บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Ashley Matuska. แอชลีย์ มาตุสกาเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Dashing Maids ผู้ให้บริการทำความสะอาดที่เน้นด้านความยั่งยืนในเดนเวอร์ โคโลราโด เธอทำงานทางด้านนี้มาเกิน 5 ปี
บทความนี้ถูกเข้าชม 14,091 ครั้ง
ถ้าบ้านคุณใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะสังเกตว่านานๆ ไปมีกลิ่นอับจากเชื้อรา จนทำเอาเสื้อผ้าไม่หอมสดชื่น นั่นเพราะเครื่องซักผ้าฝาหน้ามีหลายส่วนที่แห้งยาก ซักเสร็จไปนานแล้วบางทีก็ยังเปียกอยู่ มีหลายผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าได้ แต่ก็ควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสะอาดร่วมด้วย บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการกำจัดและป้องกันกลิ่นอับจากเชื้อราในเครื่องซักผ้าฝาหน้าให้คุณเอง
ขั้นตอน
- ทำความสะอาดขอบยาง. ที่อยู่ระหว่างประตูกับถังซักผ้า ขอบยางนี้ช่วยให้ประตูปิดสนิท น้ำไม่ไหลออกมา[1]
- ใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าขี้ริ้วเช็ดขอบยางให้แห้ง
- จะใช้น้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน หรือฉีดสเปรย์กำจัดเชื้อราก็ได้ ถ้าใช้น้ำยาต้องระวังสารเคมีระคายผิวด้วย
- หรือผสมน้ำ 50% กับน้ำยาฟอกขาว 50% แล้วใช้ผ้าขี้ริ้วชุบมาเช็ด[2]
- ต้องเช็ดทั้งรอบๆ และข้างใต้
- ในขอบยางมักมีสิ่งสกปรกและคราบตกค้าง นี่คือสาเหตุว่าทำไมเครื่องซักผ้าฝาหน้าถึงมีกลิ่นอับชื้น
- ถ้าเศษหรือคราบสกปรกติดทนนานในขอบยาง ใช้แค่ผ้าเช็ดไม่ออก ต้องเปลี่ยนไปขัดด้วยแปรงสีฟันเก่า จะได้เข้าถึงซอกมุมต่างๆ[3]
- ถ้าเจอถุงเท้าหรือเศษผ้าอะไรไปติดค้างอยู่ ก็เอาออกด้วย
- ล้างถาดใส่น้ำยาซักผ้า. บางรุ่นก็ถอดออกมาจากเครื่องซักผ้าได้เลย ล้างสะดวก[4]
- คราบน้ำยาซักผ้ากับน้ำเน่าขังก็เป็นอีกสาเหตุทำถาดมีกลิ่นอับ
- ถอดถาดใส่น้ำยาออกมาล้างให้สะอาด โดยใช้น้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน
- ถ้าถอดถาดไม่ได้ ก็ให้เช็ดหรือล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจาน
- ซอกมุมไหนเข้าถึงยาก ให้ใช้ขวดสเปรย์ฉีดหรือลวดล้างท่อ
- เปิด cleaning cycle ล้างเครื่องซักผ้า. โดยตั้งให้ซักรอบนานที่สุด และใช้น้ำร้อนที่สุด[5]
- เครื่องซักผ้าบางเครื่องจะมี tub cleaning cycle หรือระบบล้างเครื่องให้เลือกโดยเฉพาะ
- เทน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยตวง, เบคกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง, น้ำยาล้างจานสูตรเอนไซม์ 1/2 ถ้วยตวง หรือน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะลงในถังซักผ้า (แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง)
- น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะยี่ห้อที่น่าใช้ก็เช่น Affresh หรือ Smelly Washer
- Tide ก็มีน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าเหมือนกัน ตามห้างในไทยอาจจะหายาก ลองดูตามร้านออนไลน์ดู
- ปล่อยให้ล้างเครื่องจนครบรอบ ถ้ายังเหลือกลิ่นอับ ก็ล้างเพิ่มอีกรอบ
- ถ้าล้าง 2 รอบแล้วกลิ่นยังอยู่ คงต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำยาอื่นแทน เช่น ถ้าตอนแรกใช้เบคกิ้งโซดา คราวนี้ให้ลองเทน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าหรือน้ำยาฟอกขาวลงไปแทน
- ตามช่าง. บางยี่ห้อ กรณีแบบนี้อาจอยู่ในประกัน ต้องลองอ่านคู่มือหรือสอบถามยี่ห้อที่คุณซื้อดู[6]
- ถ้าทำยังไงก็ไม่หายอับ เป็นไปได้ว่าท่อตันหรือไม่ได้ล้างไส้กรอง รวมถึงอาจมีราขึ้นที่หลังถังซักผ้า
- ถ้าให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดู จะบอกได้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไร มีปัญหาอื่นที่น่าเป็นห่วงกว่าหรือเปล่า รวมถึงแนะนำวิธีการแก้ไขให้
- ถ้าคุณพอมีความรู้ ก็น่าจะล้างทำความสะอาดท่อและไส้กรองได้เอง ปกติจะอยู่ในช่องเล็กๆ ที่ฐานด้านหน้าของเครื่องซักผ้า
- ตอนล้างอย่าลืมเตรียมถังไว้ใส่น้ำเน่าน้ำขังด้วย
โฆษณา
- อย่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม. ให้ใช้ dryer sheet หรือแผ่นหอมๆ ที่เอาไว้ใส่ตอนอบผ้าในเครื่องแทน
- น้ำยาปรับผ้านุ่มก็เหมือนน้ำยาซักผ้า คือมักเกิดคราบตกค้าง สะสมในเครื่องซักผ้า
- นานๆ เข้าก็ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ใช้ dryer sheet แทน เดี๋ยวนี้เมืองไทยก็มีขาย ไม่ได้แพงอย่างที่คิด อยู่แผนกเดียวกับน้ำยาซักผ้านั่นแหละ
- อย่าแช่ผ้าทิ้งไว้ในเครื่อง. ซักเสร็จเมื่อไหร่ให้รีบเอาผ้าเปียกออกจากเครื่อง[11]
- บางเครื่องตั้งให้ส่งเสียงเตือนได้หลังซักเสร็จ จะได้ไม่ลืมเอาผ้าออก
- ถ้ายังตากหรืออบผ้าไม่ได้ในทันที ก็ให้เอาออกมาใส่ตะกร้าไว้ก่อน หรือแผ่ไว้จนกว่าจะตากหรืออบได้
- ถังซักผ้าจะได้ไม่อับชื้นหลังซักแต่ละครั้ง
- เช็ดขอบยางเป็นประจำ. โดยใช้ผ้าแห้ง[12]
- สรุปแล้วให้เช็ดขอบยาง ใต้ขอบยาง และในถังซักผ้าให้แห้งทุกครั้งหลังซักผ้า
- หลายคนอาจจะมองว่าเสียเวลาและน่ารำคาญ ก็อนุโลมให้ไม่ต้องทำทุกครั้ง แต่ต้องบ่อยเท่าที่จะทำได้
- หรือเช็ดด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน จากนั้นผึ่งให้แห้ง จะได้สะอาดปราศจากรา
- ล้างเครื่องซักผ้าเดือนละครั้ง. จะใช้น้ำร้อนหรือปล่อยซัก (cleaning cycle) ไปก็ได้[13]
- ให้เทน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 2 ถ้วยตวงในถาดใส่น้ำยาซักผ้า แล้วใช้น้ำร้อนหรือเลือก cleaning cycle
- หรือใช้น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะก็ได้ เช่น Smelly Washer แต่น้ำส้มสายชูก็ใช้ได้ผลดีพอๆ กันในราคาที่ย่อมเยากว่า
- ล้างแล้วให้ทำความสะอาดขอบยาง ถังซักผ้า ถาดใส่น้ำยาซักผ้า และด้านในของประตูเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูกับผ้าขนหนู
- เช็ดส่วนต่างๆ ในถังซักผ้าซ้ำ แต่ใช้น้ำร้อนอย่างเดียว
- ปล่อยซักอีกรอบโดยตั้งให้ใช้น้ำร้อน
- เปิดประตูเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ ข้างในจะได้แห้งสนิท
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ใส่เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะในถังซักผ้าทุกครั้งหลังซักเสร็จ คราวหน้าที่ซักผ้าจะได้ช่วยดูดกลิ่น
- อีกวิธีกำจัดกลิ่นจากผ้า คือใช้เบคกิ้งโซดาแล้วซักด้วยน้ำร้อนสุด อย่าใช้น้ำยาซักผ้า
- ล้างถาดใส่น้ำยาซักผ้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงช่องใส่ถาดด้วย
- อาจจะใส่น้ำส้มสายชูช่วงซักน้ำเปล่า หรือใช้ Downy Ball ที่เป็นลูกบอลบรรจุน้ำยาปรับผ้านุ่ม (เลือกสักอย่าง อย่าใส่พร้อมกัน)
- ใช้น้ำส้มสายชูกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อรา จะใส่ตอนซักน้ำยาหรือซ้ำน้ำเปล่าก็ได้ ให้ใช้ 1/2 ถ้วยตวงต่อการซัก 1 ครั้ง ใช้แทนน้ำยาปรับผ้านุ่มได้เลย
- ถ้าเป็นถาดใส่น้ำยาซักผ้าแบบถอดออกมาได้เลย เวลาจะแยกส่วนให้คว่ำลง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.cleanandscentsible.com/2013/09/how-to-clean-your-washing-machine.html
- ↑ http://www.cleanandscentsible.com/2013/09/how-to-clean-your-washing-machine.html
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.angieslist.com/articles/how-remove-mildew-odor-your-front-load-washer.htm
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.cleanandscentsible.com/2013/09/how-to-clean-your-washing-machine.html
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.todayshomeowner.com/how-to-remove-mold-and-mildew-from-front-load-washing-machines/
- ↑ http://www.angieslist.com/articles/how-remove-mildew-odor-your-front-load-washer.htm
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.