วิธีการ กำจัดราดำ

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

การระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย

ทำความสะอาดจุดที่ราขึ้น

ป้องกันราดำ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ราดำเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่สามารถเติบโตในอาคารได้ ก็เหมือนเชื้อราชนิดอื่นๆ ตรงที่ราดำก็ชอบสภาพแวดล้อมที่ชื้นๆ ฉะนั้นบริเวณที่เปียกชุ่มบ่อยๆ อย่างห้องใต้ดินเปียกๆ ห้องอาบน้ำทั้งฝักบัวและอ่าง และบริเวณที่มีรอยรั่วก็จะมีแนวโน้มสูงที่ราจะขึ้นนั่นเอง เพราะราดำบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หอบหืด และปัญหาในระบบทางเดินหายใจได้ จึงจำเป็นต้องกำจัดทิ้งซะถ้าหากพบเห็นในบ้านของคุณ เคล็ดลับในการกำจัดเชื้อราสีดำก็คือการฝ่าเข้าไปฆ่ามันตั้งแต่รากจนถึงพื้นผิวภายนอกของมัน และทำตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้มันกลับมาอีกได้

ขั้นตอน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 3:

การระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ระบุถึงเชื้อราสีดำ. ราดำมักจะเติบโตในที่ที่ชื้น เปียก หรือที่ที่มีน้ำรั่วซึมหรือมีน้ำขังอยู่ ที่ที่พบราดำได้บ่อยๆ ก็มีพวกห้องใต้ดิน ช่องใต้พื้นบ้าน ห้องน้ำ และห้องซักผ้า และนี่คือวิธีการดูว่าราดำมันเป็นอย่างไรนั่นเอง

   • มันมีสีดำ
   • มันเติบโตเป็นดวงวงกลม
   • กลุ่มราดำจะดูเหมือนจุดๆ มารวมตัวกัน
   • ดูลื่นๆ เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่เปียก
   • ถ้าอยู่ในพื้นที่แห้ง มันจะดูคล้ายกับเขม่าดำๆ
2. 
   2
   ปิดพื้นที่เอาไว้. ในการป้องกันไม่ให้สปอร์ของราดำแพร่กระจายไปตามอากาศ ก็ให้ปิดห้องนั้นเอาไว้ ด้วยการเอาแผ่นพลาสติกปิดประตูและช่องระบายอากาศที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นในบ้าน ใช้เทปกาวสำหรับทาสีหรือเทปตีเส้นติดให้พลาสติกอยู่กับที่เพื่อกั้นห้องเอาไว้

   • ช่องระบายอากาศที่อาจต้องปิดก็คือพวกช่องลม ช่องแอร์ ช่องฮีตเตอร์ แต่ให้เปิดช่องระบายอากาศที่ช่วยระบายอากาศออกไปด้านนอกได้ไว้
   • การปิดพื้นที่หนึ่งไว้จะช่วยไม่ให้สปอร์แพร่กระจายจากที่หนึ่งไปสู่ที่อื่นๆ ในบ้านได้
   • การปิดพื้นที่ไม่ได้ช่วยหยุดให้ราเจริญเติบโตที่ส่วนอื่นของบ้านได้ สปอร์ของราก็ล่องลอยอยู่ในอากาศอยู่แล้ว และมันก็สามารถไปเติบโตที่ไหนก็ได้ที่มีความชื้นมากพอ
3. 
   3
   เปิดหน้าต่าง. ทั้งราเองและน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้กำจัดราก็สามารถระคายเคืองต่อตา ผิว และปอดได้ ฉะนั้นคุณต้องรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้มากที่สุด โดยให้เปิดหน้าต่างให้เยอะที่สุดในพื้นที่ที่คุณจะกำจัดเชื้อรานั่นเอง

   • ในช่วงหน้าหนาว ให้เปิดหน้าต่างอย่างน้อยหนึ่งหรือสองบานเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้ามาบ้าง
4. 
   4
   เปิดช่องระบายอากาศและพัดลม. ในการที่จะพัดเอาสปอร์ออกจากห้องและบ้านของคุณนั้น ก็ให้เปิดพัดลมระบายอากาศในห้องที่คุณจะทำการระบายนั่นเอง หรือจะวางพัดลมเอาไว้ด้านหน้าหน้าต่างที่เปิดอยู่ แล้วหันหน้าพัดลมไปด้านนอกก็ได้ มันจะช่วยพัดเอาสปอร์เชื้อราในห้องออกไปข้างนอกเอง

   • ในการป้องกันไม่ให้พัดสปอร์วนไปมาทั่วห้อง ก็อย่าเปิดพัดลมที่ไม่ได้วางหน้าหน้าต่างและไม่ได้พัดเอาอากาศออกไป
5. 
   5
   สวมอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกัน. การสัมผัสกับเชื้อราสามารถทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วยเอาได้ และน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้อาจเป็นอันตรายและมันก็มีฤทธิ์กัดกร่อนด้วย ฉะนั้นคุณควรสวมอุปกรณ์ป้องกันเพื่อป้องกันตัวเองขณะทำความสะอาด โดยมีดังนี้

   • แว่นตานิรภัย
   • ถุงมือไม่มีรู
   • หน้ากากกันฝุ่นหรือหน้ากากนิรภัย
6. 
   6
   อย่าผสมสารทำความสะอาดเข้าด้วยกัน. คุณต้องเลือกใช้น้ำยากำจัดเชื้อราเพียงชนิดเดียว และต้องใช้ชนิดนั้นไปจนจบ การเอาน้ำยามาผสมกันนั้นอาจเป็นอันตรายอย่างมากได้ และอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน

   • ห้ามผสมแอมโมเนียเข้ากับสารฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ในบ้านเด็ดขาด
7. 
   7
   พิจารณาที่จะเปลี่ยนวัสดุดูดซับ. การกำจัดเชื้อราออกจากวัสดุดูดซับอาจเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เลยก็เป็นได้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จึงจะแนะนำให้คุณนำมันออกแล้วเปลี่ยนใหม่แทนไปเลย ก็เพราะว่ามันค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากที่จะกำจัดเชื้อราออกโดยไม่สร้างความเสียหายให้กับวัสดุนั้นๆ หรืออาจทำให้ปัญหาลุกลามหนักกว่าเดิมไปอีกก็ได้

   • วัสดุดูดซับที่อาจต้องเปลี่ยนนั้นรวมไปถึงแผ่นผนัง ฝ้าเพดาน เฟอร์นิเจอร์ และพรม
   โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 3:

ทำความสะอาดจุดที่ราขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ขัดถูบริเวณที่ราขึ้นด้วยน้ำยาล้างจาน. เทน้ำอุ่นลงในถัง ตามด้วยน้ำยาล้างจาน 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) คนให้เกิดฟอง จุ่มแปรงขนแข็งลงไปในน้ำผสมน้ำยาล้างจาน แล้วขัดผิวที่มีเชื้อราด้วยแปรงนั้นซะ คอยจุ่มแปรงลงในส่วนผสมบ่อยๆ แล้วขัดจนกว่าบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยน้ำสบู่ จากนั้นก็ค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า

   • การขัดเชื้อราก่อนจะช่วยชะล้างผิวภายนอกของรา เพื่อที่คุณจะได้เจาะเข้าไปถึงรากมันด้วยน้ำยาทำความสะอาดเพื่อกำจัดราซะ
2. 
   2
   ผสมสารละลายทำความสะอาด. มีน้ำยาหลายตัวและผลิตภัณฑ์หลายแบบเลยที่คุณสามารถใช้เพื่อกำจัดเชื้อราได้ แบบที่ได้ผลมากที่สุดก็คือน้ำยาไบโอไซด์หรือยาต้านจุลชีพที่วางขาย ซึ่งมีไว้สำหรับกำจัดเชื้อราโดยเฉพาะนั่นเอง และยังมีน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลในการกำจัดเชื้อราด้วย ได้แก่

   • แอมโมเนียผสมน้ำเปล่าในปริมาณเท่ากัน
   • น้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วย (235 มล.) ผสมกับน้ำ 1 แกลลอน (3.8 ลิตร)
   • น้ำส้มสายชูกลั่นบริสุทธิ์
   • น้ำมันทีทรี 1 ช้อนชา (5 มล.) และน้ำเปล่า 1 ถ้วย (235 มล.)
   • เบกกิ้งโซดาและน้ำในปริมาณเท่ากัน ผสมกันในชาม
   • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หนึ่งส่วนผสมกับน้ำเปล่าสองส่วน
   • บอแรกซ์ 1 ถ้วย (409 ก.) ละลายในน้ำเปล่า 1 แกลลอน (3.8 ลิตร)
   • บอแรกซ์ ¼ ถ้วย (102 ก.) ละลายในน้ำส้มสายชู ½ ถ้วย (118 มล.) และน้ำอุ่น 4 ถ้วย (940 มล.)
3. 
   3
   ลงสารทำความสะสาดให้ชุ่ม. สำหรับสารละลายที่เป็นของเหลว ก็ให้ฉีดสารนั้นใส่ผิวที่มีราติดที่เพิ่งขัดไปเมื่อครู่ในปริมาณมาก สำหรับสารที่เป็นเนื้อครีม ก็ให้ใช้มีด แปรง หรือแปรงสีฟันเก่าๆ จุ่มแล้วทาซะ

   • ปล่อยสารทำความสะอาดเอาไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อเป็นการให้เวลาสารได้เจาะเข้าไปถึงราและฆ่ามันถึงราก ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้มันกลับมาใหม่
4. 
   4
   ขัดวัสดุที่เป็นรูพรุน. เมื่อตัวสารละลายได้ใช้เวลาซึมซับเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ใช้แปรงขนแข็งขัดมันได้เลย มันจะช่วยขจัดเชื้อราช่วยให้สารทำความสะอาดทำงานได้ดีขึ้นอีก

   • จะใช้แผ่นขัดทำความสะอาดแทนก็ได้เช่นกัน
5. 
   5
   ล้างและทำให้บริเวณนั้นแห้ง. ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำสะอาดเพื่อชะล้างเชื้อราที่ยังตกค้างและสารทำความสะอาดออกไป เมื่อราและสารทำความสะอาดถูกล้างออกไปหมดแล้ว ก็ให้ใช้ผ้าขนหนูหรือไม้กวาดหุ้มยางเช็ดน้ำออก เพื่อกำจัดความชื้นส่วนเกินและป้องกันไม่ให้รากลับมาโตขึ้นได้อีก

   • เชื้อราสามารถเริ่มโตขึ้นบนบริเวณพื้นผิวที่ชุ่มชื้นได้ภายใน 24 ชั่วโมง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมต้องทำให้บริเวณนั้นแห้งทันทีหลังจากทำความสะอาดนั่นเอง
6. 
   6
   รู้ว่าเมื่อไรถึงควรจะเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ. เชื้อราอาจทำความสะอาดได้ยาก ยิ่งถ้ามันขึ้นที่บริเวณที่ยากจะเข้าถึงหรือบนวัสดุบางอย่าง อย่างแผ่นผนังหรือวัสดุอื่นที่มีรูพรุน สำหรับกรณีที่ควรต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญมากำจัดเชื้อราให้ก็มีดังนี้

   • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใช้ไม่ได้ผล
   • บริเวณที่ราขึ้นนั้นกว้างกว่า 3 ตารางเมตร
   • คิดว่ามีราขึ้นอยู่ในฮีตเตอร์ ระบบหล่อเย็น หรือระบบระบายอากาศ
   • มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับเชื้อรา
   • ปัญหาเชื้อรานี้เกิดจากน้ำหรือสิ่งปฏิกูลที่ปนเปื้อน
   โฆษณา

ส่วน 3

ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันราดำ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   กำจัดแหล่งที่ทำให้เกิดความชื้น. ตราบใดที่ยังมีแหล่งที่ให้ความชุ่มชื้นอยู่ ราก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นมาอยู่ดี หลังจากที่กำจัดเชื้อราออกไปได้แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องกำจัดความชื้นอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ราโตขึ้นมาตั้งแต่แรกไปด้วย ปัญหาเชื้อราอาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าตรงไหนที่ราเคยขึ้น

   • รอยรั่วซึม
   • น้ำท่วม
   • น้ำล้น/หก
   • น้ำขังจากการทำอาหารหรืออาบน้ำ
   • ไม่มีขอบเขตในการขังน้ำในชั้นใต้ดิน
2. 
   2
   ลดความชื้น. เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้น ก็ให้ติดตั้งไฮโกรมิเตอร์ แล้วคอยดูระดับความชื้น เมื่อมันสูงเกินไปแล้ว วิธีที่จะลดมันได้ก็มีดังต่อไปนี้

   • เปิดเครื่องลดความชื้น
   • เปิดแอร์
   • เปิดหน้าต่าง
   • เพิ่มการระบายอากาศ
   • เปิดหน้าต่างและใช้พัดลมระบายอากาศขณะทำอาหาร
3. 
   3
   หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ทำให้แห้ง. ห้องอาบน้ำแบบฝักบัวและอ่างน้ำถือเป็นที่ที่ราเกิดขึ้นได้โดยง่าย นั่นก็เพราะมันเปียกอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ถ้าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ก็ให้เอาไม้กวาดหุ้มยางไว้ในห้องน้ำ และขอให้ทุกคนในบ้านช่วยกวาดน้ำลงจากกำแพงหลังจากอาบน้ำเสร็จ

   • คุณควรเปิดหน้าต่างหรือเปิดพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำทุกครั้งที่มีคนอาบน้ำไม่ว่าจะอาบในห่างหรือฝักบัวด้วย
4. 
   4
   ซ่อมรอยรั่วซึมโดยเร็ว. รอยรั่วถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาความชื้นในบ้านเลยล่ะ และความชื้นที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้ก็เป็นแหล่งชั้นดีที่ทำให้ราขึ้นได้ง่ายๆ คุณยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดราขึ้นได้แม้ว่าจะมีรอยรั่วแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องรีบๆ ซ่อมรีบๆ ทำให้แห้งนะ สำหรับรอยรั่วที่อาจเกิดขึ้นได้ก็มีดังนี้

   • ท่อน้ำแตก
   • ท่อน้ำรั่ว
   • เพดานรั่วซึม
   • ชั้นใต้ดินและพื้นรั่วซึม
5. 
   5
   ทำความสะอาดหลังน้ำท่วมในทันที. น้ำหลังก็มีสิทธิ์ทำให้ราขึ้นได้ เพราะน้ำมันมาเยอะๆ ในทีเดียวไงล่ะ และไม่ใช่ว่าจะทำความสะอาดได้ทันทีเสมอไป หลังจากที่น้ำนองแล้ว สิ่งที่ควรทำความสะอาดโดยไวนั้นก็ได้แก่

   • กำจัดน้ำส่วนเกินออกให้หมด
   • ใช้ที่ดูดน้ำดูดเอาน้ำที่นองออกไป
   • เปลี่ยนพรม พื้น และแผ่นผนังที่เสียหาย
   • ใช้สารทำความสะอาดที่ยับยั้งเชื้อราได้
   โฆษณา

คำเตือน

• ถ้าหากว่าคุณคิดว่าเชื้อราในบ้านเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีปัญหาด้านสุขภาพแล้วล่ะก็ ให้ขอความช่วยเหลือจากแพทย์และเรียกผู้เชี่ยวชาญมากำจัดเชื้อราไปซะ

โฆษณา