บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Jonathan Tavarez. โจนาธาน ตาบาเรซเป็นผู้ก่อตั้ง Pro Housekeepers บริษัทรับทำความสะอาดให้ลูกค้าทั้งแบบที่อยู่อาศัยและสำนักงาน Pro Housekeepers ให้บริการทำความสะอาดแบบมืออาชีพให้ลูกค้าทั่วประเทศ โดยใช้พนักงานที่ผ่านการตรวจสอบปูมหลังและผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการอย่างมีาตรฐานสูงสุดทุกครั้ง
บทความนี้ถูกเข้าชม 6,908 ครั้ง
น้ำส้มสายชูกลั่นขาว เป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ใช้ทำความสะอาดได้อย่างเห็นผล ช่วยขจัดคราบมันและแคลเซียมอย่างตะกรันได้ เลยเหมาะจะนำมาล้างเครื่องชงกาแฟมากที่สุด โดยเฉพาะถ้าใช้น้ำกระด้างจนมีตะกรันสะสม แนะนำให้ล้างเครื่องชงกาแฟด้วยน้ำส้มสายชูอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง เพื่อรักษาความสะอาด และทำให้ชงกาแฟได้รสชาติดีอย่างที่ควรจะเป็นด้วย
ขั้นตอน
- เอาที่กรองกาแฟออก และกำจัดกากกาแฟ. อย่าให้มีกากกาแฟเหลือในหม้อต้มกาแฟ (carafe) ที่สำคัญคือใช้กระดาษกรองกาแฟแล้วให้ทิ้งไปเลย รวมถึงเทน้ำที่เหลือจากการชงกาแฟครั้งที่แล้วทิ้งไปด้วย[1]
- ล้างตะแกรง. ล้างตะแกรงด้วยน้ำอุ่น เพื่อไม่ให้มีกากกาแฟตกค้างภายใน ถ้าล้างน้ำอุ่นแล้วยังมีกากกาแฟติดอยู่ ให้ล้างอีกรอบด้วยน้ำยาล้างจานแล้วล้างน้ำจนสะอาด จากนั้นใส่ตะแกรงกลับคืนเครื่อง[2]
- ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำเปล่า 2 ส่วน เว้นแต่คู่มือจะมีปริมาณแนะนำไว้. บางเครื่องชงกาแฟแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูน้อยกว่านั้นเวลาผสมน้ำยาทำความสะอาด ปกติจะมีปริมาณน้ำส้มสายชูแนะนำไว้ในคู่มือของเครื่องชงกาแฟ ทั้งที่ติดมากับเครื่อง และในเว็บของยี่ห้อเครื่องชงกาแฟ[3]
- ถ้าเครื่องชงกาแฟที่ใช้ ต้องผสมน้ำส้มสายชูน้อยหน่อย ก็ให้ใช้น้ำส้มสายชูแค่ 1/3 ของสูตรปกติ
- ผสมน้ำส้มสายชูสำหรับทำความสะอาด. ผสมน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ส่วน กับน้ำอุ่น 1 ส่วน ถ้าเครื่องชงกาแฟที่ใช้แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูน้อยกว่านั้น ก็ให้ผสมตามปริมาณที่แนะนำ ผสมแล้วเทลงในหม้อต้มกาแฟ หรือ carafe ให้ผสมน้ำยานี้มากพอจะเต็มกระบอกน้ำโฆษณา
- ชงกาแฟไปครึ่งทาง. กดปุ่ม brew คือต้มหรือชงกาแฟ หลังเทน้ำส้มสายชูที่ผสมแล้วใส่ในหม้อ คอยดูไว้อย่าให้ชงกาแฟไปจนเสร็จ พอชงกาแฟไปได้ครึ่งทาง ก็ให้กดปิดเครื่อง[4]
- ถ้าเครื่องชงกาแฟมีโหมดทำความสะอาด ก็เลือกใช้แทนโหมดชงกาแฟตามปกติได้เลย ปกติโหมดล้างเครื่องจะเริ่มและหยุดเองเรื่อยๆ เพื่อให้ส่วนต่างๆ ในเครื่องได้แช่น้ำยาทั่วถึงกัน
- ทิ้งเครื่องชงกาแฟไว้ 1 ชั่วโมง. เพื่อให้เวลาน้ำส้มสายชูได้สกัดตะกรัน ขจัดเชื้อรา และล้างคราบต่างๆ ที่สะสมหมักหมม ถ้ารอ 1 ชั่วโมงเต็มไม่ไหว อย่างน้อยแช่เครื่องทิ้งไว้ 30 นาทีก็ยังดี[5]
- ชงกาแฟต่อจนเสร็จ. เปิดโหมดชงกาแฟต่อหลังหยุดไป 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาที่เหลือไหลผ่านไปตามส่วนต่างๆ ของเครื่องชงกาแฟ จะเห็นเศษสีน้ำตาลหรือขาวปนมาในน้ำ อันนี้ปกติ เพราะแปลว่าน้ำส้มสายชูเข้าไปชะล้างอย่างที่ควรจะเป็น[6]โฆษณา
- เทน้ำส้มสายชูทิ้ง. พอปล่อยให้เครื่องชงกาแฟ เดินเครื่องต่อไปจนจบรอบชง ก็ให้เทน้ำส้มสายชูทิ้งไปในอ่างล้างจานได้เลย ตอนนี้ถึงจะยังมีคราบน้ำส้มสายชูค้างอยู่ในเครื่องชงกาแฟบ้างก็ไม่เป็นไร[7]
- ล้างหม้อต้มกาแฟให้สะอาด. ล้างหม้อต้มกาแฟด้วยน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นจนสะอาด จะใช้สก็อตไบรท์ขัด หรือแกว่งน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นไปมาในหม้อก็ได้ เสร็จแล้วเทน้ำยาออก ล้างน้ำเปล่าต่อจนไม่เหลือคราบและฟอง[8]
- เทน้ำสะอาดใส่หม้อต้มกาแฟ. พอล้างหม้อจนสะอาดแล้ว ให้เทน้ำสะอาดใส่ลงไป ห้ามผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำสะอาดในขั้นตอนนี้เด็ดขาด โดยเทน้ำลงไปให้เต็ม เท่าที่เครื่องจะใช้ชงกาแฟได้[9]
- เดินเครื่องชงกาแฟไป 3 รอบ. กดปุ่มชงกาแฟ เดินเครื่องโดยที่ใส่ไปแต่น้ำเปล่า แล้วปล่อยให้ชงไปจนจบ จากนั้นใช้โหมดชงกาแฟนี้อีก 2 รอบ โดยให้เทน้ำทิ้งทุกรอบหลังชงเสร็จ จากนั้นเติมน้ำใหม่ อย่าลืมพักเครื่อง 3 - 5 นาทีก่อนชงรอบใหม่ด้วย[10]
- ถ้ายังมีกลิ่นน้ำส้มสายชู ให้ชงต่ออีก 1 - 2 รอบ
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญกูรูด้านการทำความสะอาดและเป็นผู้ก่อตั้ง Pro Housekeepersโจนาธาน ตาบาเรซเป็นผู้ก่อตั้ง Pro Housekeepers บริษัทรับทำความสะอาดให้ลูกค้าทั้งแบบที่อยู่อาศัยและสำนักงาน Pro Housekeepers ให้บริการทำความสะอาดแบบมืออาชีพให้ลูกค้าทั่วประเทศ โดยใช้พนักงานที่ผ่านการตรวจสอบปูมหลังและผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการอย่างมีาตรฐานสูงสุดทุกครั้งJonathan Tavarez
กูรูด้านการทำความสะอาดและเป็นผู้ก่อตั้ง Pro Housekeepersคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: พอล้างหม้อต้มกาแฟด้วยน้ำส้มสายชูแล้ว ให้เดินเครื่องชงกาแฟโดยใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวอีก 3 รอบ เท่านี้ก็ไม่เหลือคราบน้ำส้มสายชู
- เช็ดเครื่องด้วยน้ำยาล้างจานกับน้ำสะอาด. พอชงน้ำสุดท้ายเสร็จ ให้เทน้ำออก แล้วถอดหม้อต้มกาแฟกับตะแกรงออกมาจากเครื่อง จากนั้นเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวด้านนอกของเครื่องชงกาแฟ โดยใช้น้ำยาล้างจานเล็กน้อยกับผ้าไมโครไฟเบอร์ ขั้นตอนสุดท้ายคือล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ทำความสะอาดแล้วต้องไม่เหลือคราบกาแฟที่สะสมหลังใช้เครื่องชงกาแฟไปนานๆ
- ฉีดพ่นน้ำส้มสายชู ทำความสะอาดตัวเครื่องด้านนอก. ถ้าไม่อยากล้างเครื่องชงกาแฟด้วยน้ำยาล้างจานกับน้ำ ให้ใช้สเปรย์น้ำส้มสายชูแทน ขั้นแรกคือให้เติมน้ำส้มสายชูกลั่นขาวใส่ขวดสำหรับฉีดพ่น โดยไม่ต้องเจือจางน้ำส้มสายชู จากนั้นฉีดพ่นใส่ผ้าคอตตอน แล้วเช็ดให้ทั่วพื้นผิวของเครื่องชงกาแฟ จะใช้น้ำส้มสายชูเพิ่มก็ได้ สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาด[11]
- จุดไหนเข้าถึงยาก ให้ใช้คอตตอนบัดแทน
- ล้างหม้อต้มกาแฟและตะแกรง. คุณจะล้างทำความสะอาดหม้อต้มกาแฟและตะแกรงเอง หรือเอาใส่เครื่องล้างจานก็ได้ ถ้าจะล้างเอง ให้บีบน้ำยาล้างจานใส่สก็อตไบรท์หรือผ้าขนหนู จากนั้นใช้ขัดถูให้ทั่วทั้งหม้อและตะแกรง สุดท้ายล้างน้ำให้สะอาด ถ้าใช้เครื่องล้างจาน ก็ให้เลือกโหมดถนอมจาน (gentle cycle) ในการล้างหม้อต้มกาแฟและตะแกรง
- ในเน็ตอาจจะมีน้ำยา Quick n Brite ขาย เอาไว้ใช้สกัดตะกรันที่ติดแน่นทนนานในหม้อต้มกาแฟ หรือจะใช้ยี่ห้ออื่นที่คุณสมบัติเดียวกันก็ได้ วิธีใช้คือเทน้ำยาใส่หม้อต้มกาแฟ ทิ้งไว้ 2 - 3 นาที แล้วล้างออกได้เลย
- ประกอบทุกอย่างคืนเครื่อง. เช็คให้ชัวร์ว่าไม่เหลือคราบราและตะกรันสะสม จากนั้นประกอบหม้อต้มกาแฟและตะแกรงคืนเครื่อง เท่านี้ก็พร้อมชงกาแฟแก้วใหม่ รสชาติถูกใจกว่าเดิมแล้ว[12]โฆษณา
เคล็ดลับ
- ปกติในคู่มือของเครื่องชงกาแฟ จะมีขั้นตอนการ "ขจัดคราบตะกรัน" บอกไว้
- ปกติผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟแนะนำให้คุณล้างเครื่องชงกาแฟอย่างน้อยเดือนละครั้ง และกำจัดตะกรันอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง
- ถ้าใช้น้ำกระด้างในเครื่องชงกาแฟ ก็ต้องล้างตะกรันบ่อยกว่า 6 เดือนครั้ง
- เครื่องชงกาแฟจะเป็นคราบน้อยลงเยอะ ถ้าพยายาม *ไม่เทน้ำ* จากหม้อต้มกาแฟใส่เครื่อง เพราะทำให้น้ำมันและกากกาแฟไปสะสมหมักหมมในกระบอกน้ำของเครื่องชงกาแฟ แนะนำให้ตวงและเทน้ำจากขวดหรือเหยือกน้ำแทนดีกว่า
คำเตือน
- ถ้าไม่ล้างเครื่องชงกาแฟ อย่างน้อย 1 ครั้งในรอบ 6 เดือน ระวังจะเต็มไปด้วยเชื้อราและแบคทีเรีย
สิ่งของที่ใช้
- น้ำสะอาด
- น้ำส้มสายชูกลั่นขาว
- น้ำยาล้างจาน
- สก็อตไบรท์
- ผ้าขนหนู
- นาฬิกาจับเวลา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/tips/a26565/cleaning-coffee-maker/
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/tips/a26565/cleaning-coffee-maker/
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/tips/a26565/cleaning-coffee-maker/
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
- ↑ http://www.thekitchn.com/how-to-clean-a-coffee-maker-cleaning-lessons-from-the-kitchn-200908
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.