ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนหรือกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย อาจารย์อาจสั่งให้คุณเขียนรายงานวิจัยส่ง รายงานนี้มีไว้ใช้ศึกษาและชี้ประเด็นทางสังคมให้เห็น ในทางเฉพาะของวิชา หรือในแง่ความเป็นศาสตร์ ถ้าคุณทำงานรายงานวิจัยเป็นชิ้นแรก นี่อาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าคุณมีการจัดการที่ดีและมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง คุณสามารถจัดการกับขั้นตอนในรายงานต่างๆให้ง่ายขึ้นได้เพื่อตัวคุณเอง ถึงแม้ว่ารายงานจะไม่เขียนด้วยตัวของมันเอง แต่คุณก็สามารถวางแผนและเตรียมตัวดีๆ เพื่อเวลาเขียนรายงานคุณจะได้ดำเนินไปตามแบบที่ควรเป็น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เลือกหัวข้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ลองถามคำถามสำคัญๆกับตัวเองดู.
    ถึงแม้ว่าคุณอาจถูกจำกัดด้วยเนื้อหาของวิชาที่เรียน หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน การเลือกหัวข้อเป็นสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโครงการเขียนรายงานวิจัย ไม่ต้องคำนึงว่าหัวข้อของคุณจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากทำหรือมีกรอบกำหนดไว้อยู่แล้วหรือไม่ การตั้งคำถามสองสามข้อไว้ในใจก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เช่น มีการวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพียงพอหรือไม่ หัวข้อนี้เป็นเรื่องใหม่และแปลกพอที่ฉันจะนำเสนอความเห็นใหม่ๆเพิ่มไปได้หรือไม่ หัวข้อนี้เกี่ยวข้อกับวิชาที่เรียนหรืออาชีพของฉันหรือไม่
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เลือกสิ่งที่คุณชอบ.
    ถ้าคุณมีโอกาสเมื่อไหร่ เลือกทำหัวข้อที่คุณมีแรงมุ่งมั่นที่จะทำเรื่องนั้นๆ การเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณชื่นชอบย่อมปรากฏให้เห็นช่วงสุดท้ายของการทำรายงาน การเลือกหัวข้อที่ชอบยังทำให้คุณมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะประสบความสำเร็จ เวลาเขียนรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เขียนไม่ซ้ำใคร.
    ถ้าคุณเขียนรายงานวิจัยส่งในห้องเรียน ให้ดูว่าเพื่อนคนอื่นๆทำเรื่องอะไร ดูว่ามีแนวโน้มที่พวกเขาจะเขียนเรื่องเดียวกับที่คุณเลือกทำไหม หัวข้อรายงานคุณจะไม่โดดเด่นและหมดความน่าสนใจแน่ ถ้าคนอื่นก็เขียนเรื่องเดียวกับที่คุณจริงไหมล่ะ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หาคำปรึกษา.
    ถ้าคุณกำลังทุลักทุเลกับหัวข้อที่คุณคิดว่า “น่าจะใช่” อยู่ล่ะก็ ลองขอคำแนะนำจากอาจารย์ หรือเพื่อนร่วมห้อง/เพื่อนร่วมงานของคุณดูสิ พวกเขาอาจมีไอเดียดีๆที่ถึงคุณจะไม่ได้นำไปใช้ แต่ก็อาจจุดประกายความคิดใหม่ๆให้กับคุณได้ การขอความช่วยเหลือจากอาจารย์อาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าพวกเขาเป็นถึงอาจารย์คุณแล้วล่ะก็ พวกเขาย่อมต้องอยากให้คุณประสบความสำเร็จในงานที่คุณทำ และจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้คุณได้สิ่งนั้นมา
  5. How.com.vn ไท: Step 5 อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนหัวข้อ.
    ถ้าคุณเลือกหัวข้อ เริ่มลงมือค้นหาข้อมูล และค้นพบว่านี่ไม่ใช่หัวข้อที่เหมาะสมสำหรับคุณ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ต้องกลุ้มไป! ถึงแม้ว่าคุณต้องใช้เวลาทำเยอะขึ้น แต่คุณมีสิทธิที่จะเปลี่ยนหัวข้อ ต่อให้คุณเริ่มค้นหาข้อมูลไปบ้างแล้วก็ตาม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ค้นคว้าข้อมูล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เริ่มทำการค้นคว้า.
    หลังจากมีหัวข้อเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ เริ่มค้นคว้าข้อมูล คุณสามารถค้นคว้าได้จากหลากหลายทาง ตั้งแต่ เว็บไซต์ บทความวารสาร หนังสือ สารานุกรม การสัมภาษณ์ และข้อความในบล็อก และอื่นๆ ใช้เวลาไปกับการหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ข้อมูลงานวิจัยที่ใช้งานได้และทำให้คุณเข้าใจหัวข้อตัวเองได้อย่างถ่องแท้มากขึ้น ลองหาแหล่งข้อมูลอย่างน้อยห้าอย่างเพื่อให้ข้อมูลของคุณมีความหลากหลาย อย่าใช้แหล่งข้อมูลเพียงแค่ 1-2 แหล่ง [1]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 หางานวิจัยเชิงประจักษ์.
    ถ้าเป็นไปได้ ให้หางานวิจัยที่ใช้ข้อมูลปฐมภูมิซึ่งมีการเก็บข้อมูลและใช้สถิติในการวิเคราะห์ หรือที่เรียกว่า งานวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical Research) ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบแล้ว งานวิจัยนี้มีในหนังสือหรือบทความที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่คุณสนใจ และผ่านการอ่านและรับรองจากผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ ในสาขาเดียวกัน คุณสามารถหาได้จากวารสาร (Scientific journal) หรือค้นหาทางออนไลน์
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ไปห้องสมุด.
    ลองไปสำรวจห้องสมุดในพื้นที่ของคุณ หรือห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่านี่อาจดูโบราณ แต่ห้องสมุดเป็นแหล่งข้อมูลดิบที่เป็นประโยชน์จำนวนมหาศาล มีตั้งแต่หนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ไปจนถึงวารสาร อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์เช่นกัน พวกเขาได้รับการฝึกเรื่องการวิจัย และรู้ว่าจะหาเอกสารเกี่ยวกับหัวข้อในการวิจัยของคุณได้จากตรงไหน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 สืบค้นทางออนไลน์.
    การใช้โปรแกรมสืบค้นและเลือกผลลัพธ์ที่ขึ้นมาสามอันดับแรกนั้นอาจไม่ใช่วิธีการหาข้อมูลที่ดีที่สุดเสมอไป คุณควรใช้วิจารณญาณขณะอ่านข้อมูลแต่ละอันให้ถี่ถ้วน และพิจารณาว่าอันไหนนำมาใช้ได้ ทั้งนี้ เว็บไซต์ บล็อก และกระทู้ในออนไลน์ไม่ได้ถูกจำกัดว่าจะต้องเผยแพร่ข้อเท็จจริงเท่านั้น ดังนั้น คุณควรดูให้แน่ใจว่าข้อมูลที่คุณได้มานั้นเชื่อถือได้
    • โดยทั่วไป เว็บไซต์ที่ลงท้ายด้วย .edu, .gov, หรือ .org จะให้ข้อมูลที่ปลอดภัยในการนำมาใช้ นั่นเป็นเพราะเว็บไซต์เหล่านี้เป็นของสถาบันการศึกษา รัฐบาล หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัยของคุณ
    • ลองเปลี่ยนรูปแบบการค้นหาข้อมูลของคุณดูเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปสำหรับหัวข้อของคุณ ถ้าดูเหมือนไม่มีอะไรขึ้น อาจเป็นเพราะข้อมูลที่คุณป้อนในตอนสืบค้นไม่ตรงกับชื่อเรื่องของบทความส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้ฐานข้อมูลวิชาการ.
    มีโปรแกรมค้นหาเฉพาะและฐานข้อมูลวิชาการที่สามารถค้นหาในวารสารวิชาการที่ผ่านการตรวจสอบ นิตยสาร และหนังสือ จำนวนนับพันได้ ถึงแม้ว่าวิธีนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการสมัครสมาชิกเพื่อเข้าถึงการใช้งาน แต่ถ้าคุณเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยล่ะก็ คุณจะมีสิทธิของมหาวิทยาลัยใช้ดูเข้าข้อมูลพวกนี้ได้
    • มองหาฐานข้อมูลที่ครอบคลุมเนื้อหาของหัวข้อของคุณเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น PsycINFO เป็นฐานข้อมูลวิชาการที่มีแต่ผลงานของนักเขียนในสาขาจิตวิทยาและสังคมวิทยาเพียงอย่างเดียว นี่ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ตรงกับหัวข้อของคุณมากยิ่งขึ้นมากกว่าการสืบค้นแบบทั่วๆไป[2]
    • ฐานข้อมูลวิชาการส่วนใหญ่เอื้อให้คุณสืบค้นข้อมูลแบบจำกัดได้ โดยให้กล่องสืบค้นหลายช่องทาง และที่เก็บเอกสารที่มีข้อมูลอ้างอิงเพียงประเภทเดียว (เช่น มีแต่บทความวิชาการ หรือหนังสือพิมพ์) ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้เพื่อหาข้อมูลแบบจำกัดโดยใช้กล่องสืบค้นหลายๆอันพร้อมกันในขอบเขตที่คุณควบคุมได้
    • ไปห้องสมุดโรงเรียนและถามบรรณารักษ์เกี่ยวกับรายชื่อทั้งหมดของฐานข้อมูลวิชาการที่พวกเขาสมัครเป็นสมาชิกอยู่ รวมถึงขอพาสเวิร์ดสำหรับใช้ล็อกอินในฐานข้อมูลแต่ละอัน
  6. How.com.vn ไท: Step 6 คิดเชิงสร้างสรรค์.
    ถ้าคุณเจอหนังสือที่สุดยอดอยู่เล่มหนึ่ง หรือวารสารที่ตรงเผงกับหัวข้อคุณ ลองค้นในแหล่งข้อมูลอ้างอิง/บรรณานุกรม/แหล่งอ้างอิง ที่อยู่ท้ายข้อมูลชิ้นนั้นดู นี่จะมีรายชื่อหนังสือและบทความวารสารอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อรายงานของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เขียนโครงร่างรายงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เขียนสรุปข้อมูลของคุณ.
    หลังจากที่คุณรวบรวมข้อมูลสำหรับรายงานคุณได้แล้ว พิมพ์ข้อมูลออกมา (ถ้าเป็นข้อมูลจากออนไลน์) และหาโพสอิท หรือใช้อะไรก็ได้เพื่อจดข้อความลงบนหนังสือ/นิตยสารที่คุณกำลังใช้อยู่ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก อ่านข้อมูลของคุณทั้งหมด จดโน้ตในส่วนที่คุณคิดว่าสำคัญ และไฮไลท์ข้อเท็จจริงและวลีที่เป็นใจความสำคัญ เขียนลงไปบนกระดาษชุดก๊อปปี้ที่คุณมี หรือใช้กระดาษชิ้นยาวๆเสียบคั่นหน้าที่คุณไฮไลท์ข้อความสำคัญๆเอาไว้[3]
    • สรุปข้อมูลอย่างทั่วถึงจะช่วยให้คุณเขียนร่างและรายงานได้ง่ายขึ้นในตอนหลัง ทำจุดเน้นตรงที่คุณคิดว่าอาจจะสำคัญ หรือใช้ประโยชน์ในรายงานของคุณได้
    • ตอนที่คุณกำลังไฮไลท์ส่วนสำคัญในข้อมูลวิจัยอยู่นั้น ใส่ความเห็นส่วนตัวและข้อความของตัวเองในส่วนที่คุณอาจได้ใช้ในรายงานของคุณ ไว้อธิบายให้ตัวคุณฟัง เขียนความคิดที่คุณกำลังคิดอยู่ออกมาจะช่วยให้การเขียนรายงานของคุณง่ายขึ้นเยอะ และเป็นแหล่งอ้างอิงให้คุณย้อนกลับไปหาได้
  2. How.com.vn ไท: Step 2 จัดระเบียบโน้ตต่างๆของคุณ.
    การสรุปข้อมูลวิจัยใช้เวลาอยู่สักหน่อย แต่คุณต้องก้าวไปอีกขั้นหนึ่งเพื่อให้กระบวนการเขียนร่างรายงานมีความชัดเจนมากขึ้น จัดระเบียบโน้ตของคุณโดยเก็บวลีที่คุณไฮไลท์และความคิดต่างๆเข้าด้วยกันเรียงเป็นหมวดหมู่ตามแต่ละหัวข้อ อย่างเช่น ถ้าคุณเขียนรายงานวิเคราะห์ผลงานวรรณกรรมชื่อดังชิ้นหนึ่ง คุณอาจจัดระเบียบข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็นรายชื่อโน้ตตามแต่ละตัวละคร รายการแหล่งอ้างอิงถึงช่วงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในพล็อตเรื่อง รายชื่อของสัญลักษณ์ที่ผู้แต่งใช้ เป็นต้น
    • ลองเขียนคำที่ยกมาจากหนังสือแต่ละอันที่คุณเน้นไว้แยกเป็นหนึ่งอันในแต่ละการ์ดข้อความ วิธีนี้คุณสามารถเรียบเรียงหรือจัดวางการ์ดเหล่านี้ตามในแบบฉบับของคุณเองได้
    • ใช้สีเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้คุณเข้าใจโน้ตง่ายยิ่งขึ้น เขียนรายชื่อของโน้ตทุกอันที่คุณกำลังใช้ที่มาจากแต่ละแหล่งข้อมูล จากนั้นไฮไลท์หมวดหมู่ของข้อมูลแต่ละอันด้วยสีที่ต่างกัน ยกตัวอย่าง คุณเขียนทุกอย่างจากหนังสือหนึ่งเล่ม หรือจากบทความวิชาการ หรือจากกระดาษแผ่นเดียว เขียนเพื่อรวบรวมโน้ต จากนั้นก็ไฮไลท์ข้อความที่เกี่ยวกับตัวละครทุกอย่างด้วยสีเขียว สีส้มสำหรับจุดในพล็อต เป็นต้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทำหน้าบรรณานุกรม/แหล่งอ้างอิงข้นต้นขึ้นมา.
    ในระหว่างที่คุณทำโน้ต ให้จดชื่อผู้แต่ง เลขหน้า ชื่อเรื่อง และข้อมูลการตีพิมพ์ของแต่ละข้อมูล นี่จะเป็นประโยชน์เวลาที่คุณเขียนบรรณานุกรมหรือหน้าแหล่งข้อมูลอ้างอิงในช่วงท้ายการทำรายงาน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ระบุวัตถุประสงค์ของรายงานวิจัย.
    โดยทั่วไปมีรายงานวิจัยอยู่สองแบบ รายงานแบบโต้แย้งหรือรายงานแบบวิเคราะห์ แต่ละแบบต้องการเน้นในจุดที่แตกต่างกันและใช้วิธีเขียนไม่เหมือนกันเล็กน้อย ซึ่งคุณควรจะระบุวัตถุประสงค์ของรายงานก่อนลงมือร่างคร่าวๆ
    • รายงานแบบโต้แย้ง จะหยิบประเด็นที่เป็นที่โต้งแย้งกันและเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประเด็นที่เลือกมาควรนำมาถกเถียงได้ข้อโต้แย้งที่สมเหตุสมผล
    • รายงานแบบวิเคราะห์ ให้มุมมองแปลกใหม่ในประเด็นที่สำคัญ หัวข้ออาจไม่จำเป็นต้องเป็นที่โต้แย้งกัน แต่คุณต้องพยายามโน้มน้าวให้คนอ่านเห็นว่าความคิดของคุณก็มีคุณค่า นี่ไม่ใช่แค่การเทข้อมูลที่ได้มาจากการค้นคว้าวิจัย แต่เป็นการนำเสนอแนวคิดที่ไม่ซ้ำใครโดยมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่คุณได้เรียนรู้หลังทำวิจัย
  5. How.com.vn ไท: Step 5 กำหนดผู้อ่าน.
    ใครเป็นคนที่ได้อ่านรายงานเล่มนี้ หรือรายงานจะนำไปตีพิมพ์หรือไม่ ถึงแม้คุณอยากเขียนให้อาจารย์หรือคนที่มีอำนาจสูงกว่าอ่าน แต่โทนและจุดสนใจของรายงานคุณก็ยังสำคัญเพราะสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นคนที่จะอ่านรายงานคุณ ถ้าคุณกำลังเขียนเพื่อให้คนที่อยู่ในสาขานั้นๆอ่าน ข้อมูลที่คุณใส่ก็ควรสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายความคิดหรือทฤษฎีพื้นฐานทั่วไป ในทางกลับกัน ถ้าคุณกำลังเขียนให้คนอ่านซึ่งไม่รู้เกี่ยวกับหัวข้อที่คุณทำอยู่มากนัก จำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องใส่คำอธิบาย ยกตัวอย่างของความคิดและทฤษฎีขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับงานของคุณเพิ่มขึ้น[4]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 สร้างแนวคิดหลักของเรื่อง.
    แนวคิดหลักของเรื่องหรือใจความหลักของรายงาน (Thesis statement) คือ ประโยคขึ้นต้นรายงานของคุณ 1-2 ประโยค กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลัก หรือหัวข้อรายงานของคุณ ถึงแม้ว่าคุณเปลี่ยนคำที่ใช้ในใจแก่นของบทความในร่างสุดท้ายตอนหลัง การคิดใจความหลักของรายงานเป็นสิ่งที่คุณต้องทำตั้งแต่ต้น ย่อหน้าเนื้อหาและข้อมูลทุกอย่างจะหมุนรอบความคิดหลักนี้ ดังนั้น คุณต้องแน่ใจว่าแนวคิดหลักของเรื่องคืออะไร[5]
    • วิธีการง่ายๆที่จะคิดแนวคิดหลักของเรื่องคือ การคิดคำถามที่รายงานของคุณกำลังจะตอบ อะไรคือคำถามตั้งต้นหรือสมมติฐานที่คุณกำลังจะพิสูจน์ในรายงานของคุณ ตัวอย่างเช่น คำถามแนวคิดหลักคุณอาจเป็น “การยอมรับทางวัฒนธรรมเปลี่ยนความสำเร็จในการรักษาเยียวยาการป่วยทางใจได้อย่างไร” นี่ก็จะกำหนดว่าใจความหลักของคุณคือ อะไรก็ตามที่คุณตอบคำถามนั้น คือแนวคิดหลักของเรื่องคุณ
    • แนวคิดหลักในเรื่องของคุณควรจะแสดงให้เห็นความคิดหลักของรายงานคุณโดยไม่ต้องร่ายเหตุผล หรือร่างรายงานของคุณออกมาทั้งเล่ม ควรเป็นประโยคที่เรียบง่ายมากกว่ารายละเอียดข้อสนับสนุน เพราะนั่นเป็นส่วนที่เหลือของรายงานคุณ
  7. How.com.vn ไท: Step 7 กำหนดประเด็นหลักๆของคุณ.
    เนื้อหาของรายงานคุณจะข้องเกี่ยวกับความคิดที่คุณตัดสินใจว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด กลับไปดูข้อมูลจากการค้นคว้าและสรุปต่างๆเพื่อตัดสินใจว่าประเด็นไหนคือ ใจความหลักที่สุดของเหตุผลคุณหรือการนำเสนอข้อมูลของคุณ ความคิดอะไรบ้างที่คุณสามารถเขียนเนื้อหาทั้งหมดถึงความคิดนั้น ความคิดไหนสำหรับคุณที่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์แล้วและงานวิจัยซึ่งนำมาใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง เขียนประเด็นหลักๆของคุณลงบนกระดาษและเรียบเรียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแต่ละอัน
    • เวลาคุณร่างความคิดหลักของคุณ จัดวางพวกมันลงในลำดับที่เฉพาะเป็นสิ่งสำคัญ วางประเด็นที่แน่นที่สุดของคุณไว้ตอนต้นและตอนท้ายของรายงาน และใส่ประเด็นที่ธรรมดาๆไว้ตรงกลาง หรือใกล้ๆตอนท้ายของรายงาน
    • ประเด็นหลักเพียงข้อเดียวไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในย่อหน้าเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังเขียนรายงานวิจัยที่ค่อนข้างยาว แนวคิดหลักสามารถกระจายไปในหลายๆย่อหน้าได้ตราบเท่าที่คุณคิดว่าจำเป็น
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ดูรูปแบบของรายงานที่คุณจะใช้.
    คุณอาจต้องเขียนรายงานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ขึ้นอยู่เกณฑ์การประเมินรายงานของคุณ คำแนะนำในห้องเรียน หรือแนวทางในการเขียนฟอร์ม ตัวอย่างเช่น ถ้าเขียนรายงานใช้ฟอร์ม APA คุณต้องจัดเรียงเนื้อหาตามหัวข้อได้แก่ คำนำ วิธีการ ผลลัพธ์ และการอภิปรายผล แนวทางเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีที่คุณร่างรายงานและทำรายงานฉบับก่อนส่ง[6]
  9. How.com.vn ไท: Step 9 ทำโครงร่างให้เสร็จ.
    เรียบเรียงโครงร่างรายงานของคุณให้เสร็จโดยใช้คำแนะนำที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เขียนหัวข้อหลักอยู่ด้านซ้ายของหน้า จากนั้นย่อหน้าหัวข้อรองและโน้ตถัดมา ร่างรายงานควรเป็นการสรุปภาพรวมของรายงานทั้งฉบับของคุณในแบบหัวหมุด ดูว่าคุณใส่แหล่งอ้างอิงในเนื้อหาไว้ล่างสุดของแต่ละประเด็น เพื่อที่คุณไม่ต้องกลับไปค้นจากข้อมูลตั้งแต่ต้นตอนที่คุณลงมือเขียนรายงานก่อนส่ง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เขียนรายงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เขียนส่วนเนื้อหา.
    ถึงนี่อาจฟังดูแปลกๆ แต่การเขียนคำนำก่อนนั้นทำยากกว่าการเริ่มเขียนตัวเนื้อรายงานหลักของคุณ เริ่มจากเขียนหัวข้อหลัก (เน้นอันที่สนับสนุนแนวคิดหลักของรายงานคุณ) ที่คุณปรับแก้ได้เล็กน้อย และคอยคุมความคิดและความเห็นของคุณ
    • ใช้หลักฐานสนับสนุนคำกล่าวที่คุณเขียน เพราะนี่คือรายงานการวิจัย คุณไม่ควรกล่าวอะไรลอยๆ โดยไม่มีข้อเท็จจริงซึ่งมาจากการค้นคว้าของคุณโดยตรงประกอบ
    • ให้คำอธิบายที่เพียงพอ สิ่งตรงกันข้ามเวลาเขียนความเห็นโดยปราศจากข้อเท็จจริงคือ การกล่าวข้อเท็จจริงโดยไม่มีคำอธิบาย ถึงแม้ว่าคุณต้องการจะนำเสนอหลักฐานจำนวนมาก คุณก็ควรแน่ใจว่ารายงานฉบับนี้เป็นของคุณด้วยการใส่ความเห็นหรือคำอธิบายลงไปในจุดที่เขียนได้
    • หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความคัดลอกโดยตรงแบบยาวๆหลายอัน แม้การวิจัยของคุณจะยืนพื้นอยู่บนการค้นคว้า แต่ประเด็นก็คือ ให้คุณนำเสนอความคิดของตนเอง เว้นแต่ว่าข้อความที่คัดลอกมานั้นมีความจำเป็นและสำคัญมากจริงๆ ลองเขียนถอดความคือ เก็บแต่ใจความสำคัญไว้ แต่เขียนโดยใช้คำพูดของคุณเองดู
    • ใช้ตัวเชื่อมย่อหน้าที่ชัดเจน รายงานคุณควรจะลื่นไหล ไม่ใช่พูดประเด็นหนึ่งแล้วก็หยุด จากนั้นก็ขึ้นเรื่องใหม่โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งนี้ คุณควรเขียนย่อหน้าส่วนเนื้อหาส่งกันต่อเนื่องในแต่ละย่อหน้า
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เขียนบทสรุป.
    ทีนี้พอคุณเขียนรายงานของคุณอย่างดี มีหลักฐานสนับสนุนเสร็จสรรพแล้ว เขียนบทสรุปที่มีเนื้อความสั้นกระชับและสรุปผลลัพธ์จากการค้นหาของคุณสำหรับผู้อ่าน และให้ความรู้สึกของการจบรายงาน เริ่มจากพูดถึงแนวคิดหลักของรายงานคุณอีกครั้ง จากนั้นทำให้ผู้อ่านนึกถึงประเด็นต่างๆ ที่คุณเขียนไว้ในรายงาน แล้วค่อยๆ ถอยออกจากหัวข้อที่คุณกำลังเขียน และจบด้วยโน้ตแบบกว้างๆ โดยเน้นนัยยะสำคัญใหญ่ที่ได้จากการค้นคว้าของคุณ
    • วัตถุประสงค์ของบทสรุปในแง่มุมทั่วๆไปคือ เพื่อตอบคำถามว่า “แล้วยังไงล่ะ” อย่าลืมทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเธอหรือเขาได้อะไรบางอย่างติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
    • การเขียนบทสรุปก่อนเขียนบทนำเป็นความคิดที่ดีด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก บทสรุปเขียนง่ายกว่าเวลาที่หลักฐานข้อมูลนั้นยังสดใหม่อยู่ในหัวของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น คุณควรเลือกใช้ภาษาที่ดีที่สุดในบทสรุป จากนั้นเปลี่ยนคำที่ใช้ในการเขียนให้ดูอ่อนลงในส่วนบทนำ อย่าทำสลับกัน นี่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกประทับใจงานเขียนคุณมากขึ้น
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เขียนบทนำ.
    จากหลายแง่มุม บทนำก็คือ บทสรุปที่เขียนในทางกลับกัน ปกติเริ่มจากเกริ่นนำหัวข้อใหญ่ จากนั้นให้ความรู้กับผู้อ่านในสิ่งที่รายงานคุณจะพูดถึง และสุดท้าย ให้แนวคิดหลักของรายงานคุณ หลีกเลี่ยงวลีเดียวกับที่ใช้ในส่วนบทสรุป
  4. How.com.vn ไท: Step 4 บันทึกรายงานของคุณ.
    รายงานวิจัยทุกอย่างจะต้องบันทึกในรูปแบบที่จำเพาะเพื่อหลีกเลี่ยงการลอกผลงาน (Plagiarism) คุณจะเลือกใช้รูปแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับหัวข้อของรายงานและสาขาที่คุณค้นคว้า คุณจะต้องใช้รูปแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่ MLA, APA, และ Chicago ซึ่งเป็นรูปแบบการอ้างอิงที่คนนิยมเลือกใช้มากที่สุดสามอันนี้ และคุณต้องเลือกวิธีการอ้างอิงในบทความ หรือเชิงอรรถบทความ เช่นเดียวกับลำดับข้อมูลก่อนหลังในรายงานคุณ
    • รูปแบบ MLA นิยมใช้ในรายงานด้านวรรณกรรม และใช้คำว่า “บรรณานุกรม” (works cited) ในหน้าสุดท้าย คุณต้องมีการอ้างอิงเอกสารในเนื้อหาเวลาคุณใช้รูปแบบนี้
    • รูปแบบ APA นิยมใช้ในนักวิจัยสาขาสังคมศาสตร์ และต้องมีอ้างอิงเอกสารในเนื้อหาเช่นกัน หน้าสุดท้ายจะใช้คำว่า “เอกสารอ้างอิง” (References) และอาจใส่หัวข้อย่อยไว้ระหว่างย่อหน้า
    • รูปแบบ Chicago มักใช้ในรายงานวิจัยด้านประวัติศาสตร์เป็นหลัก และใส่เชิงอรรถไว้ที่ด้านล่างของแต่ละหน้า มากกว่าใส่อ้างอิงเอกสารไว้ในเนื้อหาและในหน้าบรรณานุกรม หรือหน้าเอกสารอ้างอิง[7]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 แก้ไขฉบับที่ร่างไว้คร่าวๆ.
    ถึงแม้ว่ามันง่ายกว่ามากถ้าคุณแค่กวาดสายตาอ่านรายงานทั้งเล่มแล้วใช้เครื่องมือตรวจการสะกดคำ การแก้ไขรายงานควรจะมีอะไรที่ล้ำลึกกว่านั้นสักหน่อย อย่างน้อยให้คนหนึ่งหรือถ้าให้ดีสองคนหรือมากกว่านั้นอ่านรายงานของคุณ ให้พวกเขาช่วยแก้ไขไวยากรณ์และตัวสะกดที่ผิด รวมถึงช่วยดูว่ารายงานคุณโน้มน้าวใจผู้อ่านได้ดีหรือไม่ และรายงานมีความต่อเนื่องอ่านได้ลื่นไหลหรือยัง
    • ถ้าคุณแก้ไขรายงานของคุณเอง ให้กลับมาแก้ไขหลังทิ้งไว้สามวัน การวิจัยพบว่าการเขียนของคุณยังใหม่อยู่ในหัวคุณประมาณสองถึงสามวันหลังเขียนเสร็จ และคุณมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะอ่านข้ามข้อผิดพลาดพื้นๆซึ่งแต่เดิมคุณควรหาเจอ
    • อย่าละเลยที่จะให้คนอื่นช่วยอ่านรายงานของคุณ เพียงเพราะการทำแบบนี้เพิ่มงานให้คุณมากขึ้น ถ้าพวกเขาแนะนำว่าคุณควรเขียนบทหนึ่งใหม่ ก็คงมีเหตุผลอันสมควรที่พวกเขาบอกแบบนั้น ใช้เวลาตรวจทานรายงานของคุณอย่างถี่ถ้วน.[8]
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เขียนร่างฉบับสุดท้าย.
    เมื่อคุณได้ตรวจทานและแก้ไขรายงานคุณอีกครั้ง จัดรูปแบบของรายงานคุณตามความเหมาะสมกับหัวข้อที่ทำ และทำให้หัวข้อหลักทุกอันครบสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว คุณก็พร้อมที่จะเขียนรายงานร่างสุดท้าย อ่านรายงานทั้งเล่มและแก้ไขข้อผิดพลาด จัดเรียบเรียงข้อมูลใหม่ถ้าจำเป็น ปรับฟอนต์ตัวอักษร ช่องว่างระหว่างบรรทัดและขอบมุมตามที่อาจารย์สั่งหรือตามประเภทงานของคุณ ถ้าจำเป็นให้ใส่หน้าบทนำไว้ส่วนหน้า และใส่หน้าบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงไว้ท้ายเล่มรายงาน ถ้าคุณทำงานพวกนี้เสร็จครบล่ะก็ รายงานของคุณก็จะเสร็จสมบูรณ์ล่ะ! อย่าลืมเซฟรายงาน (ไว้ในหลายๆที่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย) และพิมพ์รายงานร่างสุดท้ายของคุณออกมา
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มองหาธีม คำถาม และประเด็นหลักสำคัญๆ ตอนที่คุณค้นคว้าข้อมูล พยายามทำเรื่องที่คุณต้องการศึกษาให้สำเร็จดีกว่ามีหลายๆแนวคิดในรายงานหนึ่งเล่มของคุณ
  • อย่ารอทำนาทีสุดท้าย
  • มั่นใจว่าทำงานของคุณให้เสร็จตรงเวลา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 5,533 ครั้ง
หมวดหมู่: พัฒนางานเขียน
มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,533 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา