วิธีการ ล้างเครื่องซักผ้าโดยไม่ใช้สารเคมี

ถึงจะซักผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าทุกวัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเครื่องซักผ้าจะไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง ถ้าคุณไปซักผ้าในเครื่องที่เหม็นอับ ระวังกลิ่นจะติดผ้าด้วย ถ้าล้างเครื่องซักผ้าด้วยสารเคมีแรงๆ ก็อาจกัดกร่อนได้ บทความวิกิฮาวนี้เลยจะมาแนะนำวิธีการล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาทำเองจากน้ำส้มสายชูกับเบคกิ้งโซดา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือฝาบน ก็ล้างให้หอมสะอาดได้ทันใจ!

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 2:

ล้างเครื่องซักผ้าฝาบน

ดาวน์โหลดบทความ

1
ตั้งค่าให้ซักรอบนานสุด ใช้น้ำร้อนสุด. หมุนปุ่มไปที่ค่าสำหรับซักผ้ามากชิ้นที่สุด เพื่อให้น้ำเต็มถัง ถ้าตั้งเวลาซักผ้าเองไม่ได้ ให้เลือกซักแบบ “heavy duty” แล้วหมุนไปที่อุณหภูมิน้ำร้อนสุด กดปุ่ม start เพื่อเติมน้ำในถังซักผ้า แล้วเปิดฝาทิ้งไว้^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าเครื่องมีรอบซักแบบ “drum clean” (ล้างถัง) ก็ให้เลือก setting นี้แทน
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
Ashley Matuska
เจ้าของ Dashing Maids
แอชลีย์ มาตุสกาเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Dashing Maids ผู้ให้บริการทำความสะอาดที่เน้นด้านความยั่งยืนในเดนเวอร์ โคโลราโด เธอทำงานทางด้านนี้มาเกิน 5 ปี
Ashley Matuska
เจ้าของ Dashing Maids
ต้องล้างเครื่องซักผ้าบ่อยแค่ไหน ก็แล้วแต่ว่าปกติซักผ้าบ่อยแค่ไหน Ashley Matuska จากบริษัทรับทำความสะอาด Dashing Maids แนะนำว่า "ปกติฉันซักผ้าอาทิตย์ละ 10 ครั้งขึ้นไป ฉันเลยทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเดือนละครั้ง แต่ถ้าปกติคุณซักผ้าน้อยครั้งกว่านั้น จะล้างเครื่องเดือนเว้นเดือนก็ได้ค่ะ วิธีล้างเครื่องซักผ้าที่ฉันใช้ ก็คือซักผ้าด้วยโหมดฆ่าเชื้อ (sanitize setting) หรือถ้าเป็นเครื่องซักผ้ารุ่นเก่า แนะนำให้ตั้งค่าสำหรับซักผ้าปริมาณมาก หรือรอบซักนานที่สุด โดยเลือกอุณหภูมิน้ำสูงสุดด้วย"
2
) ลงในถังซักผ้า. ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาวที่คนส่วนใหญ่มีติดครัวนั่นแหละ โดยเทน้ำส้มสายชูระหว่างเครื่องเติมน้ำในถังซักได้เลย^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ซื้อน้ำส้มสายชูแยกไว้สำหรับทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องคอยไปหยิบที่ครัวทุกครั้งที่จะล้างเครื่อง
3
เทเบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง (200 - 250 กรัม) ใส่น้ำ. ให้ผสมเบคกิ้งโซดาลงไปตอนเครื่องกำลังเติมน้ำใส่ถังซัก จะได้ละลายเข้ากับน้ำ เบคกิ้งโซดาจะไปทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู ช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกตกค้าง ล้างถังซักให้สะอาดหมดจด^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แนะนำให้ซื้อเบคกิ้งโซดาแยกไว้ในห้องซักผ้าเลย จะได้ไม่ต้องไปหยิบเบคกิ้งโซดาจากในครัวมาใช้ จะล้างเครื่องซักผ้าเมื่อไหร่ ก็หยิบมาเทผสมได้เลย
4
เริ่มซักแล้วทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง. ปิดฝาเครื่อง 1 นาที เพื่อเดินเครื่องตามรอบซัก จะได้ผสมเบคกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู และน้ำเข้าด้วยกัน ให้น้ำยาทำเองนี้ชะล้างสิ่งสกปรกไปทั่วทั้งถังซัก พอครบ 1 นาทีให้เปิดฝาแล้วหยุดรอบซักชั่วคราว^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เครื่องซักผ้าบางเครื่องจะล็อคฝาหลังเริ่มซัก แบบนี้ให้กดปุ่ม stop หรือ pause เพื่อปลดล็อค แล้วเปิดฝาขึ้นมา
5
ใช้แปรงสีฟันหรือฟองน้ำขัดคราบน้ำยาฟอกขาว น้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่ม. เอาแปรงสีฟันแข็งหน่อยไปจุ่มน้ำในถังซัก แล้วขัดเพิ่มเติมให้สะอาด เน้นจุดอับที่ขึ้นราหรือเป็นคราบขาว พอขัดเสร็จ ก็ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบออกไปอีกที^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าใช้แปรงสีฟันขัดแล้วไม่เห็นผล ลองใช้แปรงขนแข็งหรือฟองน้ำด้านหยาบขัดดู
- ชิ้นส่วนที่ถอดได้ ให้เอาไปแช่น้ำทิ้งไว้ 20 นาที ค่อยเอามาขัดขจัดคราบ
- เช็คขอบยางรอบฝาเครื่องด้วย ถ้ามีคราบเหนียว ก็ให้ใช้แปรงสีฟันขัดออก
6
ปิดฝาแล้วเดินเครื่องต่อจนครบรอบซัก. ปิดฝา แล้วกด start ก่อน ถ้าเครื่องไม่เดินในทันที รอจนครบรอบซักที่ตั้งไว้ และน้ำผสมน้ำยาระบายออกไปจากถังซักจนหมด^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาด เช็ดทำความสะอาดนอกเครื่อง ทั้งด้านข้างและด้านบนไปพลางๆ ระหว่างรอจบรอบซัก
7
หมดรอบซักแล้ว ใช้ผ้าขนหนูเช็ดด้านข้างและด้านล่างของถังซักอีกที. จะใช้ผ้าเช็ดจานผืนสะอาดก็ได้ เช็ดคราบตกค้างจากด้านในตัวเครื่อง อาจจะผสมน้ำอุ่น 3 ส่วน กับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน เอาผ้าชุบน้ำยานี้ แล้วเช็ดบริเวณที่มีคราบติดทนก็ได้^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ที่คราบหรือสิ่งสกปรกตกค้างเยอะเป็นพิเศษ ให้ซักอีกรอบ โดยผสมน้ำส้มสายชู 4 ถ้วยตวง (950 - 1,000 มล.)
- แนะนำให้เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ทุกครั้งหลังซักผ้าเสร็จ จะได้ไม่ขึ้นรา แถมถังซักผ้าจะแห้งสนิท
- ล้างเครื่องซักผ้าเดือนละครั้ง เพื่อผ้าหอมสะอาด
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 2:

ล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้า

ดาวน์โหลดบทความ

1
กำจัดเชื้อราจากขอบยาง ด้วยน้ำส้มสายชูกับฟองน้ำ. เอาฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชูในถ้วย ใช้ขัดตามขอบยางหรือพลาสติกรอบประตูเครื่องซักผ้า ถ้าราไม่ยอมออก ต้องชุบน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 20 นาที ค่อยขัดออกด้วยฟองน้ำ สุดท้ายใช้ผ้าแห้งหรือทิชชู่เช็ดจนขอบยางแห้ง^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ใช้แปรงสีฟันขนแข็งขัดเชื้อราที่ติดทนเป็นพิเศษ
2
) ลงในถังซักผ้า. ให้เทน้ำส้มสายชูลงไปในถังซักผ้าโดยตรง จากนั้นปิดฝาเครื่องซักผ้าแล้วทำขั้นตอนต่อไป^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าสังเกตเห็นคราบเหนียวเยอะเป็นพิเศษ ให้เพิ่มน้ำส้มสายชูอีก 1/2 ถ้วยตวง (100 - 150 มล.) จะยิ่งทำความสะอาดได้ดี
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ
Chris Willatt
เจ้าของ Alpine Maids
คริส วิลแล็ตเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Alpine Maids ผู้ให้บริการทำความสะอาดที่ได้รับคะแนนสูงสุดในเดนเวอร์ โคโลราโด เขาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดในปี 2012
Chris Willatt
เจ้าของ Alpine Maids
เปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ ป้องกันกลิ่นเหม็นอับ Chris Willatt จากบริษัท Alpine Maids แนะนำว่า "น้ำส้มสายชูช่วยกำจัดเชื้อราในเครื่องซักผ้าได้ แต่ถ้าไม่อยากให้เครื่องซักผ้าขึ้นราแต่แรก ก็ต้องเปิดหรือแง้มฝาเครื่องทิ้งไว้ทุกครั้งหลังซักผ้า เพื่อผึ่งลมจนถังซักแห้งสนิท"
3
ผสมน้ำอุ่นกับเบคกิ้งโซดา แล้วเทใส่ช่องน้ำยาซักผ้า. หาถ้วยมาใบหนึ่ง จากนั้นผสมน้ำ 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.) กับเบคกิ้งโซดา 1/4 ถ้วยตวง (60 กรัม) พอได้ที่แล้ว ก็เทใส่ช่องของเครื่องซักผ้า ที่ปกติเอาไว้ใส่น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือน้ำยาฟอกขาวได้เลย แบบนี้จะได้ล้างช่องพวกนี้ให้สะอาดตอนเดินเครื่อง^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าใช้ผงซักฟอก ก็ให้ใส่ไป 1/4 ถ้วยตวง (60 กรัม) ในช่องผงซักฟอก
4
เดินเครื่องซักตามรอบปกติโดยใช้น้ำร้อน. ตั้งอุณหภูมิของน้ำในรอบซักนั้นให้ร้อนที่สุดที่เครื่องมี แล้วเดินเครื่องซักด้วยรอบปกติ หรือเลือก heavy duty จะได้แช่ถังซักนานอีกหน่อย^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ความร้อนบวกกับน้ำส้มสายชูและเบคกิ้งโซดา จะขจัดให้ทั้งคราบและเชื้อราในถังซักหลุดออกมา
5
ใช้ผ้าสะอาดเช็ดถังซักหลังเสร็จสิ้นขั้นตอน. ใช้ผ้าชุบน้ำเปียกหมาด เช็ดทำความสะอาดคราบและสิ่งสกปรกหรือเชื้อราตกค้างในถังซัก ถ้ายังมีเชื้อราติดทนนานหลังล้างถังแล้ว ให้ขัดออกด้วยแปรงขัดขนแข็ง^{[12]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ล้างซ้ำตามขั้นตอนเดือนละครั้ง เพื่อผ้าหอมสะอาดอยู่เสมอ
โฆษณา

เคล็ดลับ

แนะนำให้ล้างเครื่องซักผ้าเดือนละครั้ง เพื่อความหอมสะอาด และประสิทธิภาพในการใช้งาน
ตอนล้างเครื่อง อาจจะหยดน้ำมันหอมระเหยลงไป 2 - 3 หยดในถังซักผ้า เพื่อเพิ่มความหอมก็ได้

โฆษณา