเกลี่ยรองพื้นด้วยนิ้วมือ จะทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายทั่วใบหน้าซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวของคุณแย่ลงและรองพื้นที่ลงดูไม่เรียบเนียน คุณยังสามารถใช้ฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นเพื่อให้รองพื้นดูเรียบเนียนได้เช่นกัน
   • แต้มรองพื้นเพิ่มเติมตรงบริเวณที่คุณลงคอนซีลเลอร์ไว้เพื่อให้สีเข้ากันกับสีผิวและเพิ่มการปกปิด
   • เกลี่ยรองพื้นไปจนถึงคอเพื่อการปกปิดที่สมบูรณ์แบบ
3. 
   3
   เพิ่มสีสันและความลึกบนใบหน้า. หลังจากที่คุณปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอกันแล้ว ใบหน้าของคุณในตอนนี้ยังคงดูแบนและขาดสีสันอยู่ ลองปัดบลัชออนบนแก้มเพื่อเพิ่มสีสันบนใบหน้าของคุณให้ดูเป็นธรรมชาติ

   • ใช้แปรงหัวกลมปัดบลัชออนตรงบริเวณโหนกแก้มเฉียงไปทางขมับประมาณ 45 องศาเพื่อให้การปัดแก้มมีลุคที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
   • คุณสามารถเลือกใช้บลัชออนได้ทั้งแบบฝุ่นและแบบครีม โดยเลือกที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของผิว
   • บลัชออนมีวางจำหน่ายทั้งเฉดสีชมพู สีพีช และสีม่วง สำหรับผิวขาว ให้เลือกใช้เฉดสีชมพู ส่วนผิวกลางจะเหมาะกับเฉดสีพีช และสำหรับผิวคล้ำ ให้เลือกใช้เฉดสีพลัมหรือสีม่วง
4. 
   4
   เติมเงาบนใบหน้า. ใช้บรอนเซอร์เพื่อเพิ่มความลึกใต้โหนกแก้มและลงไฮไลท์เหนือบรอนเซอร์เพื่อสร้างเงาที่เกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบบนใบหน้า

   • ปัดบรอนเซอร์โดยเริ่มจากบริเวณไรผมไปทางจมูกของคุณ หลีกเลี่ยงการปัดบรอนเซอร์หนักมือเกินไปและอย่าลืมเกลี่ยให้บรอนเซอร์ดูเรียบเนียน
   • ลงไฮไลท์เพื่อเพิ่มความแวววาวตรงบริเวณที่แสงแดดตกกระทบ ไฮไลท์โดยส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบครีมหรือฝุ่นที่ดูสว่างและมีความแวววาวเล็กน้อยซึ่งสามารถลงได้โดยใช้แปรงหรือลูกกลิ้ง ลงไฮไลท์ตรงบริเวณใต้คิ้ว หัวตา และใต้โหนกแก้มไปจนถึงหน้าผากเป็นรูปตัวซี คุณยังสามารถลงไฮไลท์ตรงบริเวณกระจับปากด้านบนและช่วงสันจมูกลงมาได้อีกด้วย
5. 
   5
   ลงแป้งเพื่อเซ็ตเครื่องสำอาง. คุณไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนนี้ก็ได้ แต่การเซ็ตเครื่องสำอางด้วยแป้งจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นและทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
   โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   แก้ไขปัญหาผิวโดยการใช้ยา. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับปัญหาผิวของคุณ แพทย์ผิวหนังจะสั่งจ่ายยาชนิดต่างๆ ที่ช่วยดูแลให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนขึ้นตามสภาพผิวของคุณ

   • ยาบางประเภทอาจมาในรูปแบบยาเม็ดและช่วยควบคุมความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของปัญหาผิว
   • แพทย์ผิวหนังสามารถสั่งจ่ายยาครีมสำหรับปัญหาผิวให้กับคุณได้ โดยยาครีมเหล่านี้มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ เช่น จุดด่างดำจากอายุหรือแสงแดดและสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว
   • สอบถามแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา
2. 
   2
   รับบริการบำรุงผิว. การรับบริการบำรุงผิวทั้งจากร้านสปาหรือแพทย์ผิวหนังมีส่วนช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสยิ่งขึ้น ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมการบำรุงผิวที่มีให้บริการใกล้บ้านคุณ

   • โปรแกรมบำรุงผิวมีมากมายหลายประเภทขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคุณ ลองมองหาโปรแกรมบำรุงผิวตามความต้องการของคุณอย่างเช่นการฟื้นฟูปัญหาสิว ผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด ความผิดปกติของผิวหนัง หรือผิวเสื่อมสภาพตามอายุ
   • การรับบริการบำรุงผิวหน้ามีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่คงจะดีกว่าหากคุณยอมจ่ายแพงขึ้นอีกสักนิดเพื่อรับบริการกับผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือแทนการมองหาโปรแกรมราคาถูก แม้ว่าการรับบริการบำรุงผิวหน้าจะไม่มีอันตรายใดๆ แต่โปรแกรมบำรุงผิวที่มีราคาสูงอาจทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
3. 
   3
   ทำเลเซอร์. การทำเลเซอร์ช่วยในการกำจุดด่างดำและริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคุณสามารถรับบริการเลเซอร์ได้กับแพทย์ผิวหนังเท่านั้น การทำเลเซอร์มีราคาที่ค่อนข้างสูงและประกันอาจไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

   • เลเซอร์มีหลักการทำงานโดยการยิงแสงที่สั้นและมีความเข้มสูงเพื่อลอกชั้นผิวหนังออก ดังนั้นในบางครั้งจึงเรียกกันว่าเลเซอร์พีล
   • หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หากคุณมีสิวตามผิวหน้า เพราะอาจทำให้ปัญหาสิวที่มีแย่ลงได้
   • การทำเลเซอร์จะเห็นผลเมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ โดยช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่และรอยด่างหรือสะเก็ดแผลจางลง
4. 
   4
   ทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น. ไมโครเดอร์มาเบรชั่นเป็นการผสมผสานกันระหว่างการลอกและการขัดผิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอออกไปจากผิวของคุณ คุณสามารถเข้ารับบริการไมโครเดอร์มาเบรชั่นได้จากแพทย์ผิวหนังหรือร้านสปาบางแห่ง

   • ไมโครเดอร์มาเบรชั่นเป็นการขัดผิวให้ดูเรียบเนียนโดยการลอกผิวและใช้แปรงหรือเครื่องมือที่ออกแบบพิเศษ จึงได้ผลดีอย่างยิ่งในการกำจัดจุดด่างดำหรือผิวหมองคล้ำ
   • เดอร์มาเบรชั่นมีหลักการทำงานคล้ายคลึงกับไมโครเดอร์มาเบรชั่นในการขจัดรอยแผลเป็นต่างๆ อย่างไรก็ตาม การทำเดอร์มาเบรชั่นเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาวเท่านั้น เนื่องจากอาจส่งผลให้รอยแผลเป็นดูแย่ลงในผู้ที่มีผิวคล้ำได้ ควรพิจารณาการทำเดอร์มาเบรชั่นเฉพาะกับรอยแผลเป็นที่เกิดจากโรคผิวหนัง ปัญหาสิวที่รุนแรง หรืออุบัติเหตุเท่านั้น
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• ล้างแปรงแต่งหน้าให้สะอาดหลังการใช้แต่ละครั้งเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย
• หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวถูกแสงแดดหลังการใช้เลมอน เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยแดงบนผิวหนังได้
• หากคุณแต่งหน้า อย่าลืมล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาดก่อนเข้านอน
• น้ำมันอัลมอนด์สามารถนำมาใช้เป็นโทนเนอร์จากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
• พยายามดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วทุกๆ 30-60 นาที
• หากผิวหน้าของคุณมีทั้งออกแดงและออกเหลือง ให้คุณเลือกว่าต้องการที่จะปรับสีใดมากกว่า เนื่องจากการใช้คอนซีลเลอร์สีเขียวมินท์และสีม่วงลาเวนเดอร์ด้วยกันจะทำให้ผิวหน้าของคุณดูเต็มไปด้วยจุดด่างดำ

โฆษณา

คำเตือน

• ในบางครั้งเครื่องสำอางอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้กับผู้ใช้บางคนได้ หากคุณกำลังลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรสังเกตดูปฏิกิริยาของผิวหนังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
• ปัญหาผิวบางประเภทอาจเป็นอาการของโรคประจำตัวของคุณ ควรปรึกษาแพทย์หากพบว่ามีปัญหาผิวที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือที่มีอาการรุนแรง

โฆษณา