บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Nicole Bolin. นิโคล โบลินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานประดิษฐ์และเป็นซีอีโอของ Stencil สตูดิโองานประดิษฐ์ DIY ในฟีนิกซ์ แอริโซนา นิโคลเชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายใน งานฝีมือ และโปรเจกต์ DIY ต่างๆ มากมาย นิโคลได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาสัตวศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญ และทำงานในสาขาวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 15 ปีก่อนเปลี่ยนสายงาน นิโคลได้รับประกาศนียบัตรการออกแบบภายในจากสถาบันศิลปะและการออกแบบแห่งนิวยอร์ก เธอเปิด Stencil ในปี 2017 เพื่อสอนให้ผู้คนรู้จักวิธีการสร้างโปรเจกต์ DIY ที่เหมาะกับบ้านและวิถีชีวิตของตนเอง
บทความนี้ถูกเข้าชม 2,880 ครั้ง
รู้หรือไม่ คุณสามารถพริ้นท์สติกเกอร์ไวนิลได้เองที่บ้านง่ายๆ ด้วยไม่กี่อุปกรณ์ พอออกแบบสติกเกอร์ในคอมด้วยโปรแกรมแต่งรูปแล้ว ก็พริ้นท์ใส่กระดาษไวนิลได้เลย จากนั้นเคลือบลามิเนตเพื่อให้ได้สติกเกอร์กันน้ำและรังสียูวีในแสงแดด พอได้สติกเกอร์ที่ถูกใจแล้ว ก็ลอกจากกระดาษ ไปแปะประดับตกแต่งหรือใช้งานได้ตามสะดวก!
ขั้นตอน
- หาไอเดียออกแบบจากสติกเกอร์ไวนิลอื่นๆ. ลองค้นหาในเน็ตว่า “สติกเกอร์ไวนิล” “vinyl stickers” หรือ “vinyl sticker designs” แล้วดูว่าจุดไหนที่คุณชอบ ไม่ชอบ ในดีไซน์เหล่านั้น ให้เลือกสติกเกอร์ที่ใกล้เคียงกับแบบที่คุณอยากทำที่สุด
- เช่น ถ้าจะทำสติกเกอร์ไวนิลสำหรับติดเคสแล็ปท็อป ให้เลือกใช้แบบของสติกเกอร์ติดเคสที่เห็นตามเน็ต จะได้พอรู้ขนาดและสี ว่าน่าจะออกมายังไง
- ร่างแบบในกระดาษก่อน. ไม่ต้องกลัวจะเก็บรายละเอียดไม่ครบ แค่พอเห็นไอเดียดีไซน์โดยรวม ว่าจะออกมายังไง แล้วค่อยเอาไปทำจริงในคอม แนะนำให้ร่างแบบเล็กๆ ในกระดาษขนาดไม่เกิน 8 x 11 นิ้ว (ไม่เกิน 20 x 28 ซม.)
- ถ้าเพิ่งเคยออกแบบและทำสติกเกอร์ไวนิลเองครั้งแรก แนะนำให้เป็นลายง่ายๆ ก่อน
- ถ้าออกแบบไม่เก่ง ไม่มีไอเดีย ลองใช้รูปถ่าย การ์ตูน หรือภาพกราฟิกจากในเน็ตดูก่อน
- ออกแบบในคอม ด้วยโปรแกรมแต่งรูป. ถ้าไม่มี Photoshop หรือ Illustrator ให้ใช้โปรแกรมแต่งรูปฟรีอย่าง GIMP โดยวาดแล้วปรับแต่งดีไซน์ที่ออกแบบไว้ ด้วย drawing และ editing tools ที่มีในโปรแกรม หรือสแกนแล้วอัพโหลดภาพร่างจากกระดาษ แล้วแต่งรูปต่อได้เลย ถ้าเป็นภาพสี แนะนำให้ใช้สีสดๆ เด่นๆ เพราะจะออกมาสวยชัดเจนเวลาพริ้นท์
- รูปที่คุณออกแบบ ต้องมี resolution อย่างน้อย 300 พิกเซลต่อพื้นที่ 1 นิ้ว (2.5 ซม.)
โฆษณา
- สร้างเอกสารใหม่ขนาด 8 x 11 นิ้ว (20 x 28 เซนติเมตร) ในโปรแกรมแต่งรูป. ถ้าโปรแกรมที่ใช้ กำหนดขนาดเอกสารใหม่เองไม่ได้ ให้ปรับขนาดเองหลังเปิดขึ้นมา ปกติจะมีปุ่ม size ในแถบเมนูของโปรแกรม
- paste ดีไซน์ที่ออกแบบไว้ในเอกสารใหม่. ถ้าจะพริ้นท์สติกเกอร์แบบเดียวหลายๆ อัน ให้ paste รูปนั้นซ้ำหลายๆ ครั้ง โดยเรียงกันเป็นแถว อย่าให้รูปไหนตกขอบของเทมเพลต ไม่งั้นรูปจะแหว่งได้[1]
- คลิกปุ่ม print preview เพื่อดูตัวอย่างสติกเกอร์ที่ได้. ถ้าเช็คแล้วมีรูปไหนตกขอบ ให้ขยับห่างออกมาจากขอบของเทมเพลต เช็คเพิ่มเติมด้วยว่ามีรูปไหนซ้อนเหลื่อมกันหรือเปล่า
- ใส่กระดาษไวนิลขนาด 8 x 11 นิ้ว (20 x 28 เซนติเมตร) ในพรินเตอร์. ใส่กระดาษไวนิลสำหรับพริ้นท์ ในถาดใส่กระดาษของพรินเตอร์ โดยที่ให้พรินเตอร์พริ้นท์ลายใส่กระดาษด้านที่ไม่มีกาว ถ้าไม่แน่ใจว่าควรใส่กระดาษในถาดยังไง คว่ำด้านไหน หงายด้านไหน ให้ลองพิมพ์ดูแผ่นหนึ่งก่อน[2]
- กระดาษไวนิลสำหรับพริ้นท์ หาซื้อได้ตามแผนกเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน และร้านออนไลน์ทั่วไป ย้ำว่าต้องเลือกซื้อกระดาษที่พรินเตอร์ของคุณรองรับ ถ้าซื้อกระดาษสำหรับพรินเตอร์เลเซอร์ แต่ตัวคุณเองใช้แบบ inkjet (หรือกลับกัน) ก็จะพริ้นท์ออกมาไม่ดี
- ให้ใช้กระดาษไวนิลแบบใส ถ้าอยากได้สติกเกอร์แบบพื้นหลังโปร่งใส
- สติกเกอร์ไวนิลเหมาะจะใช้กลางแจ้ง เพราะทนทุกสภาพอากาศ แต่ก็ต้องใช้พรินเตอร์เลเซอร์แทน inkjet หรือเคลือบลามิเนตหลังพริ้นท์ ถ้าอยากให้สติกเกอร์กันน้ำด้วย
- สั่งพริ้นท์สติกเกอร์ลงกระดาษไวนิล จากในโปรแกรมแต่งรูป. คอมที่ใช้ต้องตั้งค่าพริ้นท์ด้วยพรินเตอร์ ink jet ปกติปุ่ม print จะอยู่ในโปรแกรมแต่งรูป ก็คลิกได้เลย จากนั้นรอให้พรินเตอร์พริ้นท์สติกเกอร์เสร็จ ก็นำไปใช้งานตามต้องการได้เลย
- ตั้งค่าพรินเตอร์ให้พริ้นท์คุณภาพสูงสุด สติกเกอร์จะได้ออกมาดีๆ
โฆษณา
- เคลือบลามิเนตทับ. ลอกกระดาษด้านหลัง จากด้านบนของแผ่นลามิเนต แล้วจรดขอบบนของแผ่นลามิเนตกับขอบบนของกระดาษไวนิล ใช้นิ้วกดแล้วรีดให้ลามิเนตแนบสนิทไปกับกระดาษไวนิล[3]
- คุณหาแผ่นลามิเนตสำหรับเคลือบได้ตามร้านเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หรือซื้อออนไลน์ก็ได้
- ค่อยๆ ลอกกระดาษแผ่นหลังของลามิเนตออกไปจนหมด. ระหว่างนั้นก็ใช้นิ้วรีดลามิเนตให้แนบไปกับกระดาษไวนิลด้วย ทำไปเรื่อยๆ จนลอกกระดาษออกไป และลามิเนตทั้งแผ่นเคลือบไปบนไวนิลเรียบร้อยแล้ว[4]
- คุณป้องกันไม่ให้เคลือบแล้วมีฟองอากาศได้โดยใช้ขอบไม้บรรทัดรีดลามิเนตไปบนกระดาษไวนิล
- ตัดสติกเกอร์ที่เคลือบแล้วจากแผ่นไวนิล. ใช้ไม้บรรทัดกับคัตเตอร์ ขอบจะออกมาคมกริบสวยงาม ถ้าสติกเกอร์ของคุณเป็นทรงกลม ให้ใช้กรรไกรตัด หรือใส่พื้นหลังเป็นสี่เหลี่ยมก็ตัดง่ายดี พอตัดสติกเกอร์ออกมาหมดแล้ว ก็ทิ้งเศษกระดาษที่เหลือไปได้เลย
- เวลาจะใช้สติกเกอร์ให้ลอกกระดาษด้านหลังออก. ด้านหลังของไวนิล จะอยู่คนละด้านกับด้านที่เคลือบลามิเนตแล้ว ให้ใช้ 2 นิ้วแกะมุมกระดาษด้านหลัง แล้วลอกออกให้เหลือแต่สติกเกอร์ จากนั้นติดสติกเกอร์ลงบนพื้นผิวเรียบแห้ง
- สติกเกอร์ไวนิลใช้ติดได้แทบทุกที่ที่แข็งและเรียบเนียน ใช้ได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งเลย
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- ดินสอหรือปากกา (หมายเหตุ: ถ้าใช้ปากกาก็ปรับแต่งแบบร่างไม่ได้ ลองเลือกดูตามต้องการ)
- คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต ที่หน้าจอใหญ่พอ และมีโปรแกรมที่ต้องใช้ ที่สำคัญคือต้องสั่งพริ้นท์ได้
- โปรแกรมแต่งรูป (ถ้าอยากให้สวยหรูดูโปร ก็ต้อง Krita แต่ถ้า Paint หรือ Gimp ก็มีในคอมอยู่แล้ว)
- กระดาษไวนิล ขนาด 8 x 11
- พรินเตอร์ Inkjet ที่รองรับกระดาษขนาดด้านบน
- แผ่นเคลือบลามิเนต ขนาด 8 x 11
- กรรไกรหรือคัตเตอร์
- ไม้บรรทัด
- พรินเตอร์เครื่องใหญ่
เคล็ดลับ
- Cricut เป็นโปรแกรมออกแบบสติกเกอร์ไวนิลที่แนะนำ แต่ก็ต้องมีเครื่องตัดสติกเกอร์ขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งโปรแกรมนี้ไม่จำกัดเฉพาะไวนิล ใช้ทำอะไรได้หลายอย่างเลย!
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.