วิธีการ ลบข้อความในรูปด้วย Photoshop

คุณมีรูปสวยๆ ที่อยากใช้แต่ดันมีตัวอักษรหรือข้อความมาบดบังไหม? Photoshop เขามีฟีเจอร์เด็ดๆ ไว้ช่วยคุณโดยเฉพาะเลยแหละ แถมใช้ง่าย ไม่ต้องเก่งถึงขั้นเป็นกราฟฟิกขั้นเทพก็ทำได้ ถ้าพูดถึงโปรแกรมตัดต่อรูปแล้ว Photoshop ถือว่าใช้ค่อนข้างง่ายเลย มือใหม่ก็ไม่มีปัญหา

วิธีการ 1

วิธีการ 1 ของ 3:

ลบข้อความด้วยฟังก์ชั่น Rasterize

ดาวน์โหลดบทความ

1
ต้องเข้าใจก่อนว่า "รูป" รูปหนึ่งนั้นประกอบด้วยเลเยอร์ต่างๆ ซึ่งแต่ละเลเยอร์ก็มีสี ลูกเล่น ดีไซน์ และข้อความแตกต่างกันไป. ซึ่งพอทุกเลเยอร์มารวมกัน ก็จะได้เป็นรูปใน Photoshop ขึ้นมา ไฟล์ JPEG สุดท้ายที่คุณได้ รวมถึงไฟล์ PSD ก็มาจากเลเยอร์พวกนี้นี่แหละ ถ้าคุณงง PSD นั้นย่อมาจาก Photoshop documents ไง ^{[1]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แต่ละเลเยอร์สามารถปรับให้มองเห็นหรือล่องหนหายไปจากรูปได้ หรือจะ rasterize เพื่อลบบางส่วนของเลเยอร์นั้นไปก็ได้ เวลาคุณ rasterize รูป ก็คือการเปลี่ยนรูปเป็นกราฟฟิกที่ตัดต่อได้นั่นเอง ^{[2]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
พอโปรแกรมเปิดขึ้นมาแล้ว ให้เลือก File จากในเมนู แล้วคลิก Open ในตัวเลือกที่ขยายลงมา จากนั้นหาแล้วเปิดรูปที่จะตัดต่อจากในหน้าต่าง Open
กด Command + J (Mac) หรือ Ctrl + J (Win) เพื่อสร้างไฟล์ copy ของรูปนั้นขึ้นมา. จะได้คงไฟล์ต้นฉบับไว้ เปลี่ยนเฉพาะรูปที่เป็นสำเนา ถ้าคุณดูที่กรอบ Layers จะเห็นว่าตอนนี้ในรูปเดียวกันมี 2 เลเยอร์แล้ว รูปต้นฉบับจะปลอดภัยหายห่วงอยู่ในเลเยอร์ Background ส่วนรูปใหม่ที่คุณจะตัดต่อ จะเป็นสำเนาที่อยู่ใน Layer 1 ที่ทับไว้อีกที ^{[3]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
4
ตั้งชื่อรูป copy. บิดชื่อจากต้นฉบับนิดหน่อยก็พอ แค่ไม่ให้สับสนกับรูปจริง จะได้รู้ว่ากำลังตัดต่อรูปไหน หรือจะใช้ชื่อเดิม แต่เติมท้ายว่า “WITH TEXT REMOVED” คือรูปนี้ไม่มีข้อความ ก็ได้
- คุณเปลี่ยนชื่อได้โดยคลิกขวาที่ Layer 1 เลย จะมีตัวเลือก Rename ขึ้นมา พอเปลี่ยนชื่อแล้วให้กด Return (Mac) หรือ Enter (Win) เพื่อเซฟชื่อใหม่
5
เลือก tab Layers จากในแถบเครื่องมือทางขวาในหน้าต่างนั้น. ใน toolbox ให้คลิกขวาที่เลเยอร์นั้น แล้วเลือก Rasterize layer จากตัวเลือกที่มี ต่อมาเลือก Lasso tool จากตัวเลือก toolbar และสุดท้ายให้เลือกส่วนของรูปที่จะลบ เสร็จแล้วกด Delete ได้เลย จากนั้นในเมนูให้เลือก File และ Save เพื่อเซฟการเปลี่ยนแปลง ^{[4]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ในบรรดาเครื่องมือทั้งหลายของ Photoshop "Lasso Tool" น่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ง่ายเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว พอเลือกแล้วเคอร์เซอร์ของคุณจะกลายเป็นไอคอนรูปบ่วงบาศก์เล็กๆ เอาไว้คลิกรอบข้อความที่จะลบ กดค้างไว้ระหว่างลากตีกรอบข้อความ พอเสร็จแล้วก็กด delete เท่านี้ข้อความก็จะหายไป ^{[5]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- ถ้าอยากเข้าใจเรื่องเลเยอร์ให้ถ่องแท้กว่านี้ ให้มองว่าแต่ละเลเยอร์เหมือนแต่ละรูปที่เอามาวางซ้อนกัน ประมาณว่าคุณมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ระบายสีแดงไว้ จากนั้นก็เอาแผ่นใสมาวางทับแล้ววาดวงกลมสีเหลืองลงไป ทีนี้หยิบแผ่นใสมาอีกแผ่นแล้วเขียนข้อความลงไปด้วยสีน้ำเงิน วางทับลงบนแผ่นใสที่มีวงกลมสีเหลืองเมื่อครู่ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าคุณมี background ล่างสุดเป็นกระดาษสีแดง กับอีก 2 เลเยอร์ที่ที่มีสีเหลืองกับสีน้ำเงิน กระดาษและแผ่นใสแต่ละแผ่นก็คือเลเยอร์แต่ละชั้นนี่เอง เพราะฉะนั้นเลเยอร์ใน Photoshop ก็หมายความว่าแบบนี้ คือเอาแต่ละส่วนที่แยกจากกันมารวมกันเป็นรูปเดียว
โฆษณา

วิธีการ 2

วิธีการ 2 ของ 3:

ลบข้อความด้วยฟังก์ชั่น Content-Aware Fill

ดาวน์โหลดบทความ

กด Command + J (Mac) หรือ Ctrl + J (Win) เพื่อสร้างไฟล์ copy ของรูปนั้นขึ้นมา จะได้คงไฟล์ต้นฉบับไว้ เปลี่ยนเฉพาะรูปที่เป็นสำเนา ถ้าคุณดูที่กรอบ Layers จะเห็นว่าตอนนี้ในรูปเดียวกันมี 2 เลเยอร์แล้ว รูปต้นฉบับจะปลอดภัยหายห่วงอยู่ในเลเยอร์ Background ส่วนรูปใหม่ที่คุณจะตัดต่อ จะเป็นสำเนาที่อยู่ใน Layer 1 ที่ทับไว้อีกที ^{[6]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ตั้งชื่อรูป copy. บิดชื่อจากต้นฉบับนิดหน่อยก็พอ แค่ไม่ให้สับสนกับรูปจริง จะได้รู้ว่ากำลังตัดต่อรูปไหน หรือจะใช้ชื่อเดิม แต่เติมท้ายว่า “WITH TEXT REMOVED” คือรูปนี้ไม่มีข้อความ ก็ได้
- คุณเปลี่ยนชื่อได้โดยคลิกขวาที่ Layer 1 เลย จะมีตัวเลือก Rename ขึ้นมา พอเปลี่ยนชื่อแล้วให้กด Return (Mac) หรือ Enter (Win) เพื่อเซฟชื่อใหม่
เลือก Lasso tool จากในแถบเครื่องมือทางซ้ายของหน้าจอ. คลิกใกล้ขอบข้อความ แล้วลากเคอร์เซอร์จนได้เป็นกรอบคร่าวๆ รอบข้อความ อย่าลืมเว้นช่องไฟไว้นิดหน่อย วิธีนี้คุณจะใช้ Photoshop เกลี่ยพื้นหลังให้กลมกลืนได้ดีกว่าหลังเอาข้อความออกไปแล้ว ^{[7]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
หรือแค่กด Shift + F5 ก็ได้ กล่องชื่อ Fill จะโผล่ขึ้นมาในหน้าจอ ให้เลือก Content-Aware จากในเมนูที่ขยายลงมาข้าง Use แล้วคลิก OK รอจน Photoshop "fill" หรือเติมช่องว่างของข้อความที่หายไปเสร็จ
กด CTRL-D เพื่อเลิกเลือกรูปหลังใช้ฟังก์ชั่น fill เสร็จ. แบบนี้จะเห็นรูปชัดกว่า ให้คุณเซฟรูปที่เพิ่งแก้ไขได้เลย อีกหน่อยพอหัดใช้จนคล่อง ก็สามารถลบข้อความด้วยฟังก์ชั่นนี้เร็วทันใจในไม่กี่นาที
โฆษณา

วิธีการ 3

วิธีการ 3 ของ 3:

ลบข้อความด้วย Clone Stamp

ดาวน์โหลดบทความ

กด Command + J (Mac) หรือ Ctrl + J (Win) เพื่อสร้างไฟล์ copy ของรูปนั้นขึ้นมา จะได้คงไฟล์ต้นฉบับไว้ เปลี่ยนเฉพาะรูปที่เป็นสำเนา ถ้าคุณดูที่กรอบ Layers จะเห็นว่าตอนนี้ในรูปเดียวกันมี 2 เลเยอร์แล้ว รูปต้นฉบับจะปลอดภัยหายห่วงอยู่ในเลเยอร์ Background ส่วนรูปใหม่ที่คุณจะตัดต่อ จะเป็นสำเนาที่อยู่ใน Layer 1 ที่ทับไว้อีกที ^{[8]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
2
ตั้งชื่อรูป copy. บิดชื่อจากต้นฉบับนิดหน่อยก็พอ แค่ไม่ให้สับสนกับรูปจริง จะได้รู้ว่ากำลังตัดต่อรูปไหน หรือจะใช้ชื่อเดิม แต่เติมท้ายว่า “WITH TEXT REMOVED” คือรูปนี้ไม่มีข้อความ ก็ได้
- คุณเปลี่ยนชื่อได้โดยคลิกขวาที่ Layer 1 เลย จะมีตัวเลือก Rename ขึ้นมา พอเปลี่ยนชื่อแล้วให้กด Return (Mac) หรือ Enter (Win) เพื่อเซฟชื่อใหม่
หรือกด CTRL-S เลือกแปรงแบบ soft-tipped ที่มี flow rate อยู่ที่ 10 - 30% (งานส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้) และเริ่มต้น opacity ที่ 95% แต่ทั้งนี้คุณปรับได้ตามใจชอบเลย ^{[9]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
เลือกเลเยอร์ต้นฉบับจากในกรอบ Layers ลากเลเยอร์ต้นฉบับไปที่ปุ่ม Create a New Layer ที่เป็นสัญลักษณ์ทางซ้ายของถังขยะ หรือกด CTRL + J เพื่อสร้างเลเยอร์ใหม่
เลื่อนเคอร์เซอร์ไปตรงจุดที่ใกล้กับข้อความมากที่สุด. กด Alt ค้างไว้แล้วคลิกซ้ายบริเวณที่เลือก จุดนี้คือ source หรือต้นฉบับของคุณ วิธีนี้จะลอก "สี" ของจุดนี้มาใช้ระบายทับบนข้อความนั่นเอง ^{[10]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
ระวังอย่าจิ้มใกล้ข้อความมากเกินไป เพราะ source จะขยับตอนระบายสีทับข้อความ. ถ้าไปจิ้มใกล้เกิน จะกลายเป็นการ copy จุดที่ตั้งใจจะลบแทน แต่ถ้า source นั้นไกลจากข้อความเกินไป สีพื้นหลังที่ได้ก็จะไม่กลมกลืนเนียนไปกับจุดที่มีข้อความ พอระบายทับไปจะเห็นเด่นขึ้นมา
เป็นการลอก pixel ไปเรื่อยๆ โดยไม่ลืมจุดแรกที่ copy ทุกครั้งที่คุณหยุดระบาย ให้เอาติ๊กออกจากช่อง Aligned ก่อนแล้วค่อยเริ่มใหม่ พอเลือก sampling point ใหม่ที่จะ copy ก็ให้ทำแบบนี้ทุกครั้ง
ปล่อยคีย์ Alt แล้วเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ข้อความที่จะปกปิด. คลิกซ้ายเพื่อระบายสีจาก source ทับข้อความ ให้สังเกตแสงเงาของรูปพื้นหลังด้วย ให้จุดที่คุณ clone มานั้นแสงเงาไปในทางเดียวกับรูป ^{[11]Xแหล่งข้อมูลอ้างอิง}
อย่าลากเคอร์เซอร์ระบายทีเดียวเยอะๆ ทั้งข้อความ ถ้าระบายทีละจุดเล็กๆ จะดูเนี้ยบดูโปรกว่า ทำซ้ำจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
โฆษณา

เคล็ดลับ

ในไฟล์ที่มีหลายเลเยอร์ อย่างไฟล์ PSD หรือ PDF ข้อความอาจจะอยู่ในเลเยอร์พิเศษเหนือรูปพื้นหลัง ให้คลิกขวา Text Layers ในกรอบ Layers ทางขวาของหน้าต่าง แล้วเลือก Delete Layer จากนั้นคลิก Yes เพื่อยืนยัน
เผื่อเวลาตัดต่อเยอะๆ หน่อย โดยเฉพาะคนที่เป็นมือใหม่หัดแต่ง หรือคิดจะใช้ Clone tool ถ้าข้อความมีขนาดใหญ่แล้วอยากแต่งพื้นหลังให้ดูเนี้ยบสมจริง ก็ยิ่งต้องใช้เวลา

โฆษณา

คำเตือน

ให้คุณเซฟรูปใหม่ที่แต่งแล้วแยกจากรูปต้นฉบับเสมอ โดยเปลี่ยนชื่อไฟล์หลังตัดต่อ แบบนี้ถ้าเกิดไม่ชอบที่แต่งรูปไปจะได้กลับมาเริ่มต้นใหม่ที่รูปต้นฉบับได้ตลอดเวลา

โฆษณา