วิธีการ โต้แย้งว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

คนส่วนใหญ่ทั่วโลกเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง เพราะฉะนั้นการที่จะโต้แย้งว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องท้าทาย แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา และวัฒนธรรมก็สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการโต้แย้งที่ว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงอย่างหนักแน่นได้ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกหลักฐานในแง่ไหน อย่าลืมที่จะสุภาพและคิดถึงใจเขาใจเราเวลาที่คุณแสดงความคิดเห็นว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ใช้วิทยาศาสตร์ถกเถียงเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ชี้ให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตถูกออกแบบมาไม่ดี.
    ข้อถกเถียงเรื่องการออกแบบสิ่งมีชีวิตได้ไม่ดีนั้นกล่าวว่า ถ้าพระเจ้าสมบูรณ์แบบ ทำไมพระเจ้าถึงสร้างเราและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ออกมาได้ไม่ดี เช่น เรามีโอกาสเป็นโรคต่างๆ กระดูกของเราก็หักง่าย ร่างกายและจิตใจของเราก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา คุณอาจจะพูดถึงกระดูกสันหลังของเราที่ถูกสร้างออกมาได้ไม่ดี เข่าที่งอไม่ได้ และกระดูกอุ้งเชิงกรานที่ทำให้คลอดลูกลำบากด้วย[1] หลักฐานทางชีววิทยาทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง (หรือไม่ก็สร้างเรามาไม่ดี เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องบูชาพระเจ้า)
    • คนที่เชื่อในพระเจ้าอาจจะโต้แย้งความคิดนี้ด้วยการบอกว่า ถ้าพระเจ้าสมบูรณ์แบบ พระเจ้าก็ได้สร้างเราให้ออกมาดีตามที่หวังไว้มากที่สุด นอกจากนี้พวกเขาอาจจะยังโต้แย้งด้วยว่า สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นความไม่สมบูรณ์แบบนั้นจริงๆ แล้วมันมีความหมายของมันในพระประสงค์แห่งการสร้างของพระเจ้าที่ใหญ่กว่า ถึงตอนนี้ให้ชี้ถึงตรรกะวิบัติในทันทีว่า เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อหวังว่าวันหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมตาหรือไหล่ของเราถึงออกแบบมาไม่ดีนั้นจะโผล่ขึ้นมา อ้างชื่อวอลแตร์ นักปรัชญาที่เขียนนิยายเกี่ยวกับการที่ผู้คนเริ่มมองหาความหมายของชีวิตหลังจากที่แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ถล่มเมืองปารีส เราเป็นสัตว์ที่แสวงหารูปแบบ เพราะฉะนั้นธรรมชาติของเราย่อมมองหาและคาดหวังรูปแบบที่เราไม่สามารถหาได้ที่ไหน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ชี้ให้เห็นถึงประวัติการแทนที่สิ่งเหนือธรรมชาติด้วยคำอธิบายตามหลักธรรมชาติ....
    ชี้ให้เห็นถึงประวัติการแทนที่สิ่งเหนือธรรมชาติด้วยคำอธิบายตามหลักธรรมชาติ.[2] แนวคิดที่บอกว่า “พระเจ้ามีอยู่จริงเพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง” นั้นเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปเมื่อคนแย้งว่าพระเจ้ามีอยู่จริง โดยจะแย้งว่าแม้ว่าวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะอธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้ แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้เช่นเดียวกัน คุณสามารถแย้งคำพูดนี้ได้ด้วยการพูดว่า สิ่งที่เราไม่เข้าใจนั้นมีน้อยลงทุกปี และในขณะที่คำอธิบายตามหลักธรรมชาติเข้ามาแทนที่คำอธิบายตามหลักการที่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง คำอธิบายเหนือธรรมชาติหรือคำอธิบายที่ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงกลับไม่สามารถแทนที่คำอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้เลย
    • เช่น คุณอาจจะยกตัวอย่างเรื่องวิวัฒนาการเป็นตัวอย่างของการที่วิทยาศาสตร์ได้สร้างคำอธิบายเกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ขึ้นใหม่ แทนที่คำอธิบายที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
    • แย้งว่าศาสนามักถูกใช้อธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ชาวกรีกใช้เทพโปไซดอนอธิบายว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้เราก็รู้แล้วว่ามันเกิดจากการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกเพื่อระบายแรงดัน
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของแนวคิดเรื่องการทรงสร้าง....
    ชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของแนวคิดเรื่องการทรงสร้าง. แนวคิดเรื่องการทรงสร้างเป็นความเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก มักจะอยู่ในช่วงกรอบเวลาประมาณ 5,000 – 6,000 ปีที่แล้ว ให้แย้งความเชื่อนี้ด้วยหลักฐานที่เชื่อถือได้มากมายที่พิสูจน์ว่าความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริง เช่น ข้อมูลเรื่องวิวัฒนาการ ฟอสซิล การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี และแกนน้ำแข็งเพื่อแย้งว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง[3]
    • เช่น คุณอาจจะพูดว่า “เราเจอก้อนหินอายุเป็นล้านๆ ปีหรือเป็นพันๆ ล้านปีตลอดเวลา นี่ยังไม่พิสูจน์ให้เห็นอีกหรือว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง”
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ใช้หลักฐานทางวัฒนธรรมแย้งว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 แย้งว่าความเชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้น....
    แย้งว่าความเชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้น. แนวคิดนี้สามารถอธิบายได้หลายวิธี คุณอาจจะอธิบายว่าในประเทศที่ค่อนข้างยากจน เกือบทุกคนศรัทธาในพระเจ้า ในขณะที่ประเทศที่ค่อนข้างร่ำรวยและประเทศพัฒนาแล้วนั้น มีคนเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ศรัทธาในพระเจ้า[4] นอกจากนี้คุณก็อาจจะกล่าวได้ว่า คนที่มีการศึกษาดีนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงมากกว่าคนที่ได้รับการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่า ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงที่บอกได้เป็นอย่างดีว่า พระเจ้าเป็นเพียงผลผลิตทางวัฒนธรรม และความเชื่อในเรื่องของพระเจ้าก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางสังคมของคนๆ นั้น
    • นอกจากนี้คุณอาจจะเสนอแนะด้วยว่า คนที่เติบโตมากับความเชื่อทางศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างเคร่งครัดมักจะยึดถือศาสนานั้นตลอดชีวิต ในขณะที่คนที่ไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่เชื่อในศาสนานักมักจะไม่ค่อยกลายเป็นคนเคร่งศาสนาในภายหลัง[5]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อธิบายว่าแค่เพราะคนส่วนใหญ่ศรัทธาในพระเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ามีอยู่จริง....
    อธิบายว่าแค่เพราะคนส่วนใหญ่ศรัทธาในพระเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ามีอยู่จริง.[6] หนึ่งในเหตุผลทั่วไปที่ทำให้ความเชื่อเรื่องพระเจ้ามีเหตุผลก็คือ การที่คนส่วนใหญ่เชื่ออย่างนั้น แนวคิด “ความเชื่อที่เป็นเอกฉันท์” นี้อาจจะมาจากความคิดที่ว่า เพราะมีคนเชื่อในพระเจ้ามากมาย ดังนั้นความเชื่อนี้ย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่คุณสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดได้ด้วยการกล่าวว่า แค่เพราะคนจำนวนมากเชื่อเรื่องใด ก็ไม่ได้แปลว่าความเชื่อนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่น คุณอาจจะบอกว่า ในสมัยหนึ่งคนส่วนใหญ่ก็เคยเชื่อว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ยอมรับได้
    • เสนอว่าถ้าคนเราไม่ได้เรียนรู้เรื่องศาสนาหรือแนวคิดเรื่องพระเจ้า เราก็จะไม่เชื่อในพระเจ้า
  3. How.com.vn ไท: Step 3 สำรวจความเชื่อทางศาสนาต่างๆ.
    [7] เอกลักษณ์และลักษณะของเทพเจ้าในศาสนาคริสต์ ฮินดู และพุทธนั้นต่างกันมาก ดังนั้นคุณก็สามารถแย้งได้ว่า ถึงพระเจ้าจะมีอยู่จริงๆ ก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าเราต้องบูชาพระเจ้าองค์ไหนกันแน่
    • วิธีนี้เรียกอย่างเป็นทางการว่า เป็นข้อโต้แย้งจากวิวรณ์ที่ไม่สอดคล้องกัน (Inconsistent Revelation)
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ชี้ให้เห็นถึงข้อความที่แย้งกันในคัมภีร์ทางศาสนา....
    ชี้ให้เห็นถึงข้อความที่แย้งกันในคัมภีร์ทางศาสนา. ศาสนาส่วนใหญ่มีคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ในฐานะผลผลิตและหลักฐานการมีอยู่ของพระเจ้า ถ้าคุณสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อความที่แย้งกันในคัมภีร์หรือข้อความที่ไม่ถูกต้องได้ คุณก็ได้ให้เหตุผลที่หนักแน่นแล้วว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง
    • เช่น ถ้ามีส่วนหนึ่งในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่อธิบายว่าพระเจ้าเป็นผู้ให้อภัย แต่กลับถล่มหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านหรือประเทศทั้งประเทศทีหลัง คุณก็สามารถใช้ข้อความที่ขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัดนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง (หรือไม่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ก็โกหก)
    • ในกรณีของคัมภีร์ไบเบิล บ่อยครั้งที่บทกลอน เรื่องราว และเกร็ดพงศาวดารนั้นถูกบิดเบือนทั้งดุ้นหรือเปลี่ยนแปลงในบางจุด เช่น มาระโก 9:29 และ ยอห์น 7:53 ถึง 8:11 นั้นมีข้อความที่ลอกมาจากแหล่งที่มาอื่นๆ [8] อธิบายว่าสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นแค่การนำความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์มารวมกัน ไม่ใช่หนังสือที่พระเจ้าบันดาล
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ใช้ข้อโต้แย้งทางปรัชญาเพื่อแย้งว่าพระเจ้าไม่มีจริง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 แย้งว่าถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง พระเจ้าย่อมไม่ปล่อยให้มีการไม่นับถือพระเจ้ามากมายขนาดนี้....
    แย้งว่าถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง พระเจ้าย่อมไม่ปล่อยให้มีการไม่นับถือพระเจ้ามากมายขนาดนี้. ข้อโต้แย้งนี้เสนอว่า ถ้าที่ไหนมีอเทวนิยม พระเจ้าย่อมลงมาหรือแทรกแซงบนโลกเป็นการส่วนพระองค์เพื่อแสดงพระองค์ต่อหน้าผู้ที่ไม่เชื่อถือในพระเจ้า[9] แต่การที่มีผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้ามากมายขนาดนี้และพระเจ้าเองก็ไม่ได้พยายามที่จะโน้มน้าวให้คนเหล่านี้หันมานับถือพระเจ้าจากพระญาณสอดส่อง ก็หมายความว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง
    • คนที่เชื่อในพระเจ้าอาจจะแย้งความคิดนี้ด้วยการพูดว่า พระเจ้าประทานเจตจำนงเสรีให้กับเรา เพราะฉะนั้นการไม่นับถือพระเจ้าย่อมเป็นผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาอาจจะยกตัวอย่างเจาะจงจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เมื่อคราวที่พระเจ้าทรงแสดงตนต่อหน้าคนที่ยังปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สำรวจความไม่สม่ำเสมอในความเชื่อของอีกฝ่าย.
    ถ้าศรัทธาของผู้ที่เชื่อตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างจักรวาลเนื่องจาก “ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด” คุณก็อาจจะถามว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วอะไรล่ะที่สร้างพระเจ้า"[10]สิ่งนี้จะเน้นให้อีกฝ่ายเห็นว่า พวกเขากำลังสรุปเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้าอย่างไม่ยุติธรรม ในเมื่อความเป็นจริงแล้วหลักการพื้นฐานเดียวกันนี้ (ที่ว่าทุกสิ่งย่อมมีจุดเริ่มต้นนั้น) สามารถนำไปสู่ข้อสรุปที่ต่างกันได้สองข้อ
    • คนที่เชื่อในพระเจ้าอาจจะแย้งว่า พระเจ้าผู้ซึ่งอำนาจของพระองค์กว้างใหญ่ไพศาลไม่สิ้นสุดนั้นอยู่เหนือสถานที่และเวลา ดังนั้นพระองค์จึงทรงอยู่เหนือกฎที่ว่าทุกสิ่งย่อมมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ถ้าพวกเขาแย้งแบบนี้ คุณก็สามารถแย้งถึงสิ่งที่ขัดแย้งกันในแนวคิดเรื่องอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้าได้
  3. How.com.vn ไท: Step 3 สำรวจปัญหาความชั่วร้าย.
    [11] ปัญหาความชั่วร้ายนั้นตั้งคำถามว่า พระเจ้าจะมีอยู่ได้อย่างไรหากมีความชั่วร้ายอยู่ด้วย หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าพระเจ้ามีอยู่และเป็นสิ่งดีงาม พระเจ้าก็ย่อมกำจัดความชั่วร้ายทั้งหมดให้สิ้นซาก คุณก็อาจจะแย้งว่า "ถ้าพระเจ้าทรงห่วงใยเราจริงๆ โลกเราย่อมไม่มีสงคราม"
    • คู่สนทนาของคุณอาจจะตอบว่า "การปกครองโดยมนุษย์นั้นชั่วร้ายและย่อมมีข้อผิดพลาด คนต่างหากที่เป็นผู้สร้างความชั่วร้าย ไม่ใช่พระเจ้า” ในแง่นี้คู่สนทนาของคุณอาจจะพูดถึงแนวคิดเรื่องเจตจำนงเสรีขึ้นมาอีกครั้งเพื่อแย้งความคิดที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความชั่วร้ายทั้งหมดในโลกใบนี้
    • คุณก็อาจจะก้าวไปอีกขั้นและแย้งได้ว่า ถ้าเทพเจ้าชั่วร้ายที่มีอยู่ปล่อยให้มีความชั่วร้ายเกิดขึ้น เทพเจ้าองค์นั้นก็ไม่สมควรได้รับการบูชา
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ชี้ให้เห็นว่าคุณธรรมไม่ต้องมีความเชื่อทางศาสนามาเกี่ยวข้อง....
    ชี้ให้เห็นว่าคุณธรรมไม่ต้องมีความเชื่อทางศาสนามาเกี่ยวข้อง.[12] หลายคนเชื่อว่าถ้าไม่มีศาสนา โลกของเราจะตกต่ำลงสู่ความเสื่อมทรามทางจริยธรรม คุณสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมของคุณ (หรือของคนที่ไม่นับถือพระเจ้าอื่นๆ ได้ว่า) ได้ว่าแทบไม่ต่างจากพฤติกรรมของคนที่เชื่อในพระเจ้าเลย ยอมรับว่าแม้ว่าคุณจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกัน และความศรัทธาในพระเจ้าก็ไม่ได้ทำให้คนๆ นั้นมีคุณธรรมหรือรู้ผิดชอบชั่วดีมากกว่าคนอื่น
    • นอกจากนี้คุณก็ยังคัดค้านแนวคิดนี้ได้ด้วยการแย้งว่า ไม่เพียงแต่ศาสนาจะไม่นำไปสู่ความดีงาม แต่ศาสนายังนำไปสู่ความชั่วร้ายด้วย เพราะคนเคร่งศาสนาหลายคนก็กระทำสิ่งชั่วร้ายในนามของพระเจ้า คุณอาจจะยกตัวอย่างการไต่สวนศรัทธาของสเปนหรือการก่อการร้ายทางศาสนาทั่วโลก
    • นอกจากนี้สัตว์ที่ไม่สามารถเข้าใจแนวคิดเรื่องศาสนาของมนุษย์ได้ยังเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจทางสัญชาตญาณเรื่องพฤติกรรมจริยธรรมและการแยกแยะระหว่างสิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ผิด
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ชี้ให้เห็นว่าชีวิตที่ดีไม่ต้องพึ่งพระเจ้า.
    หลายคนเชื่อว่าการศรัทธาในพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ร่ำรวย มีความสุข และสมบูรณ์[13] แต่คุณสามารถชี้ให้เห็นได้ว่า หลายคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นมีความสุขกว่าและประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่เคร่งศาสนา
    • เช่น คุณอาจจะยกตัวอย่าง Richard Dawkins หรือ Christopher Hitchens ในฐานะคนที่ประสบความสำเร็จแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าก็ตาม
  6. How.com.vn ไท: Step 6 อธิบายความขัดแย้งกันระหว่างอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้ากับเจตจำนงเสรี....
    อธิบายความขัดแย้งกันระหว่างอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้ากับเจตจำนงเสรี. อำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้าซึ่งเป็นความสามารถของพระเจ้าในการที่จะล่วงรู้ทุกสิ่งดูจะขัดแย้งกันในหลักคำสอนของศาสนาส่วนใหญ่ เจตจำนงเสรีคือแนวคิดที่ว่าคุณมีอำนาจในการกระทำของตัวเองจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง แต่ศาสนาส่วนใหญ่จะเชื่อทั้งสองแนวคิด ทั้งๆ ที่มันเป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกัน
    • พูดกับคู่สนทนาว่า “ถ้าพระเจ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและจะเกิดอะไรขึ้น และรู้ทุกสิ่งที่อยู่ในใจของคุณก่อนที่คุณจะได้ทันคิดถึงมัน ก็หมายความว่าอนาคตของคุณถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น พระเจ้าจะตัดสินพวกเราจากการกระทำได้อย่างไร”
    • คนที่เชื่อในพระเจ้าอาจจะตอบคุณว่า แม้ว่าพระเจ้าจะรู้ถึงการตัดสินใจของทุกคนล่วงหน้า แต่การกระทำของแต่ละคนก็ยังเป็นการเลือกอย่างเสรีของแต่ละคนอยู่ดี[14]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 แสดงให้เห็นว่าอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้....
    แสดงให้เห็นว่าอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้.[15]อำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้าคือความสามารถในการที่จะทำอะไรก็ได้ ถ้าพระเจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ พระเจ้าก็ต้องสามารถวาดวงกลมสี่เหลี่ยมได้ แต่เนื่องจากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกันทางตรรกะ การเชื่อเรื่องอำนาจที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้าจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
    • ความเป็นไปไม่ได้ทางตรรกะอีกข้อหนึ่งที่คุณสามารถแนะได้ว่าพระเจ้าไม่สามารถทำได้คือ การรู้และไม่รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    • นอกจากนี้คุณอาจจะแย้งได้อีกว่า ถ้าพระเจ้ามีอำนาจที่ไม่สิ้นสุดจริง ทำไมพระเจ้าถึงปล่อยให้มีภัยธรรมชาติ มีการสังหารหมู่ และมีสงคราม
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ให้อีกฝ่ายเป็นคนอธิบายบ้าง.
    ในความเป็นจริงแล้วการจะพิสูจน์ว่าอะไรไม่มีอยู่จริงนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรๆ ก็มีอยู่จริงได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าในการที่จะให้ความเชื่อสมเหตุสมผลและมีคุณค่าพอที่จะได้รับความสนใจ ความเชื่อนั้นก็ต้องมีหลักฐานที่หนักแน่นมาสนับสนุน[16]เสนอแนะว่าแทนที่จะมาพิสูจน์ว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าต้องหาหลักฐานมายืนยันถึงการมีอยู่ของพระเจ้า
    • เช่น คุณอาจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราตาย หลายคนที่เชื่อในพระเจ้าก็จะเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายด้วย ถามหาหลักฐานการมีอยู่ของโลกหลังความตาย
    • สิ่งที่เป็นเรื่องทางจิตวิญญาณอย่างเทพเจ้า ปีศาจ สวรรค์ นรก เทวดา ภูตผี และอื่นๆ นั้นไม่เคยได้รับการพิสูจน์ (และไม่สามารถพิสูจน์) ได้ทางวิทยาศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่าลักษณะทางจิตวิญญาณนั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เตรียมพร้อมสำหรับการถกเถียงเรื่องศาสนา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ทำการบ้าน.
    [17] เตรียมการโต้แย้งว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงด้วยการศึกษาข้อโต้แย้งหลักและแนวคิดของผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าที่มีชื่อเสียง เช่น หนังสือภาษาอังกฤษเรื่อง God is Not Great ที่เขียนโดย Christopher Hitchens ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หรือ The God Delusion ที่เขียนโดย Richard Dawkins ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับข้อโต้แย้งตามหลักเหตุผลที่คัดค้านการมีอยู่ของเทพเจ้าทางศาสนา
    • นอกจากศึกษาข้อโต้แย้งในด้านของอเทวนิยมแล้ว ให้ศึกษาหลักฐานที่นำมาหักล้างหรือการให้เหตุผลจากมุมมองของศาสนาด้วย
    • ศึกษาประเด็นหรือความเชื่อที่อาจนำไปสู่คำวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างถ่องแท้ เพื่อที่คุณจะได้ปกป้องความเชื่อของคุณได้อย่างเพียงพอ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เรียบเรียบข้อโต้แย้งของคุณให้เป็นตรรกะ.
    [18] ถ้าคุณไม่นำเสนอข้อโต้แย้งของคุณอย่างตรงไปตรงมาและในแบบที่อีกฝ่ายสามารถเข้าใจได้ คนที่คุณกำลังคุยด้วยเขาก็จะไม่เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ เช่น ขณะที่คุณอธิบายว่าศาสนาเป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นโดยวัฒนธรรม คุณก็ควรให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับหลักการพื้นฐานแต่ละข้อของคุณ (ข้อเท็จจริงพื้นฐานที่นำไปสู่ข้อสรุปของคุณ)
    • คุณอาจจะพูดว่า “เม็กซิโกก่อตั้งขึ้นโดยประเทศที่เป็นคาทอลิกใช่ไหม”
    • พอเขาตอบว่าใช่ ก็ให้ไปสู่หลักการถัดไป เช่น “คนส่วนใหญ่ในเม็กซิโกเป็นคาทอลิกใช่ไหม”
    • พอเขาตอบว่าใช่ ก็ให้พูดข้อสรุปของคุณด้วยการบอกว่า “เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ในเม็กซิโกศรัทธาในพระเจ้าก็เนื่องมาจากประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทางศาสนา”
  3. How.com.vn ไท: Step 3 แสดงความโอนอ่อนผ่อนตามขณะถกเถียงเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า....
    แสดงความโอนอ่อนผ่อนตามขณะถกเถียงเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า. ศรัทธาในพระเจ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เริ่มต้นการโต้แย้งนี้ในฐานะบทสนทนาที่ทั้งคุณและคู่สนทนามีประเด็นที่สมเหตุสมผล พูดกับคู่สนทนาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร ถามพวกเขาว่าทำไมพวกเขาถึงศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า ฟังเหตุผลของพวกเขาอย่างอดทนและเรียบเรียงคำพูดของคุณอย่างเหมาะสมและระมัดระวัง[19]
    • ขอให้คู่สนทนาแนะนำแหล่งข้อมูล (หนังสือหรือเว็บไซต์) ที่คุณสามารถศึกษามุมมองและความเชื่อของพวกเขาเพิ่มเติมได้
    • ศรัทธาในพระเจ้าเป็นเรื่องซับซ้อน และข้อมูลเกี่ยวกับการมีอยู่ของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายคัดค้าน ก็ไม่สามารถนับเป็นข้อเท็จจริงได้ทั้งคู่
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใจเย็นๆ.
    การมีอยู่ของพระเจ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอารมณ์ ถ้าคุณตื่นเต้นหรือก้าวร้าวระหว่างการสนทนา คุณอาจจะพูดไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างชัดเจน และ/หรือพูดในสิ่งที่คุณเสียใจภายหลัง[20]ลองหายใจลึกๆ เพื่อให้ใจเย็นลง หายใจเข้าช้าๆ ทางจมูก 5 วินาที จากนั้นหายใจออกทางปาก 3 วินาที ทำซ้ำจนกว่าคุณจะรู้สึกใจเย็นลง
    • พูดช้าๆ เพื่อให้คุณได้มีเวลาคิดว่าจะพูดอะไรมากขึ้น และเพื่อไม่ให้คุณพูดสิ่งที่คุณจะเสียใจภายหลัง
    • ถ้าคุณเริ่มรู้สึกโกรธ ให้บอกคู่สนทนาว่า “ถ้าอย่างนั้นเรามาเรียนรู้ที่จะอยู่กับความแตกต่างกันดีกว่า” จากนั้นก็แยกย้ายจากพวกเขา
    • สุภาพเวลาถกเถียงกันเรื่องพระเจ้า จำไว้ว่าศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนส่วนใหญ่ ให้เกียรติคนที่ศรัทธาในพระเจ้า อย่าใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความไม่พอใจหรือกล่าวโทษ อย่างคำว่าเลว โง่ หรือบ้า อย่าเรียกคู่สนทนาด้วยถ้อยคำที่ไม่ดี
    • สุดท้ายแล้วแทนที่จะพูดประเด็นให้ชัดเจน อีกฝ่ายมักจะลงเอยด้วยประโยคที่ว่า "ฉันเสียใจด้วยนะที่เธอต้องตกนรก” อย่าตอกกลับด้วยคำพูดที่แสดงถึงความก้าวร้าวทางอ้อมที่รุนแรงพอๆ กัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณไม่จำเป็นต้องถกเถียงว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงกับคนที่ศรัทธาในพระเจ้าทุกคนที่คุณเจอ เพื่อนสนิทกันไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันทุกเรื่องถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ถ้าคุณพยายามจะจุดประเด็นกับเพื่อนๆ หรือ "เปลี่ยนความเชื่อ" ของพวกเขาตลอดเวลา ก็เตรียมตัวมีเพื่อนน้อยลงได้เลย
  • บางคนเลือกที่จะนับถือศาสนาเพื่อก้าวข้ามประสบการณ์ที่ไม่ดีในชีวิต เช่น การติดยาเสพติดหรือการตายที่น่าสลดใจ แม้ว่าศาสนาจะส่งผลที่ดีต่อชีวิตผู้คนและสามารถช่วยพวกเขาได้ในเวลาที่พวกเขาต้องการ ก็ไม่ได้หมายความว่าแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังศาสนาจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าคุณเจอคนที่อ้างว่าศาสนาช่วยพวกเขา ให้เตือนพวกเขา ไม่ใช่เพราะว่าคุณอาจจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ แต่เพราะคุณไม่จำเป็นต้องหลบหน้าพวกเขาหรือทำเป็นว่าคุณคิดเหมือนพวกเขา
โฆษณา

คำเตือน

  • สุภาพเสมอเมื่อถกเถียงกันเรื่องศาสนา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 130 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 7,028 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,028 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา