วิธีการ ลดรอยแผลเป็นจากสิวด้วยวิธีธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

รอยแผลจากสิว เกิดได้เมื่อสิวหรือสิวซีสต์แตกเองตามธรรมชาติหรือคุณมือซนไปบีบเข้า เลยทิ้งชั้นผิวหนังที่เสียหายไว้ โชคดีที่คุณลดหรือกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวนี้ได้เองด้วยหลายวิธี ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดการอักเสบและช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนี้ก็ต้องรักษาความสะอาด กินอาหารดีมีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงสารต่างๆ ที่อาจทำสิวเห่อหรืออักเสบกว่าเดิม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ป้องกันสิวและรอยแผลเป็นจากสิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 รู้จักสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลเป็นจากสิว....
    รู้จักสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลเป็นจากสิว. คุ้ยแคะแกะเกาหรือบีบสิวนี่แหละ ที่ทำให้สิวแตกหรือระเบิดจนกลายเป็นแผลเป็นถาวร เพราะงั้นถ้าสิวแตกน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงเกิดแผลเป็นน้อยลงเท่านั้น เราจึงต้องรักษาสิวให้ถูกวิธี จะได้ป้องกันการเกิดแผลเป็น โดยเฉพาะสิวลักษณะต่อไปนี้[1]
    • สิวตุ่มแดงก้อนลึกหรือซีสต์ที่มักเจ็บและอันตรายเป็นพิเศษ nodules ก็คือสิวก้อนใหญ่ แข็ง และอักเสบ ส่วน cysts ก็คือสิวซีสต์ เป็นสิวหนองที่เจ็บมาก ทั้ง 2 อย่างเป็นสิวที่เกิดลึกเข้าไปในผิวหนัง มักทำให้เกิดแผลเป็น เรียกว่า "cystic acne" หรือสิวซีสต์
    • สิวแรกรุ่น ในอีก 2 - 3 ปีข้างหน้า มักกลายเป็นสิวอักเสบอันตราย แพทย์ผิวหนังแนะนำให้พาเด็กวัยแรกรุ่นที่มีสิวไปตรวจรักษา เพราะถ้ารักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็น
    • ปัจจัยทางพันธุกรรม ถ้ามีพ่อแม่พี่น้องหรือญาติที่มีแผลเป็นจากสิว ตัวคุณเองก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อย่าแตะต้องใบหน้า.
    ถ้าใครชอบเอามือไปจับหน้าบ่อยๆ สิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่มือจะไปทำรูขุมขนอุดตันจนสิวขึ้นได้ ถ้ารู้สึกคันหรือระคายเคืองเวลาเป็นสิว ให้ใช้แผ่นเช็ดหน้าสูตรอ่อนโยนและไร้น้ำมัน เช็ดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตกค้าง ช่วยลดอาการระคายเคืองได้ ที่สำคัญคือพยายามเบี่ยงเบนความสนใจตัวเอง ไม่ให้แตะหน้า[2]
    • มือต้องสะอาด โดยล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือถ้าอยู่ข้างนอกก็ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทน
    • อย่าบีบสิวหรือคุ้ยแคะแกะเกา เพราะจะเกิดแผลเป็นง่ายขึ้นเท่านั้น ดีไม่ดีบีบสิวแล้วจะแพร่เชื้อแบคทีเรียไปทั่วหน้า
    • อย่าเอาผมปิดสิว ให้รวบผมเป็นระเบียบเรียบร้อย จะมัดหางม้า ใช้ผ้า/ที่คาดผม หรือติดกิ๊บก็ตามสะดวก
    • แพทย์ผิวหนังแนะนำว่า ให้สระผมบ่อยๆ ถ้าใครผมมัน เหนียวง่าย เพราะน้ำมันจะไหลลงมาที่หน้าผากและใบหน้า จนสิวเห่อได้[3]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าตากแดดเยอะไป.
    จริงอยู่ว่าโดนแดดพอประมาณแล้วดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดี แต่ถ้ารอยแผลจากสิวโดนแดดและรังสียูวีเยอะๆ ก็จะหายยาก อาจเป็นรอยแผลเป็นถาวร[4]
    • ตากแดดเยอะๆ ทำให้เกิดฝ้าหรือกระแดด (solar lentigines) ได้ด้วย โดยเริ่มก่อตัวจากใต้ชั้นผิวหนัง จนกลายเป็นจุดดำเล็กๆ บนใบหน้า เมื่ออายุเยอะขึ้น
    • วิธีกันแดดง่ายๆ ก็คือให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF (sun protection factor) 30 ขึ้นไป
    • บางคนก็แพ้สารเคมีในครีมกันแดด ยังไงให้ลองปรึกษาคุณหมอผิวหนังก่อน จะได้รู้ว่าสภาพผิวแบบคุณควรใช้ครีมกันแดดตัวไหน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เลือกเครื่องสำอางดีๆ.
    เครื่องสำอางบางอย่างทำให้สิวเห่อหรืออักเสบกว่าเดิม จนยิ่งเสี่ยงเกิดแผลเป็น ต้องพยายามเลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีสารพิษหรือสารเคมีแรงๆ และใช้แต่พอประมาณ
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ปราศจากพาราเบน (paraben) เพราะเป็นสารกันบูดที่ใส่ในเครื่องสำอางหลายชนิด ถ้าใครเป็นสิวแล้วมาใช้ ก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองหรืออักเสบได้ บางคนก็เกิดอาการแพ้ โดย butyl paraben กับ propyl paraben จะอันตรายกว่า methylparaben กับ ethylparaben แต่อย่างหลังดูดซึมเข้าร่างกายง่ายกว่า[5]
    • อย่าใช้เครื่องสำอางที่ใช้สีย้อมสังเคราะห์ เพราะผิวหนังของคนเราจะดูดซึมสารต่างๆ ที่ทาลงไปได้มากถึง 60% นอกจากนี้ให้หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่แต่งสีสังเคราะห์ โดยเฉพาะ E102, E129, E132, E133 และ E143 เพราะนอกจากไม่ดีต่อผิวแล้ว ยังเป็นพิษต่อระบบประสาท รวมถึงก่อมะเร็งด้วย[6]
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมและผิวแบบ oil-free
    • ล้างหน้าเสร็จอย่าแต่งหน้าตามทันที เพราะจะทำให้รูขุมขนอุดตันได้ สิวเห่อกว่าเดิม
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เลิกสูบบุหรี่.
    การสูบบุหรี่ก็ทำให้เกิดสิวได้ เป็นสภาวะที่ร่างกายต้านการอักเสบเพื่อดูแลรักษาสิวจากการสูบบุหรี่ไม่ทัน เพราะทำได้ไม่ง่ายเหมือนในกรณีสิวทั่วไป[7]
    • ใครสูบบุหรี่เท่ากับมีโอกาสเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่มากกว่าคนอื่นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 25 - 50 ปี[8]
    • ควันบุหรี่ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ ถ้าใครผิวแพ้ง่าย
    • นอกจากสิวแล้ว การสูบบุหรี่ยังทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ได้ง่าย เช่น ริ้วรอย แก่ก่อนวัย จากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่จะทำปฏิกิริยากับสารเคมี ทำร้ายเซลล์ของเราได้
    • สูบบุหรี่แล้วทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนน้อยลง ลดโปรตีนผิว คอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างที่มีสรรพคุณชะลอวัย ปกติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ และซ่อมแซมให้ผิวสวยสุขภาพดี แข็งแรงยิ่งขึ้น ถ้ามีคอลลาเจนไม่พอ สิวจะหายยาก หายช้า ไม่ต้องพูดถึงการรักษาแผลเป็นเลย
  6. How.com.vn ไท: Step 6 คลายเครียด.
    มีหลายงานวิจัยที่ชี้ว่า เครียดแล้วทำให้สิวยิ่งเห่อ โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย เพราะงั้นต้องจัดการความเครียดโดย
    • ฟังเพลง เขาว่าฟังเพลงเพราะๆ สบายๆ แล้วช่วยลดความดัน หัวใจเต้นคงที่ หายวิตกกังวล
    • หาเวลาทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ ถ้าทำงานหรืองานบ้านหนักแล้ว ต้องเปลี่ยนบรรยากาศหาอะไรสนุกๆ ทำ ถ้าอยู่บ้านแล้วเครียด ก็ไปเที่ยวซะเลย แค่ 1 - 2 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ก็ยังดี
    • นั่งสมาธิ บอกเลยว่าช่วยลดความดัน อาการเจ็บปวดเรื้อรัง ความเครียด วิตกกังวล และลดคอเลสเตอรอลได้ด้วย เรียกว่าดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจเลย
    • วิธีนั่งสมาธิง่ายๆ ให้นั่งขัดสมาธิในบรรยากาศเงียบสงบ แล้วหายใจเข้า-ออกช้าๆ ลึกๆ สัก 5 - 10 นาทีขึ้นไป ใครเพิ่งเริ่มต้นหรือไม่มีเวลา ขอให้นั่งได้วันละ 5 นาทีก็ยังดี รับรองว่าหายเครียดแน่นอน
    • อีกวิธีทำสมาธิคือรำไทเก๊ก เล่นโยคะ ฝีก biofeedback (การตระหนักรู้) และนวดคลายเส้น
  7. How.com.vn ไท: Step 7 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ.
    ถ้าหลับสนิทและเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ร่างกายต้องใช้เวลากว่าจะซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง โดยเฉพาะลดรอยแผลเป็น
    • นอนให้เป็นเวลา จะหลับสนิทและยาวกว่า ตื่นมาก็สดชื่น
    • ก่อนนอน 4 - 6 ชั่วโมงต้องงดอะไรที่มีคาเฟอีน นิโคติน และแอลกอฮอล์ รวมถึงน้ำหวานน้ำอัดลม เพราะเป็นสารกระตุ้น ทำคุณตื่นตลอดคืนแน่นอน[9]
    • นอนในห้องมืดๆ เงียบๆ และเย็นสบาย จะหลับสนิทกว่า ถ้าไม่มีม่านหนาๆ ก็ต้องใช้ผ้าปิดตาแทน นอกจากนี้ให้ปรับแอร์ให้เย็นสบาย คือประมาณ 18 - 24 °C (65 - 75 °F) ถ้าอากาศเย็นจะเปิดหน้าต่างก็ได้ เพราะห้องนอนควรจะอากาศถ่ายเทดี[10]
  8. How.com.vn ไท: Step 8 ออกกำลังกายเป็นประจำ.
    ออกกำลังกายแล้วช่วยลดฮอร์โมนเครียด เช่น อะดรีนาลีน และคอร์ติซอล นอกจากนี้ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต้านแบคทีเรีย ไวรัส และอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรักษาสิว
    • ทุกวันต้องออกกำลังกายปานกลางให้ได้อย่างน้อย 30 – 40 นาที หรือออกกำลังกายหนักๆ 10 - 15 นาที ออกกำลังกายปานกลางก็เช่น เดินเล่น หรือว่ายน้ำแบบเล่นน้ำ ส่วนการออกกำลังกายจริงจังแบบหนักๆ ก็เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล
  9. How.com.vn ไท: Step 9 เสื้อผ้าและเครื่องนอนต้องสะอาด.
    อย่าใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ที่แนบเนื้อ เพราะจะเสียดสีกับผิวหนัง และหมั่นซักปลอกหมอนให้สะอาดอยู่เสมอ[11]
    • หมวกกันน็อค หน้ากากนิรภัย/อนามัย ผ้า/ที่คาดผม และเสื้อผ้า/อุปกรณ์กีฬาต่างๆ ที่แนบเนื้อ จะถูไถกับใบหน้า ทำให้สิวเห่อหรืออักเสบได้ เพราะงั้นต้องรักษาความสะอาดให้ดี และอาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย
    • ปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนนี่แหละตัวดักแบคทีเรีย สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้วของคุณ พอนอนเลยเข้าไปอุดตันรูขุมขน ทำให้สิวขึ้นสิวเห่อ ถ้าไม่รักษาดีๆ ก็กลายเป็นแผลเป็น เพราะงั้นต้องซักและเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนบ่อยๆ
    • ถ้าต้องทายาสิวทุกคืน ก็อาจจะปูผ้าขนหนูผืนใหม่บนหมอนแทน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

รักษาความสะอาด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่ไม่ใช่สบู่....
    ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่ไม่ใช่สบู่. ดูแลรักษาความสะอาดผิวนี่แหละวิธีสู้สิว แต่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าบางอย่างก็ทำให้สิวขึ้นกว่าเดิม ต้องเลือกใช้ที่ไม่ใช่สบู่ เพราะไม่มีสารเคมีระคายผิว ทำให้สิวกลายเป็นแผลเป็น[12]
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี จะได้ป้องกันการระคายเคืองจนเกิดแผลเป็น เดี๋ยวนี้ตามร้านขายยาและ Boots หรือ Watsons ก็มีขายทั่วไป
    • คนที่ผิวแพ้ง่ายห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีสารฝาดสมาน (astringent) เพราะทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองได้
    • ใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางแบบ oil-free และไม่มีสารขัดล้างแทนได้ เวลาไม่สะดวกล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจล
    • ผสมน้ำยาล้างหน้าหรือโทนเนอร์ปรับสภาพผิวสูตรธรรมชาติใช้เองซะเลย โดยชงชาเขียว 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ประมาณ 3 - 5 นาที จากนั้นกรองชาใส่ชามสะอาด ทิ้งให้เย็นประมาณ 15 - 20 นาที แล้วชุบสำลีก้อน แผ่นล้างหน้า หรือผ้า microdermabrasion ใช้ทาบริเวณที่เป็นสิวได้เลย[13]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ล้างหน้าให้ถูกวิธี.
    ไม่ใช่แค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องแล้วจะจบ วิธีการล้างหน้าก็สำคัญ แนะนำให้[14]
    • ล้างมือก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า สิ่งสกปรกกับแบคทีเรียที่มือจะได้ไม่ทำรูขุมขนอุดตัน
    • ล้างหน้าอย่างเบามือด้วยน้ำอุ่นนิดๆ หรือน้ำเย็น ก่อนลงผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
    • ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ให้โฟม เจล หรือน้ำยาซึมเข้าผิว ประมาณ 3 - 5 นาที
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขนหนูนุ่มๆ
    • แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) อนุโลมให้มากกว่านั้นถ้าทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเหงื่อออกเยอะ
    • ถ้าเหงื่อออกเยอะๆ โดยเฉพาะตอนใส่หมวกหรือหมวกกันน็อค ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ หลังเสร็จกิจกรรมหรือมีโอกาสเมื่อไหร่ ให้รีบล้างหน้า
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ล้างหน้าด้วยนมสด.
    นอกจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรธรรมชาติแล้ว จะลองใช้นมจืดแบบไม่พร่องมันเนยล้างหน้าแทนก็ได้ กรดแลคติกในนมจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเรียบเนียน ไม่กระดำกระด่าง เลยช่วยรักษาสิว แผลเป็นก็จางลงด้วย[15]
    • เอาสำลีก้อนชุบนมสด 1 ช้อนโต๊ะแล้วเอาไปทาหน้า นวดวนอย่างน้อย 3 - 5 นาที จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขนได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเป็นกะทิจะมีกรดไขมันสายกลางที่ฆ่าแบคทีเรียและไวรัสได้ แถมช่วยลดการเกิดสิวหัวหนองกับสิวซีสต์ เพราะงั้นจะใช้กะทิล้างหน้าแทนนมสดก็ได้[16].
    • ถ้ามีสิวอักเสบหรือเป็นคนหน้ามัน ให้ผสมแป้งข้าวเจ้าหรือแป้งกรัม (แป้งถั่วลูกไก่) 1 ช้อนชา กับนมสด 1 ช้อนโต๊ะจนเข้ากัน แล้วเอาไปนวดวนที่ใบหน้าโดยใช้ปลายนิ้ว
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้เปลือกส้มแห้ง.
    ถ้าใครชอบผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรธรรมชาติ ก็ลองใช้เปลือกส้มแห้งดู เปลือกส้มแห้งมีวิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ ใช้แล้วสิวและรอยแผลจากสิวจะจางลงแน่นอน[17]
    • เปลือกส้มแห้งเหมาะกับคนหน้ามันเป็นพิเศษ เพราะช่วยชะล้างน้ำมันส่วนเกิน (sebum) จากใบหน้า แถมเปลือกส้มยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
    • เอาเปลือกส้มไปตากแห้ง แล้วบดเป็นผงละเอียด จากนั้นใช้ 1 ช้อนชา ผสมกับนม กะทิ หรือโยเกิร์ต 1 ช้อนชา ใช้นวดวนเบาๆ ที่หน้า ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำเย็น
    • นมหรือโยเกิร์ตมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดการอักเสบ และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้โจโจ้บาออยล์.
    โจโจ้บาออยล์ได้จากเมล็ดของต้นโจโจ้บา เป็นสารที่ใกล้เคียงกับน้ำมันผิวตามธรรมชาติ (sebum) ของคนเราที่สุดแล้ว แต่ที่ดีกว่าคือไม่อุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) เหมือน sebum เลยช่วยลดสิวได้[18]
    • ถ้าทาโจโจ้บาออยล์ที่ผิว จะหลอกให้ผิวนึกว่าผลิตน้ำมันพอแล้ว เลยไม่เกิดน้ำมันส่วนเกิน
    • ให้หยดโจโจ้บาออยล์ 1 - 3 หยดใส่สำลีก้อนแล้วใช้เช็ดทำความสะอาดผิว ถ้าหน้าแห้งเป็นพิเศษให้เพิ่มเป็น 5 - 6 หยดได้ เพราะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์สูตรธรรมชาติ
    • โจโจ้บาออยล์ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ ไม่ทำให้ระคายเคือง เลยใช้ล้างเครื่องสำอางได้ด้วย กระทั่งที่ดวงตา
    • คุณหาซื้อโจโจ้บาออยล์ได้ทั่วไปตามร้านขายยาและเครื่องสำอาง โดยเก็บรักษาในที่แห้งๆ เย็นๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ผลัดผิวลดรอยแผลเป็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน.
    exfoliation ก็คือการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวและจุดด่างดำ (hyperpigmentation) หรือรอยแดงจางลงได้ ที่สำคัญคือผลัดผิวเพื่อไม่ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วไปอุดตันรูขุมขนจนสิวกลับมาบุกหน้า มีหลายผลิตภัณฑ์เลยที่คุณใช้ผลัดผิวได้[19]
    • ก่อนผลัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ไหน ให้ปรึกษาคุณหมอผิวหนังก่อน ว่าสภาพผิวของคุณเหมาะกับผลิตภัณฑ์ไหน
    • คนที่หน้าแห้ง แพ้ง่าย ไม่ควรผลัดผิวเกินอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง แต่ถ้าหน้ามัน ผิวไม่บาง ก็ผลัดผิวได้ทุกวัน
    • ใช้ผ้าขัดผิว (microdermabrasion cloth) นุ่มๆ ผลัดเซลล์ผิวได้เลย เพราะเป็นเส้นใยไมโครไฟเบอร์ที่ชะสิ่งสกปรกตกค้างและน้ำมันส่วนเกินออกจากรูขุมขนได้ดี แบบไม่ต้องออกแรงกดหรือถูให้เจ็บตัว
    • พอล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้แล้ว ก็ให้ซับหน้าด้วยผ้านุ่มๆ จนแห้ง แล้วเริ่มใช้ผ้าขัดหน้าเบาๆ 3 - 5 นาที เสร็จแล้วทุกครั้งต้องซักด้วยสบู่แล้วตากให้แห้ง
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สครับหน้าด้วยน้ำตาล.
    คุณใช้น้ำตาลขัดผิวก็ได้ น้ำตาลนี่แหละหนึ่งในสุดยอดวัตถุดิบจากธรรมชาติสำหรับผลัดเซลล์ผิว สครับจากน้ำตาลนอกจากขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวชั้นใน โดยชะสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขน[20]
    • น้ำตาลมีสรรพคุณชะลอวัยให้ผิวตามธรรมชาติด้วย โดยขจัดอนุมูลอิสระ ใช้แล้วหน้าแก่ช้าลง
    • จะทำสครับจากน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลออร์แกนิกก็ตามสะดวก ถ้าเป็นน้ำตาลทรายแดงจะละเอียดที่สุด ใช้แล้วไม่ทำร้ายผิว ถ้าน้ำตาลทรายขาวก็จะหยาบขึ้นมาหน่อย ส่วนน้ำตาลทรายออร์แกนิกจะหยาบที่สุด
    • เวลาจะทำสครับจากน้ำตาล ให้ผสมน้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วยตวงกับกลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว ⅓ ถ้วยตวง และน้ำมันสวีทอัลมอนด์ 2 ช้อนโต๊ะ จะใส่น้ำเลมอน 2 - 3 หยด หรือน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ด้วยก็ได้ ถ้าอยากให้หอมๆ[21] ผสมทุกอย่างให้เข้ากันในถ้วยหรือชามใบเล็ก แล้วเทลงขวดโหล
    • เวลาจะสครับหน้า ให้ใช้น้ำตาลเล็กน้อยนวดวนบริเวณที่มีแผลเป็นจากรอยสิว 3 - 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • ให้เก็บสครับน้ำตาลที่ว่าในที่แห้งๆ เย็นๆ และอย่าเก็บไว้นานเกิน 2 - 3 อาทิตย์
  3. How.com.vn ไท: Step 3 สครับด้วยข้าวโอ๊ต.
    oatmeal หรือข้าวโอ๊ตมี saponins ที่เป็นสารทำความสะอาดจากพืชตามธรรมชาติ รวมถึงมี phenols ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยกันแดด นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตที่เป็นแป้งข้นๆ ยังช่วยให้หน้าชุ่มชื้น ใช้กับคนที่ผิวแพ้ง่ายได้เลย[22]
    • วิธีผสมข้าวโอ๊ตสำหรับผลัดผิว คือผสมข้าวโอ๊ตออร์แกนิก 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ ¼ ถ้วยตวงแล้วต้มสุก พอเย็นตัวก็ใช้นวดหน้า แล้วทิ้งไว้ 10 – 15 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้เบคกิ้งโซดา.
    อนุภาคละเอียดของเบคกิ้งโซดาจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสียหายและตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน รวมถึงน้ำมันส่วนเกินด้วย เลยเหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย เพราะค่อยๆ ละลายเข้าสู่ผิว[23]
    • ถ้าอยากได้สครับง่ายทันใจ ก็แค่ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำนิดหน่อย ใช้นวดหน้า 5 นาที
    • ถ้าคุณหน้ามัน ผิวไม่บาง ไม่แพ้ง่าย ให้หยดน้ำเลมอนใส่ไปสัก 2 - 3 หยด เพื่อเพิ่มฤทธิ์ฝาดสมาน ป้องกันไม่ให้สิวขึ้นอีก
    • ถ้าเป็นสิวซีสต์หรือสิวอักเสบ อย่าใช้เบคกิ้งโซดา
    • ผสมผงขมิ้นชัน ใบสะเดา และน้ำผึ้งให้เหนียวข้นเป็น paste ใช้พอกหน้า ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีแล้วล้างออก
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ใช้มอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ.
    ถ้าปล่อยให้ผิวแห้ง ก็อาจเกิดการระคายเคือง ทำให้สิวและแผลเป็นแย่กว่าเดิม ต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบ non-comedogenic คือไม่อุดตันรูขุมขน ผิวหน้าจะได้นุ่มชุ่มชื้น พยายามเลือกครีมหรือโลชั่นออร์แกนิกสูตรธรรมชาติ ที่มีสารสกัดจากพืชช่วยต้านอักเสบ ส่วนผสมที่แนะนำก็เช่น คาโมไมล์ ชาเขียว ว่านหางจระเข้ ดาวเรือง หรือข้าวโอ๊ต[24]
    • ต้องทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้งหลังล้างหน้าหรือผลัดผิว
    • มอยส์เจอไรเซอร์ที่มี AHA (alpha-hydroxy acids) จะช่วยให้แผลเป็น สิว และริ้วรอยจางลงได้ AHA ที่พบได้ก็เช่น กรดไกลโคลิก กรดแลคติก กรดมาลิก กรดซิตริก และกรดทาร์ทาริก เป็นต้น
    • กรดไฮยาลูรอนิค (hyaluronic acid) เป็น humectant ตามธรรมชาติ คือสารช่วยดูดซับน้ำและความชุ่มชื้นไว้ในผิว หลายผลิตภัณฑ์ตามร้านขายยาและเครื่องสำอางก็จะมีส่วนผสมนี้ เช่น โลชั่น โทนเนอร์ และ facial mist สำหรับฉีดพ่นใบหน้า
    • กรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยชะลอวัย โดยจะซ่อมแซมและรักษาผิวชั้นใน
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้วุ้นว่านหางจระเข้.
    ว่านหางจระเข้มีสารสำคัญที่ช่วยลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเซลล์
    • เดี๋ยวนี้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ขายกันก็มีเยอะที่ผสมสารสกัดจากว่านหางจระเข้ บางทีก็เป็นเจลใช้ทาได้เลย มีขายตามร้านขายยาและเครื่องสำอาง คุณใช้ทาลดรอยแผลเป็นได้ตลอด
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ทาขี้ผึ้งดอกดาวเรือง.
    ดอกดาวเรือง (calendula หรือ marigold) ก็เป็นอีกส่วนผสมจากธรรมชาติที่เดี๋ยวนี้มอยส์เจอไรเซอร์สำเร็จรูปนิยมใช้ แบบที่เป็นสารสกัดเพียวๆ ก็มี คนนิยมใช้รักษาให้แผลเป็นจางลง เพราะกระตุ้นการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเซลล์
    • ดอกดาวเรืองใช้เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มเด้งด้วย โดยใช้ขี้ผึ้งแบบเข้มข้น 2 - 5%
    • ทาได้ 3 - 4 ครั้งต่อวัน จะช่วยให้สิวและรอยแผลเป็นจากสิวจางลง
    • หรือชงชาดอกดาวเรือง โดยใช้ดอกย่อย 2 - 3 กรัม กับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ล้างหน้าเป็นประจำทุกวัน
    • ถ้าใครแพ้ดอกไม้ตระกูลเดซี่หรือแอสเตอร์ รวมถึงเบญจมาศและหญ้า ragweed ก็มีโอกาสแพ้ดอกดาวเรืองเช่นกัน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ลองใช้น้ำมันมะพร้าว.
    น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีส่วนผสมของวิตามินอีกับกรดไขมัน ที่มีสรรพคุณต้านอักเสบและแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุทำผิวติดเชื้อ[25]
    • ให้ใช้น้ำมันมะพร้าว 1 - 2 หยดทาผิววันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นได้
    • น้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูผิว เลยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และลดการเกิดแผลเป็น
    • ใครรู้ตัวว่าหน้ามัน ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวแต่พอดี คือประมาณ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ ถ้าใช้บ่อยกว่านี้ ระวังอุดตันรูขุมขน ทีนี้สิวจะบุกกว่าเดิม
    • บ้านเราโชคดีกว่าฝรั่ง เพราะหาซื้อน้ำมันมะพร้าวได้ง่ายมาก แต่ขอให้เลือกที่เป็นน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ สกัดเย็น และเป็นแบบออร์แกนิก แต่ใครแพ้ถั่วต้องระวัง ไม่แนะนำให้ใช้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้อะโวคาโด.
    อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมวิตามิน สารอาหาร และกรดไขมัน ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ คุณใช้อะโวคาโดมาสก์หน้ารักษาแผลเป็นจากสิวได้เลย[26]
    • วิตามินเอและซีมีสรรพคุณต้านอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ส่วนวิตามินอีทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น รอยแผลเป็นเลยจางลง
    • เวลาจะมาสก์หน้าด้วยอะโวคาโด ให้ใช้เนื้ออะโวคาโด 1 ลูกพอกบริเวณที่มีแผลเป็นจากสิว ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สุดท้ายซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูุนุ่มๆ
    • ถ้ารู้ตัวว่าผิวแห้ง แพ้ง่าย ให้มาสก์หน้าสูตรนี้ทุกวัน ส่วนคนหน้ามันแค่อาทิตย์ละ 2 ครั้งก็พอ
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ใช้น้ำผึ้ง.
    น้ำผึ้งมีสรรพคุณต้านแบคทีเรียและการอักเสบ เลยช่วยให้แผลเป็นจางลง ลดสิวอักเสบ ทาจะใช้น้ำผึ้งทาโดยตรง ก็ให้ทาบางๆ บริเวณที่เป็น จากนั้นเอาผ้าพันแผลปิดไว้[27][28]
    • น้ำผึ้งมานูก้านี่แหละที่เข้มข้น ช่วยลดรอยแผลเป็นได้มากที่สุด
    • น้ำผึ้งช่วยบรรเทาหรือป้องกันอาการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียได้ด้วย แต่ควรปรึกษาคุณหมอก่อน ถ้าจะใช้รักษาสิวโดยเฉพาะ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ใช้สมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ลอกหน้าด้วยกรดซาลิไซลิก.
    มีสมุนไพรหลายอย่างเลยที่ใช้รักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ อย่างกรดซาลิไซลิกก็เป็นกรดที่ได้จากพืชโดยธรรมชาติ ใช้รักษาได้ทั้งสิวและผิวด่างดำ ในคนที่ผิวคล้ำหน่อย[29]
    • แพทย์ผิวหนังจะเป็นผู้ลอกหน้าด้วยกรดซาลิไซลิกให้คุณที่คลินิก หรือแนะนำชุดอุปกรณ์ลอกหน้าด้วยตัวเองให้
    • กรดซาลิไซลิกมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ถ้าใครแพ้ยาแอสไพรินไม่แนะนำให้ใช้
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เจล AHA และ BHA (beta hydroxy acid).
    AHA (alpha-hydroxy acids) เป็นกรดธรรมชาติในร่างกายที่ช่วยลดรอยแผลเป็น สิว และริ้วรอย โดยลอกผิวชั้นบนออกอย่างอ่อนโยน[30]
    • ตัวอย่างของ AHA ก็เช่น กรดแลคติก กรดมาลิก กรดซิตริก กรดทาร์ทาริก และ beta-hydroxy glycolic acids คุณหาซื้อเจลลดรอยแผลเป็นที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA ได้ตามร้านขายยาและเครื่องสำอาง
    • ให้ทาเจลบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้ง
    • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือกรดไกลโคลิกเข้มข้นเกิน 20% เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันและความชุ่มชื้นตามธรรมชาติมากเกินไป
    • คุณหมอสามารถลอกหน้าด้วยกรดไกลโคลิกให้คุณได้ที่คลินิก
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ลอกหน้าด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล.
    apple cider vinegar หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล มีสรรพคุณฆ่าเชื้อ ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังมีกรดมาลิก กรดแลคติก และกรดอะซิติก ที่ช่วยให้ผิวสะอาดเรียบเนียนด้วย เพราะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว[31]
    • เวลาเลือกน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล ให้เลือกที่ขุ่นและสีเข้มที่สุด เพราะยิ่งขุ่น มีตะกอนเยอะ ก็ยิ่งอุดมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว
    • ผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแบบออร์แกนิก ½ ถ้วยตวง กับเบคกิ้งโซดา ¼ ถ้วยตวง เกลือทะเล (sea salt) ¼ ถ้วยตวง น้ำผึ้ง ½ ถ้วยตวง และทีทรีออยล์หรือน้ำมันหอมระเหยจากดอกดาวเรือง 5 – 10 หยด คนผสมให้เข้ากันโดยใส่ในขวดโหล ถ้าเหลวไป ไม่เหนียวข้นเป็น paste ให้เพิ่มเบคกิ้งโซดาหรือเกลือ เพราะเวลาใช้ลอกหน้า ส่วนผสมไม่ควรเหลวจนไหลหยดจากหน้า
    • ทาทุกวันติดต่อกัน 1 อาทิตย์ โดยใช้ปลายนิ้วนวดวนเบาๆ ให้ทั่วทั้งหน้า เว้นรอบดวงตาไว้
    • ทาแล้วทิ้งไว้ 5 - 10 นาทีค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็น
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ทาเจลผสมสารสกัดจากหัวหอม.
    มีหลายงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากหัวหอมมีสรรพคุณลดรอยแผลเป็นและรอยไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเพราะหัวหอมมี quercetin ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ทั้งยังลดการอักเสบ กระตุ้นการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อด้วย[32][33]
    • หัวหอมอุดมซัลเฟอร์ต้านแบคทีเรีย ที่ช่วยลดการเกิดสิว แถมยังมีสรรพคุณที่ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดสิวและรอยด่างดำด้วย
    • เจลผสมสารสกัดจากหัวหอมมีขายตามร้านขายยาและเครื่องสำอาง หรือทำเองก็ยังได้ วิธีทำ paste หัวหอม ก็คือใช้เครื่องขูดหัวหอมลูกเล็กๆ ให้ละเอียดจนเขละ ต่อมาแช่เย็นไว้ 20 นาที ให้หายกลิ่นฉุนเพราะอาจระคายเคืองได้ พอเอาออกจากตู้เย็นแล้วก็ใช้พอกบริเวณที่มีแผลเป็นได้เลย
    • ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำได้ทุกวันจนรอยแผลเป็นจางลง แต่กว่าจะเห็นผลก็นาน 4 – 10 อาทิตย์
    • ถ้าแสบร้อนหรือระคายเคืองมาก ให้หยุดใช้ทันที
  5. How.com.vn ไท: Step 5 มาสก์หน้าด้วยโคลนทะเล.
    sea silt เป็นโคลนชนิดหนึ่งที่มีเกลือทะเล โดยตกตะกอนตามแถบชายฝั่ง เป็นโคลนที่อุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซัลเฟอร์ และสาหร่าย (algae) ที่มีสรรพคุณต้านอักเสบและบรรเทาอาการระคายเคือง[34]
    • โคลนทะเลช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เพราะผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วไปพร้อมกับแบคทีเรีย รอยแผลเป็นเลยตื้นขึ้น จางลง
    • โคลนทะเลมีขายตามร้านขายยาและเครื่องสำอางทั่วไป
    • คุณมาสก์หน้าด้วยโคลนทะเลได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือตามที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ
    • ถ้าใครผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือรอยแผลเป็นอักเสบ ซัลเฟอร์และเกลือทะเลอาจทำให้ระคายเคืองได้
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ดื่มน้ำเยอะๆ.
    ขาดน้ำแล้วผิวแห้ง แถมระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะไม่ได้ขับสารพิษออกทางเหงื่อและการขับถ่าย ร่างกายเลยไม่ค่อยฟื้นตัว แผลเป็นหายช้า
    • ถ้าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ผิวจะนุ่มเด้ง แผลเป็นจากสิวและริ้วรอยก็ตื้นขึ้น จางลง
    • ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 ออนซ์ทุก 2 ชั่วโมง ร่างกายจะได้ไม่ขาดน้ำ และดื่มให้ได้อย่างน้อย 2 - 4 ลิตรต่อวัน
    • ถ้าปกติดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนด้วย ก็ต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 1 ลิตรต่อเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน 1 แก้ว
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ลดน้ำตาลและผลิตภัณฑ์นม.
    2 อย่างนี้ผสมกันแล้วส่งผลเสียต่อต่อมไขมันอย่างมาก จนสิวเห่อได้ มีหลายงานวิจัยชี้ว่าในหมู่ชนพื้นเมืองตามประเทศต่างๆ ของโลก เด็กวัยรุ่นจะไม่มีสิว เพราะไม่ได้บริโภคน้ำตาลและผลิตภัณฑ์นมกัน กินแต่อาหารพื้นเมือง แต่พอเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะอาหารการกิน ก็พบว่าสิวขึ้นเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปในโลก[35]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ดื่มชาเขียว.
    ชาเขียวอุดมสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ polyphenols ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ ทำให้แผลเป็นจางลง นอกจากนี้ยังป้องกันรังสียูวีและช่วยลดริ้วรอย ที่สำคัญคือชาเขียวช่วยคลายเครียดได้ด้วย
    • วิธีชงชาเขียวง่ายๆ คือแช่ใบชา 2 - 3 กรัมในน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 นาที
    • คุณดื่มชาเขียวได้ 2 - 3 ครั้งต่อวันเลย
    • หรือใช้ทาหน้าก็ช่วยลดรอยแผลเป็นได้เช่นกัน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 กินอาหารที่มีวิตามินเอเยอะๆ.
    มีงานวิจัยที่ชี้ว่า วิตามินเอ หรือ retinol ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระและรังสียูวีด้วย
    • อาหารที่อุดมวิตามินเอก็เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ไข่แดง แครอท ผักใบเขียว และผลไม้สีเหลืองหรือส้ม ปกติกินอาหารที่มีวิตามินเอตามธรรมชาติจะไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้ก็มีอาหารเสริมเช่นกัน หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
    • วิธีเพิ่มการดูดซึมวิตามินเอ คืออย่ากินอาหารที่มีไขมันเลว โดยเฉพาะมาการีน น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน (hydrogenated) รวมถึงอาหารแปรรูป
    • ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำในแต่ละวันคือ 700 – 900 ไมโครกรัม (2,334 - 3,000 IU) ถ้าได้รับมากไป (มากกว่า 3,000 ไมโครกรัม หรือ 10,000 IU) จะเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ เช่น คลอดลูกแล้วพิการแต่กำเนิด หรือเป็นโรคซึมเศร้า ถ้าปรึกษาคุณหมอได้จะดีที่สุด
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เพิ่มวิตามินซี.
    วิตามินซีทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นเยอะ แถมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญด้วย[36]
    • จะกินวิตามินซีแบบอาหารเสริมก็ได้ ปริมาณที่แนะนำคือ 500 มก. โดยแบ่งกิน 2 - 3 ครั้งต่อวัน
    • หรือเพิ่มเข้าไปในอาหารประจำวัน อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินซีตามธรรมชาติก็เช่น พริกหวานแดงหรือเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว น้ำผลไม้รสเปรี้ยวคั้นสด ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ กะหล่ำดาว สตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ อะโวคาโด และมะเขือเทศ
  6. How.com.vn ไท: Step 6 กินอาหารที่มีวิตามินอี.
    วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดสิวจากแบคทีเรีย ไวรัส และอนุมูลอิสระ แถมยังปกป้องผิวจากรังสียูวี กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นด้วย[37]
    • อาหารที่อุดมวิตามินอีก็เช่น น้ำมันพืช อัลมอนด์ ถั่วลิสง เฮเซิลนัท เมล็ดทานตะวัน ปวยเล้ง และบร็อคโคลี่
    • ปริมาณที่แนะนำในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป คือ 15 มก. (22.35 IU) แต่มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ว่ามากถึง 268 มก. (400 IU) ต่อวันก็ยังได้ อันนี้ต้องปรึกษาคุณหมอประจำตัว จะได้พิจารณาจากสภาพร่างกายของคุณร่วมด้วย
    • วิตามินอีตามธรรมชาติในอาหาร กินแล้วจะไม่อันตรายหรือมีผลข้างเคียง แต่ถ้าเป็นอาหารเสริม ถ้าร่างกายได้รับในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายได้
  7. How.com.vn ไท: Step 7 กินอาหารที่มีสังกะสี.
    บางงานวิจัยชี้ว่า zinc หรือสังกะสี ช่วยลดรอยแผลเป็นได้ หรือจะใช้ทาผิวในรูปของครีมแทน ก็ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
    • สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่พบได้น้อยแต่จำเป็น (essential trace mineral) มีอยู่ในอาหารหลายชนิด ซึ่งก็เป็นอาหารประจำวันของคุณนั่นแหละ สังกะสีมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจากแบคทีเรียและไวรัส[38]
    • อาหารที่เป็นแหล่งของสังกะสีก็เช่น หอยนางรม สัตว์ทะเลที่มีเปลือกแข็ง เนื้อแดง สัตว์ปีก เนยแข็ง กุ้ง ปู ถั่วฝัก เมล็ดทานตะวัน ฟักทอง เต้าหู้ เต้าเจี้ยว (มิโสะ) เห็ด และผักใบเขียวปรุงสุก
    • สังกะสีในรูปของอาหารเสริมก็มี รวมถึงแคปซูลวิตามินรวม ที่ดูดซึมง่ายหน่อยก็คือ zinc picolinate, zinc citrate, zinc acetate, zinc glycerate และ zinc monomethionine
    • ปริมาณสังกะสีที่แนะนำในแต่ละวันคือ 10 - 15 มก. ถ้ากินอาหารดีมีประโยชน์ก็ได้รับเพียงพอแน่นอน ไม่ควรบริโภคสังกะสีมากเกินไป เพราะจะไปลดทองแดง (copper) ในร่างกายแทน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้
    • ครีมสังกะสีก็มี แต่ควรใช้ต่อเมื่อแพทย์สั่งเท่านั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าทำตามขั้นตอนที่ว่ามาในบทความนี้แล้วยังไม่ดีขึ้น ให้ไปหาแพทย์ผิวหนัง เพราะบางทีเคสของคุณอาจต้องทำการผ่าตัดรักษา ฉีดสเตียรอยด์ หรือ cryotherapy อย่างหลังสุดคือการบำบัดด้วยความเย็นจัดนั่นเอง[39]
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าถูแรง เพราะจะทำให้สิวระคายเคือง อักเสบ เสี่ยงเป็นแผลเป็นกว่าเดิม
  • ก่อนจะเริ่มใช้อาหารเสริมใหม่ ควรปรึกษาคุณหมอก่อน เพราะบางตัวมีผลข้างเคียงอันตราย โดยเฉพาะถ้าใช้ในปริมาณมาก
  • หญิงมีครรภ์ไม่ควรใช้ยาเรตินอยด์ (retinoids) หรือบริโภควิตามินเอในปริมาณมาก เพราะเป็นพิษ อันตรายต่อทารกในครรภ์มาก ดีไม่ดีอาจเกิดมาพิการได้
  • อย่าใช้ยาสีฟันแต้มสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว ถือเป็นความเชื่อผิดๆ ว่าเป็นวิธีรักษาแบบธรรมชาติ เพราะจริงๆ แล้วส่วนผสมบางอย่างในยาสีฟัน เช่น SLS (sodium laureth sulfate) ไตรโคลซาน และเปปเปอร์มินต์ จะทำให้สิวระคายเคืองกว่าเดิม[40]
  • ยาเรตินอยด์ใช้ได้แต่ต้องระวัง ปกติจะนิยมใช้บรรเทาอาการต่างๆ จากสิว แต่ถ้าทาในปริมาณมากหรือติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือกระตุ้นให้อยากฆ่าตัวตาย ไม่ก็ใช้ความรุนแรงได้ ลองเปลี่ยนไปกินอาหารที่วิตามินเอเยอะๆ แทนจะดีกว่า เพื่อให้ได้เรตินอลที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหนังด้วย[41]
  • อย่าใช้ benzoyl peroxide คุณหมอบางท่านอาจแนะนำให้ใช้ benzoyl peroxide แทนยาปฏิชีวนะ แต่จริงๆ แล้วข้อเสียมีมากกว่าข้อดี ถ้าไม่เข้มข้นมากและนานๆ ใช้ทีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้บ่อยๆ ระวังผิวเสีย และมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม[42]
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne-scars/tips-for-preventing
  2. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/tips
  3. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/tips
  4. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  5. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  6. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  7. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2835905/
  8. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  9. http://healthysleep.med.harvard.edu/healthy/getting/overcoming/tips
  1. http://healthysleep.med.harvard.edu/healthy/getting/overcoming/tips
  2. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  3. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  4. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  5. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  6. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  7. Bruce Fife, C.N., N.D.: “The Coconut Oil Miracle”, 5th edition,2013, Penguin Books, NY 10014
  8. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  9. http://theacneproject.com/jojoba-oil-for-acne-uses-and-benefits/
  10. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  11. Buck, S., (2013) 200 Tips, Techniques, and Recipes for Natural Beauty, ISBN: 978-1-59233-654-8
  12. http://msue.anr.msu.edu/news/homemade_sugar_scrubs_for_skin_care
  13. Buck, S., (2013) 200 Tips, Techniques, and Recipes for Natural Beauty, ISBN: 978-1-59233-654-8
  14. Buck, S., (2013) 200 Tips, Techniques, and Recipes for Natural Beauty, ISBN: 978-1-59233-654-8
  15. Buck, S., (2013) 200 Tips, Techniques, and Recipes for Natural Beauty, ISBN: 978-1-59233-654-8
  16. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20523108
  17. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  18. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  19. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25742878
  20. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  21. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  22. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  23. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  24. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3390235/
  25. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21597673
  26. http://www.askdrray.com/pimples-and-acne-can-be-caused-by-food/
  27. http://lpi.oregonstate.edu/mic/micronutrients-health/skin-health/nutrient-index/vitamin-C
  28. http://lpi.oregonstate.edu/mic/micronutrients-health/skin-health/nutrient-index/vitamin-E
  29. http://lpi.oregonstate.edu/mic/minerals/zinc
  30. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne-scars/treatment-and-outcome
  31. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  32. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3
  33. Gabriel, J. (2012) The Acne Diet: Holistic Plan to Achieve Clear, Youthful, Acne-Free Skin with Natural Nutrition, Stress Relief and Organic Skincare, ISBN: 978-0-9563558-4-3

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Lisa Bryant, ND
ร่วมเขียน โดย:
แพทย์แผนธรรมชาติ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Lisa Bryant, ND. ดร.ไบรอันท์เป็นแพทย์แผนธรรมชาติและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องยาจากธรรมชาติในพอร์ตแลนด์ เธอผ่านการฝึกงานในศูนย์อายุรแพทย์แผนธรรมชาติในวิทยาลัยยาธรรมชาติแห่งชาติในปี 2014 บทความนี้ถูกเข้าชม 3,429 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,429 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา