วิธีการ ดื่มไวน์

การดื่มไวน์เป็นมากกว่าการบริโภคเครื่องดื่ม มันคือประสบการณ์ทั้งหมด แม้ว่าไวน์จะมีหลายพันประเภท แต่ไวน์ก็มีองค์ประกอบหลักอยู่สองสามอย่างที่รวมไว้ในประสบการณ์การดื่มไวน์ซึ่งจะทำให้การดื่มไวน์ของคุณสนุกยิ่งขึ้น หากคุณเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของไวน์ เช่น น้ำหนัก รสชาติหลังจิบ และความเข้มของรสชาติ คุณจะสามารถหาไวน์ที่เหมาะกับคุณได้

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

การชิมไวน์

ดาวน์โหลดบทความ

1
หาคำแนะนำ. หากคุณเป็นนักดื่มไวน์มือใหม่ก็ให้ไปที่ร้านที่เชี่ยวชาญด้านไวน์เพื่อขอความช่วยเหลือในการเลือกไวน์ที่เหมาะกับคุณ หากไม่มีร้านไวน์ใกล้คุณก็ไม่ต้องตกใจ ร้านขายสุราและร้านขายของชำส่วนใหญ่มีไวน์หลากหลายชนิด ดังนั้นคุณจึงไม่น่ามีปัญหาในการหาไวน์ที่เหมาะกับคุณ
- อธิบายให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์หรือพนักงานร้านรู้ว่าคุณชอบรสชาติไหนเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยคุณเลือกไวน์ที่ดีที่สุดได้
- หากคุณวางแผนที่จะทานไวน์พร้อมกับอาหารก็ให้บอกพวกเขาว่าจะมีอาหารอะไรในเมนูเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยคุณเลือกไวน์ที่เหมาะสมได้
2
เลือกไวน์. การรู้ว่าคุณกำลังมองหาคุณสมบัติอะไรในไวน์นั้นสำคัญมากเนื่องจากไวน์มีหลายประเภท คุณต้องการไวน์แบบเข้มหรือบางเบา? น้ำหนักเปรียบได้กับความหนักของไวน์ในปาก หรือคุณชอบไวน์สดชื่นหรือหวานมากกว่ากัน? เมื่อพูดถึงไวน์ ความสดชื่นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความหวาน คุณต้องการไวน์ที่สดชื่นหรือนุ่ม? ไวน์ที่มีความเป็นกรดจะมีความสดชื่นในขณะที่ไวน์ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลกว่าจะถือว่านุ่มนวล ^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ไวน์แดงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Cabernet Sauvignon Merlot และ Pinot Noir^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ไวน์ขาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Chardonnay Pinot Grigio และ Sauvignon Blanc^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เทไวน์ 1-2 ออนซ์ลงในแก้วเพื่อลิ้มรสก่อนจะตัดสินใจเทเต็มแก้ว. เป็นเรื่องปกติที่จะชิมไวน์สักสองสามจิบก่อนที่จะดื่มเต็มแก้ว การชิมไวน์ที่เหมาะสมเป็นวิธีที่ดีในการดูว่าคุณชอบรสชาติโดยรวมของไวน์หรือไม่
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
Samuel Bogue
ผู้จัดการและผู้ให้คำปรึกษาเรื่องไวน์
แซมมวล โบ๊กเป็นผู้จัดการด้านไวน์ของกลุ่มภัตตาคาร Ne Timeas ในซานฟรานซิสโก เขาเป็นซอมเมลิเยร์ที่มีใบรับรอง เป็นผู้ชนะรางวัล "30 Under 30" ของ Zagat และเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องไวน์แก่ภัตตาคารชั้นนำหลายแห่ง
Samuel Bogue
ผู้จัดการและผู้ให้คำปรึกษาเรื่องไวน์
เป็นเรื่องปกติที่จะขอชิมไวน์มากกว่าหนึ่งชนิด Sam Bogue ซึ่งเป็นซอมเมอลิเยร์กล่าวว่า “ถ้าคุณอยู่ในร้านอาหารหรือที่ไหนสักแห่งที่มีไวน์ที่เปิดอยู่แล้ว คุณควรขอชิมไวน์ สุดท้ายแล้วคุณควรได้ไวน์ที่คุณอยากดื่ม"
4
สัมผัสกับกลิ่นหอม. หมุนวนแก้วไวน์เพื่อให้ไวน์ขยายวงกว้างขึ้น สิ่งนี้จะเพิ่มการสัมผัสกับอากาศของไวน์และทำให้กลิ่นของไวน์เข้มข้นขึ้น หมุนไวน์โดยจับแก้วที่ฐานหรือก้าน ดมไวน์ในขณะที่คุณหมุนวนเพื่อให้ได้กลิ่นหอม กลิ่นทั่วไปของไวน์ ได้แก่ ผลไม้ เครื่องเทศ สมุนไพร และดอกไม้ต่างๆ
- คุณต้องดมกลิ่นไวน์หลายๆ ครั้งโดยหมุนวนแก้วก่อนจะดม ไวน์ที่ซับซ้อนจะให้กลิ่นที่หลากหลายและการได้กลิ่นแต่ละกลิ่นจะทำให้รสชาติของไวน์เข้มข้นขึ้น
- รสชาติโดยรวมของไวน์เป็นการผสมผสานระหว่างกลิ่นและรสชาติ ดังนั้นคุณจะต้องไม่ข้ามขั้นตอนการดมกลิ่น ^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
จิบไวน์เล็กๆ กลั้วไวน์ให้ทั่วโดยกลั้วเบาๆ รอบปาก อมไวน์ไว้ในปากประมาณ 5-10 วินาทีก่อนกลืนเพื่อดูดซับรสชาติจริงๆ หลังจากกลืนก็ให้สังเกตรสชาติหลังจิบหรือรสที่ค้างอยู่ในคอ ไวน์ที่มีคุณภาพสูงมักจะมีรสชาติหลังจิบที่ชัดเจนกว่า รสชาติหลังจิบที่ดีจะติดอยู่ที่เพดานปากของคุณเป็นเวลานาน ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

การดื่มไวน์

ดาวน์โหลดบทความ

1
จิบไวน์. ไวน์จะดีที่สุดเมื่อจิบและลิ้มรสเมื่อเทียบกับการกลืนลงไป จิบไวน์ขนาดเล็กถึงปานกลางและอมไว้ตรงกลางลิ้นก่อนกลืน วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่ซับซ้อนของไวน์
- โดยทั่วไปไวน์แดงจะมีรสชาติที่เข้มข้นและดีกว่ามากเมื่อจิบและลิ้มรส คุณสามารถเสิร์ฟไวน์แดงพร้อมอาหารเย็นหรือของหวาน หรือจะดื่มเดี่ยวๆ ได้ ดื่มไวน์ช้าๆ เพื่อที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของมันอย่างแท้จริง หมุนแก้วไวน์ก่อนจิบทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น
- คุณสามารถจิบไวน์ขาวเดี่ยวๆ ได้ แต่มันก็ยังเข้ากันได้ดีกับมื้ออาหารและของหวานที่หลากหลาย ไวน์ขาวมักให้ความสดชื่นมากกว่าไวน์แดง ดังนั้นมันจึงสมดุลกับรสชาติที่หลากหลาย จิบไวน์ทีละน้อยและปล่อยให้รสชาติของไวน์สัมผัสกับปุ่มรับรสของคุณก่อนที่จะกลืนลงไป
2
จับคู่ไวน์กับอาหารที่เหมาะสม. คุณควรพิจารณาปัจจัยบางประการเมื่อจับคู่ไวน์กับอาหาร สิ่งที่ง่ายที่สุดคือให้คิดว่าการจับคู่คือการปรับสมดุล เช่น สปาร์กลิงไวน์เข้ากันได้ดีกับอาหารทอดรสเค็ม ปฏิกิริยาคาร์บอเนชั่นและกรดจะทำหน้าที่เหมือนเบียร์และทำความสะอาดเกลือจากเพดานปากด้วยการจิบแต่ละครั้ง
- เลือกไวน์ขาวเนียนนุ่มกับอาหารอย่างปลาที่มีไขมันหรือซอสครีม เช่น Chardonnay เข้ากันได้ดีกับปลา เช่น ปลาแซลมอนหรืออาหารทะเลชนิดใดก็ได้ในซอสฉ่ำๆ
- จับคู่ไวน์โรเซ่แห้งกับอาหารที่ทำจากชีสเข้มข้น ชีสบางชนิดมักเข้ากันได้ดีกับไวน์ขาวและบางชนิดก็เข้ากันได้ดีกับไวน์แดง อย่างไรก็ตาม ชีสเกือบทุกชนิดเข้ากันได้ดีกับไวน์โรเซ่แห้งซึ่งมีความเป็นกรดของไวน์ขาวและความเป็นผลไม้ของไวน์แดง
- ไวน์แดง เช่น Cabernet และ Bordeaux นั้นยอดเยี่ยมกับเนื้อแดง เช่น สเต็กและเนื้อชิ้น ไวน์แดงทำให้เพดานปากสดชื่นหลังจากทานเนื้อสัตว์แต่ละชิ้น ^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- สำหรับของหวาน ไวน์ต้องมีรสหวานเท่าหรือหวานกว่าของหวาน เช่น จับคู่ดาร์กช็อกโกแลตรสขมกับไวน์แดงที่มีความหวาน เช่น Zinfandel ที่เพิ่งเก็บเกี่ยว ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ดูการจับคู่อาหารและไวน์เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับอาหารที่ดีที่สุดสำหรับไวน์ประเภทต่างๆ
เมื่อดื่มและชิมไวน์ คุณสามารถลองไวน์แดงหรือไวน์ขาวหลายชนิด คุณควรเปลี่ยนจากไวน์ที่เบากว่าและหวานกว่าไปเป็นไวน์ที่แห้งกว่า หากคุณต้องการลองทั้งไวน์แดงและไวน์ขาวก็ให้เริ่มด้วยไวน์ขาวแล้วจึงลองไวน์แดง หากคุณกำลังดื่มไวน์พร้อมกับมื้ออาหารก็ให้ดื่ม Chardonnay พร้อมกับมื้อค่ำและเปลี่ยนเป็นไวน์แดงสำหรับดื่มหลังอาหาร คุณยังสามารถเลือกไวน์แดงหวานๆ เพื่อทานคู่กับของหวาน

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

การเสิร์ฟไวน์

ดาวน์โหลดบทความ

1
เปิดขวดไวน์. ขวดไวน์มีหลายประเภทโดยส่วนใหญ่จะมีจุกหรือฝาเกลียว ไวน์ที่มีฝาเกลียวเปิดได้ง่าย เพียงแค่เปิดเหมือนขวดทั่วไป ขวดที่ปิดจุกคอร์กนั้นเปิดค่อนข้างยากกว่า
- คุณจะต้องมีที่เปิดแบบเกลียวเพื่อเปิดขวดไวน์ที่มีจุกคอร์ก เริ่มด้วยการเอาฟอยล์ปิดด้านบนของจุกออก จากนั้นจึงบิดเกลียวของที่เปิดลงในจุก เมื่อเกลียวของที่เปิดครึ่งหนึ่งอยู่ในจุกแล้วก็ให้ดึงที่เปิดแบบเกลียวเพื่อนำจุกออกจากขวด^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- หากคุณไม่มีที่เปิดแบบเกลียว คุณสามารถใช้มีดซอมเมอลิเยร์หรือแม้แต่รองเท้าเพื่อเปิดขวดไวน์
2
เสิร์ฟไวน์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม. คุณต้องเสิร์ฟไวน์ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รสชาติไวน์ที่ดีที่สุด ควรเสิร์ฟไวน์แดงใกล้อุณหภูมิห้องมากกว่าในขณะที่ไวน์ขาวจะรสชาติดีกว่าเมื่อแช่เย็น
- ไวน์แดงส่วนใหญ่มีรสชาติดีที่สุดระหว่าง 12-18 องศาเซลเซียสซึ่งเย็นกว่าอุณหภูมิห้องเล็กน้อย แช่ไวน์แดงที่มีอุณหภูมิห้องในถังน้ำแข็งหรือช่องแช่แข็งเป็นเวลา 10 นาทีก่อนเสิร์ฟเพื่อให้ไวน์ได้อุณหภูมิเท่านี้ ^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ไวน์ขาวมักมีรสชาติดีที่สุดระหว่าง 5-9 องศาเซลเซียส คุณจึงควรเก็บไวน์ขาวไว้ในตู้เย็น นำไวน์ขาวที่แช่เย็นออกจากตู้เย็น 20 นาทีก่อนเสิร์ฟเพื่อให้ไวน์ขาวมีอุณหภูมิเท่านี้^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
ใช้แก้วไวน์ที่เหมาะสม. แก้วไวน์ขาวมักมีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์แดงเพราะไวน์ขาวไม่จำเป็นต้องออกซิไดซ์เหมือนไวน์แดง เมื่อดื่มไวน์ขาวก็ให้เลือกแก้วที่มีตัวแคบกว่าและมีด้านบนที่เรียว วิธีนี้จะช่วยให้มีความเข้มข้นของกลิ่นหอมมากขึ้นซึ่งทำให้ความเข้มของกลิ่นและรสชาติของไวน์อยู่ได้นานขึ้น ^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} ไวน์แดงจำเป็นต้องออกซิไดซ์เพื่อให้รสชาติก่อตัวได้เต็มที่ซึ่งเป็นสาเหตุที่แก้วไวน์แดงมักมีขนาดใหญ่กว่าแก้วไวน์ขาว แก้วไวน์แดงจึงทำให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้นเพราะรูปทรงของตัวแก้ว เมื่อไวน์แดงสัมผัสกับอากาศ ลักษณะของไวน์จะเข้มข้นและเด่นชัดมากขึ้น^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เมื่อดื่มไวน์ก็ให้จับแก้วไวน์ที่ก้านเสมอและอย่าจับตัวแก้ว การจับตัวแก้วไวน์จะทำให้ไวน์อุ่นเร็วเกินไป
4
เทไวน์ลงในแก้ว. ไวน์แดงและไวน์ขาวเสิร์ฟแตกต่างกันเล็กน้อย อย่าลืมเทไวน์ลงในแก้วในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสบการณ์การดื่มไวน์ที่ดีที่สุด
- เมื่อดื่มไวน์แดงก็ให้นำขวดมาใกล้ๆ แก้วแล้วค่อยๆ รินไวน์แดงจนถึงครึ่งแก้ว นี่ควรเป็นไวน์ประมาณ 4 ออนซ์ ในการหยุดการเทก็ให้ค่อยๆ บิดขวดขึ้นเหนือแก้วเพื่อไม่ให้หยดและหกเลอะเทอะ^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เมื่อเสิร์ฟไวน์ขาวก็ให้พันผ้าเช็ดปากรอบคอขวดเพื่อเป็นฉนวนก่อนเท วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้มือของคุณร้อนขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ รินไวน์จนถึงหนึ่งในสามของแก้ว ประมาณ 3 ออนซ์ หากต้องการหยุดรินก็ให้บิดขวดขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้องกันการหก^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}