บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Doug Ludemann. ดั๊ก ลูดแมนเป็นเจ้าของและผู้ปฏิบัติการของ Fish Geeks, LLC บริษัทที่ให้บริการด้านตู้ปลาในมินเนอาโปลิส เขาอยู่ในวงการตู้ปลาและการเลี้ยงดูสัตว์น้ำมากว่า 20 ปีและได้รับปริญญาตรีในสาขานิเวศน์วิทยาและพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ดั๊กเคยทำงานให้สวนสัตว์มินนิโซตาและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเช็ดด์ในชิคาโก
มีการอ้างอิง 12 ข้อที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 120,842 ครั้ง
ถ้าคุณเลี้ยงปลาทองเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ คงจะเศร้าน่าดูถ้าอยู่ๆ มันก็พะงาบๆ เหมือนใกล้ตายขึ้นมา มีหลายสาเหตุด้วยกันที่ทำปลาทองถึงตายได้ ตั้งแต่โรคภัยไข้เจ็บไปจนถึงอาการเครียดหรือหดหู่ ถ้าคุณรู้แต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถช่วยชีวิตน้องปลาของคุณไว้ได้ทันท่วงที ดีไม่ดีอาจอายุยืนยาวถึง 10 - 20 ปี[1]
ขั้นตอน
- แยกปลาทองที่ป่วย. ถ้าปลาทองตัวหนึ่งป่วย สำคัญมากว่าต้องแยกออกจากปลาทองตัวอื่นทันที จะได้ไม่ติดกันไปทั่ว แต่ถ้าคุณมีปลาทองแค่ตัวเดียว ก็ปล่อยไว้ในตู้เดิมนั่นแหละ
- เวลาจะย้ายปลาไปตู้ “พยาบาล” ให้เอาใส่ถุงพลาสติกใส แล้วใส่ในถุงกระดาษหรือถุงอะไรที่ทึบๆ อีกที ปลาทองจะได้ไม่กลัวจนเครียด
- อาจจะต้องเอาน้ำในตู้ปลาเก่ามาเติมในตู้ปลาใหม่ด้วย แต่ถ้าน้ำเก่าคือสาเหตุที่ทำให้ปลาป่วยหรือใกล้ตาย ระวังปลาจะอาการหนักกว่าเดิม[2] ตอนจะเอาปลาลงน้ำใหม่ ให้เอาถุงใส่ปลาแช่ลงไปในน้ำประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิไม่ให้ปลาน็อคน้ำ[3]
- ตรวจสอบคุณภาพน้ำ. ปลาใกล้ตายส่วนใหญ่แค่เปลี่ยนน้ำชีวิตก็เปลี่ยน การหมั่นรักษาคุณภาพของน้ำนี่แหละจุดสำคัญที่ทำให้ปลามีความสุขสุขภาพดี ที่สำคัญคือยังมีชีวิตอยู่[4]
- ตามร้านขายปลาเลี้ยงหรือตามเน็ตก็มีชุดตรวจสอบคุณภาพน้ำขายอยู่เหมือนกัน[5]
- ชุด kit นี้จะทำให้คุณรู้ได้ว่าน้ำในตู้ปลามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เช่น ค่าแอมโมเนียสูง เป็นต้น
- ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ ให้อยู่ที่ประมาณ 10 - 25 องศาเซลเซียส[6]
- วัดค่าความเป็นกรดด่าง ค่าที่เหมาะสมสำหรับปลา คือมีค่า pH ประมาณ 7 หรือก็คือเป็นกลาง (neutral)[7]
- ถ้าน้ำเป็นกรดมากเกินไป ให้ซื้อ chemical neutralizer หรือสารที่ปรับค่าน้ำให้เป็นกลางมาใช้ มีขายตามร้านขายปลาเลี้ยงหรือตามเน็ต[8]
- เช็คค่าออกซิเจนในน้ำด้วย ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนเกิน 70%[9]
- หมั่นล้างตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำ. ปลาทองขับถ่ายบ่อย แป๊บเดียวก็น้ำขุ่น เต็มไปด้วยแอมโมเนียหรือแบคทีเรียแล้วก็ตะไคร่ แค่คุณล้างทำความสะอาดตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำ ปลาก็สุขภาพดีขึ้นแล้ว
- แยกปลาทองไปไว้อีกตู้ แล้วค่อยล้างตู้เดิมและเปลี่ยนน้ำ
- ควรล้างตู้ปลาอาทิตย์ละครั้ง จะได้ไม่มีแบคทีเรียสะสม
- ถ่ายน้ำออก 15% และกำจัดพวกกรวด ตะไคร่ และสิ่งสกปรกออกให้หมด
- ห้ามใส่สารเคมีใดๆ ก็ตามในน้ำตู้ปลา แค่ล้างเอาพวกกรวดกับสารตกค้างต่างๆ ที่ระเหยติดตามข้างตู้ออกให้หมดก็พอแล้ว[10] เพราะสารเคมีหรือสบู่แค่นิดเดียวก็ทำปลาตายได้
- เติมน้ำก๊อกเย็นๆ สะอาดๆ ลงไป อย่าลืมเติม dechlorinator ลงในน้ำใหม่ เพื่อขจัดคลอรีนส่วนเกิน
- เฝ้าระวังน้องปลา. หลังล้างตู้ปลาและเปลี่ยนน้ำแล้ว ให้จับตาดูปลาทองของคุณอีกสัก 2 - 3 วัน ว่าอาการดีขึ้นไหม จะได้ตัดไปทีละอย่างเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ปลาป่วย
- วิธีนี้จะเห็นผลทันตา เช่น พอน้ำมีออกซิเจนเยอะแล้วปลาดีขึ้น แต่ก็มักจะใช้เวลา 2 - 3 วันกว่าปลาทองจะปรับตัวเข้ากับตู้ใหม่หรือน้ำใหม่ได้
- รอสัก 1 - 2 วันก่อน แล้วค่อยลองรักษาวิธีอื่น จะได้ตัดปัญหาเรื่องรักษาไม่ตรงจุด ไม่งั้นเดี๋ยวอาจเป็นอันตราย
โฆษณา
- หาให้เจอ ปลาป่วยเป็นอะไร. ปลาทองเจ็บป่วยได้ด้วยหลายโรคด้วยกัน ถ้าคุณระบุสาเหตุได้ตรงจุดรวดเร็ว ปลาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น[11]
- ช่วงเวลาที่สังเกตอาการเจ็บป่วยได้ดีที่สุด ก็คือก่อนให้อาหารนี่แหละ[12]
- อาการหายใจผิดปกติ: เช่น หายใจพะงาบๆ หายใจหอบถี่ โผล่มาฮุบอากาศแถวผิวน้ำ หรืออีกทีคือดิ่งอยู่ก้นตู้ปลา เหล่านี้อาจเป็นเพราะปลาป่วยจริง หรือเพราะน้ำเสียก็ได้[13]
- มีพยาธิ: ปลาทองปกติก็หิวตลอด (มากด้วย) แต่ถ้าอยู่ๆ น้องปลาของคุณเกิดไม่กินอาหารหรือซูบไปถนัดตา เป็นไปได้ว่าอาจมีพยาธิ[14]
- โรคเสียการทรงตัว (Swim bladder disease): สังเกตซิว่าปลาทองว่ายแปลกๆ หงายท้อง หรือถูตัวกับตู้ปลา ก็เป็นไปได้ว่าปลาเป็นโรคเสียการทรงตัวหรือเป็นที่อาหารการกินก็ได้[15]
- มีเชื้อรา: ถ้าปลาทองมีอาการครีบพับหรือฉีกขาด มีจุดด่างตามตัว มีก้อนหรือตุ่มนูน ตาโปน เหงือกซีด หรือตัวบวม แปลว่าน่าจะเป็นเพราะเชื้อราแล้วล่ะ[16]
- โรคครีบเปื่อย (Fin rot): เป็นโรคจากเชื้อราที่พบบ่อยที่สุดในปลา โดยครีบหรือหางของปลาจะเริ่มซีดขาว ดูเปื่อยๆ ยุ่ยๆ [17]
- สังเกตอาการปลาตัวอื่น. พอระบุอาการของปลาตัวที่ใกล้ตายได้แล้ว ให้ลองสังเกตอาการของปลาตัวอื่นในตู้เดียวกันด้วย จะได้รู้ว่าอะไรที่ทำให้ปลาป่วยกันไปหมด
- เอาเครื่องกรองน้ำในตู้ปลาออก แล้วเปลี่ยนน้ำ. คุณแก้ปัญหาเรื่องโรคจากเชื้อราและโรคครีบเปื่อยได้ โดยเอาเครื่องกรองน้ำในตู้ปลาออก แล้วเปลี่ยนน้ำ แบบนี้ปลาจะอาการดีขึ้นแน่นอน[18]
- ดูแลน้ำในตู้ปลาด้วยเกลือกับความร้อน. ถ้าคุณสังเกตว่าปลามีจุดด่างขาวๆ ตามตัว แปลว่าปลาน่าจะป่วยด้วยโรคปรสิต ich (Ichthyophthirius Multifiliis) ไม่ก็โรคหนอนสมอ (anchor worms) หรือมีเห็บปลา เกลือกับความร้อนจะช่วยขจัดโรคให้ปลาทองของคุณอาการดีขึ้นได้[21]
- ค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิน้ำในตู้ปลาให้ถึง 30 องศา ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อหยุดการแพร่พันธุ์ของปรสิต ich[22] และให้คงอุณหภูมินี้ไว้ 10 วัน[23]
- เติมเกลือสำหรับใส่ตู้ปลา หรือ aquarium salt ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 5 แกลลอน[24]
- เปลี่ยนน้ำตู้ปลาทุกๆ 2 - 3 วัน[25]
- ค่อยๆ ลดอุณหภูมิน้ำกลับไปที่ 18 องศา[26]
- ถ้ามีปลาที่ยังปกติดีอยู่ในตู้ คุณก็ใช้เกลือกับความร้อนได้ จะได้กำจัดปรสิตตกค้างที่ทำเอาปลาปกติป่วยไปด้วย[27]
- ให้ปลากินผักกับอาหารโปรตีนต่ำ. ถ้าปลาเป็นโรคเสียการทรงตัว แค่เปลี่ยนน้ำก็จะไม่ช่วยอะไร ลองให้ปลากินพวกผัก อย่างถั่วแช่แข็งดู แล้วก็อาหารโปรตีนต่ำ อาจจะช่วยให้ปลาทองหายจากโรคนี้ได้[28]
- เอาแหนบคีบปรสิตออก. ถ้าสังเกตเห็นว่าปลาทองมีพยาธิหรือปรสิต อย่างหนอนสมอ ก็ให้ใช้แหนบคีบออก แต่ต้องทำแบบเบามือนะ ปลาจะได้ไม่เจ็บตัวหรืออันตรายถึงตาย
- ปรสิตบางชนิดก็อยู่ลึกลงไปในตัวปลา อาจต้องคีบออกควบคู่ไปกับการใช้ยากำจัด
- เวลาคีบให้คีบปรสิตชิดติดกับแผลของปลาที่สุด จะได้ดึงออกมาทั้งตัว
- เอาปลาลงน้ำทุกๆ 1 นาที ปลาจะได้ไม่ขาดอากาศ
- กว่าปรสิตจะหายเกลี้ยงจากตู้ปลา ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2 - 3 อาทิตย์
- วิธีนี้สงวนไว้เฉพาะกรณีที่คุณรู้แน่ว่าปลาทองมีพยาธิหรือปรสิตเท่านั้น และต้องแน่ใจว่าคุณมือเบาพอจะไม่ทำปลาตายซะก่อนตอนคีบ
- ใช้ยาสำหรับรักษาปลาโดยเฉพาะ. ถ้าไม่แน่ใจว่าปลาป่วยเพราะอะไร ก็ใช้ยารักษาโรคในปลาโดยเฉพาะเลยดีกว่า รักษาได้ทั้งโรคและปรสิต[31]
- ยาของปลามีขายตามร้านขายปลาตู้ทั่วไป ตามห้างและตามเน็ตก็มี
- ยาที่อวดอ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคของปลาได้ บางทีก็มาจากเมืองนอก ไม่ได้รับรองโดยอย. หรือหน่วยงานของไทย ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูให้ดี ไม่งั้นอาจรักษาไม่หายหรือเป็นอันตรายต่อปลา แต่ยังไงวิธีที่ดีที่สุด ก็คือต้องหาให้เจอก่อนว่าปลาป่วยด้วยโรคอะไร[32]
- พาปลาไปหาหมอ. ถ้ารักษาเองแล้วปลาไม่ดีขึ้น ก็พาปลาไปหาหมอจะดีกว่า จะได้รู้แน่ชัดกันไปเลยว่าปลาทองของคุณเป็นอะไรกันแน่ จะได้รักษากันถูก
- เวลาพาปลาไปหาหมอ ให้เอาปลาใส่น้ำในถุงพลาสติก แล้วเอาถุงพลาสติกไปซ้อนในถุงกระดาษทึบๆ อีกที ปลาจะได้ไม่เครียด
- แต่ก็ต้องทำใจไว้ก่อน ว่าบางทีปลาอาจป่วยหนักเกินเยียวยา ถึงจะพาไปหาหมอก็ไม่ได้แปลว่าจะรักษาได้เสมอไป
โฆษณา
- ดูแลปลาไม่ให้ป่วยแต่แรกนี่แหละดีที่สุด. ถ้าคุณรู้จักดูแลปลาให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงแต่แรก ก็ไม่ต้องมานั่งเครียดทีหลังเวลาปลาป่วยใกล้ตาย ทำได้ตั้งแต่หมั่นล้างตู้ปลา ไปจนถึงให้อาหารปลาหลากหลายหน่อย ดูแลดีแต่แรกนี่แหละ ที่จะทำให้ปลาของคุณไม่ต้องเสี่ยงชีวิต[33]
- รักษาคุณภาพน้ำในตู้ปลา. รักษาคุณภาพน้ำในตู้ที่น้องปลาแหวกว่ายให้สะอาดอยู่เสมอ นี่แหละกุญแจสำคัญที่จะทำให้ปลาทองของคุณอายุยืนยาว ไม่ใช่แค่รักษาอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม แต่ออกซิเจนในน้ำก็ต้องเพียงพอด้วย[34]
- ชีวิตน้องปลาจะดี๊ดี ถ้าน้ำมีอุณหภูมิอยู่ที่ 10 - 25 องศาเซลเซียส[35] ยิ่งน้ำเย็นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีออกซิเจนหนาแน่นขึ้นเท่านั้น
- ปลาทองปล่อยของเสียบ่อย ระดับแอมโมเนียในน้ำเลยสูงตามตัว ทำให้ปลายิ่งเสี่ยงเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือถึงขั้นตายได้เลย[36]
- หมั่นทดสอบคุณภาพน้ำทุกอาทิตย์ จะได้แน่ใจว่าน้ำสะอาดปราศจากเชื้อโรค[37]
- ล้างตู้ปลาเป็นประจำ. ถ้าคุณหมั่นล้างทำความสะอาดตู้ปลาเป็นประจำ นอกจากคุณภาพน้ำจะเยี่ยมแล้ว ยังช่วยขจัดแบคทีเรียหรือตะไคร่น้ำที่อาจหมักหมมจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพของปลาทองได้[38] แค่ทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง ก็ป้องกันโรคต่างๆ ได้ในระยะยาวแล้ว[39]
- เปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ ทีละหลายๆ แกลลอน จะได้ขจัดพวกสารตกค้าง[40]
- เก็บพวกกรวดให้เกลี้ยง รวมถึงขัดตะไคร่น้ำหรือเมือกที่เกาะตามข้างตู้ปลาด้วย[41]
- ถ้าในตู้มีพืชน้ำ ก็เล็มบ้างอย่าให้โตจนเกะกะ[42]
- ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนถ่านกรองน้ำด้วย เดือนละ 1 ครั้ง[43]
- ห้ามล้างตู้ปลาด้วยสารเคมีหรือกระทั่งสบู่ เพราะเป็นอันตรายต่อปลาได้
- ให้ปลาทองกินอาหารที่หลากหลาย. อีกสุดยอดวิธีป้องกันไม่ให้ปลาทองตายก่อนวัยอันควร ก็คือให้กินอาหารที่หลากหลายและสารอาหารครบถ้วน อีกเรื่องที่สำคัญพอกันก็คืออย่าให้อาหารมากไป นอกจากปลาทองจะป่วยแล้วยังทำให้น้ำขุ่นเร็วขึ้นอีกด้วย[44]
- ให้อาหารปลาที่มีขายทั่วไปก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นๆ แห้งๆ แบบนี้จะได้สารอาหารครบถ้วน[45]
- ให้อาหารอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น ถั่วลันเตา ไรน้ำเค็ม หนอนแดง แล้วก็ไส้เดือนน้ำ[46]
- จริงๆ แล้วสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำในตู้ปลาก็กินเป็น snack ได้เหมือนกัน แต่ปล่อยให้โตได้แค่มุมเดียวของตู้ก็พอ แล้วให้ปลาทองว่ายไปตอดเอา[47]
- ห้ามให้ปลากินเยอะเกินไปเด็ดขาด ให้อาหารแค่วันละครั้งก็พอ เพราะอาหารส่วนเกินจะจมลงไปที่ก้นตู้ จนทำเอาน้ำขุ่นจนเน่าได้[48]
- แยกปลาที่ป่วยทันที. ถ้าปลาป่วย (หรืออาการร่อแร่) แค่บางตัวหรือตัวเดียว ให้รีบแยกออกจากตัวที่ปกติดีทันที เพื่อป้องกันปลาสุขภาพดีไม่ให้ติดโรคจนตายขึ้นมา[49]โฆษณา
เคล็ดลับ
- เตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่าบางทีอาการของปลาก็หนักเกินเยียวยา อย่าโทษตัวเองหรือโทษใคร คุณทำดีที่สุดแล้วล่ะ
คำเตือน
- ห้ามเลี้ยงปลาป่วยรวมกับปลาปกติเด็ดขาด เพราะถ้าเกิดเป็นไวรัสขึ้นมาจะติดกันไปหมดทั้งตู้
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.algone.com/oxygen-in-the-aquarium
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diagnosis/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://aquadaily.com/2009/01/26/fin-rot-symptoms-and-treatment/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.peteducation.com/article.cfm?c=16+2160&aid=2421
- ↑ http://www.cichlid-forum.com/articles/ich.php
- ↑ http://www.aquahobby.com/articles/e_constipated_fish.php
- ↑ http://www.aquahobby.com/articles/e_constipated_fish.php
- ↑ http://www.savemysickfish.com/diseases/
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://fish.mongabay.com/disease.htm
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.aspca.org/pet-care/small-pet-care/fish-care
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
- ↑ http://www.fishlore.com/Articles/SickFish.htm
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
⚠️ Disclaimer:
Content from Wiki How ไท language website. Text is available under the Creative Commons Attribution-Share Alike License; additional terms may apply.
Wiki How does not encourage the violation of any laws, and cannot be responsible for any violations of such laws, should you link to this domain, or use, reproduce, or republish the information contained herein.
- - A few of these subjects are frequently censored by educational, governmental, corporate, parental and other filtering schemes.
- - Some articles may contain names, images, artworks or descriptions of events that some cultures restrict access to
- - Please note: Wiki How does not give you opinion about the law, or advice about medical. If you need specific advice (for example, medical, legal, financial or risk management), please seek a professional who is licensed or knowledgeable in that area.
- - Readers should not judge the importance of topics based on their coverage on Wiki How, nor think a topic is important just because it is the subject of a Wiki article.