ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณจำเป็นต้องเขียนบทคัดย่อหรือสาระสังเขปสำหรับเอกสารทางวิชาการหรือทางวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องตื่นตระหนกไป! บทคัดย่อนั้นก็เป็นแค่บทสรุปสั้นๆ ของเนื้อหาในเอกสารทางวิชาการที่อ่านแล้วเข้าใจเพื่อให้คนอื่นสามารถใช้ดูเป็นภาพรวมได้[1] บทคัดย่ออธิบายสิ่งที่คุณทำในเอกสารนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือบทวิเคราะห์วรรณกรรม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเอกสารนั้นและยังช่วยให้คนที่กำลังค้นหาเอกสารบทความได้เจอและตัดสินใจว่าเอกสารนั้นตอบวัตถุประสงค์ของเขาหรือไม่ ฉะนั้นมองแล้วบทคัดย่อก็เป็นแค่บทสรุปในงานที่คุณได้ทำสำเร็จลงไปแล้วนั่นเอง มันเขียนง่ายจะตาย!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เริ่มเขียนบทคัดย่อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เขียนเอกสารงานวิจัยของคุณให้จบก่อน.
    ถึงแม้บทคัดย่อจะอยู่ตรงเริ่มต้นของชิ้นงาน แต่มันทำหน้าที่เสมือนบทสรุปของเอกสารงานทั้งหมด มันเป็นภาพรวมของทุกอย่างที่คุณเขียนลงไปในชิ้นงานมากกว่าที่จะเป็นการแนะนำหัวข้อ ฉะนั้น เก็บบทคัดย่อไว้เป็นอย่างสุดท้ายหลังจากที่คุณทำชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
    • บทความวิจัยกับบทคัดย่อนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลย บทความวิจัยในเอกสารนั้นจะเป็นการแนะนำแนวคิดหลักหรือคำถามหลัก ส่วนบทคัดย่อจะเป็นการให้ภาพรวมโดยย่อของเอกสารทั้งชิ้น รวมไปถึงวิธีการและผลที่ได้
    • แม้ว่าคุณจะคิดไปว่าพอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าเอกสารงานวิจัยนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ยังต้องเก็บการทำบทคัดย่อไว้หลังสุดอยู่ดี คุณจะสามารถสรุปได้ตรงประเด็นกว่า คือสรุปจากสิ่งที่ได้เขียนลงไปแล้วเท่านั้น
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ทบทวนและทำความเข้าใจในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเขียนบทคัดย่อของคุณ....
    ทบทวนและทำความเข้าใจในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเขียนบทคัดย่อของคุณ. เอกสารที่คุณกำลังเขียนอยู่อาจจะมีแนวทางปฏิบัติและสิ่งที่จำเป็นต้องมีเป็นแบบเฉพาะของตัวเอง ไม่ว่ามันจะเป็นการเขียนบทความลงตีพิมพ์ในจุลสาร, หรือเอกสารที่นำเสนอในชั้นเรียน, หรือเป็นส่วนหนึ่งของโครงงานที่ต้องนำเสนอ ก่อนที่จะเริ่มต้นเขียน ให้พิจารณากฎระเบียบปฏิบัติหรือแนวทางสำหรับการนำเสนอเพื่อจะได้เล็งเห็นประเด็นสำคัญหลักๆ ไว้จำใส่ใจ
    • จำกัดความยาวสูงสุดหรือต่ำสุดไว้หรือไม่?
    • จำเป็นต้องเขียนในสไตล์ไหนหรือไม่?
    • เป็นการเขียนเพื่อเสนออาจารย์ผู้สอนหรือเพื่อลงตีพิมพ์?
  3. How.com.vn ไท: Step 3 พิจารณาผู้อ่าน.
    บทคัดย่อนั้นเขียนเพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นงานของคุณเจอ ยกตัวอย่างเช่น ในจุลสารทางวิทยาศาสตร์ บทคัดย่อจะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่างานวิจัยชิ้นนี้เกี่ยวโยงกับความสนใจของตนหรือไม่ บทคัดย่อยังช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจในประเด็นถกเถียงหลักได้เร็วขึ้นด้วย ให้คิดถึงความต้องการของผู้อ่านเป็นสำคัญเวลาเขียนบทคัดย่อ[2]
    • นักวิชาการในวงการเดียวกับคุณจะได้อ่านบทคัดย่อนี้หรือไม่?
    • คนที่ได้อ่านจะเป็นพวกระดับอนุศาสตราจารย์หรือคนจากแวดวงอื่นหรือไม่?
  4. How.com.vn ไท: Step 4 พินิจว่าคุณจะต้องเขียนบทคัดย่อประเภทไหน.
    ถึงแม้บทคัดย่อทั้งหมดล้วนต้องการจะบรรลุเป้าหมายอย่างเดียวกัน แต่ก็มีบทคัดย่อหลักๆ อยู่สองประเภทด้วยกัน: ประเภทอรรถาธิบายกับประเภทให้ข้อมูลความรู้ คุณอาจจะได้รับการมอบหมายให้เขียนแบบใดแบบหนึ่งไปเลย แต่ถ้าไม่ใช่ คุณจะต้องเลือกว่าประเภทไหนเหมาะกับคุณ ตามปกติแล้ว บทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้จะใช้สำหรับงานวิจัยที่มีความยาวและเต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ ส่วนบทคัดย่อประเภทอรรถาธิบายเหมาะที่สุดกับงานที่มีขนาดสั้นกว่า[3]
    • บทคัดย่อประเภทอรรถาธิบายจะอธิบายจุดประสงค์, เป้าหมาย, และวิธีการของงานวิจัยของคุณแต่ตัดส่วนของผลที่ได้ออกไป มักจะมีความยาวเพียง 100-200 คำ
    • บทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้จะคล้ายกับการเอาชิ้นงานทั้งหมดไปย่อให้สั้น โดยจะให้ภาพรวมของทุกสิ่งที่มีอยู่ในเอกสารรวมไปถึงผลลัพธ์ที่ได้ มันจึงมีความยาวกว่าบทคัดย่อประเภทอรรถาธิบาย และมีความยาวได้ตั้งแต่แค่ย่อหน้าเดียวไปจนถึงหนึ่งหน้าเต็ม[4]
    • ข้อมูลพื้นฐานที่มีอยู่ในบทคัดย่อทั้งสองประเภทจะเหมือนกัน โดยความแตกต่างหลักจะอยู่ตรงบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้จะรวมส่วนของผลลัพธ์เข้าไปด้วยและมีความยาวกว่า
    • บทคัดย่อประเภทวิพากษ์วิจารณ์มักจะไม่ค่อยมีบ่อยนัก แต่มันอาจต้องใช้ในบางหัวเรื่อง บทคัดย่อแบบวิพากษ์วิจารณ์มีจุดประสงค์เดียวกับบทคัดย่อประเภทอื่น แต่จะมีการเทียบเคียงการศึกษาหรืองานที่ได้รับการหยิบยกมาพูดถึงกับการวิจัยของตัวผู้เขียน มันอาจวิพากษ์การออกแบบหรือวิธีการที่ใช้ในงานวิจัยก็ได้[5]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเขียนบทคัดย่อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ระบุวัตถุประสงค์.
    คุณกำลังเขียนถึงความเชื่อมโยงระหว่างการขาดแคลนอาหารเที่ยงในโรงเรียนกับผลการเรียนที่ตกต่ำ แล้วไง? ทำไมมันถึงสำคัญล่ะ? ผู้อ่านนั้นอยากรู้ว่าเพราะเหตุใดงานวิจัยของคุณจึงมีความสำคัญและวัตถุประสงค์ของมันคืออะไร ให้เริ่มบทคัดย่อประเภทอธิบายโดยการพิจารณาถึงคำถามดังต่อไปนี้:[6]
    • เพราะเหตุใดคุณถึงตัดสินใจทำการศึกษาหรือทำโครงงานชิ้นนี้?
    • คุณจัดทำการวิจัยอย่างไร?
    • คุณได้ค้นพบอะไร?
    • ทำไมงานวิจัยและการค้นพบของคุณจึงมีความสำคัญ?
    • เพราะเหตุใดคนอื่นถึงควรอ่านงานชิ้นนี้ของคุณ?
  2. How.com.vn ไท: Step 2 อธิบายปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว.
    บทคัดย่อจะชี้ถึง “ปัญหา” เบื้องหลังงานชิ้นนี้ คิดให้มันเป็นเหมือนประเด็นที่งานวิจัยหรือโครงงานของคุณกำลังพยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่ บางครั้งคุณสามารถรวมปัญหากับแรงจูงใจของตัวเองเข้าด้วยกัน แต่ทางที่ดีควรทำให้ชัดเจนและแยกสองเรื่องนี้ออกจากกัน[7]
    • ปัญหาใดที่งานวิจัยของคุณพยายามจะทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งขึ้นหรือแก้ไขมัน?
    • ขอบเขตของการศึกษาอยู่ระดับไหน พูดถึงปัญหาโดยทั่วไปหรือเจาะจงไปยังประเด็นใดเป็นพิเศษ?
    • ข้อโต้แย้งหรือสนับสนุนหลักของคุณคืออะไร?
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อธิบายวิธีการ.
    มีแรงจูงใจ – ตรวจแล้ว ปัญหา – ตรวจแล้ว วิธีการล่ะ? นี่คือส่วนที่คุณจะต้องให้ภาพรวมว่าคุณทำการศึกษาอย่างไร ถ้าคุณทำงานนี้เอง ให้เขียนคำอธิบายของมันไว้ตรงนี้ด้วย หากคุณวิจารณ์งานของคนอื่น ก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย [8]
    • อภิปรายงานวิจัยของคุณรวมไปถึงตัวแปรต่างๆ และวิธีที่คุณเลือก
    • อธิบายหลักฐานที่คุณนำมาใช้สนับสนุนความคิดเห็นของคุณ
    • พูดถึงภาพรวมของแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดของคุณ
  4. How.com.vn ไท: Step 4 อธิบายผลลัพธ์ที่ได้ (เฉพาะในบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลเท่านั้น)....
    อธิบายผลลัพธ์ที่ได้ (เฉพาะในบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลเท่านั้น). นี่คือจุดที่คุณเริ่มแยกความแตกต่างระหว่างบทคัดย่อประเภทอรรถาธิบายกับบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้ ในบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้นั้น คุณจำต้องเตรียมผลลัพธ์ที่ได้ใส่ลงไปด้วย คุณได้พบผลอะไร?[9]
    • คำตอบใดที่คุณได้จากการวิจัยหรือการศึกษาของคุณ?
    • ข้อมูลที่ได้สนับสนุนสมมติฐานหรือสนับสนุนข้อโต้แย้งของคุณ?
    • คุณได้ค้นพบอะไรบ้าง?
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ให้ข้อสรุปของคุณ.
    เป็นการจบบทสรุปและปิดท้ายบทคัดย่อของคุณ ในนั้นให้ระบุถึงความหมายของสิ่งที่คุณค้นพบและความสำคัญของเอกสารทั้งหมดนี้ รูปแบบของการมีบทสรุปนั้นสามารถใช้ได้ทั้งในบทคัดย่อประเภทอรรถาธิบายและประเภทให้ข้อมูลความรู้ แต่คุณจะต้องตอบคำถามต่อไปนี้เฉพาะในบทคัดย่อประเภทให้ข้อมูลความรู้[10]
    • งานของคุณมีความนัยหรือกินความหมายด้านอะไรบ้าง?
    • ผลที่ได้นั้นเป็นผลโดยรวมหรือเฉพาะเจาะจง?[11]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เขียนบทคัดย่อให้ตรงตามรูปแบบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 เรียงมันตามลำดับ.
    มีคำถามจำเพาะที่บทคัดย่อของคุณจะต้องตอบให้ได้ แต่คำตอบนั้นต้องจัดเรียงตามลำดับ ตามหลักแล้วมันก็ควรลอกตามรูปแบบโดยรวมของบทความของคุณ โดยมี ‘ช่วงแนะนำ’, ‘ตัวเรื่อง’, และ ‘บทสรุป’
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์.
    ซึ่งแตกต่างไปจากย่อหน้าในบทความที่อาจใช้คำคลุมเครือ บทคัดย่อนั้นควรจะอธิบายเอกสารและงานวิจัยได้อย่างรวบรัด สรรหาคำที่ใช้ในบทคัดย่อเพื่อผู้อ่านจะรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร ไม่ใช่ต้องมานั่งงงกับประโยคหรือการอ้างอิงที่กำกวม
    • หลีกเลี่ยงการใช้คำย่อหรือตัวย่อในบทคัดย่อ เพราะมันจำเป็นต้องอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ซึ่งนั่นหมายถึงการกินพื้นที่อันมีค่าและควรจะหลีกเลี่ยงเสมอ
    • หากประเด็นเรื่องที่คุณทำเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีพอ คุณสามารถอ้างอิงชื่อบุคคลหรือสถานที่ที่เอกสารของคุณเน้นประเด็นไปที่นั่นได้
    • อย่าใส่ตาราง, ตัวเลข, แหล่งข้อมูล, หรือประโยคอ้างอิงยาวๆ มาใส่ในบทคัดย่อ พวกมันกินเนื้อที่มากและมักจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้อ่านเขาต้องการจากในบทคัดย่อเลย[13]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 เขียนขึ้นมาใหม่.
    บทคัดย่ออาจเป็นการสรุปก็จริงอยู่ แต่มันควรถูกเขียนขึ้นมาใหม่แยกจากเอกสารรายงานของคุณ อย่าไปคัดลอกและวางประโยคอ้างอิงโดยตรงของตัวคุณเอง และหลีกเลี่ยงการถอดประโยคเดิมของคุณจากภายในบทความมาใส่ในบทคัดย่อ ให้เขียนโดยใช้การเรียบเรียงคำพูดขึ้นมาใหม่เพื่อทำให้มันน่าสนใจและไม่ซ้ำซ้อนกัน
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ใช้คำหลักหรือคีย์เวิร์ด.
    หากบทคัดย่อของคุณต้องถูกตีพิมพ์ในจุลสาร คุณต้องการให้คนสามารถหามันได้โดยง่าย จะทำได้ก็ต้องให้ผู้อ่านค้นหาในคลังข้อมูลออนไลน์โดยมีคำสั่งค้นจำเพาะเพื่อหวังให้แสดงผลเอกสารของคุณออกมา ให้ลองใช้คำหลักที่สำคัญต่องานวิจัยของคุณ 5-10 คำในบทคัดย่อ[14]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังเขียนรายงานว่าดวยความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการรับรู้เรื่องโรคจิตเภท ให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้คำอย่าง “โรคจิตเภท”, “ข้ามวัฒนธรรม”, “วัฒนธรรมเฉพาะที่”, “ความเจ็บป่วยทางจิต” และ “การยอมรับทางสังคม” ทั้งหมดนี้อาจเป็นคำค้นหาที่ผู้คนจะใช้เมื่อมองหางานวิจัยในหัวข้อนี้
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ใช้ข้อมูลที่เป็นความจริง.
    คุณต้องการดึงความสนใจของผู้คนมายังบทคัดย่อ มันเป็นเสมือนเหยื่อล่อที่ไปกระตุ้นพวกเขาเข้ามาอ่านงานของคุณต่อ อย่างไรก็ดี อย่าอ้างอิงแนวคิดหรือการศึกษาที่ไม่ได้มีรวมอยู่ในเอกสารงานของคุณเพียงเพื่อหวังดึงคนเข้ามาอ่าน การอ้างข้อมูลที่คุณไม่ได้ใช้ในงานเป็นการทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดและสุดท้ายก็มีแต่ทำให้ยอดผู้อ่านลดลง
  6. How.com.vn ไท: Step 6 หลีกเลี่ยงการเจาะจงโดยเฉพาะจนเกินไป.
    บทคัดย่อนั้นเป็นการสรุป และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงไม่ควรชี้ไปยังประเด็นใดประเด็นหนึ่งของงานวิจัยเป็นการเฉพาะเจาะจงมากไปกว่าการพูดถึงชื่อหรือสถานที่ คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือให้คำจำกัดความคำใดๆ ที่ใช้ในบทคัดย่อ เพราะสามารถแสดงในส่วนของการอ้างอิง หลีกเลี่ยงการชี้ประเด็นจำเพาะใดๆ และยึดอยู่กับการแสดงภาพรวมของชิ้นงานทั้งหมด[15]
    • ให้แน่ใจว่าได้หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะวงการ. คำพิเศษเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นที่เข้าใจในหมู่ผู้อ่านทั่วไปและอาจสร้างความสับสนขึ้นได้[16]
  7. How.com.vn ไท: Step 7 ให้แน่ใจว่าได้ตรวจทานทุกอย่างแล้ว.
    บทคัดย่อเป็นงานเขียนชิ้นหนึ่งที่เหมือนงานเขียนอื่นๆ คือควรจะต้องตรวจทานก่อน ตรวจดูข้อผิดพลาดทั้งด้านรูปประโยคหรือคำผิดและให้แน่ใจว่าได้เขียนตามรูปแบบที่กำหนดอย่างถูกต้อง
  8. How.com.vn ไท: Step 8 รับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากคนอื่น.
    การมีใครคนอื่นมาอ่านบทคัดย่อเป็นวิธีที่ดีเพื่อคุณจะได้ทราบว่าคุณสรุปงานวิจัยได้ดีแล้วหรือไม่ พยายามหาคนที่ไม่รู้อะไรในโครงงานของคุณ ขอให้เขาอ่านบทคัดย่อและถามดูว่าอ่านแล้วเข้าใจไหม มันจะทำให้คุณได้ทราบว่าคุณสื่อสารประเด็นหลักได้ถี่ถ้วนหรือไม่[17]
    • การขอคำปรึกษาจากอาจารย์, เพื่อนร่วมวงการ, หรือผู้ให้คำปรึกษาจากศูนย์การเขียนนั้นเป็นประโยชน์ ถ้าคุณมีแหล่งข้อมูลเหล่านี้อยู่กับมือ จงใช้มันซะ!
    • การถามหาความช่วยเหลือจะทำให้คุณได้ทราบถึงธรรมเนียมปฏิบัติในแวดวงวิชาการนั้นๆ เช่น มันเป็นเรื่องปกติมากที่ในแวดวงวิทยาศาสตร์จะใช้รูปประโยคแบบกรรมวาจกหรือประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (“การทดลองถูกจัดทำขึ้น”) อย่างไรก็ดี ในแวดวงมนุษยศาสตร์นั้นจะเลือกใช้แบบประธานเป็นผู้กระทำมากกว่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • บทคัดย่อมักมีความยาวเพียงหนึ่งหรือสองย่อหน้าและไม่ควรจะยาวเกินกว่า 10% ของความยาวของเอกสารตัวจริง มองหาตัวอย่างจากบทคัดย่อแบบเดียวกันที่ได้รับการตีพิมพ์เพื่อดูว่าของคุณควรเป็นอย่างไร[18]
  • พิจารณาด้วยความระมัดระวังว่าเอกสารกับบทคัดย่อของคุณควรจะมีศัพท์เฉพาะมากแค่ไหน ส่วนใหญ่แล้วก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะสันนิษฐานว่าผู้อ่านต้องมีความเข้าใจในวงการนั้นอยู่บ้างและคุ้นเคยกับศัพท์ภาษาที่ใช้เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าอย่างไรการเขียนบทคัดย่อให้อ่านเข้าใจง่ายก็เป็นเรื่องที่ดี
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Megan Morgan, PhD
ร่วมเขียน โดย:
ปริญญาเอกภาษาอังกฤษ
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Megan Morgan, PhD. เมแกน มอร์แกนเป็นที่ปรึกษาโครงการปริญญาโทในคณะรัฐประศาสนศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอร์เจีย เธอได้รับปริญญาเอกภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียในปี 2015 บทความนี้ถูกเข้าชม 104,896 ครั้ง
หมวดหมู่: การศึกษา
มีการเข้าถึงหน้านี้ 104,896 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา