วิธีการ กำจัดเชื้อราบนเฟอร์นิเจอร์ไม้

สปอร์ของเชื้อราจะกระจายไปในอากาศ ทั้งนอกและในบ้านคุณ ซึ่งจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนกว่าจะขึ้นดอกดวงเป็นเชื้อรานั่นแหละ โดยเฉพาะอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา เชื้อราชอบดีนัก กว่าจะมาเห็นก็ใจสลายเพราะเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงมีเชื้อราขึ้นลายพร้อยไปซะแล้ว เจอแบบนี้ต้องรีบจัดการโดยย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปจุดอื่นที่ยับยั้งการเติบโตของราได้ แล้วดูดฝุ่นสปอร์ที่อาจฟุ้งกระจาย ถ้าเป็นราจางๆ ให้เอาไปตากแดด ใช้วอดก้าถูกๆ หรือน้ำยาล้างจาน แต่ถ้าราติดแน่นทนนานต้องจัดการด้วยน้ำยาฟอกขาวเจือจาง หรือใช้กระดาษทรายขัดออกไป

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมการก่อนกำจัดรา

ดาวน์โหลดบทความ

1
สวมถุงมือยาง แว่นตานิรภัย และหน้ากากอนามัย. สปอร์ของเชื้อราอันตรายต่อสุขภาพมาก โดยเฉพาะถ้าสูดดมเข้าไป ก่อนกำจัดเชื้อราให้ป้องกันโดยสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือยาง และแว่นตานิรภัยแบบไม่มีร่องหรือช่องระบายอากาศ
- สปอร์ของเชื้อราอันตรายมากถ้าสูดดมเข้าปอด เพราะงั้นต้องใช้หน้ากากอนามัย N95 หรือแบบอื่นที่กรองฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้ละเอียดกว่า ตั้งแต่เมืองไทยเจอปัญหามลพิษทางอากาศ ก็หาซื้อง่ายขึ้นเยอะเลย ทั้งตามห้าง ร้านขายยา และออนไลน์
- ถ้าคุณเป็นภูมิแพ้ หรือไวต่อฝุ่น ต่อเชื้อรามาก ยิ่งต้องปกปิดร่างกายให้มิดชิด โดยสวมเสื้อแขนยาวหรือชุดหมีได้ยิ่งดี^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ยกเฟอร์นิเจอร์ไปกำจัดเชื้อรานอกบ้าน สปอร์จะได้ไม่ฟุ้งกระจาย. ถ้าเคลื่อนย้ายไม่ได้ ต้องกำจัดกันในบ้านจริงๆ ก็ต้องเปิดหน้าต่างก่อนเริ่มงาน^{[2]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้State of Michiganไปที่แหล่งข้อมูล} แต่ที่แนะนำให้ทำนอกบ้านเพราะระหว่างทำความสะอาด คุณอาจเผลอทำสปอร์เชื้อราฟุ้งกระจายได้ ถ้าย้ายเฟอร์นิเจอร์ออกไปจะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราลามไปที่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นหรือมุมอื่นของบ้าน
- ถ้าจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ออกไปนอกบ้าน ให้ตัดถุงดำ 1 - 2 ถุงแล้วปูรองไว้ทั่วบริเวณ จะได้ป้องกันไม่ให้สปอร์ฟุ้งกระจายตอนขนย้ายเฟอร์นิเจอร์
- น้ำยาทำความสะอาดหลายชนิด เช่น น้ำยาฟอกขาว ใช้แล้วจะเกิดไอหรือกลิ่นฉุนอันตราย เป็นขั้นตอนที่ต้องทำในบริเวณที่อากาศถ่ายเท
3
ดูดฝุ่นบริเวณที่มีรา. ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ประกอบหัวดูดและแผ่นกรองอากาศ HEPA filter ได้ จะได้กำจัดสปอร์ไปพร้อมกับฝุ่นผงและสิ่งสกปรก เวลาดูดให้ไถหัวดูดผ่านบริเวณที่มีเชื้อราช้าๆ และซ้ำหลายๆ ที^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เวลากำจัดฝุ่นในถุงเก็บฝุ่นหรือกระบอกของเครื่องดูดฝุ่น ต้องทำนอกบ้าน และเทใส่ถุงซิปล็อคหรือถุงดำซ้อนกันหลายชั้น จากนั้นรูดปิดหรือมัดปากให้สนิท แล้วทิ้งนอกบ้านเลย^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

กำจัดราจางๆ

ดาวน์โหลดบทความ

1
ราจางๆ ต้องฆ่าด้วยแดด. ถ้าเฟอร์นิเจอร์ขึ้นราบางๆ และมีกลิ่นอับชื้น ให้รีบเอาไปผึ่งลมตากแดด โดยยกเฟอร์นิเจอร์ออกไปตั้งนอกบ้านตอนเช้าๆ หลังจากน้ำค้างและความชื้นช่วงเช้ามืดหมดไปแล้ว ตากแดดทิ้งไว้ทั้งวันจนพระอาทิตย์ตกดินค่อยยกเข้าบ้าน จะตากแดดซ้ำอีก 1 - 2 วันก็ได้ถ้าจำเป็น
- ถึงจะเป็นแค่ราจางๆ ก็ต้องใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย และแว่นตานิรภัย เพราะยังไงก็มีสปอร์
- ท่องไว้ว่าเชื้อราจะร่าเริงเมื่อเจอความชื้น เพราะงั้นถ้าบ้านใครไม่ค่อยเปิดแอร์ พอหน้าฝน ฝนตกบ่อยๆ ก็อับชื้น ให้ขนเฟอร์นิเจอร์ไปไว้ในห้องเล็กๆ แล้วเปิดเครื่องดูดความชื้น (dehumidifier) ก็ได้ผลเหมือนยกไปตากแดด
- ถ้าอยากให้การตากแดดฆ่าเชื้อราได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลองผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูกลั่นขาวในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วใช้ฉีดพ่นตามเฟอร์นิเจอร์ช่วงเช้า ตอนเอาออกไปตากแดด
2
ฉีดพ่นละอองวอดก้า. ถ้าเป็นราจางๆ แต่ทนแดดไม่ยอมหาย ให้ลองเทวอดก้าถูกๆ ใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดพ่นให้ทั่วเฟอร์นิเจอร์ จากนั้นผึ่งลมตากแดดไว้ บอกเลยว่าได้ผลสุดๆ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ไม้ที่ทาสีหรือย้อมไม้ไว้ ราจะไม่ค่อยกินลึกลงไปในเนื้อไม้ แค่ใช้น้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ ก็หายแล้ว
3
ถ้าราไม่ยอมหาย ให้ขัดออกด้วยน้ำยาล้างจานกับแปรงขนนุ่ม. เชื้อราที่ทนแดดและวอดก้า แต่ไม่ฝังลึกมาก ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดไม่แรงมาก โดยผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่น 1 ถัง แล้วใช้แปรงขนนุ่มขัดวนเบาๆ บริเวณที่ขึ้นรา^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เสร็จแล้วให้เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด ถ้ากำจัดเชื้อราหมดจดแล้ว ก็เช็ดซ้ำด้วยผ้าแห้งอีกที แต่ถ้ารายังอยู่ ให้ทำซ้ำตามขั้นตอน
- ก่อนขัดด้วยน้ำยา ให้ทดสอบตรงจุดเล็กๆ ลับตาของเฟอร์นิเจอร์ก่อน เพราะแปรงขัดบางชนิดอาจทำสีย้อมไม้ลอกได้^{[7]Xแหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้State of Michiganไปที่แหล่งข้อมูล}
4
ถ้าน้ำยาล้างจานไม่ได้ผล ให้เปลี่ยนไปใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาวแทน. เพราะใช้ฆ่าเชื้อราได้เห็นผลดีเยี่ยม ถ้าน้ำยาล้างจานไม่ระคายเชื้อรา ก็ต้องเจอฉีดด้วยน้ำส้มสายชู ให้เทใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดพ่นให้ทั่วเฟอร์นิเจอร์ จากนั้นทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด
- ถ้าไม่หายก็ลงน้ำส้มสายชูซ้ำตามเดิม ถ้ากำจัดเชื้อราได้ในที่สุดค่อยเช็ดด้วยผ้าแห้ง^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

กำจัดราติดแน่นทนนาน

ดาวน์โหลดบทความ

1
ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจางถ้าราฝังแน่น. ผสมน้ำยาทำความสะอาดที่มีติดบ้าน คือน้ำยาล้างจาน น้ำยาฟอกขาว กับน้ำ 1 ถัง สัดส่วนคือน้ำยาล้างจาน 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.) น้ำยาฟอกขาว 2½ ถ้วยตวง (590 มล.) และน้ำ 5 ถ้วยตวง (1 - 1.5 ลิตร) ผสมแล้วคนให้เข้ากัน^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นราแค่ที่พื้นผิวด้านบน ยังพอกัดออกด้วยน้ำยาฟอกขาวได้ แต่ถ้าราฝังลึกในเนื้อไม้ ก็ต้องมีสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ช่วย เช่น น้ำยาล้างจาน^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- น้ำยาฟอกขาวทำเสื้อผ้าหรือพรมที่ย้อมสีด่างหรือถึงขั้นกลายเป็นสีขาวได้ เพราะงั้นต้องระวังถ้าจะกำจัดเชื้อราด้วยน้ำยาฟอกขาว โดยใส่เสื้อกาวน์ ชุดหมี หรืออย่างน้อยก็เสื้อแขนยาวปิดมิดชิด แต่ควรเป็นเสื้อผ้าเก่าหรือเปื้อนได้ไม่เป็นไร
2
ลงน้ำยาฟอกขาวเจือจางที่เฟอร์นิเจอร์. เอาแปรงขนแข็งหรือฟองน้ำหยาบจุ่มน้ำยา จากนั้นใช้ขัดวนโดยออกแรงพอประมาณให้ทั่วบริเวณที่ขึ้นรา เสร็จแล้วผึ่งลมจนเฟอร์นิเจอร์แห้ง ถ้ายังไม่หายหรือจางลง ก็ทำซ้ำตามขั้นตอนได้^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- จะได้ผลกว่าถ้าย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปนอกบ้าน แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำยาฟอกขาวเจือจางตามวิธีการที่ว่ามา เสร็จแล้วตากแดดผึ่งลมไว้
- ขัดไม้ด้วยแปรงขนแข็งอาจทำให้สีย้อมหรือสีเคลือบลอกได้ แบบนี้ก็ต้องย้อมไม้เคลือบเงากันใหม่
- ถ้าน้ำยาสูตรนี้กำจัดราได้ไม่หมดจด แปลว่าราน่าจะฝังรากลึกเกินจะกำจัดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างเดียว^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
3
ถ้าใช้น้ำยาไม่ได้ผล ต้องใช้กระดาษทรายขัดออก. ให้ใช้กระดาษทรายละเอียด (เบอร์ 120 - 220) ขัดเบาๆ บริเวณที่ขึ้นรา^{[13]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง} โดยขัดตอนที่ไม้ยังชื้นๆ สปอร์ของราจะได้ไม่ฟุ้งกระจาย จากนั้นลงน้ำยาฟอกขาวเจือจาง แล้วผึ่งลมไว้
- ไม้ที่ย้อมและเคลือบเงาแล้ว ถึงขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆ ก็ทำสีเคลือบลอกได้ ต้องเคลือบซ้ำหลังกำจัดรา^{[14]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
โฆษณา

คำเตือน

สปอร์เชื้อราอันตรายมาก ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เสมอก่อนลงมือทำความสะอาด ทั้งถุงมือ แว่นตานิรภัย และหน้ากากอนามัย
ถ้าเฟอร์นิเจอร์ขึ้นราจนเกินเยียวยา ทิ้งไปน่าจะดีกว่า เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

โฆษณา