วิธีการ ใช้เครื่องดูดความชื้น

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

เครื่องดูดความชื้นมีไว้ใช้ควบคุมปริมาณความชื้นในอากาศของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง มีทั้งแบบเคลื่อนย้ายได้สะดวกและแบบติดตั้งถาวร เครื่องดูดความชื้นช่วยลดค่าความชื้นสัมพัทธ์ในบ้านคุณ ลดอาการแพ้ และปัญหาทางเดินหายใจอื่นๆ ทำให้บ้านอยู่สบายขึ้นโดยรวม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

เลือกเครื่องดูดความชื้นให้ตรงตามความต้องการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เลือกขนาดเครื่องดูดความชื้นโดยพิจารณาจากพื้นที่ห้องเป็นตารางฟุต....
    เลือกขนาดเครื่องดูดความชื้นโดยพิจารณาจากพื้นที่ห้องเป็นตารางฟุต. ต้องใช้เครื่องดูดความชื้นขนาดใด ก็ขึ้นอยู่กับความกว้างของห้องที่จะติดตั้ง ให้เลือกห้องหลักที่จะติดตั้งเครื่องดูดความชื้น แล้ววัดพื้นที่ห้องเป็นตารางฟุต จากนั้นเอาไปอ้างอิงเลือกเครื่องดูดความชื้นในขนาดที่เหมาะสมอีกที[1]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 เลือกความจุให้เหมาะสม.
    นอกจากเลือกเครื่องดูดความชื้นตามขนาดห้องแล้ว ยังต้องคำนึงถึงระดับความชื้นภายในห้องนั้นด้วย โดยวัดเป็นปริมาณ pints (1 pint ประมาณ 0.5 ลิตร) ของน้ำที่ได้จากบรรยากาศในห้องนั้น ภายใน 24 ชั่วโมง ผลที่ได้จะเป็นตัวกำหนดว่าห้องนั้นควรมีความชื้นเท่าไหร่
    • เช่น ถ้าห้องขนาด 500 ตารางฟุต หรือประมาณ 45 ตรม. มีกลิ่นอับชื้น อากาศชื้นแฉะ ก็ต้องใช้เครื่องดูดความชื้นขนาดประมาณ 40 - 45 pints (ประมาณ 19 - 21 ลิตร) ยังไงลองศึกษาแนวทางการคำนวณขนาดเครื่องดูดความชื้นเพิ่มเติมดู[2]
    • เครื่องดูดความชื้นสามารถจุน้ำได้ถึง 44 pints (ประมาณ 20 ลิตร) ด้วยกันใน 24 ชั่วโมง ในห้องกว้างได้มากถึง 2,500 ตารางฟุต (ประมาณ 230 ตรม.)
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นขนาดใหญ่ ถ้าห้องกว้างหรือเป็นห้องใต้ดิน....
    ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นขนาดใหญ่ ถ้าห้องกว้างหรือเป็นห้องใต้ดิน. ถ้าใช้เครื่องดูดความชื้นที่ใหญ่หน่อย ก็จะดูดความชื้นในห้องได้รวดเร็วทันใจกว่า แถมคุณยังไม่ต้องเทน้ำในเครื่องทิ้งบ่อยๆ ด้วย แต่ก็แน่นอนว่ายิ่งเครื่องใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง แถมกินไฟมากกว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะสูงขึ้นแน่นอน[3]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นแบบพิเศษ สำหรับพื้นที่เฉพาะ....
    ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นแบบพิเศษ สำหรับพื้นที่เฉพาะ. ถ้าจะติดตั้งเครื่องดูดความชื้นในห้องสปา สระว่ายน้ำในร่ม โกดังสินค้า หรืออื่นๆ ก็ต้องเลือกเครื่องดูดความชื้นสำหรับสถานที่นั้นโดยเฉพาะ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในร้านขายอุปกรณ์งานช่างดู ว่าถ้าคุณมีสถานที่แบบนี้ ควรใช้เครื่องดูดความชื้นประเภทไหน
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้เครื่องดูดความชื้นแบบพกพา.
    ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ ว่าจำเป็นต้องย้ายเครื่องดูดความชื้นไปมาตามห้องต่างๆ เป็นประจำ แนะนำให้ซื้อแบบพกพา ส่วนมากเครื่องดูดความชื้นลักษณะนี้จะมีล้อที่ฐาน หรือเป็นเครื่องที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก แถมอีกข้อดีของเครื่องดูดความชื้นแบบพกพา คือคุณสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเครื่องภายในห้องเดียวกันได้ด้วย
    • ถ้าต้องใช้เครื่องดูดความชื้นในหลายๆ ห้องของบ้าน แนะนำให้ใช้เครื่องดูดความชื้นที่ต่อท่อกับระบบ HVAC แทนการซื้อเครื่องดูดความชื้นประจำไว้แต่ละห้อง
  6. How.com.vn ไท: Step 6 เลือกจากคุณสมบัติที่ต้องการ.
    เครื่องดูดความชื้นรุ่นใหม่สมัยนี้ มีหลายฟีเจอร์และ settings ให้เลือกสรร เครื่องยิ่งแพงก็ยิ่งมีหลายตัวเลือกในการใช้งาน แต่ฟีเจอร์หลักๆ ที่พบบ่อยก็เช่น
    • Adjustable Humidistat: เป็นฟีเจอร์สำหรับควบคุมระดับความชื้นในห้อง คุณตั้ง humidistat ได้ตามระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่ต้องการ พอถึงระดับที่ต้องการแล้ว เครื่องจะตัดเองอัตโนมัติ[4]
    • Built-in Hygrometer: เป็นอุปกรณ์ใช้วัดระดับความชื้นในห้อง ช่วยให้เครื่องดูดความชื้นในห้องมาเป็นน้ำได้แม่นยำที่สุดตามที่ต้องการ
    • Automatic Shut Off: เครื่องดูดความชื้นส่วนใหญ่จะตัดเองอัตโนมัติเวลาปรับระดับความชื้นในห้องได้ตามต้องการแล้ว หรือเมื่อถาดใส่น้ำของเครื่องเต็ม
    • Automatic Defrost: ถ้าเครื่องดูดความชื้นทำงานหนักเกินไป น้ำแข็งจะเกาะที่คอยล์ของเครื่องได้ เป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนต่างๆ ข้างใน ถ้ามีตัวเลือก automatic defrost หรือละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ จะช่วยให้พัดลมในเครื่องทำงาน ละลายน้ำแข็งให้คุณเอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

ต้องใช้เครื่องดูดความชื้นเมื่อไหร่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นเมื่อในห้องอากาศชื้นแฉะ....
    ให้ใช้เครื่องดูดความชื้นเมื่อในห้องอากาศชื้นแฉะ. ห้องที่อากาศชื้นเกินไปและเหม็นอับ แสดงว่ามีระดับความชื้นในอากาศค่อนข้างสูง ให้เปิดเครื่องดูดความชื้นเพื่อปรับระดับความชื้นสัมพัทธ์ในห้องให้กลับมาเป็นปกติ ถ้าแตะแล้วผนังเปียกชื้น หรือราขึ้น ให้เปิดเครื่องดูดความชื้นเป็นประจำ
    • สัญญาณสำคัญว่าคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องดูดความชื้นก็คือ เมื่อหน้าต่างนั้นมีคราบไอน้ำจับ มองเห็นคราบเชื้อรา หรือเห็นรอยชื้นตามผนังหรือบนเพดาน อย่างไรก็ตาม ถ้าห้องมีกลิ่นอับชื้นก็ควรต้องใช้แล้ว
    • เครื่องดูดความชื้นจำเป็นมาก ถ้าห้องนั้นเคยโดนน้ำท่วมมาก่อน หลังน้ำลดและทำความสะอาดห้องแล้ว แนะนำให้เปิดเครื่องดูดความชื้นเรื่อยๆ เพื่อขจัดความชื้นส่วนเกินในอากาศ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ใช้เครื่องดูดความชื้นแก้ปัญหาสุขภาพ.
    คนที่เป็นหอบหืด ภูมิแพ้ หรือเป็นหวัดคัดจมูก เปิดเครื่องดูดความชื้นแล้วช่วยได้มาก เพราะทำให้หายใจสะดวกขึ้น ไซนัสโล่ง บรรเทาอาการไอ หรือเป็นหวัดคัดจมูก[5]
    • การรักษาระดับความชื้นภายในห้องให้อยู่ในช่วง 40%-60% จะช่วยบรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ รวมถึงโควิด-19 เพราะมันลดจำนวนของเชื้อในอากาศ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ใช้เครื่องดูดความชื้นในหน้าร้อน.
    ในหน้าร้อน หรืออากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา ส่วนใหญ่อากาศจะชื้นแฉะจนตัวเหนอะหนะ หายใจไม่สะดวก แบบนี้ให้เปิดเครื่องดูดความชื้น จะช่วยปรับระดับความชื้นสัมพัทธ์ในบ้านให้เหมาะสม หรือเท่าที่สบายตัวได้
    • คุณใช้เครื่องดูดความชื้นควบคู่ไปกับเครื่องปรับอากาศได้ เพราะทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อุณหภูมิในห้องจะเย็นสบาย แถมดีไม่ดีจะทำให้ประหยัดค่าไฟได้ด้วย
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ถ้าอากาศหนาว จะใช้ได้เฉพาะเครื่องดูดความชื้นบางประเภท....
    ถ้าอากาศหนาว จะใช้ได้เฉพาะเครื่องดูดความชื้นบางประเภท. เครื่องดูดความชื้นส่วนใหญ่ เช่น แบบใช้คอมเพรสเซอร์ จะทำงานได้ไม่เต็มที่เวลาอุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียส (65 องศาฟาเรนไฮต์) เพราะยิ่งอากาศหนาวเท่าไหร่ น้ำแข็งก็ยิ่งเกาะคอยล์ของเครื่องง่ายขึ้นเท่านั้น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ดีไม่ดีจะเสียได้ง่าย[6]
    • อย่างเครื่องดูดความชื้นแบบใช้สารดูดความชื้น (Desiccant dehumidifier) ก็เหมาะจะใช้เวลาอากาศหนาว ยังไงถ้าอยู่ต่างประเทศที่อากาศหนาวๆ หรือในหน้าหนาว แนะนำให้ใช้เครื่องดูดความชื้นที่ทำงานได้ดีเวลาอุณหภูมิต่ำๆ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

จัดวางเครื่องดูดความชื้นในห้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 อากาศรอบเครื่องดูดความชื้นต้องถ่ายเทสะดวก.
    ส่วนใหญ่คุณตั้งเครื่องดูดความชื้นชิดติดผนังได้ ถ้าช่องลมอยู่ด้านบน แต่ถ้าไม่มีฟีเจอร์นี้ ก็ต้องเว้นที่เผื่อไว้รอบๆ เครื่อง ให้อากาศถ่ายเท ห้ามวางเครื่องดูดความชื้นชิดติดผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะยิ่งอากาศถ่ายเทสะดวก เครื่องก็ยิ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ[7]
    • เว้นที่ให้อากาศถ่ายเทรอบเครื่องทุกด้าน ประมาณ 15 - 30 ซม. (6 - 12 นิ้ว)[8]
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ระวังเรื่องสายระบายน้ำ.
    ถ้าระบายน้ำจากเครื่องผ่านท่อหรือสายยาง ต้องให้ท่อต่อลงอ่างล้างจานหรืออ่างอาบน้ำ อย่าให้เอียงไปทางอื่นจนเลอะเทอะ และหมั่นเช็คว่าสายไม่เขยื้อน และน้ำยังไหลลงอ่างดี จะใช้เชือกหรือลวดพันยืดสายยางไว้กับหัวก๊อกก็ได้
    • ระวังอย่าให้สายระบายน้ำอยู่ใกล้ปลั๊กไฟหรือสายไฟ ป้องกันไฟดูดหรือลัดวงจร
    • พยายามใช้สายให้สั้นที่สุด จะได้ไม่มีใครเผลอสะดุด
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ตรงไหนฝุ่นเยอะ อย่าวางเครื่องดูดความชื้น.
    ให้ตั้งเครื่องดูดความชื้นห่างจากจุดที่ฝุ่นฟุ้งหรือสิ่งสกปรกเยอะเป็นพิเศษ เช่น โต๊ะงานไม้[9]
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตั้งเครื่องในห้องที่ชื้นที่สุด.
    ห้องที่มักจะชื้นแฉะอยู่เป็นประจำก็เช่น ห้องน้ำ ห้องซักล้าง และห้องใต้ดิน เป็นห้องที่แนะนำให้ตั้งเครื่องดูดความชื้นไว้
    • ใครมีเรือแล้วผูกไว้เทียบท่า ก็สามารถใช้เครื่องดูดความชื้นได้ด้วย
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ติดตั้งเครื่องดูดความชื้น 1 เครื่องต่อ 1 ห้อง.
    เครื่องดูดความชื้นจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าตั้งไว้ 1 เครื่องต่อ 1 ห้อง และปิดหน้าต่างและประตูไว้ จะติดตั้งกึ่งกลางระหว่าง 2 ห้องก็ได้ แต่ก็จะลดประสิทธิภาพลง เครื่องทำงานหนักขึ้น
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ตั้งเครื่องดูดความชื้นไว้กลางห้อง.
    ส่วนใหญ่เครื่องดูดความชื้นจะเป็นแบบติดผนัง แต่ก็มีหลายรุ่นเหมือนกันที่พกพา ย้ายที่ได้ แบบนั้นให้ตั้งเครื่องดูดความชื้นกลางห้องเลย เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ติดตั้งเครื่องดูดความชื้นในระบบ HVAC.
    ถ้าเป็นเครื่องขนาดใหญ่ อย่าง Santa Fe Dehumidifier จะเน้นเชื่อมต่อกับระบบ HVAC จะมาพร้อมท่อต่อและชุดอุปกรณ์ติดตั้งอื่นๆ ที่จำเป็น
    • แนะนำให้ปรึกษาและใช้บริการบริษัทหรือช่างรับติดตั้งเครื่องดูดความชื้นสำหรับระบบ HVAC โดยเฉพาะ
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ใช้งานเครื่องดูดความชื้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 อ่านคู่มือให้ละเอียด.
    แนะนำให้อ่านคู่มือของเครื่องดูดความชื้นที่ใช้ให้ละเอียด จะได้รู้จักและคุ้นเคยกับการทำงานของเครื่อง และคำแนะนำในการใช้งาน หลังจากนั้นให้เก็บคู่มือไว้ในที่ที่หาง่าย
  2. How.com.vn ไท: Step 2 วัดระดับความชื้นด้วย hygrometer.
    hygrometer เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาณความชื้นในอากาศ ค่าความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity (RH)) ที่เหมาะสม คือประมาณ 45 - 50% RH ถ้าเกินกว่านั้น ราจะขึ้นได้ หรือถ้าต่ำกว่า 30% RH โครงสร้างของบ้านจะเสียหายได้ เช่น เพดานแตกร้าว พื้นไม้แยกออกจากกัน และอื่นๆ[10]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เสียบเครื่องดูดความชื้นกับปลั๊กที่ต่อสายดินแล้ว....
    เสียบเครื่องดูดความชื้นกับปลั๊กที่ต่อสายดินแล้ว. ให้เสียบเครื่องดูดความชื้นกับปลั๊ก 3 ตาที่ต่อสายดินและมีขั้ว ห้ามใช้ปลั๊กพ่วง ถ้าไม่มีปลั๊กที่ปลอดภัยพอ แนะนำให้ใช้บริการช่างไฟมืออาชีพ หรือให้ช่างไฟต่อสายดินให้ก่อนจะดีที่สุด
    • เวลาถอดปลั๊กเครื่องดูดความชื้น ให้จับที่หัวเสียบ อย่าดึงหรือกระชากสายไฟ
    • ระวังอย่าให้สายไฟงอหรือหัก
  4. How.com.vn ไท: Step 4 เปิดเครื่องดูดความชื้นแล้วตั้งค่า.
    อันนี้แล้วแต่รุ่นเครื่องดูดความชื้นที่ใช้ ถ้ามีก็ให้ปรับค่าความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity (RH)) อ่านค่าที่ hygrometer วัดได้ และอื่นๆ ให้เปิดเครื่องดูดความชื้นจนได้ค่า RH ที่เหมาะสมหรือต้องการ
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ให้เครื่องดูดความชื้นทำงานหลายๆ รอบ (cycle).
    ครั้งแรกที่ใช้เครื่องดูดความชื้นจะสำคัญและเห็นผลที่สุด เพราะเครื่องจะดูดน้ำส่วนเกินในอากาศได้มากที่สุดใน 2 - 3 ชั่วโมงแรก 2 - 3 วันแรก หรืออาจเป็นอาทิตย์ พอเครื่องทำงานรอบแรกเสร็จ ต่อไปจะเป็นการเฝ้าระวัง คงระดับความชื้นไว้ให้เหมาะสม ไม่ใช่การปรับระดับความชื้นเหมือนครั้งแรก
    • คุณกำหนดปริมาณความชื้นที่ต้องการได้ หลังเสียบปลั๊กเครื่องดูดความชื้นแล้ว
  6. How.com.vn ไท: Step 6 ปิดประตูและหน้าต่างในห้องให้มิดชิด.
    ยิ่งห้องกว้าง เครื่องก็ยิ่งทำงานหนัก ถ้าปิดห้องให้มิดชิดหลังตั้งเครื่องดูดความชื้น จะได้ดูดความชื้นเฉพาะในพื้นที่จำกัด
    • ถ้าจะดูดความชื้นในห้องน้ำ แนะนำให้สังเกตว่าตรงไหนชื้นเป็นพิเศษ และอย่าลืมปิดฝาชักโครกด้วย เครื่องจะได้ไม่ดูดความชื้นจากน้ำในชักโครกหรือตำแหน่งอื่นๆ
  7. How.com.vn ไท: Step 7 เทน้ำในถาดของเครื่องทิ้งเรื่อยๆ.
    เครื่องจะดูดความชื้นกลายเป็นน้ำสะสมในตัวเครื่อง น้ำที่ได้จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับค่าความชื้นสัมพัทธ์ในห้องที่ตั้งเครื่องไว้ ยิ่งชื้นก็ยิ่งน้ำเยอะเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้ต่อท่อระบายน้ำจากเครื่องลงอ่างล้างจาน ก็ต้องหมั่นถอดถาดในเครื่องไปเทน้ำทิ้งเรื่อยๆ เพราะเครื่องจะตัดอัตโนมัติเวลาน้ำเต็ม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นออกมา
    • ถอดปลั๊กก่อนเอาน้ำไปเททิ้งเสมอ
    • ให้สังเกตระดับน้ำในเครื่องทุก 2 - 3 ชั่วโมง ถ้าอากาศชื้นเป็นพิเศษ
    • อ่านคู่มือของเครื่องดูดความชื้นที่ใช้ จะได้รู้ว่าควรเทน้ำทิ้งบ่อยแค่ไหน
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

ทำความสะอาดและดูแลรักษาเครื่องดูดความชื้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 อ่านคู่มือให้ละเอียด.
    ให้อ่านคู่มือของเครื่องดูดความชื้นทั้งเล่ม จะได้รู้วิธีใช้งานและดูแลรักษาเครื่อง หลังจากอ่านแล้วให้เก็บคู่มือไว้ในจุดที่หาง่าย เผื่อมีปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไข
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ปิดเครื่องดูดความชื้นแล้วถอดปลั๊ก.
    ก่อนทำความสะอาดหรือดูแลรักษาเครื่องดูดความชื้น ให้ปิดเครื่องแล้วถอดปลั๊กก่อน จะได้ไม่เสี่ยงถูกไฟดูด
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ล้างถาดรองน้ำ.
    เอาถาดรองน้ำในเครื่องออกมา ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจานอ่อนๆ ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง[11]
    • แนะนำให้ล้างทำความสะอาดส่วนนี้ของเครื่องดูดความชื้นเป็นประจำ ทุก 2 อาทิตย์ขึ้นไปกำลังดี
    • ใส่เม็ดดูดกลิ่นเข้าไปด้วยก็ได้ ถ้าถาดรองน้ำมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เม็ดดูดกลิ่นนี้หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และเครื่องมือช่าง ใส่ในถาดของเครื่องให้ละลายในน้ำ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ตรวจสภาพคอยล์ของเครื่องทุก 3 เดือน.
    ถ้าคอยล์ฝุ่นเขรอะ เครื่องดูดความชื้นจะลดประสิทธิภาพการทำงานได้ เพราะต้องทำงานหนักกว่าเดิมแถมทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ฝุ่นจะถูกแช่แข็งในเครื่อง ทีนี้ก็อาจทำเครื่องเสียได้เลย[12]
    • ให้กำจัดฝุ่นและทำความสะอาดคอยล์ของเครื่องดูดความชื้นทุก 2 - 3 เดือน เพื่อให้คอยล์สะอาด ไม่มีฝุ่นปนเปื้อนไปทั้งระบบ อย่างน้อยใช้ผ้าเช็ดฝุ่นก็ยังดี
    • เช็คว่ามีน้ำแข็งเกาะคอยล์ไหม ถ้ามี เป็นไปได้ว่าห้องเย็นจัด อย่าพยายามตั้งเครื่องที่พื้น เพราะเป็นส่วนที่อุณหภูมิต่ำสุดในห้อง แนะนำให้วางบนชั้นหรือเก้าอี้แทน[13]
  5. How.com.vn ไท: Step 5 เช็คไส้กรองอากาศทุก 6 เดือน.
    ถอดไส้กรองอากาศแล้วตรวจสภาพทุก 6 เดือน เช็คว่ามีรู รอยฉีกขาด หรือทะลุหรือไม่ เพราะจะทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อันนี้แล้วแต่ประเภทไส้กรองที่ใช้ บางแบบก็ทำความสะอาดแล้วประกอบกลับเข้าไปเองได้ แต่บางแบบก็ต้องเปลี่ยนใหม่ลูกเดียว ยังไงลองอ่านคู่มือของเครื่องรุ่นที่ใช้ให้ละเอียด เพราะแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน[14]
    • ปกติไส้กรองอากาศจะอยู่บริเวณตะแกรงของเครื่องดูดความชื้น ถอดได้โดยเปิดแผงด้านหน้า แล้วดึงไส้กรองออกมา
    • เครื่องดูดความชื้นบางยี่ห้อแนะนำให้เช็คไส้กรองบ่อยกว่านั้น แล้วแต่ว่าคุณใช้เครื่องดูดความชื้นบ่อยแค่ไหน ยังไงศึกษาคู่มือของเครื่องดูดความชื้นรุ่นที่ใช้จะดีที่สุด
  6. How.com.vn ไท: Step 6 รอสัก 10 นาทีแล้วค่อยเปิดเครื่องกลับมา.
    อย่าปิดๆ เปิดๆ รวดเร็ว คุณยืดอายุการใช้งานของเครื่องดูดความชื้นได้ ถ้าปิดเครื่อง 10 นาทีขึ้นไปแล้วค่อยเปิดกลับมา[15]
    โฆษณา

คำเตือน

  • หมั่นเทน้ำในถาดของเครื่องเรื่อยๆ ที่สำคัญคือห้ามนำน้ำนี้ไปใช้ต่อ ไม่ว่าจะดื่ม ปรุงอาหาร หรือซักล้างก็ตาม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Victor Belavus
ร่วมเขียน โดย:
ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Victor Belavus. วิกเตอร์ เบลาวัสเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศและเป็นเจ้าของ 212 HVAC บริษัทซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศในบรู๊คลีน นิวยอร์ก นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญการซ่อมเฟอร์นิเจอร์และการทำความสะอาดท่อระบายอากาศ เขามีประสบการณ์ทำงานกับระบบ HVAC มากว่า 10 ปี บทความนี้ถูกเข้าชม 13,090 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,090 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา