วิธีการ กำจัดคราบไวน์แดงบนผืนพรม

ดาวน์โหลดบทความ

ดาวน์โหลดบทความ

ภายในบทความนี้:

ใช้เกลือ

ใช้สารละลายน้ำส้มสายชู

ใช้น้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ใช้ไวน์ขาวและผงฟู

แสดงเพิ่มอีก 1...

แสดงน้อยลง...

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้ออ้างอิง

ไวน์แดงคาแบร์เนต์หกเลอะ? ไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนแหละ ถ้าคุณไม่ชอบที่รอยหยดไวน์แดงไม่เข้ากับสีพรม ก็ขอแนะนำให้เอาเคล็ดลับการกำจัดคราบไวน์แดงของวิกิฮาวไปใช้ เคล็ดลับเหล่านี้ใช้ส่วนประกอบที่คุณสามารถหาได้จากห้องครัว ทำให้พวกมันเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการทำความสะอาดหลังงานเลี้ยงสังสรรค์

ขั้นตอน

ดาวน์โหลดบทความ

ขั้นตอนแรกสำหรับรอยเปื้อนทุกแบบ

1. 
   1
   ซับไวน์ที่เลอะในทันที. ยิ่งทิ้งคราบไวน์บนพรมนานแค่ไหน ก็จะยิ่งกำจัดรอยคราบนั้นยากขึ้น จึงควรรีบลงมือในทันที! ถ้าเห็นรอยเปื้อนปุ๊บ รีบคว้ากระดาษทิชชู่หรือผ้าขี้ริ้วมาซับรอยเปื้อนนั้นให้มากที่สุดก่อนที่มันจะซึมติดพรม

   • ให้ใช้การซับแบบแตะแล้วยกขึ้น อย่าใช้การเช็ดแบบถูซ้ายไปขวา การถูอาจจะเช็ดน้ำไวน์ได้บ้าง แต่จะยิ่งทำให้น้ำไวน์บางส่วนถูกกดลึกลงไปในเส้นใยของผืนพรม ทำให้ยากจะกำจัดคราบได้ แถมยิ่งกระจายพื้นที่เปื้อนไวน์ไปทางบริเวณด้านข้างอีกด้วย
   • ให้เริ่มซับจากขอบนอกเข้ามาข้างใน นี่จะช่วยป้องกันรอยเปื้อนขยายตัวออกไปกว่าเดิม
2. 
   2
   หยดน้ำเย็นแล้วซับต่อไป. พอทำไปจนเริ่มซับไวน์ออกได้ลำบาก ถึงจุดนี้ให้ลองทำให้รอยเปื้อนเปียกขึ้นโดยใช้น้ำเย็นเล็กน้อย นี่จะช่วยเจือจางไวน์ที่เหลือบนพรม ยังคงซับ (ไม่ใช่ถู) จนกระทั่งพรมแห้งอีกครั้ง
   โฆษณา

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้เกลือ

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   โรยเกลือลงไปบนรอยเปื้อนในขณะที่ยังเปียก. ถ้าซับดีๆ ก็เกือบเอาคราบไวน์ออกจากพรมได้เกลี้ยงแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะยังมีคราบเหลือ เพื่อช่วยเอาคราบที่เหลือออก ให้โรยเกลือลงบนรอยเปื้อน สะเก็ดเกลือจะดูดความชื้นออกจากพรมในสองสามชั่วโมงข้างหน้า

   • เนื่องจากเกลือมีประสิทธิภาพในการดูดความชื้น มันจึงใช้ไม่ค่อยได้ผลสำหรับรอยเปื้อนที่แห้ง ถ้ารอยเปื้อนเริ่มแห้ง ให้หยอดน้ำลงไปสักเล็กน้อยก่อนโรยเกลือ
2. 
   2
   ทิ้งเกลือเอาไว้. เมื่อมันดูดซึมน้ำไวน์ เกลือจะค่อยๆ กลายเป็นสีชมพูเรื่อๆ ในที่สุด คุณก็พร้อมจะทำขั้นตอนต่อไปเมื่อรอยเปื้อนดูแห้งสนิทแล้ว กระนั้น ทิ้งไว้นานๆ ก็ไม่ทำให้อะไรเสียหาย ดังนั้นถ้าคุณมีเวลา ก็เชิญทิ้งเกลือเอาไว้ข้ามคืนได้เลย
3. 
   3
   ทิ้งเกลือที่ใช้แล้วดูดฝุ่นพรม. ใช้ช้อนตักเกลือไปทิ้ง ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษเม็ดเกลือที่ยังหลงเหลือ แล้วคุณจะได้พรมเหมือนใหม่ รอยเปื้อนน่าจะหายไปหมดหรืออย่างน้อยก็เกือบหมด

   • หากยังมีเศษเกลือหลงเหลือจากการดูดฝุ่นครั้งแรก แค่ใช้น้ำเล็กน้อยทำให้บริเวณนั้นชื้นแล้วดูดฝุ่นอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นผิวธรรมชาติของพรม
   โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้สารละลายน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ทำสารละลายทำความสะอาด. ให้ผสมน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร), น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำอุ่น 2 ถ้วย (236 มิลลิลิตร) ในถ้วยใบใหญ่ คนให้ส่วนผสมทั้งสามเข้ากัน.

   • ให้ใช้แต่น้ำส้มสายชูกลั่นในวิธีนี้ น้ำส้มสายชูชนิดอื่น (อย่างน้ำส้มสายชูหมักจากน้ำแอปเปิลหรือน้ำส้มบาลซามิก) จะทำให้เกิดรอยเปื้อนของตัวมันเองเพิ่มขึ้น
2. 
   2
   ใช้สารละลายทำให้รอยคราบเปียก. ใช้ผ้าขี้ริ้วจุ่มในสารละลายน้ำส้มสายชู แล้วซับลงบนรอยเปื้อนบนพรม สารละลายจะซึมเข้าสู่เส้นใยของพรมแล้วทำให้คราบหลุดออก

   • ใช้ผ้าขี้ริ้วผืนที่สองซับน้ำที่ซึมนั้น ให้สลับระหว่างใช้สารละลายน้ำส้มสายชูซับกับใช้ผ้าขี้ริ้วซับให้แห้ง
3. 
   3
   ใช้น้ำเย็นทำให้รอยเปื้อนเปียก. ตอนนี้จุ่มผ้าขี้ริ้วผืนที่สามในน้ำเย็นแล้วนำมากดลงบนรอยเปื้อนเพื่อเจือจางน้ำไวน์ อีกทางคือเหยาะน้ำลงไปโดยตรง แล้วใช้ผ้าที่ไว้"ซับแห้ง"มาซับมันให้แห้งอีกครั้ง

   • ทำซ้ำได้ตามที่ต้องการ เพื่อให้ได้ผลสูงสุด คุณอาจจำเป็นต้องทำขั้นตอนทั้งหมดซ้ำหลายหน หรือจะทำวิธีนี้แล้วตามด้วยวิธีอื่นๆ ในบทความนี้ก็ได้
   โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้น้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   ผสมน้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์. เติมสบู่เล็กน้อยลงไปในเปอร์ออกไซด์แล้วคนให้เข้ากัน จำนวนที่ใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยเปื้อน แต่ก็ไม่น่าจะเกินครึ่งถ้วย (118 มิลลิลิตร) สำหรับรอยเปื้อนใดๆ

   • ข้อสังเกต: ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์นั้นเป็นสารฟอกขาวอย่างอ่อนๆ ดังนั้นวิธีนี้จึงเหมาะสำหรับพรมที่มีสีอ่อนเท่านั้น หากคุณกังวลว่าพรมจะสีซีด ให้ลองใช้สารละลายจำนวนเล็กน้อยลงบนพรมตรงที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หากพรมสีจางลงหรือเห็นว่ามันสีตกตอนใช้กระดาษทิชชู่จุ่มเปอร์ออกไซด์เช็ดแล้ว ก็ให้เลี่ยงวิธีนี้ เปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นต่ำ (อย่าง 3%) ไม่น่าจะมีผลอะไรกับพรมส่วนใหญ่
2. 
   2
   ซับรอยเปื้อนด้วยสารละลาย. ใช้มุมผ้าขี้ริ้วจุ่มลงในสารละลายเปอร์ออกไซด์ เช็ดเบาๆ ตรงรอยเปื้อน ทิ้งให้มันซึมเข้าสู่เส้นใยของพรม ทำซ้ำตามที่ต้องการจนกระทั่งคุณได้ใช้สารละลายทั่วรอยเปื้อน และเช่นเคย จงซับและอย่าถู

   • พอทำเสร็จแล้ว ทิ้งสารละลายไว้สักสองสามนาที นี่จะช่วยให้มันซึมถึงเส้นใยส่วนลึกและเข้าถึงคราบที่อยู่ลึกกว่า
3. 
   3
   ใช้น้ำยาล้างจานฉีด. เติมขวดสเปรย์ฉีดด้วยน้ำเย็น แล้วเหยาะน้ำยาล้างจานทั่วไปสักเล็กน้อย ปิดฝาขวดเขย่าให้เข้ากัน ฉีดใส่รอยเปื้อนแล้วใช้ผ้าแห้งมาซับจนกระทั่งเสร็จ

   • หากคุณไม่มีขวดสเปรย์ สามารถทำวิธีซับข้างต้นซ้ำได้โดยใช้ผ้าผืนใหม่
4. 
   4
   ซับด้วยน้ำเปล่าเพื่อล้างออก. ตอนนี้รอยเปื้อนน่าจะดูดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าทิ้งไว้เท่านี้ คุณจะเหลือคราบเหนียวเหนอะจากสารทำความสะอาดที่ใช้ จึงต้องหาผ้าขี้ริ้วมาแช่น้ำในอุณหภูมิห้อง (โดยไม่ผสมสบู่) แล้วซับพรมเพื่อให้น้ำยาทำความสะอาดละลายออกมา แล้วใช้ผ้าแห้งมาซับแห้งอีกที
   โฆษณา

วิธีการ 4

วิธีการ 4 ของ 4:

ใช้ไวน์ขาวและผงฟู

ดาวน์โหลดบทความ

1. 
   1
   เหยาะไวน์ขาวลงบนรอยเปื้อนเล็กน้อย. มันอาจดูเหมือนน่าจะเป็นอย่างสุดท้ายที่คุณอยากทำคือการเทไวน์ลงไปบนพรมซ้ำสอง แต่ไวน์ขาวที่ใสนั้นกลับช่วยคุณได้ถ้าเวลานั้นหาน้ำเปล่าไม่ได้ ไวน์ขาวจะเจือจางสีแดงเหมือนที่น้ำทำได้ ช่วยลดผลของรอยเปื้อนลง

   • บางคนก็แนะนำวอดก้าที่ใสเหมือนกันแทนไวน์ขาว พยายามเลี่ยงมอสคาโตหรือไวน์รสหวานที่จะทิ้งคราบน้ำตาลเหนียวๆ ไว้
2. 
   2
   ใช้ฟองน้ำซับรอยเปื้อน. ตราบเท่าที่คุณค่อยๆ ทำ มันจะดูดซึมสีโดยไม่กดให้รอยเปื้อนยิ่งฝังลึกลงไปในเส้นใยของพรม

   • ถ้าฟองน้ำนั้นเปียกอยู่แล้ว ให้บีบน้ำออกก่อนใช้
3. 
   3
   ใช้แป้งเปียกผงฟู. ผงฟูสามารถกำจัดรอยเปื้อนที่ "ละลาย" แบบเดียวกับเกลือในขั้นตอนด้านบน แทนที่จะใช้ผงฟูแห้งๆ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำเป็นแป้งเปียก แล้วค่อยนำมาทาบนรอยเปื้อน ให้ใช้อัตราส่วนน้ำสามส่วนต่อผงฟูหนึ่งส่วน
4. 
   4
   ใช้ผ้าสะอาดคลุมรอยเปื้อนทิ้งไว้ข้ามคืน. หาของหนักๆ (อย่างพจนานุกรม) มาวางทับผ้าในขณะทิ้งมันไว้ รอยกดเบาๆ อย่างต่อเนื่องจะดันผงฟูให้ลึกลงไปในคราบและจะยิ่งทำความสะอาดได้ล้ำลึกขึ้น

   • ผ้าที่ใช้จะชื้นนิดๆ คุณจึงอาจไม่อยากใช้ของมาทับที่เสี่ยงต่อการเกิดเสียหายเพราะน้ำ
5. 
   5
   ดูดผงฟูออกเมื่อมันแห้ง. ผงฟูควรจะดูดความชื้นจากบริเวณที่เปื้อนและกลายเป็นก้อนแข็งๆ อยู่บนผิวพรม คุณสามารถเอาก้อนนี้ (และรอยเปื้อน) ออกได้ง่ายๆ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่น

   • เช่นเดียวกับวิธีใช้เกลือข้างต้น หากพรมยังมีเศษแป้งหลงเหลือหลังดูดฝุ่นครั้งแรก ให้เทน้ำเย็นเล็กน้อยละลายผงฟู แล้วดูดฝุ่นซ้ำ
   โฆษณา

เคล็ดลับ

• รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องเรียกหาบริการของมืออาชีพ รอยเปื้อนคราบไวน์ที่หนักมากๆ (โดยเฉพาะพวกที่ติดแห้งฝังลึกก่อนที่คุณจะไปพบเข้า) ไม่สามารถกำจัดออกได้โดยปราศจากการช่วยเหลือของมืออาชีพ โชคดีที่บริษัททำความสะอาดพรมมีทั้งเครื่องไม้เครื่องมือและวิธีการที่จะทำให้มันกลับมาสะอาดเหมือนเดิมได้
• อย่าให้พรมที่มีรอยเปื้อนได้รับความร้อนจนกว่ารอยเปื้อนจะถูกกำจัดออกหมดเสียก่อน ความร้อนสามารถทำให้คราบไวน์แดง "ฝังแน่น" ทำให้ยากจะกำจัดออกได้ในระยะยาว

โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ขั้นตอนแรก

• กระดาษทิชชู่หรือผ้าขี้ริ้ว
• น้ำเย็น

ใช้เกลือ

• เกลือใส่อาหาร
• เครื่องดูดฝุ่น
• น้ำเย็น

ใช้สารละลายน้ำส้มสายชู

• กระดาษทิชชู่หรือผ้าขี้ริ้วสะอาด
• น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ
• ถ้วย
• น้ำอุ่น 2 ถ้วย
• น้ำเย็น
• เครื่องดูดฝุ่น

ใช้น้ำยาล้างจานกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

• กระดาษทิชชู่
• น้ำยาล้างจาน
• ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
• ถ้วย
• น้ำเย็น
• ขวดสเปรย์
• น้ำเปล่าสะอาด (อุณหภูมิห้อง)
• ผ้าและที่ทับน้ำหนัก (สำหรับทำให้แห้ง)

ใช้ไวน์ขาวกับผงฟู

• ไวน์ขาว (เพียงแค่ไม่กี่ออนซ์หรือมิลลิลิตร)
• วอดก้า (ไม่จำเป็น)
• ฟองน้ำ
• น้ำเย็น
• ผงฟู
• เครื่องดูดฝุ่น