วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 11 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง
มีการอ้างอิง 7 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 34,900 ครั้ง
เราอาจเผลอทำกาแฟหกลงบนหน้าหนึ่งของตำราเรียนราคาแพง เราอาจเผลอวางเอกสารสำคัญบนโต๊ะสกปรกในห้องครัว และพอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ากระดาษเปื้อนคราบน้ำมันไปเรียบร้อยแล้ว ขณะอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด เราก็บังเอิญถูกกระดาษบาดจนเลือดออก แล้วเลือดก็หยดเปื้อนหน้าหนึ่งของหนังสือเล่มนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สามารถจัดการคราบต่างๆ นี้ได้! บทความนี้จะบอกวิธีขจัดคราบเหล่านี้โดยไม่ทำให้กระดาษเสียหายเพิ่มเติม
ขั้นตอน
- ขจัดคราบออกให้เร็วที่สุด. เราต้องรีบขจัดคราบออกให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งเราขจัดคราบออกได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถขจัดคราบออกได้มากขึ้นเท่านั้น คราบที่ถูกปล่อยทิ้งไว้นานจะเริ่ม "แข็งตัว" จึงขจัดออกได้ยากขึ้น[1]
- ถ้าคราบนั้นแห้งและแข็งตัวติดกระดาษเอกสารหรือหนังสือที่มีค่าและไม่สามารถหามาทดแทนได้ การขจัดคราบยังทำได้อยู่! แต่วิธีการขจัดคราบลักษณะนี้ซับซ้อนพอสมควรและอาจเป็นอันตรายแก่ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ถ้าวิธีการที่บทความนี้แนะนำไปไม่ได้ผล ลองปรึกษานักจดหมายเหตุมืออาชีพดู
- ประเมินความเสียหาย. พิจารณาดูสิว่าเราจะสามารถขจัดคราบนั้นออกไปได้หรือไม่ โดยปกติแล้วเราจะสามารถขจัดคราบที่ค่อนข้างเล็กได้ เราสามารถขจัดคราบน้ำชาที่เปื้อนเล็กน้อยได้ แต่คงไม่สามารถทำอะไรได้ หากทำน้ำชาหนึ่งกาหกใส่หนังสือ
- ดูก่อนว่าเป็นคราบอะไร. ก่อนที่จะลงมือขจัดคราบออกจากกระดาษ ให้ดูก่อนว่าคราบนั้นเป็นคราบอะไร ถ้าเรารู้ว่าเป็นคราบอะไร เราจะได้เลือกวิธีขจัดคราบที่ถูกต้องและเหมาะสม คราบที่พบได้มากที่สุดมีสามประเภทได้แก่
- คราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก คราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักน่าจะเป็นคราบที่พบบ่อยที่สุด คราบประเภทนี้ประกอบด้วยคราบเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม คราบน้ำเหล่านี้จะคล้ายสีย้อม ทิ้งสารสีไว้เมื่อคราบแห้ง
- คราบน้ำมันหรือคราบมัน คราบประเภทนี้เกิดจากการเปื้อนน้ำมันอย่างเช่น น้ำมันที่ใช้ในการทำอาหาร โดยส่วนใหญ่พวกคราบน้ำมันหรือคราบมันขจัดออกได้ยากลำบากกว่าคราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เพราะคราบพวกนี้จะทิ้งดวงใสๆ ไว้ที่กระดาษ
- คราบเลือด ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เราอาจบังเอิญถูกกระดาษบาดหรือเลือดกำเดาไหล เลือดจึงหยดเปื้อนหน้าหนึ่งของหนังสือโดยไม่ตั้งใจ ถึงแม้โดยทางเทคนิคแล้วคราบเลือดจัดอยู่ในคราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ก็ต้องขจัดคราบนี้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบเหลืองถาวร [2]
โฆษณา
- นำกระดาษชำระอเนกประสงค์ที่แห้งสนิทมาพับและซับคราบออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้. ถ้ากระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นนั้นเปียกชุ่มแล้ว ให้นำแผ่นใหม่มาซับคราบที่เหลือ การซับคราบด้วยความระมัดระวังจะช่วยป้องกันไม่ให้คราบกระจายไปทั่วกระดาษ[3] ค่อยๆ ซับคราบเบาๆ ด้วยความระมัดระวังเพื่อกระดาษจะได้ไม่เสียหาย
- หาโต๊ะที่มีพื้นผิวกันน้ำ เช็ดให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และวางกระดาษหรือหน้านั้นไว้บนโต๊ะนั้น. โต๊ะที่เราจะวางกระดาษหรือหน้านั้นไว้ต้องสะอาดจริงๆ ไม่อย่างนั้นกระดาษจะเปื้อนคราบอีก! นำวัตถุที่สะอาดและกันน้ำมาวางทับที่มุมกระดาษสักสองสามมุมเพื่อลดโอกาสที่กระดาษจะยับ
- นำกระดาษชำระอเนกประสงค์มาชุบน้ำและซับคราบด้วยระมัดระวังอีกครั้ง. นำกระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นใหม่มาชุบน้ำและซับคราบอีกครั้งจนเราไม่เห็นสีหลุดออกมาติดกระดาษชำระอเนกประสงค์อีก[4] ถ้าคราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง สีส่วนใหญ่จะถูกกระดาษชำระอเนกประสงค์ซับออกไป แต่ถ้าคราบยังอยู่ ให้อ่านขั้นตอนต่อไป[5]
- นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำ. นำน้ำส้มสายชู กลั่น ครึ่งถ้วยมาผสมกับน้ำครึ่งถ้วย เราต้องใช้น้ำส้มสายชูกลั่นเท่านั้น เพราะถ้าใช้น้ำส้มสายชูประเภทอื่นจะทำให้กระดาษมีคราบ ควรผสมน้ำส้มสายชูกลั่นกับน้ำในบริเวณที่อยู่ห่างจากกระดาษด้วย หากเกิดทำอะไรหก จะได้ไม่เกิดความเสียหายเพิ่มเติม
- นำสำลีก้อนจุ่มน้ำส้มสายชูเจือจางและค่อยๆ ซับบริเวณตัวอักษรของเอกสารนั้น. ตรวจดูสิว่ามีหมึกหลุดลอกหรือซึมออกมาติดสำลีก้อนบ้างหรือเปล่า วิธีการพิมพ์บางวิธีทำให้หมึกไม่หลุดลอกออกมา แต่ก็มีวิธีการพิมพ์บางวิธีทำให้หมึกหลุดลอกออกมา ฉะนั้นเราจึงต้องทดสอบกับบริเวณเล็กๆ ซึ่งไม่เป็นที่สังเกตเห็นก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าหมึกบนกระดาษจะหลุดลอกออกมาไหม
- ถ้าหมึกหลุดลอกออกมาจากเอกสาร แสดงว่าถ้าเราพยายามขจัดคราบต่อไป อาจทำให้กระดาษเสียหายได้[6]
- ถ้าไม่มีหมึกหลุดลอกออกมาเปื้อนสำลีก้อน ให้ทำขั้นตอนต่อไป
- ใช้สำลีก้อนซับคราบบนกระดาษ. สารสีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ควรถูกน้ำส้มสายชูละลายและหลุดออกจากหน้านั้นแล้ว[7] ถ้าคราบนั้นใหญ่หรือมีสีเข้มและสำลีเริ่มสกปรก เราอาจต้องนำสำลีก้อนใหม่ชุบน้ำส้มสายชูเจือจางแล้วซับคราบบนกระดาษอีกครั้ง การใช้สำลีก้อนใหม่ซับคราบจะป้องกันไม่ให้เราเผลอทำคราบกระจายไปทั่วหน้ากระดาษ
- ใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ที่แห้งซับบริเวณที่เคยมีคราบ. ปล่อยให้กระดาษแห้งเอง ถ้ากระดาษที่เราเพิ่งขจัดคราบเป็นหน้าหนึ่งของหนังสือ ให้เปิดหนังสือหน้านั้นไว้ วางกระดาษชำระอเนกประสงค์ไว้ด้านบนและด้านล่างของหน้านั้น แล้วใช้ของที่มีน้ำหนักทับกระดาษชำระอเนกประสงค์ที่วางไว้ด้านบนของหน้านั้นเอาไว้โฆษณา
- ใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ซับน้ำมันที่เกินออกมา. เราต้องขจัดคราบน้ำมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนที่ทำกับคราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ถึงแม้โดยทั่วไปแล้วคราบน้ำมันจะไม่แข็งตัวแบบเดียวกับคราบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่คราบน้ำมันก็ยังสามารถกระจายไปได้เร็ว ล้างมือเพื่อชำระคราบน้ำมันออกให้หมดก่อนที่จะทำขั้นตอนต่อไป
- พับกระดาษชำระอเนกประสงค์ให้มีความหนาเท่ากับกระดาษสองแผ่นวางซ้อนกันและให้มีความกว้างกว่าคราบ. วางกระดาษชำระอเนกประสงค์บนโต๊ะที่สะอาด เลือกวางบนโต๊ะที่จะไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำมัน หากน้ำมันเปียกกระดาษจนโชก โต๊ะที่เหมาะจะใช้ในภารกิจนี้คือเคาน์เตอร์ครัว โต๊ะกระจก หรือโต๊ะช่าง อย่าใช้โต๊ะไม้
- นำกระดาษที่เปื้อนคราบน้ำมันมาวางทับกระดาษชำระอเนกประสงค์. ต้องให้บริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมันอยู่ตรงกับกระดาษชำระอเนกประสงค์พอดี พยายามให้คราบอยู่ตรงกลางกระดาษชำระอเนกประสงค์เพื่อคราบจะได้อยู่ห่างจากขอบกระดาษแต่ละด้านประมาณหนึ่งนิ้ว ระยะห่างนี้เผื่อไว้ในกรณีที่คราบเกิดกระจายออกไปเล็กน้อย
- นำกระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นที่สองมาพับและวางทับคราบอีกที. พับกระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นที่สองแบบเดียวกับที่พับแผ่นแรก เราต้องให้คราบอยู่ห่างจากขอบกระดาษชำระอเนกประสงค์แต่ละด้านประมาณหนึ่งนิ้ว สาเหตุที่เราต้องนำกระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นที่สองมาวางทับเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันเปื้อนหนังสือ
- นำหนังสือหนักๆ มาวางทับกระดาษชำระอเนกประสงค์แผ่นที่สอง. หนังสือที่แนะนำให้ใช้ในการวางทับคือพวกตำราเรียนปกแข็งและพจนานุกรม จะใช้วัตถุหนักๆ ที่มีผิวเรียบและแบนแทนหนังสือก็ได้ ถ้าคราบนั้นอยู่ในหนังสือ ให้ปิดหนังสือโดยมีกระดาษชำระอเนกประสงค์อยู่ข้างในและวางหนังสืออีกเล่มบนหนังสือเล่มนั้นอีกที
- นำหนังสือออกหลังจากผ่านไปสองสามวัน. คราบน่าจะหายไปหมดแล้วพอถึงขั้นตอนนี้ ถ้ายังเห็นคราบอยู่ ลองเปลี่ยนกระดาษชำระอเนกประสงค์และวางหนังสือทับกระดาษอีกหนึ่งคืน ถ้าคราบน้ำมันยังอยู่ ให้ทำขั้นตอนถัดไป
- โรยเบคกิ้งโซดาให้หนาจนมองไม่เห็นคราบแม้แต่นิดเดียวและทิ้งไว้หนึ่งคืน. ควรจะโรยเบคกิ้งโซดาลงบนกระดาษให้หนา ถ้าเรายังเห็นผิวกระดาษอยู่ ให้โรยเบคกิ้งโซดาเพิ่ม! ผงดูดซับแบบไม่ทิ้งคราบชนิดอื่นๆ ก็ยังสามารถนำมาใช้โรยคราบที่กระดาษได้ด้วย
- เอาเบคกิ้งโซดาออกและตรวจดูว่ามีคราบหลงเหลืออยู่ไหม. ให้ทำขั้นตอนที่ 7 และ 8 ซ้ำด้วยผงเบคกิ้งโซดาใหม่ทุกครั้งจนกว่าคราบจะหายไปหมด[8] หากลองทำซ้ำขั้นตอนดังกล่าวไปแล้วสองสามครั้ง แต่คราบยังหลงเหลืออยู่ เราอาจต้องให้ผู้เชี่ยวชาญขจัดคราบน้ำมันบนกระดาษให้ แต่ค่าบริการก็น่าจะสูงอยู่โฆษณา
- ใช้สำลีก้อนหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์ที่แห้งและสะอาดซับเลือดออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้. ถ้าคราบเลือดนั้นไม่ได้มาจากตัวเราเอง ให้ระมัดระวังและสวมถุงมือเวลาซับเลือด พวกเชื้อที่ติดต่อกันได้ทางเลือดบางชนิดยังคงสามารถแพร่เชื้อนอกร่างกายได้อยู่หลายวัน หลังขจัดคราบเรียบร้อยแล้ว ให้นำสำลีหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์ไปทิ้งอย่างระมัดระวังและถูกวิธี
- นำสำลีก้อนจุ่มน้ำเย็นแล้วค่อยๆ ซับคราบเลือดจนคราบเลือดนั้นเปียก. ใส่น้ำแข็งลงไปในน้ำ น้ำจะได้เย็น อย่าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในการขจัดคราบเลือด! ไม่อย่างนั้นความร้อนอาจทำให้คราบเลือดแข็งตัวและติดกระดาษถาวร[9]
- นำสำลีแห้งมาซับคราบเลือดที่เปียก. ค่อยๆ ซับคราบบริเวณนั้นจนแห้ง ใช้สำลีก้อนแตะคราบบริเวณนั้นเบาๆ อย่าซับคราบที่แห้ง เพราะอาจทำให้กระดาษเสียหายได้
- ทำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำจนกระทั่งไม่มีเลือดซึมออกมาเปื้อนสำลี. เราอาจต้องทำขั้นตอนดังกล่าวซ้ำสองถึงสามครั้ง ถ้าคราบเลือดนั้นยังใหม่อยู่ แค่ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ก็น่าจะขจัดคราบเลือดได้หมดแล้ว แต่ถ้าคราบเลือดยังคงอยู่ ให้อ่านขั้นตอนถัดไป
- ใช้สารละลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 3%ขจัดคคราบเลือดที่เหลืออยู่. กลับไปทำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำ แต่คราวนี้ใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์แทนน้ำ ทำขั้นตอนดังกล่าวซ้ำเท่าที่จำเป็น อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวขจัดคราบเลือด! เพราะน้ำยาฟอกขาวสามารถย่อยโปรตีนที่พบในเลือดได้ ผลคือทิ้งคราบเหลืองที่ไม่น่ามองเอาไว้ให้[10]โฆษณา
เคล็ดลับ
- เราต้องทำอย่างเบามือทุกขั้นตอน! เราต้องค่อยๆ ซับคราบ อย่าเช็ดถูคราบ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คราบกระจายหรือทำให้กระดาษเสียหาย
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://emptyeasel.com/2014/10/20/how-to-remove-stains-from-watercolor-or-drawing-paper/
- ↑ http://www.si.edu/mci/english/learn_more/taking_care/stains.html
- ↑ http://emptyeasel.com/2014/10/20/how-to-remove-stains-from-watercolor-or-drawing-paper/
- ↑ http://emptyeasel.com/2014/10/20/how-to-remove-stains-from-watercolor-or-drawing-paper/
- ↑ https://books.google.com/books?id=p_TSTd444VYC&lpg=PA171&ots=mFwBo48fq
- ↑ https://books.google.com/books?id=p_TSTd444VYC&lpg=PA171&ots=mFwBo48fq
- ↑ https://books.google.com/books?id=p_TSTd444VYC&lpg=PA171&ots=mFwBo48fq
- ↑ http://www.howtocleanstuff.net/how-to-remove-an-oil-stain-from-paper/
- ↑ http://archivesoutside.records.nsw.gov.au/conservation-tip-no-3-removing-blood-from-paper-documents
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.