วิธีการ สังเกตว่าหนูตะเภาตั้งท้องหรือเปล่า

ดาวน์โหลดบทความดาวน์โหลดบทความ

หนูตะเภาตัวเมีย หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า "sow" ถ้าตั้งท้องขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ ต้องระวังเรื่องอาการแทรกซ้อนให้ดี เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษจากการเผาผลาญที่ไม่สมดุลย์ (toxaemia) คลอดยาก (dystocia) และความผิดปกติอื่นๆ หลังคลอด (post-partum difficulties) เช่น อาการชักเกร็งเพราะระดับแคลเซียมต่ำ[1] ถ้าคุณสันนิษฐานว่าหนูตะเภาตัวเมียของคุณน่าจะตั้งท้อง ให้รีบเอาไปหาหมอจะดีที่สุด อย่างไรก็ดี มีบางอาการที่คุณสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สังเกตอาการด้วยตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 มีหนูตะเภาตัวผู้อยู่ด้วยหรือเปล่า.
    Boar ก็คือหนูตะเภาตัวผู้ ถ้าปล่อยหนูตัวเมียไว้ใกล้ๆ หนูตัวผู้ มันก็จะพยายามผสมพันธุ์กัน รับรองว่าแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มีเจ้าตัวน้อย
    • หนูตะเภาตัวเมียจะแตกเนื้อสาวพร้อมผสมพันธุ์ก็เมื่ออายุได้ 2 เดือน เพราะฉะนั้นถึงคุณจะคิดว่าน้องหนูของคุณยังเล็กอยู่ แต่จริงๆ มันก็พร้อมมีทายาทได้ทันทีขอแค่มีตัวผู้อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นแหละ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 สังเกตพฤติกรรมการกินของน้องหนู.
    ยิ่งท้องแก่เท่าไหร่ หนูตะเภาตัวเมียก็จะยิ่งกินดื่มมากขึ้นเท่านั้น บางทีอาจจะมากเป็น 3 เท่าของปริมาณปกติที่เคยกินด้วยซ้ำ ส่วนน้ำก็ดื่มมากขึ้นเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ ปริมาณ "ปกติ" ที่หนูแต่ละตัวกินก็จะแตกต่างกันไป เจ้าของอย่างคุณก็ต้องคอยสังเกตดู
    • แต่ก็อย่าเพิ่งเหมาว่าหนูตะเภาของคุณท้องแค่เพราะมันกินอาหารหรือดื่มน้ำมากขึ้นกว่าปกติล่ะ เป็นเรื่องปกติของสัตว์แทบทุกชนิดเลย ที่จะกินจุเวลาหนาว กำลังโต หรือเวลาป่วยด้วยโรคบางอย่าง[2]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ชั่งน้ำหนักกันหน่อย.
    หนูตะเภาของคุณจะน้ำหนักเพิ่มขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยถ้ากำลังท้องอยู่ จากที่ปกติจะหนักประมาณ 0.5 - 1 กิโลกรัม[3] โดยทั่วไป พอถึงช่วงใกล้คลอด หนูตะเภาจะหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว เพราะลูกหนูจะหนักกว่าครึ่งของน้ำหนักตัวแม่ทีเดียว
    • วิธีที่ดีที่สุดคือให้หมั่นชั่งน้ำหนักของหนูตัวเมีย (ทุกอาทิตย์กำลังดี) แล้วจดบันทึกไว้ จะได้รู้เวลาน้ำหนักของหนูเปลี่ยนแปลง แล้วดูว่าเข้าเกณฑ์น้ำหนักเพิ่มเพราะท้องหรือเปล่า
    • แต่ถ้าหนูตัวเมียของคุณยังไม่โตเต็มวัย คืออายุน้อยกว่า 6 - 8 เดือน ก็แปลว่ามันยังโตได้อีก ถึงน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้บอกเป็นนัยว่ากำลังท้องแต่อย่างใด
  4. How.com.vn ไท: Step 4 คลำท้องหาลูกหนู.
    ถ้าคุณลองเอามือคลำที่ท้องของหนูเบาๆ อาจจะรู้สึกได้ถึงตัวอ่อน ในกรณีที่หนูท้องจริงๆ นะ โดยทั่วไปแล้วจะคลำเจอก็ต่อเมื่อผสมพันธุ์กันประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไป เวลาจะจับตัวหนูตะเภาต้องจับอย่างเบามือ ห้ามทำแรงเด็ดขาด โดยเฉพาะตอนคลำท้องหาตัวอ่อน ห้ามกดหรือบีบเพราะลูกหนูหรือตัวแม่หนูเองจะเป็นอันตรายได้[4]
    • เวลาจะคลำหาลูกหนูในท้อง ให้วางหนูตะเภาของคุณบนผ้าที่ปูอยู่บนพื้นราบ หนูจะได้ไม่ลื่นหล่น ให้คุณถือหนูไว้ให้มั่นในมือข้างที่ไม่ถนัด โดยจับตรงแถวๆ ไหล่หรือก็คือลำตัว ให้หน้าหนูหันออกไปจากตัวคุณ แล้วคลำท้องเบาๆ ด้วยมือข้างที่ถนัด เริ่มจากงอนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นรูปตัว "C" แล้วลากนิ้วโป้งไปตามหน้าท้องของหนู ส่วนนิ้วชี้ให้อยู่ใต้ท้อง กดเบาๆ ย้ำว่าเบาๆ เพื่อดูว่ามีก้อนอะไรนูนๆ ขึ้นมาหรือเปล่า
    • เวลาหนูตะเภาตั้งท้อง จะมีลูกตั้งแต่ 1 ตัวไปจนถึง 3 - 4 ตัว เพราะงั้นถ้าหนูตะเภาของคุณมีลูกหลายตัว คุณก็จะคลำเจอก้อนขนาดเท่าๆ กัน กระจายไปทั่วท้องของแม่หนูตะเภา
    • แต่บางทีเวลาคลำเจอก้อนบางอย่างในท้องของหนู ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นลูกหนูเสมอไป ทั้งไต กระเพาะปัสสาวะ กระทั่งอุนจิหนูเป็นเม็ดๆ ถ้าคลำเจอก็อาจเผลอเข้าใจว่าเป็นตัวอ่อนได้ทั้งนั้น นี่ยังไม่รวมซีสต์ที่รังไข่หรือเนื้องอกอีกนะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณคลำเจอก้อนอะไรก็ตามในท้องหนู แล้วไม่แน่ใจว่าคืออะไร ก็พาไปหาหมอจะดีกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

พาหนูไปหาหมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 นัดตรวจกับสัตวแพทย์.
    ถ้าคุณสันนิษฐานว่าหนูตะเภาของคุณท้องแน่ๆ ก็เอาไปหาหมอตรวจให้ชัดกันไปเลยจะดีกว่า ลำพังแค่เอามือคลำๆ คุณบอกไม่ได้หรอกว่าตกลงท้องจริงหรือเปล่า จนกว่าคุณหมอที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้จะตรวจวินิจฉัยหนูตะเภาของคุณ
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ให้คุณหมอตรวจร่างกายหนูตะเภา.
    แค่คุณหมอเขาคลำท้องดูก็พอจะรู้แล้วว่าหนูตะเภาของคุณท้องหรือเป็นก้อนอย่างอื่นกันแน่ คนธรรมดาอย่างเราๆ ฟันธงไม่ได้หรอก พอตรวจร่างกายแล้วคุณหมอก็จะบอกเองว่าตกลงหนูของคุณตั้งท้องหรือเปล่า แต่ในบางเคสก็อาจต้องมีการทดสอบบางอย่างเพิ่มเติม เช่น การทำอัลตร้าซาวด์ เป็นต้น (อ่านรายละเอียดได้ในข้อถัดไป)[5]
    • คุณหมออาจตรวจได้ละเอียดถึงขั้นได้ยินเสียงหัวใจของลูกหนูดังมาจากในท้องแม่เลยด้วยซ้ำ[6]
  3. How.com.vn ไท: Step 3 ให้คุณหมอทำอัลตร้าซาวด์.
    การทำอัลตร้าซาวด์ถือเป็นเรื่องจำเป็นเวลาจะตรวจวินิจฉัยการตั้งท้องของหนูตะเภา เพราะหนูตะเภาไม่เหมือนสัตว์ประเภทอื่น ถ้าฝืนเอาไปเจาะเลือดอาจทำเอาหนูตะเภาเครียดหรือกลัวจนเป็นอันตรายได้ อีกเหตุผลคือยังไม่มีใครทำที่ตรวจการตั้งท้องของหนูตะเภาออกมานี่สิ[7]
    • การทำอัลตร้าซาวด์จะทำให้คุณเห็นภาพออกมาเลยว่าตกลงแล้วไอ้เจ้าก้อนในท้องน่ะใช่ลูกหนูจริงหรือเปล่า
    • การทำอัลตร้าซาวด์หนูตะเภานั้น ต้องมีการโกนขนบริเวณหน้าท้องให้เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซะก่อน แล้วทาเจลตรงที่โกนขนออกไป จากนั้นก็เอาหัวตรวจมาแนบตรงท้อง แล้วปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงแบบที่มนุษย์อย่างเราจะไม่ได้ยินออกไป หัวตรวจจะบันทึกคลื่นเสียงที่สะท้อนตอบมาเป็นข้อมูลเกี่ยวกับขนาด รูปร่าง และตำแหน่งของเนื้อเยื่อและอวัยวะภายใน ข้อมูลที่ว่าจะถูกแปลงออกมาเป็นภาพ หรือพูดง่ายๆ ก็คือคุณจะได้เห็นภาพภายในท้องของหนูตะเภานั่นเอง และคุณหมอก็จะบอกได้เลยว่าตกลงหนูของคุณท้องหรือเป็นอะไรกันแน่
    • การทำอัลตร้าซาวด์นั้นหนูไม่ต้องเลือดตกยางออก เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องใช้ยาชาแต่อย่างใด
  4. How.com.vn ไท: Step 4 ถ้าตกลงหนูตะเภาตั้งท้อง ให้สอบถามวิธีดูแลจากคุณหมอ....
    ถ้าตกลงหนูตะเภาตั้งท้อง ให้สอบถามวิธีดูแลจากคุณหมอ. ถ้าคุณหมอยืนยันว่าหนูตะเภาของคุณตั้งท้อง ขั้นตอนที่สำคัญต่อมาก็คือคุณต้องรู้จักวิธีดูแลแม่หนูและลูกหนูอย่างถูกต้องเหมาะสม การตั้งท้องทำให้อวัยวะภายในต่างๆ และระบบไหลเวียนเลือดของแม่หนูทำงานหนัก แถมหนูยังเป็นสัตว์จำพวกที่ท้องเมื่อไหร่จะมีความเสี่ยงสูงถึง 1 ใน 5 ที่จะตายจากโรคแทรกซ้อนระหว่างท้องหรือหลังคลอด[8]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ดูแลหนูตะเภาที่ตั้งท้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. How.com.vn ไท: Step 1 ข้อมูลติดต่อคุณหมอต้องพร้อม.
    ถ้าหนูท้องไปตามปกติคุณก็ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร แต่ถ้ามีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ ต้องแน่ใจว่าสามารถติดต่อคุณหมอได้ในทันที โอกาสเกิดความเสี่ยงมักเป็นกรณีที่หนูของคุณแก่เกินไปหรือเด็กเกินไป หรือเพิ่งเคยท้องเป็นครั้งแรก[9]
    • พยายามเลือกสัตวแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสัตว์ฟันแทะและสัตว์เล็กอื่นๆ คุณหมอเฉพาะทางยังไงก็อุ่นใจกว่าสัตวแพทย์ทั่วไป
  2. How.com.vn ไท: Step 2 ย้ายหนูตะเภาตัวผู้ออกไป.
    ถ้าคุณมีหนูตัวเมียหลายตัว ให้รีบย้ายหนูตัวผู้ออกไปโดยด่วน จะได้ตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ตัวอื่นท้องตามมา แต่ถึงคุณจะมีหนูตัวเมียแค่ตัวเดียว คุณก็ควรจะย้ายหนูตัวผู้ออกไปก่อนหนูตัวเมียท้องได้ 60 วันอยู่ดี ที่ว่าย้ายหมายถึงแยกออกไปใส่กรงข้างๆ นะ อย่างน้อยทั้ง 2 ตัวจะได้ยังมองเห็น ใกล้ชิดกันอยู่ เพราะถ้าตัวผู้ไม่เห็นหน้าหรือไม่ได้ยินเสียงคู่ของตัวเองละก็ อาจจะเครียดขึ้นมาจนถึงขั้นเจ็บป่วยได้
    • ถึงหนูตัวเมียจะท้องอยู่ หนูตัวผู้ก็จะยังพยายามขึ้นขี่ผสมพันธุ์ด้วย ซึ่งจะทำให้ตัวเมียเครียดหรือบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะช่วงท้องแก่ (50 วันขึ้นไป) ที่สำคัญคือคลอดได้ไม่ทันไร หนูตัวเมียก็พร้อมท้องใหม่ใน 2 ชั่วโมงต่อมานี่สิ
  3. How.com.vn ไท: Step 3 อย่าลืมเตรียมน้ำและอาหารให้เพียงพอ.
    คุณต้องแน่ใจว่าได้เตรียมน้ำและอาหารหลักอาหารเสริมต่างๆ ให้แม่หนูเรียบร้อยแล้ว เพราะเรื่องพวกนี้ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกหนู
    • เปลี่ยนจากหญ้าทิโมธิ (timothy hay) มาให้หนูกินหญ้าอัลฟัลฟ่า (alfalfa hay) แทน เพราะมีโปรตีนและแคลเซียมสูงกว่า
    • พอพ้น 4 อาทิตย์ไป ต้องเพิ่มวิตามินซีให้หนู เพิ่มเป็น 2 เท่าเลยยิ่งดี โดยให้หนูกินผักผลไม้สดที่อุดมวิตามินซีมากขึ้น
    • นอกจากนี้ก็ต้องเพิ่มปริมาณไฟเบอร์หรืออาหารที่เป็นกากใยด้วย เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ขนร่วง อันเป็นอาการที่มักเกิดกับหนูท้องแก่ใกล้คลอด
  4. How.com.vn ไท: Step 4 หมั่นชั่งน้ำหนักหนู.
    ต้องชั่งน้ำหนักแม่หนูที่กำลังท้อง 2 ครั้งต่ออาทิตย์ จะได้แน่ใจว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้น (ไม่ใช่น้ำหนักลดลง) และร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี (เช่น กินอาหารจนหมด ไม่เซื่องซึม และร่าเริงกระฉับกระเฉง เป็นต้น)
    • ถ้าอยู่ๆ แม่หนูก็น้ำหนักลดลง หรือเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วย ให้รีบปรึกษาคุณหมอทันที
  5. How.com.vn ไท: Step 5 ผ่อนคลายความเครียดให้หนู.
    พยายามจัดกิจวัตรประจำวันให้หนูตะเภาที่ตั้งท้อง จะได้ช่วยผ่อนคลายความเครียดที่อาจทำให้หนูท้องเกิดโรคแทรกซ้อนหรือเป็นอันตรายได้
    • อย่าไปปรับเปลี่ยนที่อยู่ที่กินของหนูท้อง อย่างหยิบของเล่นออก หรือยกกรงไปตั้งในสถานที่ใหม่ เพราะเดี๋ยวหนูจะเครียดจนพาลไม่กินข้าวกินน้ำได้[10]
    • อย่าให้หนูอยู่ในที่ที่เสียงดังหรือมีแสงสว่างจ้า ที่ที่โดนแดดตรงๆ ก็ไม่ได้
    • หยิบจับหรือแตะต้องตัวหนูให้น้อยที่สุด ที่สำคัญคือหลังหนูคลอดลูก ภายใน 2 อาทิตย์อย่าเพิ่งรีบยกหนูขึ้นมา ระยะการตั้งท้องของหนูปกติจะอยู่ที่ประมาณ 66 - 72 วัน[11]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • Dystochia คือภาวะคลอดยาก โดยลูกหนูไม่สามารถคลอดออกมาได้เพราะปากมดลูกของแม่หนูไม่เปิดกว้างเต็มที่ ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องแก้ไขด้วยการผ่าคลอดทันที ถ้าขืนปล่อยไว้ละก็ อาจจะตายทั้งแม่และลูกได้
  • Toxemia หรือภาวะครรภ์เป็นพิษ เกิดจากการเผาผลาญที่ไม่สมดุลย์ ทำให้หนูตะเภาเจ็บป่วยร้ายแรง เวลาแม่หนูขาดแคลเซียมก็อาจแสดงอาการคล้ายๆ กัน เพียงแต่นั่นเป็นเพราะแคลเซียมไม่สมดุลย์ ถ้าเป็น toxemia จะเกิดจากโรคแทรกซ้อนภายใน อย่างเลือดไปเลี้ยงมดลูกไม่พอ อาการที่มักพบก็คือไม่ยอมกินอาหาร เซื่องซึม และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ให้คุณรีบพาไปหาหมอทันที แต่โอกาสรอดก็มีน้อยเหมือนกัน
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าปล่อยให้หนูตะเภาของคุณออกลูกบ่อยๆ หรือคิดเพาะพันธุ์เพื่อการค้าเลย รู้ไหมว่าแม่หนูเสี่ยงมากเวลาท้อง โดยเฉพาะหนูที่แก่กว่า 8 เดือนขึ้นไปหรือเด็กกว่า 3 เดือน และหนูอายุ 2 ปีขึ้นไปที่มีลูกมาแล้ว 2 ครอก[12]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

How.com.vn ไท: Pippa Elliott, MRCVS
ร่วมเขียน โดย:
สัตวแพทย์
บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Pippa Elliott, MRCVS. ดร.เอลเลียต, BVMS, MRCVS เป็นสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์การผ่าตัดและช่วยเหลือสัตว์มากว่า 30 ปี เธอจบปริญญาด้านการผ่าตัดและให้ยาสัตว์จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ในปี 1987 และทำงานในคลินิกสัตวแพทย์ที่บ้านเกิดมากว่า 20 ปี บทความนี้ถูกเข้าชม 25,412 ครั้ง
หมวดหมู่: สัตว์เลี้ยง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,412 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

⚠️ Disclaimer:

Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.

Notices:
  • - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
  • - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
  • - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
  • - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.

โฆษณา