ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความบทความนี้ ร่วมเขียน โดย Susan Stocker. ซูซาน สต็อกเกอร์เป็นเจ้าของบริษัท #1 Green Cleaning Company ในซีแอตเทิล เธอโด่งดังในย่านนั้นด้วยการบริการที่โดดเด่น เคยชนะรางวัล Better Business Torch Award for Ethics & Integrity ในปี 2007 และการที่เธอสนับสนุนการจ่ายค่าจ้างอย่างเป็นธรรม สิทธิประโยชน์สำหรับลูกจ้าง และการทำความสะอาดแนวรักษ์โลก
บทความนี้ถูกเข้าชม 4,421 ครั้ง
ผ้าขาวมักจะเปื้อนง่ายกว่า สีตกง่ายกว่าและเหลืองง่ายกว่าผ้าสีอื่นๆ เป็นเรื่องท้าทายความสามารถของเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านเหลือเกินที่จะรักษาให้ผ้าขาวเหล่านี้ยังขาวอยู่ โชคดีที่ถ้าหากคุณรู้วิธีการตั้งค่าเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธีหรือรู้วิธีการใช้น้ำยาซักผ้าขาวอย่าปลอดภัย คุณก็จะสามารถซักผ้าขาวได้โดยไม่ทำให้ผ้าหมองและไม่ทำลายเนื้อผ้าอีกด้วย
ขั้นตอน
แยกผ้าขาวออกจากผ้าสี ไม่ว่าจะมีสีมากหรือน้อย. ผ้าขาวควรถูกแยกซักจากเสื้อผ้าที่มีสีทั้งหมดเพื่อป้องกันการสีตกไม่ว่าจะทั้งตัวหรือรอยด่างดวง อย่าลืมแยกผ้าขาวที่มีสีอื่นปนมาด้วยออกจากผ้าขาวล้วนด้วยเช่นกัน[1]- ยกตัวอย่างเช่น แยกเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางสีแดงออกจากเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วน
แยกผ้าตามประเภทเพื่อซักในอุณหภูมิที่ต่างกัน. แยกผ้าเนื้อหนา ผ้าเช็ดตัว ผ้ายีนส์ ผ้าคอตตอนและเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยประดิษฐ์ออกไว้เป็นกองเดียวกัน จากนั้นแยกผ้าที่ต้องทะนุถนอม เช่น ผ้าไหม ชุดนั้นใน ผ้าสแปนเด็กซ์และชุดกีฬา ออกมาไว้เป็นอีกกอง ซักผ้าเนื้อหนาในน้ำอุ่นและซักผ้าที่ต้องทะนุถนอมด้วยน้ำเย็น[2]- ประเภทของผ้าจะเป็นตัวกำหนดว่าต้องตั้งค่าเครื่องซักผ้าแบบใด ผ้าเนื้อหนาสามารถใช้โปรแกรมซักด่วน (Quick Wash) หรือถ้าผ้าเลอะมากๆ สามารถใช้โปรแกรมสำหรับผ้าสกปรกมาก (Heavy Duty) ส่วนผ้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษสามารถใช้โปรแกรมทะนุถนอม (Delicates) หรือโปรแกรมซักมือ (Hand Wash)
- การแยกผ้าแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถซักผ้าด้วยน้ำมีที่อุหภูมิสูงที่สุด โดยไม่ทำให้เนื้อผ้าเสียหาย
เคล็ดลับ: ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าผ้าของคุณเป็นผ้าประเภทไหน ให้คุณลองดูบนป้ายที่อยู่ด้านในของชุดของคุณ ในนั้นจะระบุวิธีการซัก อุหภูมิของน้ำที่ใช้ ความแรงที่ใช้ในการปั่นแห้งหรือแม้แต่การซักแห้ง
แบ่งกองผ้าขาวออกตามระดับความสกปรก. แบ่งผ้าขาวออกเป็น 3 กอง ตามระดับความสกปรก สกปรกมาก สกปรกปานกลางและสกปรกน้อย วิธีนี้จะช่วยไม่ให้คราบสกปรก คราบอาหารหรือรอยเปื้อนอื่นๆ ไปทำให้ผ้าขาวตัวอื่นสกปรกไปด้วย[3]- ยกตัวอย่างเช่น แยกเสื้อที่เปื้อนเค้กและคราบดินจากการทำสวนเมื่อตอนบ่ายออกจากผ้าขาวตัวอื่นๆ ที่ยังขาวสดใสอยู่
แยกซักผ้าแต่ละกอง. โดยตั้งค่าโปรแกรมซักผ้าให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละกองด้วย หลังจากนั้นนำไปตากหรือนำเข้าเครื่องอบผ้าตามปกติ[4]เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญซูซาน สต็อกเกอร์เป็นเจ้าของบริษัท #1 Green Cleaning Company ในซีแอตเทิล เธอโด่งดังในย่านนั้นด้วยการบริการที่โดดเด่น เคยชนะรางวัล Better Business Torch Award for Ethics & Integrity ในปี 2007 และการที่เธอสนับสนุนการจ่ายค่าจ้างอย่างเป็นธรรม สิทธิประโยชน์สำหรับลูกจ้าง และการทำความสะอาดแนวรักษ์โลกผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดแบบรักษ์ธรรมชาติ
Susan Stocker
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดแบบรักษ์ธรรมชาติผู้เชี่ยวชาญต่างแนะนำว่า: วิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยให้เสื้อขาวยังคงขาวสดใสอยู่คือการแยกซัก การซักแค่เสื้อสีเบจกับเสื้อสีขาวก็ทำให้เสื้อขาวของคุณหมองลงได้แล้ว นอกจากนี้ อย่าลืมซักด้วยน้ำร้อนและใช้น้ำยาซักผ้าขาวเพื่อคงความขาวให้เสื้อผ้าของคุณด้วย
โฆษณา
ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้ามากเกินกว่าที่ระบุไว้ในวิธีใช้ข้างขวด. ใช้ฝาในการตวงวัดปริมาณน้ำยาซักผ้าเพื่อให้ได้น้ำยาในปริมาณที่แม่นยำตามวิธีใช้ข้างขวด การใช้น้ำยาซักผ้าในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้น้ำยาไปเกาะรวมตัวกันที่คราบสกปรกมากเกินไปจนเกิดรอยด่างได้[5]- ปริมาณของน้ำยาซักผ้าที่ใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณผ้าที่คุณซักและความเข้มข้นของน้ำยา
- ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรใช้น้ำยาซักผ้าน้อยเกินกว่าที่ระบุข้างขวด พยายามทำตามวิธีใช้ข้างขวดให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จากผลิตภัณฑ์มากที่สุด
แช่ผ้าในน้ำเย็นก่อนนำไปซัก. ใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นแล้วนำมาถูที่บริเวณรอยเปื้อน เช่น คราบกาแฟ ไวน์หรือเลือด หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนนำผ้าไปซัก[6]- การล้างด้วยน้ำเย็นนี้ทันทีหลังจากเกิดรอบเปื้อนจะช่วยลดการเกิดคราบได้มากที่สุด
- ห้ามใช้น้ำร้อนแช่ผ้าที่มีรอยเปื้อน เพราะอาจทำให้คราบนั้นอยู่ตัว แล้วเสื้อขาวของคุณก็จะเสียไปเลย
เคล็ดลับ: ถ้าเสื้อของคุณมีคราบที่รักแร้ ให้แช่เสื้อของคุณในน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำไปซักด้วยเครื่องซักผ้าตามปกติ แค่นี้คราบรักแร้ก็จะหายไปแล้ว
ใช้น้ำที่อุณหภูมิสูงที่สุดสำหรับผ้าที่คุณกำลังจะซัก. น้ำร้อนช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดีกว่า รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อหมองอีกด้วย ซักผ้าที่เปื้อนหนักมากๆ ด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่นสำหรับผ้าที่ไม่สกปรกมากและน้ำเย็นสำหรับผ้าที่ต้องทะนุถนอม[7]- ปรับอุณหภูมิของน้ำตามป้ายคำแนะนำการซักเพื่อป้องกันการหดหรือย้วย เช่น ชุดที่ทำด้วยผ้าไนลอน ผ้าสแปนเด็กซ์ ผ้าไลคร่า หรือผ้าฝ้ายผสม อาจจะหดตัวหากซักด้วยน้ำร้อน
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าขาวกับผ้าทุกชนิด ยกเว้นผ้าฝ้าย. โดยทั่วไปน้ำยาซักผ้าขาวช่วยทำให้ผ้าขาวขึ้น แต่น้ำยาซักผ้าขาวบางยี่ห้อชนิด (คลอรีนบลีซและออกซิเจนบลีซ) อาจทำลายเนื้อผ้าและทำให้ผ้าเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีเหลืองได้เหมือนกัน หากคุณต้องการใช้น้ำยาซักผ้าขาวกับผ้าสังเคราะห์ คุณอาจใช้วัตถุดิบธรรมชาติภายในบ้านแทนน้ำยาซักผ้าขาวก็ได้ เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู เบคกิ้งโซดาหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 1/2 ถ้วย (120 ม.ล.)[8]- วัตถุดิบเหล่านี้ช่วยให้ผ้าขาวได้โดยไม่ทำร้ายผิวของคุณ
เติมสีฟ้าเพื่อทำให้ผ้าขาวดูขาวยิ่งขึ้น. การลงคราม (ย้อมด้วยสีฟ้าอ่อน) ในปริมาณเพียงเล็กน้อยช่วยให้ผ้าขาวดูขาวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ลองทำตามวิธีการย้อมครามที่ผู้ผลิตสินค้าแนะนำดูได้เลย[9]- ครามหรือสีย้อมผ้าจะถูกล้างออกในขั้นตอนการล้าง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะใช้กับเครื่องซักผ้าได้หรือไม่
โฆษณา
ตรวจสอบป้ายคำแนะนำบนเสื้อผ้าของคุณว่าชุดเหล่านั้นสามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวได้หรือไม่. สังเกตสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม หากเป็นสามเหลี่ยมที่ไม่แรเงาแปลว่าสามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวได้ทุกชนิด หากรูปสามเหลี่ยมแรเงาหมายถึงผ้าชนิดนี้สามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวที่ไม่มีคลอรีนเท่านั้นและหากมีกากบาทคาดทับรูปสามเหลี่ยมหมายถึงผ้าชนิดนี้ไม่สามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวได้เลย[10]
ตั้งค่าน้ำที่ใช้ซักในถังให้เป็นน้ำร้อน. ความร้อนช่วยให้น้ำยาซักผ้าขาวทำงานได้ดีขณะที่อยู่ในช่วงการซัก ส่วนการตั้งค่าอื่นๆ ให้คงไว้ตามปกติ[11]- ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซักผ้าขาวที่ต้องทะนุถนอมจำนวนไม่มาก ให้ตั้งค่าเครื่องซักผ้าเป็น "จำนวนน้อย" และเลือกโปรแกรม "ทะนุถนอม"
เคล็ดลับ: อย่าลืมใส่น้ำยาต่างๆก่อนนำผ้าเข้าเครื่องซักผ้าล่ะ
เติมน้ำยาซักผ้าขาวตามที่ฉลากแนะนำ. ข้างขวดน้ำยาซักผ้าขาวจะมีวิธีการใช้ระบุไว้ว่า ใช้ปริมาณเท่าไหร่ต่อน้ำเท่าไหร่ให้เพียงพอต่อปริมาณผ้าที่ต้องการซัก รวมไปถึงประเภทของผ้าที่ใช้ซักได้ด้วย ที่สำคัญควรใช้ถ้วยตวงที่มากับขวดของน้ำยานั้นๆ เพื่อให้ได้น้ำยาในปริมาณที่ถูกต้อง จากนั้นสามารถเทใส่ในช่องสำหรับใส่น้ำยาซักผ้าได้เลย[12]- หลังจากซักผ้าเสร็จแล้ว สามารถนำผ้าไปตากได้ตามปกติ ไม่มีขั้นตอนพิเศษใดๆ ที่ต้องทำเพิ่มเมื่อน้ำยาซักผ้าขาว
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.groupon.com/articles/how-to-wash-white-clothes
- ↑ https://www.clean-organized-family-home.com/wash-white-clothes.html
- ↑ https://www.groupon.com/articles/how-to-wash-white-clothes
- ↑ https://www.groupon.com/articles/how-to-wash-white-clothes
- ↑ https://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/a24670/3-secrets-to-keeping-your-whites-white/
- ↑ https://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/a24670/3-secrets-to-keeping-your-whites-white/
- ↑ https://www.clean-organized-family-home.com/wash-white-clothes.html
- ↑ https://considerable.com/how-to-wash-white-clothes/
- ↑ https://considerable.com/how-to-wash-white-clothes/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.
