วิธีการ ล็อคมือถือที่ถูกขโมยจากต้นทาง

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ใช้ Find My iPhone ของ iPhone

ใช้ Find My Device ของ Android

ใช้ Find My Mobile ของ Samsung

แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการบล็อกหรือล็อคเครื่องเมื่อสมาร์ทโฟนของคุณถูกขโมย แบบนี้ผู้ไม่หวังดีจะไม่สามารถปลดล็อคเข้ามือถือหรือรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงานได้ มือถือจะกลายเป็นก้อนอิฐดีๆ นี่เองจนกว่าคุณจะปลดล็อคทีหลัง คุณล็อคเครื่องได้ไม่ว่าจะมือถือหายหรือถูกขโมย ทำได้ทั้ง iPhone, Android และ Samsung Galaxy วิธีการก็เช่น เข้าเว็บ "Find" ของยี่ห้อมือถือ แต่เครื่องคุณต้องเปิดใช้ฟีเจอร์ "Find" (เช่น Find My iPhone) ไว้แล้วนะ

ขั้นตอน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 4:

ใช้ Find My iPhone ของ iPhone

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เข้าเว็บ iCloud. โดยพิมพ์ https://www.icloud.com/ ในเบราว์เซอร์

   • แต่จะใช้วิธีนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณเปิด Find My iPhone ไว้ใน iPhone เท่านั้น
2. 
   2
   ล็อกอินเข้า iCloud. พิมพ์อีเมลและรหัสผ่านที่ใช้กับ Apple ID จากนั้นคลิก →

   • ถ้าล็อกอินเข้า iCloud ไว้แล้ว ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
3. 
   3
   คลิก Find iPhone. ไอคอนจะอยู่ใน dashboard ของ iCloud เป็นรูปเรดาร์
4. 
   4
   เลือก iPhone ของคุณ. คลิก tab All Devices ที่ด้านบนของหน้า แล้วคลิกชื่อ iPhone ของคุณในเมนูที่ขยายลงมา

   • ถ้า iPhone ของคุณเป็นอุปกรณ์ Apple เดียวใน Apple ID ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
5. 
   5
   รอจน location หรือตำแหน่งปัจจุบันของ iPhone โผล่มา. พอ iPhone โผล่ขึ้นมาแล้ว จะเห็นหน้าต่าง pop-up ที่ด้านขวาบนของหน้า
6. 
   6
   คลิก Lost Mode. ทางด้านล่างของหน้าต่าง เพื่อเปิดหน้าใหม่ในหน้าต่างเดียวกัน
7. 
   7
   พิมพ์เบอร์โทร. พิมพ์เบอร์โทรสำหรับกู้เครื่อง ต้องเป็นเบอร์ที่ใช้งานได้ตอนนี้ เบอร์จะไปโผล่ในหน้าปลดล็อคของ iPhone

   • ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น แต่แนะนำสำหรับคนที่คิดว่าเผลอวาง iPhone ลืมไว้ที่ไหน ไม่ได้ถูกขโมย
8. 
   8
   คลิก Next. ที่มุมขวาบนของหน้าต่าง
9. 
   9
   พิมพ์ข้อความ. พิมพ์ข้อความที่อยากให้ขึ้นในหน้าจอของ iPhone
10. 
    10
    คลิก Done. ที่มุมขวาบนของหน้าต่าง เพื่อให้ iPhone เข้า Lost Mode แปลว่าใครจะมาปลดล็อคหรือใช้งานไม่ได้ จนกว่าคุณจะเป็นคนปิด Lost Mode เอง

    • คุณ deactivate หรือปิด Lost Mode ได้โดยคลิก Lost Mode แล้วคลิก Stop Lost Mode ที่ด้านล่างของเมนูที่ขยายออกมา
11. 
    11
    ถ้าจำเป็นก็ต้องลบข้อมูลใน iPhone. ในสถานการณ์เลวร้ายขั้นสุด ก็อาจต้องลบข้อมูลในมือถือทิ้งทั้งหมด ดีกว่าปล่อยให้มิจฉาชีพเข้าถึงและนำไปใช้งาน คุณลบข้อมูลใน iPhone ได้โดย

    • คลิก Erase iPhone
    • คลิก Erase ตอนที่ขึ้น
    • พิมพ์รหัสผ่านของ Apple ID รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น
    • คลิก Erase อีกรอบตอนที่ขึ้น
    โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 4:

ใช้ Find My Device ของ Android

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เข้าเว็บ Find My Device. โดยพิมพ์ https://www.google.com/android/find ในเบราว์เซอร์
2. 
   2
   ล็อกอินเข้าเว็บ. พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านของ Android ที่จะล็อคเครื่อง
3. 
   3
   เลือกมือถือของคุณ. ทางซ้ายของหน้า ให้คลิกไอคอนมือถือที่จะล็อคเครื่อง
4. 
   4
   คลิก LOCK. เป็น tab ทางซ้ายของหน้า คลิกแล้วเมนูจะโผล่มาล่างปุ่ม LOCK
5. 
   5
   พิมพ์รหัสผ่าน. ถ้าปกติคุณไม่ได้ล็อค Android ด้วย passcode ก็ให้พิมพ์รหัสผ่านชั่วคราวในช่อง "New password" กับช่อง "Confirm password"
6. 
   6
   พิมพ์ข้อความ. พิมพ์ข้อความที่อยากให้ขึ้นในหน้าปลดล็อค ในช่อง "Recovery message" ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น แต่แนะนำสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองวางมือถือลืมไว้ที่ไหน ไม่ได้ถูกขโมย
7. 
   7
   พิมพ์เบอร์โทรกู้เครื่อง. พิมพ์เบอร์โทรที่ใช้ได้ในตอนนี้ ในช่อง "Phone number" เบอร์ที่พิมพ์จะไปขึ้นที่หน้าปลดล็อคของ Android

   • ขั้นตอนนี้ก็เหมือน recovery message คือไม่ทำก็ได้
8. 
   8
   คลิก LOCK. ที่เป็นปุ่มสีเขียวท้ายหน้า เพื่อล็อคมือถือ Android ของคุณ คนอื่นจะได้ปลดล็อคหรือเข้าถึงข้อมูลในเครื่องไม่ได้
9. 
   9
   ถ้าจำเป็นก็ต้องลบข้อมูลใน Android. ในสถานการณ์เลวร้ายขั้นสุด ก็อาจต้องลบข้อมูลในมือถือทิ้งทั้งหมด ดีกว่าปล่อยให้มิจฉาชีพเข้าถึงและนำไปใช้งาน คุณลบข้อมูลในมือถือ Android ได้โดยเลือกเครื่อง คลิก tab ERASE แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ
   โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 4:

ใช้ Find My Mobile ของ Samsung

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เข้าเว็บ Find My Mobile. โดยพิมพ์ https://findmymobile.samsung.com/ ในเบราว์เซอร์
2. 
   2
   คลิก SIGN IN. กลางหน้า
3. 
   3
   พิมพ์ข้อมูลล็อกอิน. พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านที่ใช้กับ Samsung
4. 
   4
   ติ๊กช่อง "I'm not a robot". ทางด้านล่างของหน้า
5. 
   5
   คลิก SIGN IN. เพื่อดูรายชื่อมือถือและแท็บเล็ต Samsung ที่คุณมีทั้งหมด
6. 
   6
   เลือกอุปกรณ์ Samsung. คลิกมือถือที่จะล็อคเครื่อง
7. 
   7
   คลิก LOCK MY DEVICE. ในเมนูที่โผล่ขึ้นมา

   • ปกติตัวเลือกนี้จะอยู่ทางซ้ายของหน้า
8. 
   8
   ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ. อันนี้แล้วแต่ settings ของ Samsung บางทีจะมีให้พิมพ์ข้อมูลที่อยากแสดงในหน้าจอมือถือที่หายไป หรือมีให้ตั้งรหัสผ่านใหม่

   • ถ้าสุดวิสัยจริงๆ แล้วกลัวข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ก็ต้องลบข้อมูลในมือถือ Samsung ของคุณทั้งหมด โดยเลือกเครื่อง คลิก WIPE MY DEVICE แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ
   โฆษณา

ส่วน 4

ส่วน 4 ของ 4:

แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ติดต่อค่ายมือถือ. ถ้ารู้แน่ว่ามือถือถูกขโมย ให้รีบแจ้ง call center ของค่ายมือถือที่ใช้ทันที เขาจะช่วยตัดสัญญาณให้ได้ คนที่ขโมยเครื่องไปจะได้โทรออกหรือส่ง SMS ไม่ได้ นอกจากนี้ค่ายมือถือยังบอกหมายเลข IMEI ของมือถือให้คุณได้ เป็นอะไรที่จำเป็นมากถ้าจะไปแจ้งความ
2. 
   2
   แจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ. จะไปที่สน. เลย หรือโทร 191 ก็ตามสะดวก เพื่อแจ้งความเรื่องมือถือหายหรือถูกขโมย พยายามบอกรายละเอียดให้มากที่สุด โดยเฉพาะหมายเลข IMEI ของมือถือ นอกจากจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้คุณได้เร็วยิ่งขึ้น ยังเป็นประโยชน์ในกรณีที่ใช้ยื่นกับบริษัทประกันหรือค่ายมือถือ ว่าคุณไม่ได้ใช้งานระหว่างนั้น ถ้าบังเอิญมียอดค่าบริการเกิดขึ้น
3. 
   3
   ติดต่อประกัน. ถ้ามือถือมีประกัน ให้ติดต่อเพื่อขอรับเครื่องทดแทน แต่ต้องมีใบแจ้งความด้วยนะ พอติดต่อบริษัทประกันแล้ว เขาจะแนะนำรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ที่คุณต้องทำให้เอง
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• เว็บของ Samsung ใช้ล็อคมือถือ Android ยี่ห้ออื่นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นมือถือของ Samsung เอง จะใช้ได้ทั้ง Find My Device และ Find My Mobile

โฆษณา

คำเตือน

• อย่าไล่จับขโมยเอง มันอันตราย ปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจเขาดีกว่า

โฆษณา